วันทรงชัย โปรโมรชั่น บริษัท วันทรงชัย จำกัด มวยไทย มรดกไทย มรดกโลก เมื่อปี พ.ศ.2518 คุณทรงชัย รัตนสุบรรณ ได้รับตำแหน่งโปรโมเตอร์ ประจำที่เวทีมวยลุมพินี ในวัยเพียง 19 ปี
คนในสังคมมวยรู้จักกันดีตั้งแต่นั้นมา เพราะ คุณทรงชัยเป็นผู้สร้างยอด
มวยไทย ให้มีชื่อเสียงขึ้นอย่างมากมายจนนับไม่ถ้วนทำให้เขาประสบความสำเร็จเป็นผู้สร้างสรรค์ และพัฒนาวงการ
มวยไทยมาโดยตลอด ทำให้แฟน ๆ มวยชาวไทย ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในการประกบคู่ออกมาสู่สายตาของแฟนมวยทุกๆ ครั้ง จนทำให้ยอดค่าผ่านประตูทะลุล้านทุกครั้ง จนโปรโมเตอร์รายอื่นไม่สามารถเทียบเทียมได้และคุณทรงชัย คือที่มา ของศึกวันทรงชัย และ บริษัทวันทรงชัย จำกัดคุณทรงชัยได้ทำชื่อเสียงให้กับเวทีมวยลุมพินีเป็นอย่างมากในสมัยนั้น นายสนามลุมพินีพันเอกชาย ดิษยเดช จึงได้มอบแหวนเพชร เพื่อเป็นเกียรติยศกับตัวเอง และวงศ์ตระกูลของคุณทรงชัยถือว่าปีพุทธศักราช 2530-2535 เป็นปีทอง ซึ่งเป็นยุคของพลเอก ชาติชาย ชุณหวัน สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีและศึกวันทรงชัยก็เติบโตขยายขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อปี พ.ศ.2533 เป็นยุค “ผ่าโลกทีวี” เริ่มมีการนำนักชกเงินแสนออกรายการทีวี ถ่ายทอดให้ผู้ชมทางบ้านได้รับชมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน ศึกวันทรงชัย ย้ายจากจัดจากเวทีลุมพินี มาจัดที่เวทีราชดำเนินการทำงานของบริษัท วันทรงชัย จำกัด ที่กล่าวมาข้างต้น โปรโมเตอร์ทรงชัย เป็นผู้ก่อตั้ง และ ดำเนินงานจนประสบความสำเร็จปัจจุบันนี้ บุตรนายศิรภพ และธิดาคุณปริยากร เข้ามาร่วมบริหารงาน และ ยังยึดมั่นในอุดมการณ์เดิม คือ มวยคือชีวิต ชีวิตคือมวย และความยุติธรรมมาเป็นอันดับแรก บริษัทในเครือวันทรงชัย ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับวงการมวยหลายแขนง อาทิเช่น จัดการแข่งขันมวย ทั้งมวยไทย และมวยสากล มวยในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงการต่อยอดธุรกิจด้วยการนำรายการแข่งขันมวยศึกวันทรงชัยในอดีตมาจัดทำเป็น เทปการแข่งขันสุดยอด
มวยไทยศึกวันทรงชัย และในปีพ.ศ. 2557 ได้ขยายธุรกิจด้วยการเปิดโรงงานผลิตอุปกรณ์มวยครบวงจร ภายใต้ยี่ห้อเอสวัน และวันทรงชัย เพื่อสร้างสรรสินค้าดีมีคุณภาพ เพื่อวงการมวย
ว่าด้วยเรื่องมวยไทย?ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์
http://www.onesongchai.com มวยไทยเริ่มขึ้นในสมัยไม่ปรากฏ และไม่มีหนังสือเล่มใดเขียนไว้ว่า จะเกิดขึ้นในสมัยใด แต่เท่าที่ได้ปรากฏนั้น มวยไทย ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และอาจเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับชาติไทย เพราะมวยไทยนั้นเป็นศิลปประจำชาติไทยเรา จริง ๆ ยากที่ ชาติอื่นจะลอกเลียนแบบได้
มวยไทยในสมัยก่อนเท่าที่ทราบ จะมีการฝึกฝนอยู่ในบรรดาหมู่ทหาร เพราะในสมัยก่อน ไทยเราได้มีการรบพุ่ง และ สู้รบกันกับ ประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง การสู้รบในสมัยนั้นยังไม่มีปืน จะสู้กันแต่ดาบสองมือ และมือเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ การรบพุ่ง ก็มีการรบ ประชิดตัว คนไทยเห็นว่าในสมัยนั้น การรบด้วยดาบ เป็นการรบพุ่งที่ประชิดตัวมากเกินไป บางครั้ง คู่ต่อสู้อาจเข้ามา ฟันเราได้ง่าย คนไทยจึงได้ฝึกหัด การถีบและเตะคู่ต่อสู้เอาไว้ เพื่อคู่ต่อสู้จะได้เสียหลัก แล้วเราจะได้ เลือกฟันง่ายขึ้น ทำให้คู่ต่อสู้แพ้ได้
