Advertisement
นอกจากเครื่องยนต์และชุดเกียร์ที่ยกมาจาก MG GS แล้วทุกอย่างใน MG HS 1.5 Turbo นั้นยกเครื่องมาให้ทั้งหมด และอย่าคิดว่าเครื่องเกียร์เดียวกันมันจะเหมือนกันนะ
0:00/0:15
Skip in 5
เราเพิ่งจะก้าวลงจาก MG HS ที่ขับพาไปส่งจุดหมายในย่านคลองสานหลังใช้เวลาร่วมกันมาราววันครึ่งสองวัน สรุปสั้นๆ มันอาจไม่ใช่รถที่ดีที่สุด เลิศที่สุด คุ้มค่าคุ้มคุ้มราคาที่สุดในมุมมองของหลายๆ คน แต่เชื่อเถอะว่ามันทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดเยอะมากเลยทีเดียว
คุณคิดว่าตัวเองคาดหวังอะไรกับการซื้อรถเอสยูวีหรือรถยนต์นั่งเอนกประสงค์หนึ่งคันในราคาล้านนิดๆ สมรรถนะการขับขี่ ความนุ่มนวลของช่วงล่าง เทคโนโลยีล้ำสมัย นั่งสบาย กว้างขวาง ระบบความช่วยเหลือแน่นๆ MG HS คือหนึ่งในรถที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้ครบทั้งหมด
ดีไซน์ภายนอกของตัวรถคงเอกลักษณ์การออกแบบของ MG แต่ที่พรีเมี่ยมขึ้นคือระบบไฟ LED เต็มรูปแบบยังมาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบ Sequential กระจังหน้าเขาบอกว่าเป็นดีไซน์ที่เหมือนโลโก้อยู่ท่ามกลางดวงดาว ล้อมด้วยพรอบโครเมี่ยม
เสาอากาศแบบครีบฉลาม มีสปอยเลอร์หลังในตัวท็อป แต่ถ้าจะให้เท่เปลี่ยนสปอยเลอร์หลังแต่ หรือเปลี่ยนมันทั้งชุดเลยทั้งกรอบโครเมี่ยม กันชนหน้าหลังสีดำแบบคันที่เราได้ขับในครั้งนี้บอกเลยว่าสวย
ภายในตัวท็อปจะเป็นเบาะแบบ Bucket Seat โดดเด่นไม่เหมือนใคร สำหรับเราที่เป็นผู้ชายหุ่นมาตรฐานก็นั่งสบายดี รับแขน รับศีรษะ ขับก็สนุก ตอนนั่งหลับก็สบาย ส่วนเบาะตอนหลังเท่าที่นั่งประมาณหนึ่งถือว่าดีและมีการปรับระยะเอนได้
ภายในห้องโดยสารจัดว่ากว้างและยิ่งดูกว้างมากยิ่งขึ้นด้วยพาโนรามิคซันรูฟปรับไฟฟ้าพร้อมม่านบังแดด ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ที่จำเป็นมีให้ใช้ครบครัน แต่หลายๆ ปุ่มแย่างการควบคุมระบบปรับอากาศก็ถูกย้ายไปอยู่ในจอกลางขนาด 10 นิ้วที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนแท็ปเล็ตแพงๆ ดีๆ เครื่องหนึ่งเลย
เครื่องยนต์แบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร รองรับ E85 ขับเคลื่อนกับชุดเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission 7 สปีด หรือเราอาจจะคุ้นกว่าหากเรียกว่า Dual Clutch Transmission หรือ DCT ซึ่งทั้งคู่ยกมาจาก MG GS
อย่าเพิ่งตกใจที่เราบอกว่ายกมาจาก MG GS เพราะเครื่องยนต์และเกียร์ชุดดีมีการปรับจูนใหม่ทั้งหมด ลืมภาพและความรู้สึกที่น่าหงุดหงิด ขัดใจใน MG GS ทิ้งไปได้เลย เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว MG HS ถือว่าดีเยี่ยมมาก ตลอดการใช้งานไม่เจอการเปลี่ยนเกียร์ ฟึดฟัด ฮึดฮัด ให้หงุดหงิด รำคาญใจ แม้จะเป็นตอนใช้งานในเมืองที่รถติด
เครื่องยนต์และเกียร์ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับการเดินทางในทริปนี่เราออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าเขาใหญ่ จังหวะไหนที่อยากจะแซงก็เหลือๆ สบายๆ อาการเกียร์โง่จนน่าหงุดหงิดใจไม่มีให้เห็น ถ้าเทียบกับ MG GS แล้ว MG HS ถือว่าฉลาดขึ้นมาก
การทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ คันเร่ง ตอบสนองตามโหมดการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมดได้แก่ Eco, Normal, Sport หรือจะใช้โหมด Custom ที่ปรับการตอบสนองต่างๆ ทั้งเครื่องยนต์ พวงมาลัยและอื่นๆ ได้ตามใจ และยังมีปุ่มมหัศจรรย์อย่าง Super Sport ที่ให้การตอบสนองแบบเร้าใจที่สุด
