Advertisement
ใช้ถุงยางอนามัยถูกทางอย่างถูกทาง พร้อมตอบคำถามถุงยางใช้ออรัลเซ็กได้หรือเปล่า?
ถุงยางอนามัย ถ้าหากใช้อย่างถูกต้องสามารถช่วยคุมกำเนิดได้ดีมากยิ่งกว่าแนวทางอื่นๆและก็สามารถคุ้มครองปกป้องโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย หลายท่านรู้เรื่องว่า การใช้ถุงยางอนามัยจะมีผลให้ความพอใจสำหรับการร่วมเพศลดน้อยลง ทั้งที่ในความเป้นจริงนั้น ถุงยางสามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจสำหรับเพื่อการมีเพศสัมพันธ์ให้มากเพิ่มขึ้นได้ ทั้งในเรื่องของขนาด รูปร่าง สีสัน พื้นผิวซึ่งมีอีกทั้งแบบเรียบและแบบที่มีกระเปาะ (ถุงเก็บน้ำอสุจิที่ส่วนปลาย ) มีกลิ่นแล้วก็รสของผลไม้ หรือมีกลิ่นน้ำหอม สามารถเรืองแสงได้ในที่มืดทั้งแบบทึบแสงและก็บอบบางใส หรือประเภทที่ช่วยทำให้การร่วมเพศนานขึ้นได้ด้วยการเคลือบสารหรือยาบางประเภท ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะเลือกใช้ถุงยางแบบไหน
นอกจากถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายแล้วยังมีถุงยางอนามัยสำหรับหญิงด้วยด้วยเหมือนกัน เพียงแต่อาจไม่ได้รับความนิยมมากสักเท่าไรนักเพราะเหตุว่าออกจะไม่สะดวกสำหรับในการสวม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบวิธีการทำออรัลเซ็กส์ หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก็มี แผ่นอนามัย หรือ แผ่นแดม (Dental dam) ให้เลือกใช้เพื่อให้มีความปลอดภัยของสุขลักษณะเหมือนกัน อย่างไรก็แล้วแต่ ในเนื้อหานี้เราจะเอ่ยถึงถุงยางอนามัยสำหรับเพศชายเพียงแค่นั้น
ชนิดของถุงยางอนามัย
ในขณะนี้ถุงยางอนามัยสร้างขึ้นจากยางธรรมชาติ (Latex) หรือที่เรียกว่า “Male Latex Condom” นอกจากถุงยางชนิดนี้จะมีราคาถูกแล้ว ยังได้รับการยืนยันในเรื่องของคุณภาพและก็ความคงทน และก็ยังสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำได้ อาทิเช่น เควาย เจล (K-Y jelly) แม้กระนั้นถ้าเกิดเป็นสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบก็อาจทำให้ถุงยางอนามัยชนิดนี้มีการสลายตัวแล้วก็ชำรุดทรุดโทรมฉีกให้ขาดได้ แต่ถ้าผู้ใดกันแพ้ยางธรรมชาติก็บางทีอาจใช้ถุงยางอนามัยที่ผลิตขึ้นจากสารสังเคราะห์แทนได้ ยกตัวอย่างเช่น Polyurethane (Polyurethane Condom)
ตามกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ได้ระบุประเภทของถุงยางที่ทำมาจากน้ำยางตามธรรมชาติไว้ 13 ประเภท โดยใช้ "ขนาดความกว้างของอวัยวะเพศชาย" เป็นหลักเกณฑ์ ตั้งแต่ขนาด 44 – 56 มม. โดยความยาวจากปลายเปิดถึงปลายปิดไม่รวมติ่งจำเป็นจะต้องไม่น้อยกว่า 160 มม. ในประเทศไทยมีวางขายอยู่ 3 ขนาดแค่นั้น อย่างเช่น 49, 52 รวมทั้ง 56 มิลลิเมตร
ไม่เหมือนกันของถุงยางอนามัยแต่ละประเภทมีได้ ดังต่อไปนี้
