Advertisement
wartscaring เสนอแนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีป้องกันวิธีรักษา ยารักษาหายได้ ใช้ยาสม่ำเสมอ
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูด
โรคหูดหงอนไกยารักษาหูดหงอนไก่ โรคนี้ส่วนใหญ่มาจากเพศสัมพันธ์
หูดหงอนไก่แบ่งประเภทเป็นระยะ 4 ระยะดังนี้ 1.ระยะฟักเชื้อ(HPV) เวลานี้จะเป็นตอนที่ได้รับเชื้อมาใหม่ๆแต่ยังไม่ออกอาการเป็นติ่งให้มองเห็น จะไม่อาจจะทราบได้ว่าจะเป็นหูดหงอนไก่รึเปล่า หูดหงอนไก่สามารถฟักเชื้อได้นานถึง 6 เดือน ก็เลยชี้แนะถ้าคนใดกันแน่สงสัยว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงควรไปตรวจที่ รพ.
2.ระยะเริ่มต้นเริ่ม จะเริ่มมีตุ่มเล็กๆผุดขึ้นมารอบๆอวัยวะเพศทั้งยัง โคน ปลาย รวมทั้งรอบรูทวาร เม็ดหูดระยะต้นจะเล็กมากมายคล้ายผื่นแต่ว่าจะไม่มีหนอง หรือคัน หรือแสบใดๆ ช่วงสัปดาห์แรกแม้คนใดสังเกตุว่าเป็น จะสามารถรักษาด้วยครีมกระตุ้นภูมิต้านทานต้านเชื้อชื่อ aldara cream (จะลงข้อมูลตัวยาข้างล่างครับ)
3.ระยะขยายตัว ช่วงนี้จะอยู่ที่ 3 อาทิตย์ ขึ้นไปจนกระทั่งขั้นเป็นมาแล้วหลายเดือน เม็ดหูดจะเริ่มขึ้นเป็นติ่งแจ้งชัดกระทั่งขนาดเท่าหรือใหญ่กว่าอันธพาลขีดไฟ หรือหัวเข็มหมุด การดูแลและรักษาจำเป็นต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ผลัดผิวหูดให้เปื่อยและค่อยๆหลุดออก แล้วก็เมื่อหูดเริ่มลอกก็ควรจะป้ายยาฆ่าเชื้อควบคู่ไปด้วยเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ บางทีอาจจะไม่ 100% แต่ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการกลับมาเป็นซ้ำได้มากขอรับ (ยารักษาก็จะเป็น wart control )
4.ระยะขยาย เวลานี้เป็นหูดจะขยายตัวเต็มที่ด้วยเหตุว่าปล่อยไว้เป็นเวลานานมากและปลายหูดจะแตกเป็นราวกับดอกกระหล่ำ แลละกินบริเวณรอบทั้งยังของลับ ในผู้ชายอาจจะมีความเสี่ยงสำหรับเพื่อการที่หูดไปขัดปลายท่อปัสสาวะครับผม การรักษาจะเป็นการจี๋กระแสไฟฟ้า หรือผ่าตัดเล็กนั่นเองขอรับ
เบื่องต้นเลยถ้าหากคนใดกันต้องการรักษาโดยการจี้ไฟฟ้า จักจี้ไนโตรเจนเหลว หรือการผ่าตัดในกรณีที่เป็นมากแล้วขยายไปทั่วแต่ว่าไม่รู้จักเกี่ยวกับสถานที่การดูแลรักษา การเข้าไปติดต่อที่ รพ.ต่างๆรวมทั้งการเบิกค่ารักษาจากสวัสดิการต่างๆที่ท่านมีอยู่ ลองโทรมาปรึกษาผมได้ครับ ยินดีให้คำปรึกษา รพ.ใกล้บ้านท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กทม เพื่อการเข้ารับการดูแลรักษาที่สบายที่สุดขอรับ
ถุงยาง ช่วยได้แน่ หากใช้ถูกทางอย่างไรก็ดี ถุงยางยังช่วยปกป้องโรคติดต่อทางเพศชมรมโดยมากได้อย่างดีเยี่ยม เพียงจำเป็นต้องใช้ให้ถูกแนวทาง
ควรที่จะเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะกับขนาดของอวัยวะสืบพันธุ์ของคุณสุภาพบุรุษ ถ้าเกิดไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้แค่ไหน ให้ลองซื้อมาให้หลายๆขนาด แล้วพินิจความแน่นสำหรับในการสวม
ไม่สมควรสวมถุงยางเกิน 2 ชิ้นต่อการใช้ 1 ครั้ง เนื่องจากอาจก่อให้ถุงยางเสียดสีกันจนขาดได้ง่าย
