พบสารปรอทที่สูงในระดับอันตรายในอาหารทะเลบางประเภท FDA ตักเตือนถึงการบริโภคอาหารท

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พบสารปรอทที่สูงในระดับอันตรายในอาหารทะเลบางประเภท FDA ตักเตือนถึงการบริโภคอาหารท  (อ่าน 23 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Saichonka
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21399


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 20, 2020, 06:02:43 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ถ้าหากจะบอกกันตรงๆแล้ว อาหารทะเลหลายประเภท เป็นต้นว่าปลาแซลมอน กุ้ง รวมทั้งปลาค็อดมีสารปรอทที่มีการเปลี่ยนไปแล้วในจำนวนเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ความหวาดกลัวต่อการเจอสารปรอทในอาหารทะเลยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ และก็หากจะกล่าวโดยรวมแล้ว ปลาก็มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อย่างไรก็แล้วแต่ ทาง FDA กำลังอยู่ในขั้นตอนปรับแก้ข้อแนะนำประเด็นการบริโภคอาหารทะเลของหญิงมีครรภ์ หญิงให้นมลูก หญิงที่จัดแจงจะตั้งครรภ์แล้วก็เด็กตัวเล็กๆให้ล้ำสมัยอยู่
 
 โดยเฉพาะทางเจ้าหน้าที่ส่วนกลางและคนอื่นๆอีกเพียบเลยมีความกลุ้มอกกลุ้มใจเกี่ยวกับความทรุดโทรมที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบประสาทจากสารปรอทได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลต่อตัวอ่อนและเด็กตัวเล็กๆๆที่กำลังเจริญเติบโตและอยู่ในตอนมีความเจริญ
 
 สารปรอทเข้าไปอยู่ในอาหารทะเลได้เช่นไร ?
 สารปรอทเข้าไปอยู่ในอาหารทะเล ปลา แล้วก็หอย ผ่านทางวงจรแรกสุด ไอปรอทที่ระเหย(Hg0) ทั้งยังจากแนวทางการธรรมชาติ (นึกถึงไฟป่าหรือวิธีการของภูเขาไฟ) แล้วก็มลพิษ (การเผาไหม้เชื้อเพลิงดึกดำบรรพ์) ลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ เมื่ออยู่ในชั้นบรรยากาศ ปรอทจะถูกออกซิไดซ์ไปเป็นต้นแบบ divalent inorganic (Hg2+) ซึ่งจะตกกลับลงมายังผืนโลกกับฝน แบคทีเรียที่อาศัยในน้ำ อย่างเช่น plankton จะเติมกลุ่มเมทิล (methylate)ให้กับปรอท (กระตุ้นให้เกิด MeHg+ หรือ methylmercury) รวมทั้งปรอทในต้นแบบดังที่กล่าวมาแล้วจะสะสมอยู่ในไขมันสัตว์ แล้วก็เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่ของกิน
 
 ปลานักล่าที่มีชีวิตยืนยาวกว่า ซึ่งอยู่ในระดับบนของห่วงโซ่ของกิน เช่น ฉลาม ปลากระบี่ และก็ปลา king mekerel จะสะสมจำนวนปรอทไว้ค่อนข้างจะสูง การบริโภคโดยหญิงท้องรวมทั้งเด็กเล็กที่เริ่มจะมีการพัฒนาของระบบประสาทก็เลยเกิดเรื่องที่ออกจะน่ากังวล
 
 เพราะเหตุใด methylmercury ก็เลยเป็นอันตราย ?
 ปรอททั้งในรูปแบบ ionized mercury และก็ methylmercury จะจับกับกำมะถันที่พบในโปรตีน และก่อกวนสภาพด้านชีววิทยาภายในร่างกายของพวกเราเป็นอันมากแล้วก็น่าเป็นกังวล หากจะให้กำหนดอย่างเฉพาะเจาะจงกว่านั้น ปรอทจะมีผลให้กำเนิด oxidative stress ต่อเซลล์ (การสร้างอนุมูลอิสระ) รวมทั้งรบกวน microtubules (รบกวนการแบ่งเซลล์) รวมทั้งบางทีอาจกระตุ้นการแพ้ภูเขามิตัวเองที่เป็นอันตรายได้อีกด้วยอันที่จริงแล้ว เรายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าปรอททำลายร่างกายของพวกเราอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับภาวะพิษจากสารปรอทก็เป็นเรื่องน่าสยอง
 