ชนิด : ที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ ชนิดที่ทำมาจากน้ำยางธรรมชาติ (Latex Condom) แล้วก็ชนิดที่ทำจากสารสังเคราะห์ (Polyurethane Condom)
ขนาด : มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 13 ขนาด เป็น ตั้งแต่ 44 มิลลิเมตร จนถึง 56 มิลลิเมตร
ความบาง : โดยปกติถุงยางจะมีความหนาตามมาตรฐานเป็น 0.05 - 0.07 มม. แม้กระนั้นปัจุบันมีการสร้างถุงยางอนามัยที่มีความบางเป็นพิเศษ เพียงแค่ 0.02 - 0.01 มิลลิเมตร ออกมาอีกด้วย ทำให้ผู้สวมรู้สึกถึงสัมผัสที่แนบสนิทเหมือนมิได้ใส่
รูปทรง : มีอีกทั้งแบบที่เป็นทรงกระบอกตรง (straight) และก็แบบลูกคลื่น (rippled)
ลักษณะก้นถุง : มีทั้งยังแบบเรียบ หรือมน (plain) รวมทั้งแบบที่เป็นกระเปาะ (reservoir-ended or teat) สำหรับเก็บน้ำกาม
ผิวถุงยาง : มีหลายแบบให้เลือก ทั้งยังแบบที่เป็นผิวเรียบ (smooth) รวมทั้งแบบผิวไม่เรียบ (textured) หรือผิวตะปุ่มตะป่ำ
สีสัน : มีนานาประการสีให้เลือก ทั้งแบบสีธรรมชาติ สีประกายรุ้งกินน้ำ และแบบเรืองแสงในที่มืด
กลิ่นและก็รส : มีหลายกลิ่นหลายรสให้เลือกตามความชอบ
คุณสมบัติพิเศษ : มีสารหล่อลื่น สารชะลอการหลั่ง สารทำลายเชื้อน้ำเชื้อและคุ้มครองปกป้องโรคติดต่อ ฯลฯ
วิธีวัดขนาดถุงยาง
การประเมินขนาดถุงยาง สามารถวัดอย่างคร่าวๆได้จากความสูงของผู้สวม วิธีแบบนี้ไม่ถูกต้องมากเท่าไรนัก ถ้าหากส่วนสูงไม่เกิน 160 ซม. ควรที่จะใช้ถุงยางขนาด 49 มิลลิเมตร แม้กระนั้นหากมีส่วนสูงเกิน 160 ซม. ก็ใช้ขนาด 52 มิลลิเมตร แต่เพื่อความเที่ยงตรงควรวัดที่ของลับขณะแข็งตัวจะดีกว่า ก่อนวัดขนาดอวัยวะสืบพันธุ์ชายควรกระตุ้นให้แข็งตัวเต็มกำลัง แล้วจึงวัดขนาดของเส้นรอบวงที่ตรงกลางของลับ (ไม่ใช่ความยาวของอวัยวะเพศ) เมื่อได้ค่าแล้วก็ค่อยนำไปหารสองก็จะได้ขนาดถุงยางที่แม่นยำ หน่วยที่ใช้เพื่อสำหรับการวัดคือ มิลลิเมตร
ขั้นตอนการเลือกใช้ถุงยางไม่ให้หลุด หรือแตกระหว่างใช้
จำเป็นต้องดูวันเดือนปีที่หมดอายุ โดยบรรจุภัณฑ์ของถุงยางอนามัยควรต้องอยู่ในภาวะที่ดี ไม่ฉีกจนขาด ถ้าหากถุงยางอนามัยหมดอายุ หรือหมดสภาพ แล้วยังนำมาใช้งานจะได้โอกาสเกิดการฉีกให้ขาดได้ง่ายขณะใช้งาน
ต้องซื้อให้พอดีกับขนาดอวัยวะสืบพันธุ์ของตนเพราะว่าถ้าหากใช้ขนาดหลวม หรือคับกระทั่งเกินไป อาจจะส่งผลให้ถุงยางอนามัยแตก หรือหลุด ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้
ควรจะฉีกซองถุงยางอนามัยให้ตรงสะกดรอยที่กำหนดให้ ห้ามใช้ฟันกัดเพื่อฉีกซองและก็ระวังเล็บมือไปเกี่ยว หรือขีดข่วนถุงยางจนกระทั่งขาด
จะต้องสวมถุงยางในเวลาที่อวัยวะเพศยังแข็งตัวเต็มที่เพื่อคุ้มครองการหลุดขณะใช้และก็ควรถอนอวัยวะสืบพันธุ์ชายออกเมื่อยังแข็งตัวอยู่ เพื่อป้องกันถุงยางหลุดออกตอนถอนตัวตอนที่ของลับอ่อนตัวลงแล้วนั่นเอง
ขณะเอาถุงยางอนามัยออกจากอวัยวะเพศให้ใช้กระดาษชำระจับทุกคราว ไม่ให้มือสัมผัสกับสารคัดหลั่งโดยตรง
แนวทางใส่ถุงยางให้ถูกต้อง
เมื่ออวัยวะสืบพันธุ์ชายแข็งตัวมักจะมีน้ำสเปิร์มปริมาณบางส่วนออกมาจากอวัยวะสืบพันธุ์ เพราะเหตุนี้จะต้องจะใส่ถุงยางก่อนจะมีการสัมผัสใดๆก็ตามระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์ชายกับบริเวณช่องคลอดของฝ่ายหญิง ที่สำคัญเมื่อจะใส่ถุงยางอนามัยพึงระวังไม่ให้น้ำกามที่ออกมาก่อนเริ่มมีเซ็กส์เปื้อนเปรอะภายนอกของถุงยาง แล้วก็ควรมั่นใจว่า สวมถุงยางอนามัยปกคลุมมิดอวัยวะสืบพันธุ์ชายที่ยาวเต็มที่แล้ว
หากถุงยางอนามัยฉีกขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ควรจะหยุดทันที รวมทั้งใส่ถุงยางอนามัยชิ้นใหม่แทน
เมื่อฝ่ายชายถึงจุดสุดยอดแล้ว ควรจะเอาอวัยวะสืบพันธุ์ชายออกจากช่องคลอดของฝ่ายหญิงก่อนที่จะอวัยวะเพศจะอ่อนตัวลง ช่วงเวลาเดียวกันฝ่ายชายควรจะจับถุงยางอนามัยไว้ด้วยเพื่อมั่นใจว่า ถุงยางอนามัยไม่หลงเหลืออยู่ข้างในช่องคลอดของข้างหญิง ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นอาจจะส่งผลให้น้ำกามหกใส่ช่องคลอดของฝ่ายหญิงได้
สารหล่อลื่นที่ไม่ควรใช้กับถุงยาง
ห้ามใช้สารหล่อลื่นประเภทไม่ละลายน้ำ พูดอีกนัยหนึ่ง สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันแร่ หรือน้ำมันพืชมาทาที่ถุงยางอนามัย ดังเช่นว่า เบบี้ออยล์ น้ำมันปิโตรเลียม หรือบอดี้โลชั่น เนื่องด้วยสารเหล่านี้จะก่อให้ถุงยางที่ทำจากยางธรรมชาติเสื่อม หรือขาด เสีย และมีฤทธิ์กัดกร่อนไปทำลายพันธะเคมีในถุงยาง
โดยน้ำมันพืชจะทำให้ถุงยางสลายตัวได้เร็วที่สุด รองลงมาเป็น เบบี้ออยล์ ปิโตรเลียมเจลลี่ และก็บอดี้โลชั่น ทั้งยังการใช้ยาใส่ช่องคลอดก็สามารถทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพได้เช่นเดียวกัน
ถุงยางจะได้ผลสำหรับในการคุมกำเนิด หรือคุ้มครองปกป้องการกระจายเชื้อโรคได้อย่างมากสุด ทั้งนี้ขึ้นกับความรู้ที่ถูกต้องของผู้ใช้อีกด้วย ซึ่งพวกเราควรจะทำความเข้าใจ หรือฝึกฝนตรวจสอบและลองใช้ก่อนที่จะมีการลงสนามจริง เพื่อพิจารณาขนาดที่เหมาะเจาะ หรือมองว่าจะกำเนิดอาการแพ้ไหม เพื่อช่วยให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นความสุขที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับความปลอดภัยด้วยนั่นเอง
ความสามารถของถุงยาง
- คุณภาพสำหรับในการคุ้มครองการมีท้อง
