Advertisement
รีวิว MG HS 1.5 Turbo เกียร์ DCT อัดฟังก์ชั่นเกินคาด สมรรถนะดีกว่าที่คิดนอกเหนือจากเครื่องยนต์กลไกและชุดเกียร์ที่ชูมาจาก MG GS แล้วทุกสิ่งใน MG HS 1.5 Turbo นั้นยกเครื่องมาให้ทั้งสิ้น และอย่าคิดว่าเครื่องเกียร์เดียวกันมันจะเช่นกันนะ[/b]
เราเพิ่งจะก้าวลงจาก MG HS ที่ขับพาไปส่งจุดหมายปลายทางในเขตลำคลองสานหลังจากใช้เวลาร่วมกันมาราววันครึ่งสองวัน สรุปสั้นๆมันอาจไม่ใช่รถยนต์ที่ยอดเยี่ยม เลิศที่สุด คุ้มคุ้มคุ้มราคาที่สุดในมุมมองของผู้คนจำนวนมาก แต่เชื่อเถอะว่ามันทำออกมาได้ดียิ่งไปกว่าที่คิดจำนวนมากเลยทีเดียว
คุณคิดว่าตนเองคาดหมายอะไรกับการซื้อรถยนต์เอสแสงอัลตราไวโอเลตหรือรถยนต์นั่งเอนกประสงค์หนึ่งคันในราคาล้านนิดๆความสามารถการขับขี่ ความละมุนละไมของช่วงล่าง เทคโนโลยีทันสมัย นั่งสบาย กว้างใหญ่ ระบบความช่วยเหลือแน่น
ดีไซน์ข้างนอกของตัวรถอาจจะเอกลักษณ์การออกแบบของ MG แม้กระนั้นที่พรีเมี่ยมขึ้นคือระบบไฟ LED เต็มแบบอย่างยังมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ Sequential กระเต็มหน้าเขากล่าวว่าเป็นวางแบบที่เหมือนโลโก้อยู่ท่ามกลางดวงดาว ล้อมด้วยพรอบวัวรเมี่ยม
เสาอากาศแบบครีบฉลาม มีสปอยเลอร์หลังในตัวท็อป แต่หากจะให้โก้แปลงสปอยเลอร์หลังแต่ หรือเปลี่ยนแปลงมันทั้งชุดเลยทั้งกรอบโครเมี่ยม กันชนหน้าหลังสีดำแบบคันที่พวกเราได้ขับในคราวนี้บอกเลยว่าสวย
ด้านในตัวท็อปจะเป็นเบาะแบบ Bucket Seat โดดเด่นไม่มีใครเหมือน ส่วนตัวเราที่เป็นผู้ชายหุ่นมาตรฐานก็นั่งสบายดี รับแขน รับหัว ขับก็สนุก ตอนนั่งหลับก็สบาย ส่วนเบาะภายหลังเท่าที่นั่งโดยประมาณหนึ่งนับว่าดีแล้วก็มีการปรับระยะเอนได้
ด้านในห้องโดยสารจัดว่ากว้างแล้วก็ยิ่งดูกว้างมากขึ้นด้วยพาโนรามิคซันรูฟปรับกระแสไฟฟ้าพร้อมที่บังแดด ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆที่จำเป็นต้องมีให้ใช้ครบครัน แม้กระนั้นหลายๆปุ่มแย่างการควบคุมระบบปรับอากาศก็ถูกย้ายไปอยู่ในจอกลางขนาด 10 นิ้วสถานที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนแท็ปเล็ตแพงๆดีๆเครื่องหนึ่งเลย
เครื่องยนต์กลไกแบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร รองรับ E85 เคลื่อนกับชุดเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission 7 สปีด หรือพวกเราอาจจะคุ้นกว่าหากเรียกว่า Dual Clutch Transmission หรือ DCT ซึ่งทั้งคู่ชูมาจาก MG GS
อย่าเพิ่งจะตระหนกตกใจที่พวกเราพูดว่ายกมาจาก MG GS เนื่องจากเครื่องยนต์รวมทั้งเกียร์ชุดดีมีการปรับจูนใหม่ทั้งผอง ลืมภาพและก็ความรู้สึกที่น่าหงุดหงิด ขัดใจใน MG GS ทิ้งไปได้เลย เพราะว่าเมื่อเทียบเคียงกันแล้ว MG HS จัดว่าดีเยี่ยมมาก ตลอดการใช้งานไม่เจอการเปลี่ยนเกียร์ ฟึดฟัด ฮึดฮัด ให้อารมณ์เสีย รำคาญใจ แม้จะเป็นตอนใช้งานในเมืองที่รถติด