หากเอาโหมดมาตรฐานหรือ Normal เป็นที่ตั้งแล้ว ทางวิศวกรบอกว่าโหมด Sport จะมีรอบที่ตึงกว่าราว 50 รอบต่อนาทีแต่จะทำให้ผู้ขับขี่ใช้ Paddle Shift ได้ ในขณะที่โหมด Super Sport จะมีรอบที่สูงกว่าโหมดมาตรฐานราว 400 รอบต่อนาที มีการคารอบคาเกียร์เอาไว้ให้พร้อมใช้งานมากกว่าในโหมด Sport
ความรู้สึกที่ชัดเจนเลยคือในโหมด Eco และ Normal นั้นจะให้การตอบสนองต่อคันเร่งที่นุ่มนวล อาจต้องรอนิดหน่อยแต่สักพักก็จะเร่งแซงด้วยแรงแบบเหลือเฟือ ส่วนในโหมด Sport และ Super Sport จะกดคันเร่งแล้วพุ่งทันใจ ในจังหวะที่การจราจรช้าๆ แล้วแตะะๆ ปล่อยๆ ก็จะรู้สึกถึงอาการตัวโยกตามก่อนแตะปล่อยคันเร่ง ฮึดฮัดๆ พร้อมพุ่งตลอดเวลา
ถ้ามีใครบอกคุณว่า MG HS กับ Chevrolet Captiva บ้านเรานั้นเหมือนกัน เครื่องเดียวกัน เกียร์เดียวกัน ทีม MG ยืนยันว่าไม่ใช่ และคนที่ได้ขับทั้งสองคันแล้วก็บอกว่าคนละเรื่อง
เอาเป็นว่าเรื่องเครื่องยนต์และเกียร์ สบายใจ หายห่วง ทั้งความฉลาดของเกียร์และการตอบสนองรวมถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ ยิ่งถ้าคุณชอบฟีลลิ่งของรถมีเกียร์เจ้านี่น่าจะตอบโจทย์
ส่วนโหมดที่เราชอบมากที่สุดในการเดินทางแบบล่องไปเรื่อยๆ คือโหมด Eco ที่ให้การตอบสนองที่นุ่มนวลของคันเร่ง ถ้าจะเเซงขาดๆ ก็กด Super Sport เปลี่ยนเรือนไมล์เป็นสีแดง เพื่อเร่งแซงแล้วก็กดอีกครั้งกลับมา Eco ที่สำคัญคือเรารู้สึกว่าโหมด Eco นั้นดูจะสอดรับกับการใช้งานของระบบช่วยเหลือต่างๆ ได้เนียนที่สุดอีกด้วย
ถัดมาที่อีกหนึ่งส่วนสำคัญคือช่วงล่าง New MG HS นั้นช่วงล่างจูนอัพตามแบบ Euro Tuning Suspension โดยใช้ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ด้านหลังแบบ Multi-Link
ในย่านความเร็วต่ำช่วงล่างจัดว่าเฟิร์ม นุ่มนวล ซับแรงกระแทกได้ดี แม้จะมีกระแทกหลุมกระแทกเนินหนักๆ บ้างก็ยังจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเพราะอย่างน้อยพี่ที่นั่งมาด้วยก็ไม่บ่น ว่ามันกระแทก โยกเยก โคลงเคลงแต่อย่างใด
แต่ถ้าหากขับด้วยความเร็วประมาณหนึ่งก็จะมีแรงสะท้อนจากถนนอยู่บ้าง อย่างเห็นบนทางหลวงหมายเลข 2 ที่รถบรรทุกใช้งานกันหนาแน่น ถนนพังเละ ปะ พุ หลายจุดจะรู้สึกถึงแรงสะท้อนได้เยอะ หรือในช่วงทำความเร็วอย่างบนทางด่วน ช่วงรอยต่อระหว่างแผ่นถนนจะผู้ขับขี่รู้สึกได้ถึงการกระเด้งเล็กๆ
ช่วงล่างที่เฟิร์มทำให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ แต่พวงมาลัยที่เบา ควบคุมง่าย หมุนสบาย คุณผู้หญิงก็ควงเพลินในย่านความเร็วต่ำ-กลาง นั้น พอในย่านความเร็วสูงหรือในโหมดสปอร์ตที่มีการปรับน้ำหนักมากขึ้นแล้วแต่เราก็ยังรู้สึกว่าเบาไป
นอกจากเรื่องสมรรถนะการขับขี่ที่พี่ๆ สื่อมวลชนที่ร่วมทดสอบต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดีกว่าที่คิดเอาไว้” แล้ว จอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้วยังเป็นอะไรที่เราประทับใจสุดๆ ในเรื่องประโยชน์ใช้สอย
นี่คือจอสัมผัสที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ MG เคยมีมาและดีเยี่ยมระดับแถวหน้าของวงการจออินโฟเทนเม้นท์แบบสัมผัสของรถยนต์ ระบบสัมผัสดีเยี่ยมระดับแท็ปเล็ตดีๆ เครื่องหนึ่ง เพียงแต่ถูกล็อคฟังก์ชั่นการใช้งานเอาไว้ด้วยระบบของ MG