ต่อมาเมื่อในหมู่ทหารได้มีการฝึกถีบเตะแล้ว ก็เกิดมีผู้คิดว่าทำอย่างไรจึงจะใช้การถีบเตะนั้น มาเป็นศิลปสำหรับ การต่อสู้ ด้วยมือได้ จึงต้องให้มีผู้ที่จะคิดจะฝึกหัดการต่อสู้ป้องกันตัว สำหรับการใช้แสดงเวลามีงานเทศกาลต่าง ๆ ไว้อวดชาวบ้าน และเป็นของแปลก สำหรับชาวบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ นานเข้า ชาวบ้านหรือคนไทย ได้เห็นการถีบเตะ แพร่หลาย และบ่อยครั้ง เข้า จึงทำให้ชาวบ้านมีการ ฝึกหัดมวยไทยกันมาก จนถึงกับตั้งเป็นสำนักฝึกกันมากมาย แต่สำหรับที่ฝึกมวยไทยนั้น ก็ต้อง เป็นสำนักดาบที่มีชื่อดีมาก่อน และ มีอาจารย์ดีไว้ฝึกสอน ดังนั้น
มวยไทยในสมัยนั้น จึงฝึกเพื่อความหมาย 2 อย่างคือ
- เพื่อไว้สำหรับสู้รบกับข้าศึก
- เพื่อไว้ต่อสู้ป้องกันตัว
ในสมัยนั้น ใครมีเพลงดาบดี และเก่งกาจทางรบพุ่งนั้น จะต้องเก่งทา
มวยไทย[/url]ด้วยเพราะเวลารบพุ่งนั้น ต้องอาศัย มวยไทย เข้าช่วย ดังนั้นวิชามวยไทยในสมัยนั้นจึงมุ่งหมายที่จะฝึกฝนเพลงดาบและวิชา
มวยไทยไปพร้อม ๆ กัน เพื่อที่จะรับใช้ประเทศชาติด้วยการ เป็นทหาร ได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อพ้นจากหน้าสงคราม ก็จะมีการชกมวยกัน เพื่อความสนุกสนาน และมีการพนันขันต่อกัน ระหว่างนักมวยที่เก่งจาก หมู่บ้านหนึ่ง กับนักมวยที่เก่งจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง มาชกกันในหน้าที่มีงานเทศกาล หรือเกิดมีการท้าทายกันขึ้น และมีการ พนันขันต่อ มวยในสมัยนั้น ชกกันด้วยหมัดเปล่า ๆ ยังไม่มีการคาดเชือก เช่น สมัยอยุธยาตอนต้น ในสมัยนั้น คนไทย ที่ทำชื่อเสียง ให้กับประเทศในวิชา
มวยไทย มากที่สุด คือ นายขนมต้ม ซึ่งได้ใช้วิชา
มวยไทยต่อสู้พม่า ถึง ๑๐ คน และพม่าก็ได้ แพ้นายขนมต้มหมดทุกคน จนถึงกับกษัตริย์พม่า พูดว่า “คนไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีดาบ แม้แต่มือเปล่า ก็ยังมีพิษสงรอบตัว” นายขนมต้มจึงเปรียบเสมือนผู้เป็นบิดาของวิชา
มวยไทย เพราะทำให้คนไทยมีชื่อเสียง เกี่ยวกับ วิชา
มวยไทย เป็นอันมากในสมัยนั้น และชื่อเสียงก็ได้เลื่องลือมาจนถึงกับปัจจุบันนี้
ในสมัยต่อมา
มวยไทยก็ยังฝึกฝนคู่กับการฝึกเพลงดาบอยู่ และยังฝึกและใช้เพื่อการทำสงคราม และฝึกฝนเพื่อการ ต่อสู้ ป้องกันตัว บางทีก็ฝึกเพื่อชกในงานเทศกาลต่าง ๆ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย พระมหากษัตริย์ของไทยบาง พระองค์ มีฝีมือ ในทาง
มวยไทย อยู่มาก เช่น พระเจ้าเสือ หรือขุนหลวงสรศักดิ์ ซึ่งได้หนีออกจากพระราชวัง ไปชกมวยกับชาวบ้าน และ ชกชนะด้วย ต่อมาประชาชน ทราบและเห็นว่า พระองค์ก็เป็นผู้มีฝีมือในวิชามวยไทย อยู่ในขั้นดีเยี่ยม ในสมัยต่อมา ผู้ที่มี ฝีมือในทางมวยไทยก็มีมาก เช่น พระเจ้าตากสิน วิชา
มวยไทยได้ยั่งยืนมาจนถึงสมัยปัจจุบัน และในสมัยอยุธยาตอนปลายนี้ มวยไทยได้ชกกันด้วยการคาดเชือก คือใช้เชือก เป็นผ้าพันมือ บางครั้งการชกก็อาจถึงตาย เพราะเชือก ที่คาดมือนั้น บางครั้งก็ใช้น้ำมันชุบเศษแล้วละเอียด ชกถูกตรงไหน ก็เป็นแผลตรงนั้น จะเห็นได้ว่ามวยไทยในสมัยนั้น มีอันตราย เป็นอันมาก
ต่อมาในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา มวยไทยก็มีการฝึกตามสำนักฝึกต่าง ๆ และมีการฝึกกันอย่างกว้างขวาง จนถึงสมัย รัตนโกสินทร์ ก็มีเวทีมวยที่จัดให้มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน เช่น เวทีสวนเจ้าเชษฐ และเวทีสวนกุหลาบ ซึ่งการ ชกมวยในสมัยนี้ ก็ยังมีการคาดเชือกกันอยู่ จนตอนหลัง นวมได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย การชกกันในสมัยหลัง ๆ จึงได้สวมนวมชก แต่การชกกันก็ยังเหมือนเดิม คือ ยังใช้การ ถีบ ชก ศอก และเข่า ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ฯ
TAGS :
มวยไทย