เพลงชาติไทยพศ.2475 พร้อมเนื้อร้อง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เพลงชาติไทยพศ.2475 พร้อมเนื้อร้อง  (อ่าน 34 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
iampropostweb
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37259


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 07:33:56 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



ใครที่มีลูกแล้ว เคยเจอลูกถามคำถามแปลกๆแบบนี้ไหม “พ่อครับ.. แม่ครับ.. เพลงชาติไท
 สำคัญกับชีวิตเรายังไงหรอครับ ทำไมครูที่โรงเรียนต้องให้ร้องเพลงชาติทุกเช้าเลย” หากเป็นพ่อแม่ที่มีนิสัยอารมณ์ร้อน คงอาจจะมีเหวี่ยงมือตบปากลูกไปเลยก็ได้ แต่อยากให้คุยกับลูกด้วยเหตุผล และอธิบายให้ลูกเราเข้าใจ เราต้องเข้าใจว่าเด็กนั้นยังมีหลายเรื่องที่เขาไม่รู้ การพูดจาด้วยเหตุผลและอารมณ์กริยาที่เหมาะสมกับบุตรของเรา คงจะเป็นการเหมาะสมกว่า

ตามจริงแล้ว.. ทุกประเทศทั่วโลก(หรืออาจเกือบทุกประเทศ) ก็จะมีเพลงประจำชาติของตน รวมไปถึงธงชาติ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ เปรียบเหมือนสิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในหัวใจคน โดยแสดงถึงความเป็นประเทศนั้นๆ ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆคือ วันนี้เราไปสมัครงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง บริษัทก็จะมี Logo ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเป็นบริษัทนั้นๆ ซึ่ง Logo จะซ้ำกับบริษัทอื่นไม่ได้นั่นเอง

เวลามีคนมาถามเราว่าทำงานบริษัทไหน เราก็จะบอกเพื่อนได้ แต่เพียงแค่ชื่อมันอาจไม่เห็นเป็นรูปธรรมเพราะแต่ละบริษัทบางทีชื่อใกล้เคียงกันก็มี เลยต้องมี Logo บริษัทเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นแสดงความชัดเจนได้เป็นอย่างดี และอีกอย่างคือสโลแกนของบริษัทก็จะมีไว้เพื่อบ่งบอกว่า บริษัทนี้มีความเป็นบริษัทในด้านใดบ้างนั่นเอง ทีนี้กลับมาที่เพลงชาติไทยบ้านเรา



ประเทศเรามีธงชาติเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นความ “เราคือคนไทย เราอยู่ในแผ่นดินประเทศไทย” ก็จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นใจเวลาที่เราอยู่ในแผ่นดินบ้านของเรานั่นเอง ส่วนเพลงชาติไทยนั้น เนื้อเพลงจะบ่งบอกได้ถึงประเทศไทยเป็นอย่างดี ว่าไทยเรานี้มีความเป็นอยู่อย่างไร มีจุดมุ่งหมายแบบไหน แต่เราจะปกป้องทุกสิ่งที่เป็นของไทย ไม่ยอมให้ใครผู้อื่นมารุกราน

การที่โรงเรียนแต่ละแห่งจะต้องมีการร้องเพลงชาติทุกเช้า เหตุผลหนึ่งคือต้องการให้เด็กไทยร้องเพลงชาติเป็น เพราะถ้าให้ไปฝึกร้องกันเองที่บ้าน คงจะมีคนร้องเพลงชาติไม่ได้เยอะแน่นอน ซึ่งเนื้อเพลงไม่ได้ร้องยากอะไรนัก แต่ที่จะร้องกันไม่ได้เพราะไม่หัดร้อง ไม่มีคนบังคับร้อง จึงต้องมีการร้องเพลงชาติหน้าเสาธงเกิดขึ้นในหลายๆโรงเรียนที่เป็นวัยอนุบาล ประถม มัธยม เป็นต้น

