Advertisement
เพลงชาติไทยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองพระขนองจากผ่านพ้นมรสุมชีวิตมาช่วงหนึ่งจนต้องลาออกจากราชการ มาทำกิจการงานนักจารึก และกิจการสำนักพิพ์อยู่ช่วงหนึ่ง พันเอก นวล ปาจิณพยัคฆ์ (ยศในขณะนั้น) ก็ได้กลับเข้ารับราชการอีกกาลหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 2474 ที่ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ค่ายทหารบก
เวลาพระขนองตราบมีการแปรปรวนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 คณะราษฎร ได้รับดำริให้มีเพลงชาติไทย เพราะว่าการใช้ทำนองเพลง มหาชัย ตอนคำครวญนั้นรจนาโดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
Credit :
http://kittimaporn7.blogspot.com/2010/09/blog-post.htmlสยามอยู่คู่ฟ้าอย่าสงสัย
เพราะชาติไทยเป็นไทยไปทุกเมื่อ
ชาวสยามนำสยามเหมือนนำเรือ
ผ่านแก่งเกาะเพราะเพื่อชาติพ้นภัย
เราร่วมใจร่วมรักสมัครหนุน
วางธรรมนูญสถาปนาพาราใหม่
ยกสยามยิ่งยงธำรงชัย
ให้คงไทยตราบสิ้นดินฟ้า
แต่พระขนองพลัดพรากนั้นไม่กี่วัน พันตรี หลวงนิเทศกลกิจ ร.น. (กลาง โรจนเสนา) ได้ขอให้พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) โปรดแปลงทำนองเพลงชาติให้ จากนั้นขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ได้ประพันธ์คำร้อง แซ่ดนี้
แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า
สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์บุราณลงมา
ร่วมรักษาเอกราษฎร์ชนชาติไทย
บางสมัยศัตรูมาจู่รบ
ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่
ตะลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท
สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
อันดินสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
เอกราษฎร์คือกระดูกที่เราบูชา
เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
ยึดอำนาจกุมสิทธิ์อิสสระเสรี
ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย
สถาปนาสยามให้เทิดชัยไชโย
แต่ทว่ากระนั้น เพลงชาติไทยเพลงนี้ก็ไม่ได้รับการประกัน จนกระทั่ง พ.ศ. 2477 รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเรื่องเพลงชาติ โดยในที่สุดได้เลือกทำนองเพลงชาติแบบสากลของ พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) ทิ้งนั้นมา การต่อสู้คัดคัดเนื้อร้องโดยคณะกรรมการตัดสินให้ใช้เนื้อร้องของ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ที่ขัดเกลาไว้เดิม และเนื้อขับร้องที่เรียบเรียงโดย นายฉันท์ ขำวิไล โดยที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ประธานคณะกรรมการ ได้ขอแก้ไขถ้อยคำบางแห่งของขุนวิจิตรมาตรา เป็นเลื่องลือนี้
แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตต์แดนสง่า
สืบเผ่าไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา
ร่วมรักษาสามัคคีทวีไทย
บางสมัยศัตรูจู่โจมตี
ไทยพลีชีพร่วมรวมรุกไล่
เข้าลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท
สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา
อันสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
เอกราษฎร์คือเจดีย์ที่เราบูชา
เราจะสามัคคีร่วมมีใจ
รักษาชาติประเทศเอกราชจงดี
ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย
สถาปนาสยามให้เทอดไทย ชโย
ส่วนเนื้อร้องของนายฉันท์ ขำวิไล มีดังนี้เหล่าเราทั้งหลายขอน้อมกายถวายชีวิต
รักษาสิทธิ์อิสสระณแดนสยาม
ที่พ่อแม่สู้ยอมม้วยด้วยพยายาม
ปราบเสี้ยนหนามให้พินาศสืบชาติมา
แม้ถึงไทยไทยด้อยจนย่อยยับ
ยังกู้กลับคงคืนได้ชื่นหน้า
ควรแก่นามงามสุดอยุธยา
นั้นมิใช่ว่าจะขัดสนหมดคนดี
เหล่าเราทั้งหลายเลือดและเนื้อเชื้อชาติไทย
มิให้ใครเข้าเหยียบย่ำขยำขยี้
ประคับประคองป้องสิทธิ์อิสสระเสรี
เมื่อภัยมีช่วยกันจนวันตาย
จะสิ้นชีพไว้ชื่อให้ลือลั่น
ว่าไทยมั่นรักชาติไม่ขาดสาย
มีไมตรีดียิ่งทั้งหญิงทั้งชาย
สยามมิวายผู้มุ่งหมายเชิดชัยไชโย
อันว่า เพลงชาติไทย เวอร์ชั่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ถือเป็น เพลงชาติไทยลำดับที่ 7 ประกาศใช้ในยุค จอมพลป. พิบูลสงคราม โดย รัฐนิยมฉบับที่ 6 เมื่อ วันที่ 10 ธันวาคม 2482 ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) หรือชื่อเดิม ปีเตอร์ ไฟท์ (Peter Feit) ตั้งแต่ ปี 2475 ประพันธ์ทำนองแก้ไขเพิ่มเติมจากเดิมโดย พันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ในนามของ กองทัพบก ชนะการประกวดของ กรมโฆษณาการ ได้รับรางวัลมา 1,000 บาท สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” มาเป็น “ไทย” ในปีเดียวกันนั้น
ก่อนหน้านั้นมี เพลงชาติไทย ใช้มาแล้ว 6 เพลง เริ่มต้นระหว่าง ปี 2395 – 2414 ใช้ทำนองเพลง God Save the Queen เป็นเพลงเกียรติยศถวายคดีเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์โดยเรียกว่า เพลงสรรเสริญพระบารมีอังกฤษ แต่แด่มาเมื่อ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ร้อยกรองเนื้อร้องขึ้นใหม่แล้วเรียกชื่อว่า เพลงจอมราชจงเจริญ นั่นแหละแล้วก็ถือเป็น เพลงชาติลำดับที่ 1 ในยุค รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา
ต่อมา รัชกาลที่ 5 ทรงดำริว่าควรจะใช้ ทำนองเพลงไทย คณะครูดนตรีไทยจึงเลือก เพลงทรงพระสุบิน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน พระราชนิพนธ์ใน รัชกาลที่ 2 นำพามาเรียบจัดใหม่ให้เป็นสากลขึ้นโดย เฮวุดเซน ถือเป็น เพลงชาติลำดับที่ 2 ใช้บรรเลงระหว่าง ปี 2414 – 2431 ไม่นานสองนานนัก
ส่วน เพลงชาติไทยลำดับที่ 3 นั้นเกิดขึ้นในรัชสมัย รัชกาลที่ 5 ประพันธ์ทำนองโดยนักประพันธ์ชาวรัสเซีย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) คำร่ำร้องเป็นพระนิพนธ์ของ สมเด็จกรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติในระหว่าง ปี 2431 – 2475 ใช้มาแถวนานก็เพราะว่ามี ท่วงทำนองไพเราะ, ประเด็นสมบูรณ์ และทุกวันนี้ก็ใช้อยู่ในนามของ เพลงสรรเสริญพระบารมี นั่นเอง
มาถึง เพลงชาติลำดับที่ 4 หลังการปฏิวัติของ คณะราษฎร เมื่อ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 แม้จะมีการเตรียมการโดยสังเขปที่จะสร้าง เพลงชาติ ขึ้นมา ใหม่ โดยสมาชิกของคณะผู้ก่อการท่านหนึ่งมอบหมายให้ พระเจนดุริยางค์ เป็น ผู้ประพันธ์ แต่ยัง ไม่เสร็จ เลยต้องใช้ทำนองเพลงไทยเดิม เพลงมหาชัย ไปพลางก่อน เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นผู้ ประพันธ์เนื้อร้อง ใช้ในช่วงสั้น ๆ ไม่ถึง 1 เดือน ก็เปลี่ยนแปลงไป
ต่อมาก็เป็น เพลงชาติลำดับที่ 5 ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เมื่อ วันที่ 4 กรกฎาคม 2475 ประพันธ์เนื้อร้องโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) บรรเลงครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเมื่อ วันที่ 7 กรกฎาคม 2475 แต่ก็ใช้อยู่เพียงระหว่าง ปี 2475 – 2477 ก็มีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ เนื้อร้อง โดยประพันธ์เพิ่มเติมจากของเดิมที่เห็นกันว่า สั้นไป ให้ ยาวขึ้น โดย ฉันท์ ขำวิไล จึงถือเป็น เพลงชาติลำดับที่ 6 ใช้ระหว่าง ปี 2477 – 2482 และถือเป็น เพลงชาติอย่างเป็นทางการเพลงแรก ก่อนจะมาเปลี่ยนแปลงเป็น เพลงชาติลำดับที่ 7 ที่ใช้มาจนถึง ปัจจุบัน อันเนื่องมาจาก การเปลี่ยนชื่อประเทศ ดังที่เคยกล่าวไว้
มีประเด็นเพิ่มเติมที่น่าสนใจในช่วง ปี 2477 ขณะนั้นมีเพลงที่เสนอขึ้นมาเป็น เพลงชาติไทย เช่นกันอีกเพลงหนึ่งที่อาจจะเรียกว่า เพลงชาติลำดับที่ 6/1 ใช้ ทำนองเพลงไทย ประพันธ์ทำนองโดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เพราะดัดแปลงมาจากเพลงไทยเดิม เพลงตระนิมิตร ช่วงนั้นเรียกคู่ขนานกันว่า เพลงชาติแบบสากล, เพลงชาติแบบไทย แต่ในที่สุดคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นไปลงมาลงมติให้ใช้ เพลงชาติแบบสากล ประพันธ์ทำนองเพราะ พระเจนดุริยงค์ (ปิติ วาทยะกร) ที่รับการขอร้องทิ้ง นาวาตรีหลวงวินิจเทศกลกิจ (กลาง โรจนเสนา) ตั้งแต่ ปี 2474 เฉพาะมาคิดให้กำเนิดเมื่อ ปี 2475 นั่น
Credit :
http://doovi.com/video/thai-nati ... 11-2554/q07rkbdox-cจะชมได้ว่า เพลงชาติไทย กูนี้มีที่มาจาก แนวคิดตะวันตก หรืออาจพูดอีกอย่างว่า แนวคิดสากล ส่วน อุดมการณ์ของเพลงชาติไทย ต้นฉบับปัจจุบันก็คือ ชาติ ในยุคก่อกำเนิดของ รัฐชาติสมัยอีกครั้ง ในหัวมุมมองของ ทหาร และเป็นเพลงที่จงใจแยกออกมาจาก สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีไป
เ
นื้อร้องสิ่งขอ[/url]ที่สับเปลี่ยนแปลงไปเมื่อ ปี 2482 หลีกไม่ออกจากอุดมการณ์ ชาตินิยม หรืออาจพูดได้ว่า เชื้อชาตินิยม ก็เพราะว่าคำว่า ไทย ย่อมแคบกว่า สยาม และแน่นอนย่อมต้องมีอุดมการณ์ ประชาธิปไตย จุดกำเนิดที่ต้องการในทุกยุคทุกสมัยถ้าเรา ศึกษาประวัติศาสตร์โดยละเอียด แล้วจะพบปะว่าคือ ความต้องการของผู้ปกครองประเทศที่หมายจะสร้างความรู้สึกร่วมขึ้นภายในประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ทั้ง ผู้ประพันธ์ทำนอง และ ผู้ประพันธ์เนื้อร้อง จะเข้าใจ ลึกซึ้ง ถึง วิญญาณ หรือแค่แต่ ทำชิ้นงานตามที่ได้รับแบ่งออกหมาย นี่เป็นสิ่งที่ “เซี่ยงเส้าหลง” อ่านประวัติศาสตร์แล้ว กอบด้วยข้อควรหารือ พอสมควร
เครดิต :
[url]http://thainationalanthem01.weebly.com[/url]
Tags : เพลงชาติไทย,ประวัติเพลงชาติไทย,โน้ตเพลงชาติไทย