เครื่องยนต์รวมทั้งเกียร์ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับเพื่อการเดินทางในทริปนี่พวกเราออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าเขาใหญ่ จังหวะไหนที่อยากจะแซงก็เหลือๆสบายๆอาการเกียร์โง่กระทั่งน่าหงุดหงิดหัวใจไม่มีให้มองเห็น ถ้าเทียบกับ MG GS แล้ว MG HS ถือว่าฉลาดมากยิ่งขึ้น
หลักการทำงานของเครื่องจักรกล เกียร์ คันเร่ง สนองตอบตามโหมดการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมดดังเช่นว่า Eco, Normal, Sport หรือจะใช้โหมด Custom ที่ปรับการตอบสนองต่างๆอีกทั้งเครื่องจักรกล พวงดอกไม้และก็อื่นๆได้ตามใจ และก็ยังมีปุ่มน่าพิศวงอย่าง Super Sport ที่ให้การสนองตอบแบบตื่นเต้นที่สุด
ถ้าเอาโหมดมาตรฐานหรือ Normal เป็นที่ตั้งแล้ว ทางวิศวกรกล่าวว่าโหมด Sport จะมีรอบที่ตึงกว่าราว 50 รอบต่อนาทีแม้กระนั้นจะทำให้คนขับขี่ใช้ Paddle Shift ได้ ตอนที่โหมด Super Sport จะมีรอบที่สูงกว่าโหมดมาตรฐานราว 400 รอบต่อนาที มีการคารอบค้างเกียร์เอาไว้ให้พร้อมใช้งานมากยิ่งกว่าในโหมด Sport
ความรู้สึกที่ชัดเจนเลยเป็นในโหมด Eco และ Normal นั้นจะให้การสนองตอบต่อคันเร่งที่นุ่มนวล บางทีอาจจำต้องรอนิดหน่อยแต่สักพักก็จะเร่งแซงด้วยแรงแบบเกินพอ ส่วนในโหมด Sport และก็ Super Sport จะกดคันเร่งแล้วพุ่งทันใจ ในจังหวะที่การจราจรช้าๆแล้วแตะะๆปลดปล่อยๆก็จะรู้สึกถึงอาการตัวโยกตามก่อนสัมผัสปลดปล่อยคันเร่ง ฮึดฮัดๆพร้อมพุ่งตลอดเวลา
ถ้าหากมีผู้ใดบอกคุณว่า MG HS กับ Chevrolet Captiva บ้านพวกเรานั้นแบบเดียวกัน เครื่องเดียวกัน เกียร์เดียวกัน ทีม MG ยืนยันว่าไม่ใช่ รวมทั้งคนที่ได้ขับทั้งสองคันรวมทั้งบอกว่าคนละเรื่อง
สรุปว่าเรื่องเครื่องจักรกลรวมทั้งเกียร์ สบายใจ หายห่วง ทั้งยังความฉลาดของเกียร์และการโต้ตอบรวมทั้งกำลังวังชาของเครื่องจักร ยิ่งถ้าเกิดคุณถูกใจฟีลลิ่งของรถมีเกียร์เจ้านี่น่าจะตอบปัญหา
ส่วนโหมดที่พวกเราถูกใจมากที่สุดสำหรับเพื่อการเดินทางแบบล่องไปเรื่อยคือโหมด Eco ที่ให้การตอบสนองที่นุ่มนวลของคันเร่ง ถ้าจะเเซงขาดๆก็กด Super Sport เปลี่ยนแปลงเรือนไมล์เป็นสีแดง เพื่อรีบแซงแล้วหลังจากนั้นก็กดอีกทีกลับมา Eco ที่สำคัญคือเรามีความคิดว่าโหมด Eco นั้นดูจะสอดรับกับการใช้แรงงานของระบบช่วยเหลือต่างๆได้เนียนที่สุดอีกด้วย
ถัดมาที่อีกหนึ่งข้อสำคัญคือช่วงล่าง New MG HS นั้นตอนล่างจูนอัพตามแบบ Euro Tuning Suspension โดยใช้ระบบตอนล่างข้างหน้าแบบ MacPherson Strut ด้านหลังแบบ Multi-Link