ส่วนวัยนักศึกษาจะหาได้ยากสักหน่อยเพราะระบบการเข้าเรียนนั้นแตกต่างกัน ลองคิดดูเล่นๆ หากลูกหลานเราเป็นคนไทยแท้ แต่กลับร้องเพลงประจำชาติไม่ได้ จะน่าอายแค่ไหน หากเจอชาวต่างชาติที่หลงรักประเทศไทยเรา แล้วเขาชวนร้อเพลงชาติไทยก็มีไว้ให้เราขับร้องเพื่อระลึกขอบพระคุณแผ่นดิน ขอบคุณวีรชนผู้กล้าที่เสียสละเลือดเนื้อมามากมายในอดีต เพื่อที่จะปกป้องรักษาชาติไทยเอาไว้

หากไม่มีวีรชนผู้กล้าในอดีต ป่านนี้เมืองไทยคงไม่ได้เป็นสยามเมืองยิ้มอย่างที่เป็นกันอยู่อย่างแน่นอน หากเราลองศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็จะทำให้เราได้เห็นถึงความกล้า ความรักในชาติบ้านเกิด ความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยก่อนว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร แน่นอนว่าประวัติศาสตร์ไทยก็มีสอนอยู่ในโรงเรียน

เห็นความสำคัญของเพลงชาติไทยกันแล้วสินะหากลองนั่นคิดพิจารณดู ถ้าเราไม่มีเพลงประจำชาติ หรือแม้แต่ธงประจำชาติ อะไรจะเป็นตัวบ่งบอกความเป็นไทยในตัวเราได้บ้าง ไม่ว่าจะบัตรประชาชนที่มีชื่อและสัญชาติของเรา หรือใบเกิด ใบขับขี่ หรืออื่นๆก็ตามที คงจะไม่มีสิ่งไหนที่ชัดเจนไปกว่าธงชาติและเพลงชาติไทยอีกแล้ว สยามเมืองยิ้มเรานี้ ไม่ได้ต้องการแบ่งแยกชนชั้น ไม่ได้ขัดแย้งกับประเทศชาติอื่นๆ

เรามีไมตรีจิตรอันดี ที่พร้อมต้อนรับเพื่อนบ้านต่างชาติด้วยความเต็มใจอย่างสุดซึ้ง ต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยียนบ้านเรา รักความเป็นไทยขนาดไหน เราเองซึ่งเป็นคนไทยโดยกำเนิด ก็รักประเทศชาติไปไม่น้อยกว่ากันอย่างแน่นอน นอกจากเพลงชาติไทยจะถูกบรรเลงขึ้นในทุกเช้าของทุกวันที่มีการเรียนการสอนในโรงเรียน เราจะฟังเพลงชาติได้จากทางวิทยุ ทีวี สื่ออื่นๆ ซึ่งทางวิทยุและทีวี ก็มีการเปิดเพลงประจำชาติให้ฟังทุกวันไม่มีหยุด ในช่วงเวลา 8.00 น. เปิดเพลงชาติไทย 1 รอบ และอีกครั้งคือช่วงเวลา 18.00 น.

ซึ่งช่วงเช้าก็เวลาเดียวกับที่โรงเรียนทั่วไปได้ให้นักเรียนขับร้องเพลงประจำชาติไทย ส่วนตอนเย็นเปิดไว้คงจะต้องการให้ผู้คนทั่วไปที่เลิกงานเย็นได้รับฟัง ตามจริงในตัวเมืองที่มีผู้คนจำนวนมาก ก็จะมีเปิดเพลงชาติในที่สาธารณะเช่นกัน ดังเช่น อนุสาวรีย์ชัย หรือในย่านห้างดัง เมื่อเพลงชาติดังขึ้น ทุกคนก็จะหยุดทำกิจกรรมต่างๆ แล้วยืนสงบนิ่งเพื่อแสดงความเคารพและระลึกในชาติ นอกจากการยืนแสดงความเคารพเฉยๆ บางคนก็จะร้องเพลงชาติไปด้วย

ว่ากันตามจริง อยากเห็นคนไทยทุกคนร้องเพลงชาติในทุกเช้าและเย็นที่ได้ยินเสียงเพลงชาติดังขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนสัก 20 ปีที่แล้ว ประมาณปีพุทธศักราช 2535 สมัยนั้นเมื่อเพลงชาติดังขึ้น คนส่วนใหญ่จะยืนร้องเพลงชาติกันด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะที่บ้านก็ดี ที่ทำงานก็ดี หรือที่สาธารณะก็ดี

แต่สมัยนี้โลกเปลี่ยนไปมาก หากใครร้องเพลงชาติขึ้นมาในที่กลางห้าง หรือที่คนเยอะๆ ก็มักจะถูกมองว่าบ้าบ้างล่ะ สติไม่มีบ้างล่ะ ทั้งๆที่ตามความจริง เราควรรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจให้กับเขา ทำให้หลายคนขี้อายที่อยากแสดงความรักชาติด้วยการร้องเพลงชาติไทยทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงดังขึ้น ต้องเก็บความรู้สึกนั้นอยู่ในใจและยืนตามคนอื่นเขาเฉยๆ เพราะกลัวว่าจะถูกมองแปลกๆในสายตาคนอื่น หากจุดๆนี้ทางรัฐบาลได้มีการกระตุ้นกิจกรรมบางอย่างในส่วนนี้ เราอาจได้เห็นคนไทยได้แสดงความรักชาติออกมาด้วยการกระทำมากขึ้นก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะอายเวลาจะร้องเพลงชาติไทยให้คนที่ไม่รู้จักฟัง สิ่งสำคัญนั้นไม่ได้อยู่ที่เราจะขับร้องออกมาหรือร้องในใจ แต่มันอยู่ที่หัวใจเราเป็นคนดีพอแล้วหรือยังในการได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินประเทศไทย ความดีในตัวเรานี้ เราจะต้องรู้จักการมองแบบเป็นกลาง ไม่เข้าข้างตัวเอง หากวันนี้เราเป็นคนไทยแท้ แต่ยังวิ่งราวขโมยของชาวบ้านอยู่ ปล้นชิงทรัพย์ ฆ่าข่มขืน หรือทำในเรื่องที่เลวร้ายแต่ผู้อื่นและประเทศชาติบ้านเกิด มันก็คงไม่เป็นการแสดงความรักชาติเลย นอกจากนั้นยังเป็นการแสดงในทางตรงกันข้าม คือทำลายชาติของตนอีกด้วย


แสดงความรักชาติ นอกเหนือจากการขับร้องเพลงชาติไทยที่กล่าวข้างต้นนี้ การที่เราสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นถือเป็นการทำลายชาติ เพราะคนอื่นที่เราไปเบียดเบียน เขารู้สึกไม่ปลอดภัยในความเป็นอยู่ ถ้าหากว่าเราเป็นคนรู้จักในหมู่คนจำนวนมาก บางทีเราก็จะได้เห็นคนไทยย้ายที่อาศัยไปตั้งฐานอยู่ในประเทศอื่นๆก็จะมีเป็นระยะทุกๆวัน ไม่ใช่ว่าประเทศไทยไม่ดีในสายตาเขา แต่เพราะเขาเหล่านั้นถูกสังคมเลวร้ายบางส่วนมากดดัน เบียดเบียน จนรู้สึกไม่

ปลอดภัยในการใช้ชีวิตตัวเองและครอบครัว จึงต้องย้ายสถานที่อาศัย เหตุที่ทำให้เขาเหล่านี้ย้ายไปก็เพราะกลุ่มคนที่แก่งแย่ง สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น และเมื่อมีข่าวออกมา หลายๆประเทศก็จะมองว่าประเทศไทยเรานี้ไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร ก็จะลดโอกาสการแวะมาเยี่ยมเยียนเมืองสยามแห่งนี้ นั่นถือเป็นเหตุที่ทำลายชาตินั่นเอง

คนกลุ่มนี้ไม่ควรจะอยู่ในประเทศไทยเสียด้วยซ้ำไป ไม่สิ.. ต้องบอกว่าไม่ควรเกิดมาเป็นคนเลยน่าจะเหมาะ เพราะถ้าอยู่ประเทศอื่น ก็คงสร้างความเดือนร้อนแก่ผู้อื่นไม่แตกต่างกันอยู่กัน “การเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่าสัตว์ประเสริฐ แต่กลับสร้างการกระทำต้อยต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่อาจคู่ควรในการดำรงชีวิตบนโลกนี้ได้”