ควรใช้ถุงยางอนามัย 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ให้เสร็จให้ทิ้งเลย ห้ามเก็บมาใช้ต่อ
สามารถใช้สารหล่อลื่นทาฉาบภายนอกถุงยาง เพื่อให้การใส่เป็นได้โดยง่ายเพิ่มมากขึ้น แม้กระนั้นควรที่จะทำการเลือกใช้ประเภทเจล ไม่สมควรเลือกใช้แบบเป็นน้ำมัน เพราะบางทีอาจททำให้ถุงยางพัง หรือฉีกจนขาดได้
ควรรูดอากาศออกมาจากกระเปาะของถุงยางให้หมดก่อนสวม เพราะอากาศภายในถุงยางอาจทำให้ถุงยางอนามัยแตก หรือขาดได้ง่ายเพิ่มขึ้น
หลังทำกิจกรรมเสร็จเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝ่ายชายควรถอนอวัยวะสืบพันธุ์ออกมาก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว คุ้มครองถุงยางหลุดเข้าไปในช่องคลอดของข้างหญิง
กามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมจำพวก ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาการทางผิวหนังอะไรบ้างที่เข้าข่ายถูกสงสัย ว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ หาคำตอบถึงที่กะไว้นี่ค่ะ
1.หูดหงอนไก่
ติ่งเนื้องอกของผิวหนัง ที่เกิดจาก Human PApilloma Virus ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมประเภท
ไม่เพียงแต่กำเนิดถึงที่เหมาะอวัยวะเพศ ยังกำเนิดถึงที่กะไว้บริเวณลิ้น ในคอ
2. หนองใน
โรคหนองในเกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โกโนเรีย
อาการในเพศชายคือมีหนองออกมาจากปลายอวัยวะสืบพันธุ์
ส่วนในสตรีจะมีตกขาวขุ่น ปากมดลูกอักเสบ
3. เริมที่ของลับ
อาการจะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำ แตกออกเป็นแผลแสบ
4. แผลที่อวัยวะสืบพันธุ์จาก โรคซิฟิลิส
แผลที่อวัยวะเพศจะเกิดขึ้นในสามสัปดาห์ข้างหลังติดเชื้อโรค
5. ผมหล่นจากซิฟิลิส
เกิดจากโรคซิฟิลิสระยะที่สองคือภายในสองเดือนแรกหลังติดโรค
ลักษณะผมร่วงเป็นหย่อมเสมือนมอดเล็ม
6. ผื่นที่มือจากโรคซิฟิลิส
พบในโรคซิฟิลิส ระยะที่สองเช่นกัน
โดยจะเป็นผื่นสีทองแดงมีสะเก็ด ที่มือเท้า
7.หูดข้าวสุก
เป็นตุ่มขาวขุ่นมีรอยยุบกึ่งกลางคล้ายสะดือ
8.แผลริมอ่อน
หลังมีการเสี่ยง ไม่เกินสองสัปดาห์
จะเกิดตุ่ม แตกเป็นแผลก้นแผลเปรอะเปื้อน
9.โรคฝีมะม่วง
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสมาคม
เกิดเป็นฝีที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
10 หูดที่ลิ้น
โรคติดต่อทางเพศชมรมสามารถเกิดอาการที่ช่องปากได้ในกรณีติดต่อจากกระบวนการทำ oral sex
โรคอะไรบ้างสามารถติดต่อได้ทางเพศ
-โรคเอดส์ ทำให้ภูมิต้านทานผิดพลาดติดเชื้อชุบมือเปิบ
-โรคหนองใน ผลกระทบเช่นติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ติดโรคกระจายทั่วร่างกายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อห่อหัวใจอักเสบได้
-โรคหนองในเทียม เกิดการติดเชื้อที่อุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามมาได้
-โรคซิฟิลิส เกิดแผลที่อวัยวะสืบพันธุ์ แม้ไม่ได้รับการรักษาระยะสุดท้ายนำมาซึ่งโรคที่หัวดวงใจ ระบบประสาทได้
-กามโรค กำเนิดเป็นแผล ก้อนหนอง รอยแผล ท่อปัสสาวะแคบได้ เพื่อมองรูป
-ฝีมะม่วง เกิดเป็นแผลติดโรค ลุกลามมีหนองหนองอาจแตกออกเป็นท่อ ระบายหนองออกสู่ด้านนอก
-เริม เป็นแผลที่ของลับเป็นๆหายๆไม่มีการรักษาที่หายขาด
-พยาธิช่องคลอด มีตกขาวไม่ดีเหมือนปกติ ท่อฉี่อักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ
-ติดเชื้อโรคแบคทีเรียในช่องคลอด ตกขาวมีสีและก็กลิ่นเปลี่ยนไปจากปกติ
-โลน เป็นตุ่มคันจากตัวโลนบริเวณของลับ
-หูดหงอนไก่ กำเนิดเป็นก้อนหูดซึ่งข้างหลังการดูแลและรักษายังสามารถกลับเป็นได้หลายครั้ง เพิ่มช่องทางการเกิดโรคมะเร็งทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก
-หูดข้าวสวย เกิดเม็ดก้อนหูดข้าวสุกรอบๆผิวหนังที่ติดโรค สามารถแพร่กระจายในตัวเองได้โดยการเกา
วิธีเบื้องต้น สำหรับ
การรักษาหูดด้วยตัวเอง สามารถทำได้เองที่บ้าน (เป็นวิธีการที่ยังไม่ได้รับการรับรอง)
- การกระตุ้นแอนติบอดี ด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งเช็ดบริเวณที่เป็นหูดกระทั่งรู้สึกชา ต่อจากนั้นให้ใช้เข็มฆ่าเชื้อจิ้มลงไปในหูดลึกๆหลายๆครั้ง ซึ่งแนวทางลักษณะนี้จะเป็นการนำเชื้อไวรัสไปสู่กระแสโลหิตเพื่อให้ร่างกายพากเพียรต่อสู้กับมัน ทำให้หูดหายไปได้ท้ายที่สุด วิธีนี้การนี้บางทีอาจได้ประสิทธิภาพที่ดีมากมายสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่มีหูดเยอะมากๆ เพราะว่าการจิ้มหูดเพียง 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยทำให้ร่างกายเจอหูดตุ่มอื่นๆและตรงเข้าไปทำลายได้ในทันที
- ทาวิตามินซี ให้ใช้วิตามินซี 1 เม็ดนำมาบดแล้วหยดน้ำลงไปเพื่อให้ได้เป็นยาป้ายข้นๆแล้วให้ทายาลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ภายในช่วงเวลากลางวัน และเมื่อถึงในค่ำคืนให้แกะออกเพื่อให้ผิวได้หายใจ
- แอสไพริน ให้ใช้ยาแอสไพริน 2-3 เม็ดนำมาบดให้ละเอียด หยดน้ำลงไปน้อย แล้วนำยาที่ได้มาป้ายลงบนหูด แล้วต่อจากนั้นให้นำปลาสเตอร์ชนิดติดแน่นมาปิดทับทิ้งเอาไว้ 1 คืน (ในยาแอสไพรินจะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกัดหูดได้)
- เบตาดีน ให้ทาเบตาดีนลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้เป็นเวลา 1-2 วัน ต่อจากนั้นจึงค่อยแปลงปลาสเตอร์ยา
- ยาสีฟัน ให้ป้ายยาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่น ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 คืน โดยให้ทำซ้ำไปเรื่อยตราบจนกระทั่งหูดหายไป
- น้ำมันวิตามินอี ให้ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วถูน้ำมันลงบนหูดเพียงเล็กน้อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ในช่วงเช้า และแกะออกในค่ำคืนเพื่อให้ผิวได้หายใจ
- น้ำมันละหุ่ง ให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้านวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกรดในน้ำมันละหุ่งจะสามารถกัดกร่อนหูดได้ และก็ใช้ได้ผลในทางที่ดีกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนใบหน้าหรือหลังมือ
คราวทรีออยล์ ให้ทาครั้งทรีออยล์ลงบนหูดในจำนวนเล็กน้อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ โดยให้ทำขั้นต่ำเป็นเวลา 3 สัปดาห์ - น้ำมะนาว ให้บีบน้ำมะนาวลงบนหูด แล้วนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ให้ทำเช่นนี้ประมาณ 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
- เปลือกของพืชตระกูลส้ม ให้ปอกเปลือกมะนาวหรือเลมอนบางๆจนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดเล็กน้อย แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้ปลาสเตอร์ประเภทติดแน่นหรือเทปกาวแปะไว้อีกครั้ง แล้วให้เปลี่ยนแปลงเปลือกใหม่ทุกๆวัน หลังจากนั้นโดยประมาณ 1 อาทิตย์ หูดก็จะหลุดออกมา
แคร์รอต ให้นำแคร์รอตมาหั่นเป็นชิ้นๆขูดสนใจรอตจนได้เนื้อละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย แล้วต่อจากนั้นนำมาทาลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน ตรงเวลา 30 นาที โดยให้ทำแบบนี้ติดต่อกันตรงเวลา 2-3 สัปดาห์ - มะเดื่อ ให้นำมะเดื่อมาบดแล้วป้ายลงบนหูดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที โดยให้ทำเช่นนี้ทุกๆวัน เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
- ใบโหระพา ให้ใช้ใบโหระพาสดนำมาบดแล้วปิดทับลงบนหูด โดยใช้เทปปิดแผลจำพวกกันน้ำพันเอาไว้ ให้ทำแบบนี้วันแล้ววันเล่าเป็นเวลา 1 อาทิตย์ แล้วสารฆ่าเชื้อโรคไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดให้คุณเอง
- เปลือกกล้วย ให้ใช้ด้านในของเปลือกกล้วยถูบริเวณที่เป็นหูดเป็นประจำ เพราะโพแทสเซียมในกล้วยบางทีอาจช่วยให้หูดหายได้เร็วเพิ่มขึ้น หรืออีกแนวทางหนึ่งอาจนำเปลือกกล้วยมาตัดให้มีขนาดเล็กกว่าเทป เอาข้างในของเปลือกกล้วยปิดทับลงบนหูด แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำเทปผ้ามาปิด ปล่อยทิ้งเอาไว้ตรงเวลา 24 ชั่วโมง โดยให้ทำแบบนี้ทุกๆวันจนกระทั่งหูดจะหายไป
- เบกกิ้งโซดา ให้ผสมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาแล้วก็น้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันกระทั่งเป็นเนื้อครีม จากนั้นให้นำมาทาลงบนหูดในกลางคืนโดยใช้ปลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ แล้วจึงแกะปลาสเตอร์ออกในยามเช้าวันต่อไป วิธีนี้สามารถทำอีกครั้งได้เรื่อยๆตามความเหมาะสม
- แอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ (Apple Cider Vinegar – ACV) ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล แล้วนำสำลีก้อนขนาดพอให้ปิดหูดได้จุ่มน้ำส้มสายชู จากนั้นให้ปิดด้วยปลาสเตอร์ยาทิ้งไว้ 1 คืน โปรดจำไว้ว่า วิธีแบบนี้อาจก่อให้รู้สึกแสบได้ จำเป็นต้องแปลงสำลีแต่ละวัน รวมทั้งติดไว้ทุกคืน จากนั้นหนึ่งสัปดาห์เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก
- จุ่มหูดลงไปในน้ำสับปะรด เพราะว่าในน้ำสับปะรดจะมีเอนไซม์ที่ช่วยละลายหูดได้
- น้ำหล่อเลี้ยงจากต้นแดนดิไลออน (Dandelion) ให้เลือกต้นดินแดนดิไลออนสดๆมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็น 2 ท่อนแล้วใช้น้ำหล่อเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านทาลงบนหูด โดยให้ทำแบบนี้วันละ 3-4 ครั้ง หลังจากนั้นให้ใช้หินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก โดยให้ทำโดยตลอดจนกระทั่งหูดหายไป
- น้ำร้อน เป็นวิธีพื้นฐานโดยการจุ่มรอบๆที่เป็นหูดลงในน้ำที่ร้อนจัดๆซึ่งความร้อนจะมีผลให้หูดนุ่มขึ้นและบางทีอาจช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่ว่าพึงระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินจนถึงลวกเท้า (ชี้แนะว่าอุณหภูมิของน้ำควรจะต่ำลงยิ่งกว่า 60 องศาเซลเซียส)
- น้ำร้อนแล้วก็หินภูเขาไฟ ให้แช่หูดลงในน้ำร้อนจนถึงหูดเริ่มนิ่ม แล้วก็ใช้หินภูเขาไฟหยาบสำหรับผลัดเซลล์ผิวขัดรอบๆหูดจนกว่าพบชั้นผิวจริง จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกแล้วนำมาสัมผัสบนหัวหูดราว 15 นาที (บางทีอาจแสบบ้างน้อย) เสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- น้ำร้อนแล้วก็เกลือทะเล ให้แช่บริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำเกลืออุ่นๆตรงเวลา 10-15 นาที เพื่อหูดนุ่มขึ้น แล้วหลังจากนั้นให้ขูดเอาชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกไปโดยใช้ตะไบเล็บหรือหินภูเขาไฟ ก็เลยนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาเช็ด แปะปลาสเตอร์ยาหรือเทปทับลงไปเพื่อให้เม็ดเกลือยังอยู่กับที่ และคอยเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยาใหม่ภายหลังอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อหูด
- ทานอาหารที่ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทาน ได้แก่ กระเทียม มันเทศ เม็ดทานตะวัน ขนมปังโฮลเกรน ข้าว ฯลฯ
- รับประทานกระเทียมชนิดแคปซูล โดยให้กินวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันยาวนานหลายสัปดาห์ แล้วหูดจะเริ่มหลุดออกในตอน 1-2 อาทิตย์แรก แต่ให้ทานถัดไปอย่างต่อเนื่องจวบจนกระทั่งหูดจะหายหมด และก็ให้นำน้ำมันกระเทียมมาทาทับรอบๆที่เป็นหูดโดยประมาณ 1-2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน
ส่วนผู้ที่ต้องการจะสั่งยาไปใช้เบื้องต้นผมจะเสนอแนะและชี้แจงรายละเอียดตัวยาที่เหมาะสมครับ เพราะว่าลักษณะของหูดแต่ละคนเป็นแตกต่างกัน บางคนเป็นแบบแบนราบ แบบเส้นแหลมๆยื่นออกมา รวมทั้งเป็นแบบติ่งเนื้อชัดแจ้ง และก็ยังมีกรณีสตรี เพศชาย ข้างนอกรวมทั้งด้านใน ตรงนี้เองที่เป็นปัจจัยต่างๆที่จำต้องเลือกใช้ยาให้ถูกแหละสมควรเพื่อการดูแลรักษาที่มีคุณภาพสูงสุดรวมทั้งได้ผลนะครับ มาเริ่มกันตัวนะครับ
1. ยา aldara ยาจำพวกนี้เป็นยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นให้ผิวหนังรอบๆที่ซับยาสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานเชื้อหูดเหมาะกับผู้ที่เป็นระยะแรกๆและก็สังเกตุมองเห็นไว หูดยังเป็นเพียงแต่เม็ดคล้ายๆผื่นระยะเวลาโดยประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถใช้ยา aldara เพียงตัวเดียวแต้มวันเว้นวันได้เลยขอรับ ยังเพียงพอทำให้หูดแห้งลงได้เหตุเพราะมีขนาดเล็ก โดยทั่วไปจะใช้ประมาณ3-4 ซองขอรับ ทาต่อเนื่องวันเว้นวัน
(ยาตัวนี้หาใครกันแน่เป็นอยู่เวลานี้แล้วก็หาซื้อไม่ได้สามารถติดต่อสั่งมาได้นะครับ ยินดีจัดส่งให้โดยไม่คิดค่าจัดส่งครับผม คิดเฉพาะค่ายา ซองละ 220 บาทเท่านั้นครับ )
2 ยา Podo ยาตัวนี้เป็นยามาตรฐานที่ใช้รักษาหูดหงอนไก่กันแพร่หลาย ทั้งยังคลีนิค และ โรงพยาบาลต่างๆเหมาะกับหูดที่เริ่มจะขยายตัวเป็นติ่งกระจ่าง ระยะมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป ควรที่จะใช้ podo แต้มเพื่อให้หูดเปื่อยรวมทั้งหลุดออกอย่างรวดเร็ว แล้วก็ทันเวลาก่อนที่จะแพร่กระจายเพิ่มเกินกว่าจะรักษาด้วยยาแต้มหูได้ ส่วนมากจะเปื่อยแล้วก็หลุดภายใน 3 ครั้งแล้วก็เมื่อหลุดหมดก็จะสามารถทา aldara ต่อได้เพื่อกันไม่ให้กลับมากำเนิดซ้ำ แต่หากระยะนี้จะใช้ aldara รักษาบางบุคคลจำเป็นต้องใช้กันเป็นกล่อง มากยิ่งกว่า 10 ซองกว่าหูดจะเริ่มเปื่อยยุ่ย และยา aldara ไม่ควรใช้สม่ำเสมอเป็นเวลายาวนานกว่า 16 อาทิตย์อ้างอิงตามวิธีการใช้ เนื่องจากว่ามีสารดูดซึมควรใช้แม้กระนั้นพอสมควรตามความเหมาะสม
(ธรรมดาผมจะผู้ที่เป็นระยะนี้จะมีเป็นจำนวนมากผมจะเสนอแนะให้ใช้อย่างละ 1 ตัว คู่กัน โดยใช้ podo 1 ขวด แล้วก็ aldara เพียง 1 ซองเท่านั้น ต้องการจะให้สั่งไปเท่าที่มีความจำเป็นจริงๆถ้าเกิดยาหมดค่อยติดต่อสั่งมาเพิ่มเป็นครั้งๆไปนะครับ เนื่องมาจากผมไม่มีคุณค่าจัดส่งจึงไม่มีความจำเป็นต้องสั่งไปตุนไว้ครับผม)
3. Wart no more ตอนนี้เป็น wart control ยาชนิดนี้้นับว่าเป็นยารักษาหูดหงอนไก่ที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้ ครับ
ยาตัวนี้เป็นยารักษาหูดที่ได้ผลและควบคุมผู้กระทำระจายเชื้อได้ดีมากเพราะเป็นยาศูนย์รวมจุดเด่นของ 2 ตัวแรกไว้ร่วมกัน และก็เป็นยาตัวเดียวที่มีตัวยาควบคุมเชื้อไวรัส HPV ได้ทำให้ช่องทางกลับมาเป็นซ้ำเกือบเป็บศูนย์นอกจะเมื่อหายแล้วไปติดเชื้อมาโดยตรงจากคนที่มีเชื้อขอรับเป็นยาที่ได้รับการยินยอมรับแล้วก็แพร่หลายในอเมริกา รวมทั้งกำลังจะมีแพร่หลายใน โรงพยาบาลเอกชน แม้กระนั้นโดยรวมทุกจังหวัดยังนับว่าน้อยเนื่องมาจากตัวยาที่ราคาแพงสูง ไม่อาจจะเข้าถึงผู้ที่มีงบจำกัด ( ยาผมจะสั่งไว้จำนวนนึงสำหรับพอเพียงที่จะจัดส่งได้ในแต่ละเดือนครับ ยาขวดละ 1600.- หากคนไหนกันพอใจสั่งก็ทดลองติดต่อสอบถามผมก่อนขอรับเพราะเหตุว่าผมนำเข้ามาทีละไม่มากมายช่วงสิ้นเดือนบางทีอาจจะไม่มีของปกติผมจะจัดส่งหมดตั้งแต่ช่วงเวลากลางเดือนแรกครับ แม้กระนั้นถ้าหากคนไหนมีบัตรเครดิต สามารถสั่งซื้อได้จาก amazon จะมีจัดจำหน่ายปลีกเป็นขวดๆครับผม ผมจะแนบลิงค์แบบอย่างไว้ให้ครับผม
ผลข้างเคียงของโรคหูดหงอนไก่- เว้นเสียแต่รูปแบบของรอยโรคที่ไม่น่าดูแล้ว สำหรับการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง ได้แก่ สายพันธุ์ 16, 18 ยังอาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์รวมทั้งมะเร็งทวารหนักได้ด้วย ส่วนผลกระทบอื่นๆก็ขึ้นกับตำแหน่งของรอยโรค เป็นต้นว่า อาจมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการมีหูดด้านในปากมดลูก
