Advertisement

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87.jpg" alt="" border="0" />
อีแร้[/b]
อีแร้งเป็นนกที่จัดอยู่ในสกุล Gyps มีชื่อสามัญว่า vulture ที่พบได้ในประเทศไทยมี ๓ จำพวก ทุกชนิดจัดอยู่ในตระกูล Accipitridae อีแร้งไทยอีก ๓ ชนิดนั้น ปัจจุบันนี้หายากแล้วก็มีจำนวนน้อย ลางชนิดอาจสูญพันธ์ไปแล้ว
๑. อีแร้งเทาข้างหลังขาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyps bengalensis (Gmelin) มีชื่อสามัญว่า white – rumped vulture เป็นนกทุ่งนาดใหญ่ ความยาวของสัตว์วัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๙0 ซม. ลำตัวสีดำแกมน้ำตาล หัวและก็ลำคอไม่มีขนปกคลุม เป็นเพียงแผ่นหนังสีคล้ำ ตอนล่างของคอมีขนเป็นวงรอบข้างหลัง สีขาว ตอนล่างและก็โคนหางสีขาวเด่นชัด ภายในต้นขามีทาสีขาว เห็นได้ชัดขณะเกาะยืน เมื่ออายุน้อยลำตัวมีสีน้ำตาลออกแดงหรือน้ำตาลเข้ม ไม่มีแถบขาวเลย กินซากสัตว์เป็นของกิน ทำรังบนยอดไม้สูง ในพฤศจิกายนแล้วก็เดือนธันวาคมจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ออกไข่ทีละ ๑ ฟอง ทั้ง ๒ เพศช่วยเหลือกันสร้างรังรวมทั้งกกไข่ ชนิดนี้มีเขตการกระจายประเภทกว้าง ตั้งแต่อินเดีย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยเคยพบมากบริเวณที่ราบ แต่ว่าเดี๋ยวนี้หาดูได้ยากมากมาย เข้าใจว่าแทบจะสิ้นพันธุ์ไปแล้ว

๒.อีแร้งปากเรียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyps indicus (Scopoli) มีชื่อสามัญว่า long – billed vulture อีแร้งสีน้ำตาลประเทศอินเดีย ก็เรียก เป็นอีแร้งขนาดใหญ่ ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางยาวราว ๙0 ซม. ตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลแก่ขนทุกเส้นมีขอบสีจางกว่าสีพื้น หัวรวมทั้งลำคอมีขนอุยสีน้ำตาลออกขาวปกคลุม ท้องสีน้ำตาลอ่อน มีจะงอยปากที่เรียวกว่าแร้งประเภทอื่นๆตัวที่อายังน้อยมีสีเข้มกว่าตัวโตเต็มวัย และพบได้บ่อยที่ขนอุยคงเหลืออยู่บนขนหัว เหมือนเคยอยู่เป็นฝูงเล็กๆ ร่วมกับอีแร้งจำพวกอื่นๆและก็ร่วมลงรับประทานซากสัตว์ด้วยกัน พบได้บ่อยจิกและก็แย่งซากสัตว์กันตลอดระยะเวลา วิธีการทำรังแล้วก็วางไข่คล้ายกับอีแร้งประเภทอื่นๆสร้างรังตอนเดือนพฤศจิกาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ชอบอยู่ตามที่โล่ง ปริมณฑล หาเลี้ยงชีพตามลำห้วยใหญ่ๆ ในป่าเต็งรังรวมทั้งขว้างเบญจพรรณ มีเขตผู้กระทำระจายชนิดจากประเทศอินเดียถึงภูมิภาคอินโดจีน ในประเทศไทยเคยพบบ่อย แต่ว่าปัจจุบันมั่นใจว่าสิ้นซากไปจากบ้านพวกเราแล้ว
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/b]
๓.อีแร้งเทาหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyps himalaiensis Hume มีชื่อสามัญว่า Himalayan griffon vulture อีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย ก็เรียก เป็นอีแร้งขนาดใหญ่มาก ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๑๒๒ ซม. มีลักษณะคล้ายอีแร้งปากเรียว แต่ตัวใหญ่กว่ามากมาย ตัวผู้รวมทั้งตัวเมียมีสีเช่นกัน ลำตัวด้านบนมีสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมขาว ด้านล่างสีเนื้อปนสีน้ำตาลอ่อน มีลายขีดขนาดใหญ่สีขาว ขนรอบคอยาว สีน้ำตาล มีลายขีดสีขาว พบได้มากอยู่กระโดดๆหรืออยู่เป็นคู่ หรือ ๒-๓ ตัว ตามทุ่งโล่งหรือป่าบนเทือกเขา มักร่อนเป็นวงกลมตามช่องเขาหรอภูเขาเพื่อหาอาหาร เป็นนกที่หลงเข้ามา หรืออพยพมาในประเทศไทยช่วงนอกฤดูสืบพันธุ์ หายากแล้วก็จำนวนน้อย เคยมีรายงานว่าเจอในจ.กรุงเทพฯ รวมทั้งที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคิรีหมวด