จุดสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดสภาวการณ์น้ำท่วม ที่มีขึ้นกับตัวผมครับผม

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จุดสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดสภาวการณ์น้ำท่วม ที่มีขึ้นกับตัวผมครับผม  (อ่าน 55 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Saiswatka
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 22027


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 26, 2016, 04:47:33 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ถ้าหากบอกกันถึงเรื่องของเหตุการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม วาตะภัย ในเมืองไทยนั้น ล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์อย่างเราทั้งหมด แต่เหตุการณ์ที่จะเกิดได้บ่อยครั้งที่สุด และก่อความทุกข์ได้บ่อยครั้งมากที่สุดก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นเหตุการณ์ของอุทกภัย หรือ น้ำท่วมที่มีขึ้นตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็เคยปรากฏมาแล้ว และขณะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับน้ำท่วมสิ่งที่จะช่วยให้ความสะดวก และช่วยเหลือใครก็ตามได้ นั้นก็หลบหนีไม่พ้นเรือกู้ภัย ที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้พบเหตุเภทภัยรวมไปถึงช่วยเหลือในเรื่องของการส่งข้าวสารของแห้ง ให้กับทางผู้ประสบภัยอันตรายด้วย หากสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง จะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์อุทกภัย ที่เคยพบเจอมากับตัวเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้ง การแสดงถึงความเอื้อเฟื้อของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะผมต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม เพื่อนๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะท่วมเนี่ย เราก็ได้ยินประกาศมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่อยู่อาศัยผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากทีวี ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอาเรือกู้ภัย ไปคอยช่วยขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุโดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา กระทั่งถึง กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่า มันค่อนข้างจะไกลตัว และอีกอย่าง กรุงเทพฯแทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมนักหนาอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกปกติธรรมดาเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงที่พักอาศัยเราด้วย สักพักก็มีข่าวว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มวุ่นวาย โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับณ ตอนนั้น ผมก็ศึกษาเล่าเรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีข่าวสารมี ให้ระดมคนไปช่วยเหลือกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อคุ้มกันไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยเหลือและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในตอนแรก ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มใจคอไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในพี่น้อง ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นคล้ายๆ เรือกู้ภัย เผื่อมันท่วมมาถึงที่พักอาศัยเราจริง จะได้มีไว้ถ่ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีตา ยาย ซึ่งแก่และแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ตอนนั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่หารือกัน ว่าถ้าสมมติมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอาอย่างไรกัน แต่ทางคุณพ่อของผมเอง ก็ไม่เชื่อและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากเถียงกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีประกาศว่า ฝายกั้นตรงจุดแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวบริเวณนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ไกลจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มใจเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนฝูงอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำเอ่อยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านผมก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไรมาก แรกเริ่ม ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะคุณพ่อจะไปหาเรือกู้ภัยมาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาตายายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด พ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงพ้นหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่เช่นนั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว ส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการจัดเตรียมเรือกู้ภัยเอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับเพราะในใจผมเองเนี่ย คิดว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอสักพัก น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ ซึมซาบขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำออกจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามากีดกันน้ำไว้ เพื่อปกป้องรักษาไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่สุดท้าย มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากด้านในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันสังเกตเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ในที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นไปจนถึงต้นขาบนแล้ว และที่พักอาศัยผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาหารือกันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เนื่องจากมันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การขับถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยปลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ ชานเมืองกันครับ แต่อุปสรรคก็คือ น้ำมันท่วมสูงพอประมาณ สำหรับคนแก่ ที่ขาไม่ค่อยมีแรง เป็นอะไรที่ยากลำบากมากครับ และการเคลื่อนย้ายก็ลำบาก เนื่องจากบ้านเราเป็นคนตัวใหญ่ จะให้แบกพวกท่านก็ไม่น่าจะไหวกันครับ ก็เลยตัดสินใจ ไปหาพวกให้บริการเรือกู้ภัย เพื่อมารับเราไปส่งในที่ ๆ น้ำยังท่วมไม่ถึงครับ แต่ปัญหาก็คือ หาไม่ได้เลยครับ เพราะโดยมากก็จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และโดยมากมีราคาสูง อีกอย่างคือคนใช้บริการมากมาย พวกที่ทำมาหากินทางนี้ ก็เลยชาร์จมูลค่ากันเต็มที่เลย ข้อแม้ก็คือ เราไม่ได้มีการเตรียมพร้อมสิ่งไรสักอย่าง เงินสดก็ไม่ได้กดไว้เลย คือไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเช่าเรือราคาแพงเพียงนี้ ตู้ ATM ก็ใช้งานไม่ได้ครับ ทีนี้เราก็ค่อนข้างจะจะเครียดกันมากและ เพราะว่าหาเรือให้เราอาศัยไม่ได้เลย และน้ำก็เริ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆๆ เลย แต่สุดท้าย เจอพวกจิตอาสาครับ คอยขับขี่เรือกู้ภัย รับส่งผู้ที่ประสบภัย แล่นผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพอดี เพื่อน้ำข้างของมาแจกให้สำหรับคนที่มีบ้าน 2 ชั้น และไม่อยากจะออกไปไหน ข้าพเจ้าก็เลยออกไปคุย และขอพี่เขา ว่าช่วยไปส่งพวกผมหน่อย เดี๋ยวถ้าถึงที่ ที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว จะรีบกดสตางค์มาให้ เขาก็บอกได้ ๆ ให้พวกผมขึ้นเรือไปครับ ผมนี้คือแบบดีใจมาก เพราะเราหมดทางเลือกแล้วจริง ๆ ณ ตอนนี้ ดีที่ได้เจอพวกพี่จิตอาสาพวกนี้ผ่านเข้ามาพอดี และพอเขานำพวกผมไปส่งเสร็จ พ่อผมกำลังจะไปรีบไปหาตู้ เพื่อกดเงิน มาเป็นการขอบคุณพี่เขา เขาบอกกลับมาว่า " ช่างเถอะครับ ผมไม่รับ มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ ก็ช่วยเหลือครับ คนไทยด้วยกันครับ " (แล้วก็ยิ้ม) ประโยคนี้ ทำให้ผมซึ้งใจมาก ๆ ในน้ำใจพี่ ๆ อาสาครับ แบบถ้ามิได้เรือกู้ภัยของพวกพี่เขา เราคงยากลำบากมาก ๆ แน่ ๆ และทำให้รู้ว่า คนไทยรักกัน และมีน้ำใจจริง ๆ แถมยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย
อย่างน้อยในเรื่องราวที่เลวร้าย ก็แฝงไปด้วยความสัมพันธ์ดี ๆ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า พวกเราคอยช่วยเหลือกันและกันในยามยากลำบากครับ ผมซึ้งใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก แม้ว่า มันจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร สำหรับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ประสบกับภัยน้ำท่วมนั้น คงจะมองว่า ผมโอเว่อร์หรือไม่แต่สำหรับผม มันคือความเอื้อเฟื้อที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ และทำให้ครอบครัวของผมผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ ยังไงก็ขอบพระคุณพวกพี่ ๆ จิตอาสากลุ่มนั้นมาก ๆ ครับ ถึงเขาอาจจะไม่ได้รับรู้ก็ตาม และเรื่องราวนี้ทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า หากมีใครที่ลำบากกว่าเรา และเราพอที่จะช่วยเหลือเขาได้ เราก็ควรจะช่วยเหลือเขานะครับเพราะอย่างน้อย ก็เป็นน้ำใจเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และจะทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ
 

Tags : ขายเรือ,เรือ,เรือยอร์ช



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