- ในหญิงตั้งท้อง หูดหงอนไก่อาจโตขึ้นจนกระทั่งกีดขวางคลอดจนทำให้เด็กคลอดออกมาตรากตรำ หรือเชื้ออาจเข้าไปในปากหรือคอของเด็กในขณะคลอด กระตุ้นให้เกิดหูดในกล่องเสียงซึ่งมีลักษณะอาการต่างๆนาๆ ตั้งแต่เสียงแหบไปจนถึงมีการอุดกั้นของกล่องเสียง ทำให้เด็กออกเสียงหรือหายใจมิได้
- ในกลุ่มชายรักชายจะพบหูดหงอนไก่รอบทวารหนักหรือในทวารหนักได้มากกว่าคนทั่วๆไป ซึ่งการดูแลและรักษาในตำแหน่งดังที่กล่าวมาข้างต้นจะทำเป็นยากมากมาย เพราะไม่ว่าจะใช้ยาหรือใช้วิธีการผ่าตัด หูดหงอนไก่ก็ชอบกำเนิดซ้ำได้หลายครั้ง การได้รับการดูแลรักษาหลายครั้งก็เลยอาจจะก่อให้กำเนิดทวารหนักตีบแล้วก็มีปัญหาสำหรับเพื่อการขับถ่ายตามมาได้ ส่วนก้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักบางทีอาจโตมากจนทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะท้องผูก ในบางครั้งอาจมีเลือดออกหรือบิดขั้วจนถึงจำต้องผ่าตัดเร่งด่วนหรือจำเป็นต้องดมยาสลบ นอกเหนือจากนั้นยังพบได้บ่อยการต่อว่าดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 ร่วมด้วยอยู่บ่อยๆซึ่งจะสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งทวารหนักได้
- เกิดหูดหงอนไก่ที่ทางเดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis – RRP) คือ ตั้งแต่โพรงจมูกลงไปจนกระทั่งถุงลมในปอด พบได้ทั่วไปได้มากที่สุดที่กล่องเสียง ทำให้คนป่วยมีลักษณะเสียงแหบหรือเกิดการอุดกั้นฟุตบาทหายใจกระทั่งเสียชีวิตได้ ในเด็กมักเกิดจากการตำหนิดเชื้อจากแม่ในระหว่างการคลอดจากที่กล่าวมา ส่วนในคนแก่พบได้มากว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการร่วมเพศทางช่องปาก ถึงแม้ภาวการณ์นี้จะเป็นสภาวะที่เจอได้ไม่บ่อย (เจอได้ประมาณ 1-4 ต่อประชากร 100,000 คน) แต่ว่าถ้าหากเกิดแล้วจะสร้างความเจ็บปวดต่อคนเจ็บเป็นอันมาก
- ทั้งยังเรื่องการรักษาที่เรื้อรังและก็รายจ่ายที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย เพราะเหตุว่าในผู้ใหญ่ชอบจบด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนหูดเพื่อช่วยเรื่องฟุตบาทหายใจ ซึ่งการผ่าตัดอย่างนี้จะทำเป็นยากมากมายตั้งแต่แนวทางการสูดดมยาสลบ ที่ผู้เจ็บป่วยบางทีอาจขาดอากาศหายใจได้เป็นบางช่วง นอกนั้นตามธรรมชาติแล้วรอยโรคก็ชอบกระจัดกระจายไปทั่ว จึงทำให้ไม่สามารถกำจัดออกหมดได้ข้างในครั้งเดียว รวมทั้งอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดมากกว่า 5 ครั้งในชีวิต ส่วนในเด็กมักจำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดโดยเฉลี่ย 4.4 ครั้งต่อปี รวมแล้วราวๆ 19.7 ครั้งในช่วงชีวิต ก็เลยนำไปสู่ผลกระทบตามมาคือแผลเป็น สำเร็จทำให้หลอดลมตีบและหายใจได้ลำบากในระยะยาว
ต้องการสั่งซื้อยา ปรึกษาแนะนำบอกต่อ เบอร์ 092-9899456 คุณนิธิพล#หูดหงอนไก่ #ขาย
ยารักษาหูด #หมอเสนอแนะ #หมอช่วยได้ #ส่วนตัว
Tags : ยารักษาโรคหูดหงอนไก่, ยาโพโด