ในย่านความเร็วต่ำตอนล่างจัดว่าเฟิร์ม นุ่มนวล ซึมซับแรงกระแทกก้าวหน้า แม้ว่าจะมีกระแทกหลุมกระแทกเนินหนักๆบ้างก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเนื่องจากอย่างน้อยพี่ที่นั่งมาด้วยก็ไม่พร่ำบ่น ว่ามันกระแทก โยกเยก โคลงอะไร
แต่ว่าถ้าเกิดขับด้วยความเร็วราวหนึ่งก็จะมีแรงสะท้อนจากถนนอยู่บ้าง อย่างเห็นบนทางหลวงลำดับที่ 2 ที่รถบรรทุกใช้งานกันหนาแน่น ถนนพังทลายเละ ปะ พุ หลายจุดจะรู้สึกถึงแรงสะท้อนได้เยอะแยะ หรือในช่วงทำความเร็วอย่างบนทางด่วน ตอนรอยต่อระหว่างแผ่นถนนจะคนขับขี่รู้สึกได้ถึงการกระเด้งเล็กๆ
ช่วงล่างที่เฟิร์มทำให้เข้าโค้งได้อย่างแน่ใจ แม้กระนั้นพวงมาลัยที่เบา ควบคุมง่าย หมุนสบาย คุณผู้หญิงก็ควงเพลิดเพลินในย่านความเร็วต่ำ-กึ่งกลาง นั้น พอในบริเวณความเร็วสูงหรือในโหมดสปอร์ตที่มีการปรับน้ำหนักมากขึ้นแล้วแต่เราก็ยังมีความรู้สึกว่าเบาไป
นอกจากเรื่องความสามารถการขับขี่ที่พี่ๆสื่อมวลชนที่ร่วมทดลองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดียิ่งกว่าที่คิดเอาไว้” แล้ว จำสำหรับแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วยังเป็นอะไรที่พวกเราตรึงใจสุดๆในเรื่องคุณประโยชน์ใช้สอย
นี่คือจอสัมผัสที่สุดยอดที่สุดที่ MG เคยมีมาแล้วก็ดียอดระดับแถวหน้าของวงการจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสของรถยนต์ ระบบสัมผัสดีเยี่ยมระดับแท็ปเล็ตดีๆเครื่องหนึ่ง ก็แค่ถูกล็อคฟังก์ชั่นการใช้งานเอาไว้ด้วยระบบของ MG
ระบบนำทางเป็นของ TomTom ที่บอกเส้นทางก้าวหน้า ถูกต้อง ไม่มีเหวอ ไม่มีงงงัน และก็บอกสภาพการจราจรแบบ Real Time พร้อมกับ True Music คลังเก็บของเพลงนับล้านแค่กดหน้าจอ การเปิดปิดระบบรวมทั้งการแจ้งเตือนต่างๆก็ การปรับแบบไฟในห้องโดยสาร อยู่ในจอนี้ทั้งผองรวมถึงระบบปรับอากาศ
จอนี้ยังแสดงผลรอบกายรถยนต์แบบ 360 องศา รวมถึงกล้องถ่ายภาพที่ทางซ้ายรวมทั้งขวาในความเร็วต่ำ การแสดงภาพตัวรถยนต์แบบ 3 มิติเพื่อช่วยตรวจสภาพโดยรอบของตัวรถยนต์ ทั้งสิ้นเลือกกดบนจอได้เลย
ในรุ่นท็อปอย่าง MG HS X นั้นนอกเหนือจากพาโนรามิคซันรูฟแล้วก็เบาะนั่งแล้ว ยังมีระบบที่เพิ่มเข้ามาช่วยทั้งยัง Adaptive Cruise Control, Lane Keep Assist รวมทั้งอื่นๆอีกเยอะ
เว้นเสียแต่เรื่องความสามารถเรื่องของระบบช่วยเหลือนับว่าเป็นอีกหัวข้อที่ดีมากกว่าที่เราคาดเอาไว้ การทดงานของ ACC เมื่ออยู่กับโหมดการขับขี่แบบ Eco จะนุ่มนวลลื่นไหลสุดๆทำงานได้ตั้งแต่ความเร็วเริ่มต้น ออกสตาร์ท จนหยุดสนิทรวมทั้งเมื่อรถยนต์คันหน้าหยุดเราก็หยุด หากเกินในเวลาที่ระบุระบบจะเตือนให้เราเหยียบคันเร่งน้อยเมื่อรถยนต์คันหน้าออกตัวเพื่อ Activate ระบบอีกที