 ตั้งแต่นี้ต่อไปเป็นสิ่งที่ methylmercury สร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายของพวกเรา
 ตาบอด
 สมองทุพพลภาพ (cerebral palsy)
 ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเติบโต
 ปัญหาเรื่องปัญญา
 เหนื่อยอ่อน
 สูญเสียการได้ยิน
 เดินเซ (ataxia-สูญเสียการติดต่อประสานงานของกล้ามที่อยู่ในความดูแล)
 กล้ามเนื้อสั่น
 อัมพาต (ภาวะพิษร้ายแรง)
 เสียชีวิต (สภาวะพิษร้ายแรง)
 โรคหัวใจ (งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยชิ้นใหม่บางชิ้นแสดงให้เห็นว่า methylmercury อาจก่อให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง atherosclerosis)
 แน่ๆว่า ผลกระทบทางระบบประสาท ยกตัวอย่างเช่น สมองทุพพลภาพและก็ปัญหาเกี่ยวกับการเติบโตนั้นเกิดขึ้นในตัวอ่อนรวมทั้งเด็ก ด้วยเหตุนี้ทาง FDA และองค์กรทางสุขภาพอีกหลากหลายองค์กรจึงออกการเตือนสำหรับมวลชนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
 
 ถึงแม้ว่าปรอทจะขับออกได้ทางตับรวมทั้งไต แต่ก็มีระยะครึ่งชีวิตในร่างกายยาว กล่าวอีกอย่างเป็นเราจะต้องใช้เวลานานกว่าจะกำจัดปรอทที่กินเข้าไปได้ นอกเหนือจากนั้น methylmercury ยังถูกซึมซับจากทางเดินอาหารเกือบจะทั้งหมด แล้วก็ผ่าน blood brain barrier ได้ดิบได้ดีมากมาย ทำให้สมองและก็ไขสันหลังมีความไวต่อผลพวงจากปรอทเป็นพิเศษ
 
 ภาวการณ์พิษจาก methylmercury นั้นค่อยๆเป็นค่อยๆไป รวมทั้งที่ต่างจากภาวะพิษแบบอย่างที่เกิดขึ้นเร็วกว่าของสารปรอท (mercury) คือการล้างพิษ (chelation) แล้วก็การอ้วกค่อนข้างจะล้มเหลวในการกำจัดโลหะหนักนี้ออกมาจากร่างกาย ในความเป็นจริงแล้วการป้องกันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถทำเป็นสำหรับ methylmercury กล่าวอีกอย่างคือวิธีที่เยี่ยมที่สุดในการจัดแจงกับภาวการณ์พิษของ methylmercury เป็นการหลีกเลี่ยงไม่กินเข้าไปตั้งแต่แรก
 
 Methylmercury ในอาหารทะเลสื่อความหมายอะไรสำหรับคุณ ?
 จากที่ทาง FDA แล้วก็หน่วยงานอีกมากมายได้บ่งบอก พวกเราจำต้องจดจำไว้ว่าอาหารทะเลนั้นเป็นแหล่งของโปรตีน เกลือแร่ แล้วก็วิตามินที่ดีต่อร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น อาหารทะเลยังมีจำนวนไขมันอิ่มตัวต่ำ และมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง พวกเราทุกคน แม้แต่หญิงท้องแล้วก็เด็กตัวเล็กๆ ควรจะทานอาหารทะเลในปริมาณที่เสนอแนะในทางโภชนาการซึ่งดีต่อสุขภาพ
 