ระบบนำทางเป็นของ TomTom ที่บอกเส้นทางได้ดี แม่นยำ ไม่มีเหวอ ไม่มีงง และบอกสภาพการจราจรแบบ Real Time พร้อมทั้ง True Music คลังเพลงนับล้านแค่กดหน้าจอ การเปิดปิดระบบและการแจ้งเตือนต่างๆ ก็ การปรับรูปแบบไฟในห้องโดยสาร อยู่ในจอนี้ทั้งหมดรวมถึงระบบปรับอากาศ
หน้าจอนี้ยังแสดงผลรอบตัวรถแบบ 360 องศา รวมถึงกล้องที่ด้านซ้ายและขวาในความเร็วต่ำ การแสดงภาพตัวรถแบบ 3 มิติเพื่อช่วยตรวจสภาพโดยรอบของตัวรถ ทั้งหมดเลือกกดบนหน้าจอได้เลย
ในรุ่นท็อปอย่าง MG HS X นั้นนอกจากพาโนรามิคซันรูฟและเบาะนั่งแล้ว ยังมีระบบที่เพิ่มเข้ามาช่วยทั้ง Adaptive Cruise Control, Lane Keep Assist และอื่นๆ อีกเพียบ
นอกจากเรื่องสมรรถนะเรื่องของระบบช่วยเหลือถือเป็นอีกเรื่องที่ดีกว่าที่เราคาดเอาไว้ การทดงานของ ACC เมื่ออยู่กับโหมดการขับขี่แบบ Eco จะนุ่มนวลลื่นไหลสุดๆ ทำงานได้ตั้งแต่ความเร็วเริ่มต้น ออกตัว จนหยุดสนิทและเมื่อรถคันหน้าหยุดเราก็หยุด หากเกินเวลาที่กำหนดระบบจะเตือนให้เราเหยียบคันเร่งเล็กน้อยเมื่อรถคันหน้าออกตัวเพื่อ Activate ระบบอีกครั้ง
แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียแม้ระบบควบคุมอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ จะใช้งานในเมือง ตอนรถติด จราจรไหลๆ ได้ แต่พอคันหน้าหยุด ตัวรถจะเบรกค่อนข้างรุนแรงไปสักหน่อย ถ้าขับคนเดียวอาจพอทนได้ แต่ผู้โดยสารมาน่าจะรำคาญและเวียนหัวอยู่
ส่วนใครที่อยากรู้รายละเอียดว่าระบบความปลอดภัยและช่วยเหลืออะไรเพิ่มเข้ามาบ้างนอกจาก 14 ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ก็ประมาณนี้ครับ
• ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
Advanced Driver Assistance Systems (ADAS)• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
• ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
สำหรับท่านที่กังวลเรื่องเสียงในห้องโดยสาร MG HS ถือเป็นรถอีกรุ่นที่เก็บเสียงในห้องโดยสารได้ดี ที่ความเร็วราว 120 กม./ชม. นั้นไม่มีลมตีโหวกเหวก ใครที่ชินกับปุ่ม Cruise Control บนพวงมาลัยแบบรถญี่ปุ่น ต้องใช้เวลาปรับตัวกับการใช้งานที่ก้านแบบรถยุโรปเล็กน้อย แต่แป๊ปเดียวก็คล่อง
รถคันที่เราได้ขับนั้นจะเป็นคันที่มาพร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำ และภายนอกอีกหลายจุด ที่เรามองว่าสวยกว่าของเดิมที่เป็นโครเมี่ยมเยอะ ราคาคร่าวๆ ของทั้งเซ็ตอยู่ที่ไม่เกิน 1.8 – 2 หมื่นบาท
ส่วนคนที่ซื้อรุ่นรองท็อปและตัวล่างนั้น เพิ่มฟังก์ชั่นฝาท้ายไฟฟ้าและเซนเซอร์เพื่อเตะแล้วเปิดฝาท้ายอัตโนมัติได้ในราคาประมาณ 1.8 หมื่นบาท ส่วนรุ่นท็อปที่เปิดประตูไฟฟ้าอยู่แล้วนั้น ซื้อฟังก์ชั่นเซนเซอร์เตะเพื่อเปิดไม่ได้
สำหรับโปรโมชั่น 1,000 คันแรก รับส่วนลด 34,000 บาท สำหรับการซื้อชุดอุปกรณ์ตกแต่ง หรือนำไปเป็นส่วนลดของราคาจำหน่ายรถได้ทันที พร้อมด้วยการรับประกันคุณภาพรถนาน 4 ปี หรือ 120,000 กม. ตอนนี้ทะลุไปนานแล้ว แต่ยังไงใช้โปรฯ นี้ได้ในงาน Motor Expo 2019
ราคาจำหน่าย MG HSNew MG HS รุ่น C ราคา 919,000 บาทNew MG HS รุ่น D ราคา 1,019,000 บาทNew MG HS รุ่น X ราคา 1,119,000 บาทขอบคุณบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัดคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
รีวิวฮอนด้า 2020Tags : รีวิว mg hs