Advertisement
การกำหนดราคายาเป็นปัญหาสำคัญในอินเดีย ร้านขายส่งยาอินเดียเชื่อว่าราคาของยาช่วยชีวิตไม่ควรถูกกำหนดโดยกลไกตลาด ในประเทศที่มีคนน้อยมากที่มีประกันสุขภาพ 70% ของชาวอินเดียจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกระเป๋าของตัวเอง เมื่อพูดถึงยารักษาโรคมะเร็งปัญหาจะรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่มีวิธีใดที่ผู้คนในอินเดียสามารถจ่ายได้แม้แต่เศษเสี้ยวของค่ายาที่อาจมีราคาอยู่ที่ $ 50,000 ต่อปีในตะวันตก
ปัญหานี้เกิดขึ้นอีกครั้งในข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมื่อศาลฎีกาอินเดียปฏิเสธการยื่นขอสิทธิบัตรของ Glivec (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Gleevec) การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่สำคัญของโนวาร์ติส (Derek Lowe ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการอธิบายความแตกต่างของการตัดสินใจเกี่ยวกับสิทธิบัตรนี้ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นซ้ำที่นี่) เนื่องจากไม่มีสิทธิบัตรสำหรับ Glivec ในอินเดียผู้ผลิตยาทั่วไปในอินเดียสามารถทำและขายยานี้ได้ ซึ่งจะมีการคิดราคาเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่โนวาร์ทิสคิดค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือของโลก นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับ บริษัท ที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาทั้งหมดที่โนวาร์ทิสนำไปสู่การค้นพบและพัฒนา Glivec นอกจากนี้ยังเป็นผลดีสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถจ่ายเงินให้ Glivec ได้ อย่างไรก็ตามต้องสังเกตว่าโนวาร์ทิสให้บริการฟรีแก่ผู้ป่วย 16,000 รายในอินเดียโดยประมาณ 95% ของผู้ที่ต้องการใช้งานผ่านโครงการ“ ความช่วยเหลือผู้ป่วยระหว่างประเทศของโนวาติส” ของโนวาร์ติส ส่วนที่เหลืออีก 5% จะได้รับเงินคืนประกันหรือเข้าร่วมในโปรแกรมการจ่ายร่วมที่ใจดีมาก ดังนั้นการไม่ให้สิทธิบัตรกับ Glivec จึงไม่ได้ป้องกันผู้ป่วยจากการได้รับยาช่วยชีวิตนี้
สถานการณ์ของร้านขายส่งยานั้นไม่เหมือนใคร อินเดียได้ให้ใบอนุญาตบังคับใช้กับยารักษาโรคมะเร็งชนิดอื่น ได้แก่ Nexavar ของไบเออร์ Tarceva ของ Roche และ Sizer ของไฟเซอร์ ใบอนุญาตเหล่านี้อนุญาตให้ผู้ผลิตยาสามัญอินเดียผลิตยาเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องรับโทษ การกระทำเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์จากรัฐมนตรีแผนกเวชภัณฑ์ของอินเดียในวิธีต่อไปนี้:“ เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ายาราคาแพงมีราคาไม่แพงสำหรับคนจน” มันยากที่จะเถียงกับปรัชญาดังกล่าว อย่างไรก็ตามอินเดียกำลังขยายนโยบายนี้นอกเหนือจากยารักษามะเร็งราคาแพง อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลฎีกาอินเดียปฏิเสธที่จะป้องกันไม่ให้ Glenmark Pharmaceuticals ผู้ผลิตยาสามัญของอินเดียผลิตและจำหน่ายยาเบาหวานของเมอร์คที่ชื่อ Januvia ในประเทศอินเดีย เมอร์คอาจอุทธรณ์คำตัดสินนี้ ในขณะที่มันเป็นยาสำคัญ Januvia ไม่ถือป้ายราคาแพง ในความเป็นจริงเมื่อเปิดตัวในอินเดียเมอร์คคิดค่าใช้จ่าย $ 0.86 / แท็บเล็ตหนึ่งในห้าของราคาสหรัฐ อย่างไรก็ตามแม้จะตระหนักถึงความจำเป็นในการทำให้ Januvia มีราคาถูกในอินเดียทรัพย์สินทางปัญญาของเมอร์คสำหรับยานี้จะถูกเพิกเฉยในประเทศนี้เพื่ออนาคตอันใกล้
นอกเหนือจากการไม่อนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรสำหรับยาใหม่แล้วรัฐบาลอินเดียยังกำหนดราคายาที่ได้รับสิทธิบัตร แต่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ยาราคาแพงเท่านั้น ขณะนี้มียา 348 รายการที่มีราคาสูงสุด อย่างไรก็ตามอินเดียได้แนะนำองค์ประกอบใหม่ให้กับนโยบายนี้ ยาเสพติดที่มีรูปแบบของนวัตกรรมที่สามารถนำมาประกอบกับนักวิจัยอินเดียสามารถ IMMUNE จากการควบคุมราคาเป็นเวลาห้าปี นวัตกรรมสามประเภทสามารถมีคุณสมบัติเพื่อประโยชน์นี้:
1) ยาที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาของชนพื้นเมือง
2) การปรับปรุงโดย บริษัท อินเดียเกี่ยวกับกระบวนการผลิตยาที่มีอยู่
3) การพัฒนาระบบนำส่งยาใหม่โดย R&D อินเดีย
เหตุผลสำหรับนโยบายนี้ได้รับการอธิบายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ:“ สิ่งนี้จะกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมและทำให้แน่ใจว่าระบอบการควบคุมราคาไม่ได้ห้าม บริษัท ยาจากการวิจัยและพัฒนา” นอกจากนี้คุณยังสามารถจินตนาการได้ว่า บริษัท ทั่วไปแห่งอินเดียสามารถใช้กฎใหม่เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงสิทธิบัตรของ บริษัท ยา ตัวอย่างเช่นสิ่งที่จะหยุด บริษัท อินเดียจากการพัฒนากระบวนการใหม่สำหรับการทำยาใหม่ที่สำคัญที่พัฒนาโดย บริษัท ยานอกอินเดีย? มันคงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลอินเดียจะอนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรในกระบวนการนี้และ บริษัท ที่มีนวัตกรรมจะโชคดีในการปกป้องสิทธิ์ทางการค้าของพวกเขาสำหรับยานี้ในอินเดีย
ฉันไม่คิดว่