 ที่จริงแล้วจากข้อเสนอแนะฉบับร่างล่าสุด ทาง FDA สนับสนุนให้หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมลูก และก็หญิงที่เตรียมตั้งท้องกินอาหารทะเลเป็นปริมาณ 8-12 ออนซ์ต่ออาทิตย์ แล้วก็เด็กที่มีอายุ 2-8 ปี ควรรับประทาน 3-6 ออนซ์ กล่าวอีกอย่างก็คือ คนกลุ่มดังที่ได้กล่าวมาแล้วควรกินอาหารสมุทรราว 2-3 ส่วนของจำนวนที่ควรบริโภคในแต่ละสัปดาห์
 
 อย่างไรก็ดี ทาง FDA แนะนำให้หญิงตั้งท้อง หญิงให้นมลูก หญิงที่เตรียมตัวตั้งท้องรับประทานอาหารทะเล และเด็กเล็ก รับประทานปลาที่มีปริมาณของ methylmercury น้อยกว่า อาทิเช่น tilapia ปลาดุก (catfish) รวมทั้งปลาค็อด นอกเหนือจากนั้น ทางองค์กรยังแนะนำว่าไม่ให้บริโภคฉลาม ปลากระบี่ ปลาking mekerel และก็ปลา tilefish ที่จับได้จากนอกชายฝั่งอ่าว คนที่บริโภคปลาจากแหล่งน้ำจืดควรจะเอาใจใส่กับคำเตือนแคว้นเกี่ยวกับระดับสารปรอท แล้วก็ระแวดระวังปลาที่จับได้จากบริเวณที่อยู่นอกเหนือคำแนะนำ
 
 น่าสังเกตว่าถึงแม้ทาง FDA จะบอกว่าทูน่ากระป๋องมีสารปรอทในปริมาณต่ำ แต่การประมาณนี้ได้รับการโต้แย้งจากผู้ที่มีความชำนาญหลายๆคนที่ออกมาเตือนแม่แล้วก็เด็กให้หลีกเลี่ยงทูน่าเช่นกัน ข้อแนะนำของทาง FDA เป็นเพียงแค่คำเสนอแนะ มันแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จำกัดการบริโภคอาหารทะเลที่คือปัญหาที่จะนำมาซึ่งภาวะพิษจาก methylmercury ได้แก่ แม้คุณกำลังมีครรภ์หรือให้นมบุตร และก็คุณเผลอกินสเต็กปลาดาบไปในช่วงมื้อสายวันแห่งความรักกับสามี ก็ไม่ต้องตกอกตกใจไป เพียงแค่อุตสาหะหลีกเลี่ยงปลาชนิดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นให้ได้มากที่สุดและก็ลดปริมาณการกินปลาลงในวันที่เหลือของสัปดาห์ ซึ่งเป็นหัวข้อที่ FDA ได้กล่าวไว้เช่นกัน
 
 ต่อให้มีความไม่สาบายใจเกี่ยวกับ methylmercury ในอาหารทะเล แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ก็มีจำนวนปรอทในร่างกายที่ต่ำ แม้แต่ในคนที่กินปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด ผู้ที่รับประทานปลามากยิ่งกว่าธรรมดา หรือทั้งคู่ ดังเช่น การเรียนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้จำแนกแยกแยะจำนวนคนแก่ที่หรูหราความเข้มข้นของสารปรอทในเลือด (total EPA blood mercury concentration) ที่สูงกระทั่งน่าจะเป็นอันตราย (มากยิ่งกว่าหรือพอๆกับ 5.8 ไมโครกรัมต่อลิตร) ได้ 4.6% ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาเล่าเรียนชิ้นใหญ่อีกชิ้นก็คาดการณ์ว่ามี 0.5% ของผู้เยาว์ที่มีอายุ 1-19 ปีได้รับการสมัครสมาชิกไว้ว่ามีสารปรอทในเลือดอยู่ในระดับที่น่าเป็นกังวล
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : boatclinic.net

Tags : http://boatclinic.net



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