แม้กระนั้นในจุดเด่นก็มีข้อเสียถึงแม้ระบบควบคุมอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ จะใช้งานในเมือง ตอนรถติด จราจรไหลๆได้ แม้กระนั้นเพียงพอคันหน้าหยุด ตัวรถยนต์จะเบรกค่อนข้างรุนแรงไปสักหน่อย ถ้าหากขับผู้เดียวอาจพอทนได้ แต่ผู้โดยสารมาน่าจะเบื่อหน่ายและมึนหัวอยู่
ส่วนคนไหนกันที่ต้องการทราบเนื้อหาว่าระบบความปลอดภัยแล้วก็ช่วยเหลืออะไรเพิ่มเข้ามาบ้างนอกจาก 14 ระบบความปลอดภัยรากฐาน ก็ประมาณนี้ครับผม
• ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
Advanced Driver Assistance Systems (ADAS)
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
• ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถยนต์จะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
• ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
สำหรับท่านที่หนักใจเรื่องเสียงในห้องโดยสาร MG HS นับว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นที่เก็บเสียงในห้องโดยสารเจริญ ที่ความเร็วราว 120 กิโลเมตร/ชม. นั้นไม่มีลมตีโหวกเหวกโวยวาย ผู้ใดที่คุ้นชินกับปุ่ม Cruise Control บนพวงดอกไม้แบบรถประเทศญี่ปุ่น จำต้องใช้เวลาปรับตัวกับการใช้แรงงานที่ก้านแบบรถยุโรปน้อย แต่ว่าแป๊ปเดียวก็คล่องแคล่ว
รถยนต์คันที่พวกเราได้ขับนั้นจะเป็นคันที่มาพร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ และข้างนอกอีกหลายจุด ที่เราคิดว่างามกว่าของเดิมที่เป็นวัวรเมี่ยมเยอะ ราคาโดยประมาณของทั้งยังเซ็โคนยู่ที่ไม่เกิน 1.8 – 2 หมื่นบาท
ส่วนคนที่ซื้อรุ่นรองท็อปแล้วก็ตัวด้านล่างนั้น เพิ่มฟังก์ชั่นฝาท้ายกระแสไฟฟ้าและก็เซนเซอร์เพื่อเตะแล้วเปิดฝาท้ายอัตโนมัติได้ในราคาราวๆ 1.8 หมื่นบาท ส่วนรุ่นท็อปที่เปิดประตูกระแสไฟฟ้าอยู่แล้วนั้น ซื้อฟังก์ชั่นเซนเซอร์เตะเพื่อเปิดมิได้
สำหรับโปรโมชั่น 1,000 คันแรก รับส่วนลด 34,000 บาท ในการซื้อชุดเครื่องมือตกแต่ง หรือนำไปเป็นส่วนลดของราคาจำหน่ายรถได้ทันที พร้อมทั้งการยืนยันคุณภาพรถยนต์นาน 4 ปี หรือ 120,000 กม. ในตอนนี้ทะลุไปนานแล้ว แต่ยังไงใช้โปรฯ นี้ได้ในงาน Motor Expo 2019[/b]
ราคา MG HS
New MG HS รุ่น C ราคา 919,000 บาท
New MG HS รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท
New MG HS รุ่น X ราคา 1,119,000 บาทคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
mg hs 1.5 turboTags : รีวิว mg hs,mg hs 1.5 turbo,New MG HS