Advertisement
เคยประหลาดใจมั๊ยขาว่าเพราะอะไรชื่อรุ่นของ Apple iPhone ที่ออกมาควรจะมีที่นาวสกุลต่อท้าย อย่าง “s” หรือ “Plus” ก็เพราะว่า นี่เป็นตัวบอกการเพิ่มหรือวิวัฒนาการต่างๆของ Apple ผ่านชิ้นงานที่เพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆหรือฟีเจอร์ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดเราพินิจดีๆพวกเราจะพบว่าแต่ละปี Apple จะออกสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ใช้ชื่อสลับกันบ่อยมา นั่นคือการเปลี่ยนออกแบบของตัวเครื่องแล้วก็การอัพสเป็คนั่นเองจ้ะ ตัวอย่างเช่น
• 2007 – IPHONE
• 2008 – IPHONE 3G
• 2009 – IPHONE 3GS (อัปสเปค)
• 2010 – iPhone 4 (เปลี่ยนออกแบบ)
• 2011 – IPHONE 4s (อัปสเปค)
• 2012 – iPhone 5 (เปลี่ยนแปลงออกแบบ)
• 2013 – Apple iPhone 5s (อัปสเปค)
• 2014 – iPhone 6 / 6 Plus (เปลี่ยนแปลงดีไซน์)
• 2015 – iPhone 6s / 6s Plus (อัปสเปค)
จนถึงในตอนนี้ก็ปรับปรุงมาจนถึง iPhone X กันแล้วเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone นั่นเอง โดยเหตุนี้ก่อนจะไปถึง iPhone X เรามาดูเครื่อง iPhone 6s กันก่อนค่ะ
ขึ้นต้นกันที่ตัวเครื่องจ้ะ ถ้าเกิดพวกเรามองดูผิวเผินก็จะมีความคิดว่า iPhone 6s มีขนาดไม่ได้ไม่เหมือนกับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ด้วยเหตุว่ารอบนี้เค้ามาแบบออกแบบเหมือนเดิมทุกสิ่ง แต่ว่าเมื่อได้สัมผัสเทียบกัน จะพบว่า มีขนาดใหญ่กว่า จาก iPhone 6 และก็ iPhone 6 Plus เล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ความครึ้มที่มากขึ้น 0.2 มิลลิเมตร รวมทั้งความกว้างและก็ความสูงของหน้าจอที่มีมากยิ่งกว่าด้านละราว 0.1 มม. เรียกว่าดูด้วยสายตาแทบดูไม่ออกอย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นเมื่อสัมผัสเราจะรู้สึกได้ว่า
iPhone 6s มีน้ำหนักมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากว่าในรุ่นนี้ Apple ได้มีการเปลี่ยนแปลง วัสดุมาใช้ Aluminium แบบใหม่ ในซีรีย์ 7000 ที่มีความแข็งแรงกว่าเดิม ทำให้ iPhone 6s มีน้ำหนักมากกว่า iPhone 6 ประมาณ11% อย่างยิ่งจริงๆ แต่ว่าก็โน่นล่ะค่ะ ยิ่งหนายิ่งหนักยิ่งคงทน
สิ่งที่สร้างความฮือฮาและก็น่าระทึกใจแบบที่ว่ามองเห็นแล้วตาโตวาวเลยก็คือ สีสันที่เพิ่มเข้ามาที่ตัวเครื่องนั่นก็คือ สี Rose Gold นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าสีนี้ก็เป็นสีที่ครองตลาดในตอนนั้นเลยทีเดียว สี Rose Gold เป็นสีที่ผสมผสานระหว่างสีชมพูอ่อน กับสีทอง ด้วยเหตุนี้ สีที่ได้จึงดูสวยแบบเรียบหรูดูดี ไม่หวานเวอร์แบบชมพูดิบๆแห้งๆและไม่ทองคำสวยงามแบบทองคำอย่างเดียว เรียกว่าเป็นการประสมประสานที่ไปถึงเป้าหมายมากมายอย่างยิ่งจริงๆล่ะ นอกนั้นจ้ะ Apple ยังใส่สี Rose Gold เข้าไปที่ขอบของปุ่ม Home ด้วย มองดูเหมาะ เสมือนใส่เสื้อผ้ากับเพชรนิลจินดาเข้าชุดเข้ารอยเลยล่ะ