หากใช้ถุงยางอย่างถูกแนวทาง (Perfect use) ช่องทางที่การคุมกำเนิดจะล้มเหลวมีอยู่เพียงแค่ 2% เท่านั้น หรือหากเทียบเป็นปริมาณการท้องต่อปี (First year of use) แล้ว พบว่า คนที่ใช้ถุงยางเพื่อคุมกำเนิดปริมาณ 100 คน จะได้โอกาสมีครรภ์เพียง 2 แค่นั้น แต่ว่าจากการใช้แรงงานจริง พบว่า มีความไม่ประสบผลสำเร็จในการคุมกำเนิดเพิ่มขึ้นเป็น 18% หรือคิดเป็น 1 ใน 5 คน จากคนที่ใช้แนวทางแบบนี้สำหรับในการคุมกำเนิด ซึ่งมีต้นเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะคือการใช้ถุงยางอนามัยผิดวิธี ใช้ไม่สม่ำเสมอ ใช้สลับกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น หรือถุงยางอนามัยทรุดโทรม ฉีกให้ขาด หรือรั่วซึม
- ประสิทธิภาพสำหรับในการปกป้องโรคติดต่อทางเพศ
ถุงยางอนามัยช่วยคุ้มครองปกป้องคุณจากโรคติดต่อทางเพศสโมสร (Sexually transmitted disease; STD) เป็นต้นว่า ติดโรค HIV โรคภูมิคุมกันบกพร่อง หนองในเทียม โกโนเรีย คลามายเดีย ตลอดจนโรคไวรัสตับอักเสบมากยิ่งกว่าการคุมกำเนิดด้วยแนวทางอื่น ถุงยางทําหน้าที่เป็นป้อมปราการกันเลือด น้ำอสุจิ และสารคัดหลั่งจากช่องคลอดไม่ให้ส่งต่อไปยังคู่รักในระหว่างมีเพศสัมพันธ์เนื่องจากเลือดและสารคัดเลือกหลั่งเหล่านี้ล้วนแต่ได้โอกาสเป็นแหล่งเชื้อโรคได้ทั้งปวง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าการใช้ถุงยางอนามัยจะปลอดภัยเต็มร้อยด้วยเหตุว่าถึงจะใช้ให้ถูกต้อง แต่ถุงยางไม่สามารถปกป้อง เริม หูดหงอนไก่ ซิฟิลิส แล้วก็เชื้อกามโรคอีกหลายแบบที่สามารถติดต่อได้จากหลายหนทางได้ โดยเฉพาะคนที่มีคู่รักหลายคน แม้ว่าจะใช้ถุงยางเสมอแต่ยังคงจะต้องตรวจหาโรคติดต่อทางเพศชมรมเป็นประจําอยู่ดี
ถุงยางช่วยปกป้องคุณจากโรคไม่พึงประสงค์ได้ดีที่สุด แม้จะปกป้องได้ไม่หมดทุกโรคก็ตาม ซึ่งมีเหตุที่ต้องคํานึงถึง ดังนี้
เชื้อโรคสามารถแทรกซึมผ่านถุงยางอนามัยได้หรือไม่
การแพร่ระบาดชอบมาพร้อมกับสารคัดภายหลังช่องคลอด หรือ อวัยวะสืบพันธุ์ชายใช่หรือไม่ใช่
ใช้ถุงยางถูกต้องไหม ถุงยางปริ แตก รั่ว หรือเลื่อนหลุดหรือไม่
ถุงยางจะช่วยลดการเสี่ยงของการได้รับเชื้อได้จนกระทั่งของเหลว หรือรอบๆที่ปนเปื้อนเชื้อถูกกั้นแบ่งด้วยถุงยาง ไม่งั้นถุงยางก็คงจะไม่มีความหมาย ตัวอย่างเช่น กรณีออรัลเซ็กส์ ด้วยเหตุว่าเยื่อบุช่องปากที่สัมผัสบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ หรือสารคัดเลือกหลั่งที่มีเชื้อโรคโดยตรงก็อาจจะก่อให้ติดเชื้อนั้นๆมาได้
คําแนะนําในการใช้ถุงยางอนามัยให้สำเร็จเยอะที่สุด
ถุงยางที่ทําจากลาเท็กซ์ หรือโพลียูริเทน มีคุณสมบัติคุ้มครองได้เหนือกว่าถุงยางจากธรรมชาติที่ทําจากหนังแกะซึ่งจะมีรูขนาดใหญ่กว่า เชื้อโรคบางจำพวกสามารถผ่านได้
จำต้องสวมถุงยางอนามัยหุ้มอวัยวะเพศชายอีกทั้งลํา และก็สวมตั้งแต่ก่อนร่วมเพศไปจนกระทั่งจบแนวทางการ
สวมถุงยางชิ้นใหม่ทุกครั้งที่มีเซ็กส์ ภายหลังเสร็จกิจแล้ว ถอดถุงยางออกอย่างถี่ถ้วน อย่าให้รั่ว หรือแตก ถ้าใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจํา โอกาสผิดพลาดจะน้อย
