Advertisement
เครื่อง Printer คือพัฒนาการในการ ผลิตPrinterมีมานาน เริ่มจากสมัยแรก ๆที่เครื่องปริ้นสามารถ พิมพ์ได้แค่สีเดียวคือ ขาวดำ ซึ่งมีการมองกันว่า เครื่องปริ้นเป็นอุปกรณ์ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องพิมพ์ดีด เพราะเครื่องพิมพ์มีการใช้แถบหมึก เหมือนเครื่องปริ้นดีด ซึ่งแถบน้ำหมึกนี้ ซึ่งไปประทับรอยลงไปบน แผ่นกระดาษ ถ้าถูกเหล็กปริ้นดีดไปกระทบเข้าแล้ว สำหรับเครื่องพิมพ์หรือพรินเตอร์ระบบดังกล่าว ที่มีการใช้งานแพร่หลายมากที่สุดก็คือ dot matrix ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
ข้อเสียที่เด่นชัด ของพวกพรินเตอร์รุ่นแรก ๆพวกนี้ก็คือ การมีเสียงดัง ซึ่งได้มีการพัฒนา ให้ดีมาเรื่อยๆ เมื่อภายหลังนี้ ถ้ามีการนำเอาเครื่องPrinterนี้ ไปใช้งานในสำนักงานกับบ้านเรือนมากขึ้น ซึ่งความเงียบถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการพิมพ์งานในที่ที่เหล่านั้น เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ ที่มีความเงียบอย่างมากขึ้นในการพิมพ์ก็คือ เครื่องปริ้นระบบ melting wax หรือ ที่บางครั้งก็เรียกกันว่า thermal wax, เครื่องปริ้นระบบ heating dye หรือที่บางครั้งก็เรียกว่าเครื่องปริ้น thermal dye printers, และเครื่องปริ้นระบบ spitting ink หรือที่นิยมเรียกกันว่า เครื่องอิงค์เจ็ท รวมไปถึงทั้งเครื่องปริ้นระบบฉายแสง หรือที่รู้จักกันดีว่าเลเซอร์พรินเตอร์นั่นเอง โดยหลักการแล้วPrinterเหล่านี้ จะทำงานเหมือนกับเครื่องระบบdot matrix แค่แต่ว่าจุดของน้ำหมึกนั้นจะเล็กกว่ากันมาก พร้อมจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยเครื่องปริ้นรุ่นแรก ๆในกลุ่มนี้จะมีค่าความคมชัดราว 300 คูณ 300 จุดหรือ dot ต่อนิ้ว dpi ทั้งนี้ ค่าของความคมชัดดังกล่าวนี้ ก็ได้มีการแก้ไขให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในหลายๆปีที่ผ่านมา และ ในปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์รุ่น 600 dpi ได้รับการพิจารณาว่า เป็นมาตรฐานของการปริ้น ของเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป ทั้งในวันนี้ เครื่องเครื่องปริ้นสามารถ พิมพ์งานได้ตามรูปแบบ หรือฟอนต์ของตัวหนังสือ ตรงตามที่เราได้เห็นบนจอภาพนี้ โดยมันจะสามารถพิมพ์ข้อความได้อย่างคมชัด เสมือนกับเครื่องเครื่องพิมพ์ ระดับมืออาชีพ นอกจากนั้น มันยังสามารถ ปริ้นรูปภาพกราฟิกสี ที่งดงามได้ เพื่อการนำเสนอในโอกาสต่าง ๆ มากไปกว่านั้นคือ มันยังมีบางรุ่นที่สามารถพิมพ์ภาพถ่าย ได้ใกล้เคียงกับรูป ที่อัดจากฟิล์มจริงๆอีกด้วย จนแทบจะแยก กันไม่ออกอีกด้วย
เครดิต :
[url]http://unadulteratedgoateebatolostudent.tumblr.com/[/url]