มาดูในส่วนของฟีเจอร์ทีมาใน iPhone 6s กันบ้างค่ะ ฟีเจอร์ที่เด่นที่สุดก็คือ ‘3D Touch’ นี่เป็นครั้งแรก ที่ iPhone สามารถรับทราบ “น้ำหนักของการกดจอ” ได้ เพื่อที่จะได้ให้พวกเราสามารถใช้น้ำหนักการกด ควบคุมฟีเจอร์ต่างๆได้มากขึ้นกว่าเดิม ได้แก่ การแตะต้องเข้าแอปต่างๆถ้าเกิดแตะต้อง ก็เป็นการเข้าแอปตามปกติเสมือนที่เรารู้จักกันอยู่ แม้กระนั้นถ้าเกิดกดลงไปด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น ก็จะเป็นการเปิดเมนู Shortcut ต่างๆขึ้นมาให้เราเลือกอย่างรวดเร็วมากเพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ
‘3D Touch’ เป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้คราวแรกใน นาฬิกา Apple Watch ในชื่อเทคโนโลยี Force Touch ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีแอปออกมามากไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อรองรับการใช้งานแบบ ‘3D Touch’ จ้ะ ดังเช่นว่า Dropbox, Instagram, Facebook, LINE รวมถึงยังมีเกมต่างๆอีกเยอะมาก ดังเช่นว่า เกมแข่งรถ AG Drive, Magic Piano, Blob Games เป็นต้นd
ต่อมากับเรื่องของ Screen Protector and Tempered Glass กันบ้างค่ะ เอาง่ายๆก็คือเรื่องฟีล์มกันรอยนั่นเองจ้ะ เนื่องจากเมื่อมีการใช้เทคโนโลยี ‘3D Touch’ การกดปุ่มโดยการลงน้ำหนัก จะส่งผลต่อเครื่องหรือเปล่า นี่เป็นสิ่งที่คนไม่ใช่น้อยสงสัยกันมากมายเลยทีเดียวล่ะ จำต้องบอกอย่างงี้ค่ะว่า การใช้ฟีล์มกันรอยตามปกติที่พวกเราใช้ โดยยิ่งไปกว่านั้นรุ่นนี้สามารถใช้ร่วมกับ iPhone 6 Plus ได้ การใช้แรงงาน ‘3D Touch’ ภายหลังจากติดฟีล์มก็ยังคงสามารถใช้งานได้ตามเดิมจ้ะ เพราะฉะนั้นประเด็นการใช้ฟีล์มคงไม่มีผลต่อการใช้แรงงาน ‘3D Touch’ แต่อย่างใด รวมทั้งการใช้ฟีล์มกระจกก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกันจ้ะ
มาดูที่กล้องถ่ายภาพกันบ้างค่ะ สำหรับ
iPhone 6s เป็นการอัพเกรด กล้องอีกทั้งกล้องหน้าและก็กล้องถ่ายภาพหลังมาที่ 12 ล้านพิกเซลเท่าๆกัน โดยเหตุนั้นเรื่องของภาพที่ชัดแจ๋วไม่ต้องกล่าวถึงจ้ะ เรียกว่าเป็นการปรับปรุงตามมาติดๆกับแอนดรอยด์ที่นำเรื่องกล้องไปไกลแล้ว
ที่มา :
[url]https://www.priceza.com/s/ราคา/iPhone-6s[/url]
Tags : iPhone 6s,apple iphone 6s,ไอโฟน 6s