นอกจากการแสดงความเคารพในชาติ การรักชาติด้วยการร้องเพลงชาติไทย เรายังสามารถทำให้สิ่งที่เป็นการบ่งบอกว่าเราเป็นคนรักชาติได้อีกหลายๆอย่าง เช่น การช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากตามกำลังที่เราสามารถจะช่วยเหลือเขาได้โดยไม่เดือดร้อนตัวเองมากนัก การรักษาสิ่งแวดล้อมให้ประเทศไทยน่าอยู่ สำหรับข้อนี้ค่อนข้างสำคัญไม่น้อย เมื่อประชากรเยอะมากขึ้น

การดูและสิ่งแวดล้อมจะดีขึ้นหรือลดลงก็อยู่ที่ประชากรที่มี หากคนส่วนใหญ่เลิกที่จะทิ้งขว้างขยะไม่เป็นที่เป็นทาง อยากวางตรงไหนก็วาง สมัยนี้มีเยอะ ขนาดคนเยอะๆยังกล้าวางทิ้งกับพื้นถนนได้ ไม่ใช่แค่มนุษย์ป้า แต่เป็นทุกวัย ของแบบนี้อยู่ที่ตัวเราว่าจะมีจิตสำนึกในการรักประเทศชาติมากแค่ไหน ถ้าเราเป็นคนระลึกถึงชาติไทยอยู่เสมอ เรื่องเหล่านี้เราคงจะไม่ทำเพราะรู้ว่าถ้าทำมันก็เป็นการทำลายสภาพแวดล้อมของชาตินั่นเอง

ตึกใหญ่อาคารสูงๆก็ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการใช้ทรัพยากรของโลกมากขึ้นทุกๆวันในเชิงทำลายสภาพแวดล้อมโลก อากาศบ้านเราก็ไม่ค่อยปกติเหมือนสมัยก่อนที่มี 3 ฤดูตามช่วงเวลาเดือนที่เหมาะสม ทำไมเราถึงไม่ช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อประเทศและดีต่อโลกให้มากขึ้นล่ะ

หากมีการใช้พลังงานจนเกิดภาวะโลกร้อน ก็หาสร้างในสิ่งที่ทดแทนให้อากาศเย็นขึ้นในระดับเท่าๆกัน สร้างภาวะเสีย 1 ส่วน ก็สร้างภาวะดี 1 ส่วน เราไม่ต้องมองประเทศอื่นว่าจะทำมากน้อยแค่ไหน เรื่องแบบนี้เราสามารถทำได้เพียงแค่ใจรักชาติ อยากให้ประเทศน่าอยู่ขึ้น ไม่ต้องสนใจว่าเราทำแต่ประเทศอื่นไม่ทำมันก็เหมือนเดิม โลกนี้มักมีสิ่งเกินคาดเสมอ เราคนไทยทุกคนช่วยกันลงมือลงแรงทำ แล้วผลลัพธ์ทำให้ประเทศน่าอยู่ขึ้นกว่าที่เป็นปัจจุบันมากขึ้น (มันเป็นแบบนั้นแน่นอน ถ้าเราช่วยกันทำ)

เมื่อประเทศอื่นเห็น ก็รู้สึกประทับใจในนิสัยคนไทยที่ช่วยกันทำประโยชน์ต่อสังคมโลก ประเทศเราก็จะถูกยกย่องเป็นแบบอย่างในเรื่องดีๆ ชาวต่างชาติก็จะเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น โลกก็จะลดมลภาวะที่แปรปรวนได้อีกด้วยจากการช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งตามจริงปัจจุบันก็มีหลายองค์กรทั่วโลกที่ช่วยกันสนับสนุนเรื่อง

เพียงแค่นิสัยคนส่วนมากยังขี้เกียจและมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวเพราะไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนรุนแรง ตามจริงการที่น้ำแข็งขั้วโลกละลายก็ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ยังนิ่งได้เพราะไม่เห็นผลกระทบโดยตรงกับตัวเองนั่นแหละ

ที่มา [url=http://easy4seo.com/phleng-chat-thai/tag/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]http://easy4seo.com/phleng-chat-thai/tag/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/



[/size]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