ห้ามใช้น้ำมัน หรือวาสลีน ด้วยเหตุว่าจะทําให้ถุงยางอนามัยอ่อนตัวลงและแตกง่าย ควรใช้เป็นสารหล่อลื่นแบบน้ำแทน
เก็บรักษาถุงยางอนามัยใหม่ในที่เย็นและแห้ง ซึ่งก็ถือได้ว่า ถุงยางเก่าเก็บที่พกในกระเป๋าธนบัตรของคุณนานแรมปีนั้นอาจเสื่อมสภาพไปแล้ว
ปริศนาเกี่ยวกับถุงยางอนามัยที่คนใคร่รู้เยอะที่สุด
- ถุงยางชนิดไหนเยี่ยมที่สุด
เดี๋ยวนี้ถุงยางอนามัยบางจำพวก มียาทำลายสเปิร์ม (spermicide) จำพวกโนน็อกสินอล (Nonoxynol) ฉาบอยู่ ซึ่งช่วยสำหรับการคุมกำเนิดได้ดี แต่ว่าไม่มีหลักฐานที่ช่วยเหลือว่า ช่วยลดการติดโรคติดต่อทางเพศสโมสร หรือไวรัสเอดส์ได้ดีมากว่าถุงยางอนามัยที่ไม่มีสารฉาบทำลายสเปิร์ม ยิ่งไปกว่านี้ยังอาจจะก่อให้มีการเคืองอวัยวะเพศได้ซึ่งอาจจะเป็นผลให้เพิ่มช่องทางการรับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสโมสรรวมทั้งเชื้อไวรัสเอดส์มากขึ้นด้วย ถุงยางอนามัยสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าสบายซื้อ หรือแม้เขิน หรือกลัวว่าจะมีคนรู้จักกันประสบพบเห็น ก็สามารถสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต ดังเช่นว่า ผ่านเว็บ honestdocs.co ก็ได้
- ออรัลเซ็กส์ต้องใช้ถุงยางอนามัยไหม
ทุกหนทางสำหรับในการร่วมเพศอาจจะเป็นผลให้มีแนวโน้มเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ทั้งหมด ด้วยเหตุผลดังกล่าวควรใส่ถุงยางอนามัยทุกหนไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เพราะเหตุว่าเราไม่อาจทราบได้ว่าจะมีการติดเชื้อโรคตามมาไหม
- สามารถนำถุงยางมาใช้ซ้ำได้ไหม
ถุงยางของทั้งชายรวมทั้งหญิงไม่อาจจะนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งก็นับได้ว่า ถุงยางอนามัยแต่ละชิ้นจะใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว (สตรีผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่า ถุงยางอนามัยสำหรับหญิงสามารถล้างรวมทั้งนำกลับมาใช้ซ้ำได้ซึ่งไม่เป็นความจริง และไม่เสนอแนะให้ทำโดยเด็ดขาด) หลังจากที่ได้ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว คุณควรห่อด้วยกระดาษชำระ (เนื่องจากว่าสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ) แล้วก็ทิ้งลงถังที่มีไว้สำหรับเป็นถังขยะ สิ่งที่จำเป็นที่สุดเป็น ไม่ควรทิ้งถุงยางอนามัยอนาัยลงในโถชักโครกเพราะว่าอาจก่อให้ท่อตันได้ เมื่อยางแช่อยู่ในน้ำ (เช่น ในโถชักโครก) มันจะไม่ได้ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ รวมทั้งหากหลุดรอดไปที่ขั้นตอนการบำบัดรักษาน้ำเสีย ถุงยางใช้แล้วก็บางทีอาจแปดเปื้อนในแหล่งน้ำใช้ของเราทุกคนได้ ส่วนมากถุงยางที่ผลิตจากยางแล้วก็ผิวหนังของแกะจะสามารถย่อยสลา
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
zatinosTags : zatinos,zatinos.com,http://zatinos.com
