ที่วางโทรศัพท์มือถือในรถยนต์..รางวัล RED DOT Award Winning Products

Advertisement


หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ที่วางโทรศัพท์มือถือในรถยนต์..รางวัล RED DOT Award Winning Products  (อ่าน 4067 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์










« ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 06, 2014, 01:37:44 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

สวทช.จับมือบริษัทแม็กซ์ลูเมน พัฒนาอุปกรณ์ไดโอด หลอดไฟแอลอีดี  ใช้วัสดุสารกึ่งตัวนำเชิงแสงซิงค์ออกไซค์  หวังสร้างเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตหลอดไฟส่องสว่างที่ประหยัดพลังงานกว่า 50%

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติและผู้บริหาร (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช.  ได้ลงนามความร่วมมือวิจัย “โครงการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ไดโอดเปล่งแสงสีขาวโดยใช้วัสดุสารกึ่งตัวนำเชิงแสงซิงค์ออกไซค์” กับบริษัท แม็กซ์ลูเมน จำกัด เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำ อุปกรณ์แอลอีดีสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมหลอดไฟส่องสว่าง ฯลฯ ด้วยงบประมาณ  300 กว่าล้านบาท โดยคาดว่าภายใน 2-3 ปี จะได้เทคโนโลยีใหม่ ในการสร้างวัสดุสารกึ่งตัวนำเชิงแสงซิงค์ออกไซค์ที่ใช้สำหรับการเปล่งแสงขาว ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดสู่การผลิตหลอดไฟส่องสว่างที่ให้แสงขาวแบบธรรมชาติ พร้อมทั้งสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 50% และมีอายุการใช้งานนานหลายปี มีความปลอดภัยในการใช้งานเนื่องจากส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม

ด้านนายชัยยุทธ เกียรติภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์ลูเมน จำกัด เปิดเผยว่า  ในปี 2556 มูลค่าตลาดของแอลอีดี ทางด้านการส่องสว่างนั้นมีการเติบโตเกินครึ่งหนึ่งของแอลอีดีในด้านอื่น ๆ คาดว่า อีก  5-6 ปีข้างหน้ามูลค่าแอลอีดีแสงขาวในตลาดโลก จะมีมูลค่าสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักตั้งแต่การผลิตแผ่นเวเฟอร์และชั้นเปล่งแสง การประกอบชิพ บรรจุภัณฑ์ไดโอด การประกอบเข้าโมดูล หลอดไฟส่องสว่าง และระบบควบคุม  ซึ่งงานวิจัยโครงการนี้ ฯจะเป็นงานวิจัยอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแอลอีดีไลต์ติ้ง แบบ ครบวงจร.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 06, 2014, 08:55:50 pm »

จากหิมะตกครั้งแรกในรอบ 112 ปี ที่ดินแดนทะเลทรายอย่างอียิปต์ ประเทศ  เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็มีหิมะตกครั้งแรก ในรอบ 51 ปี รวมถึงประเทศไทยที่หนาวนี้ หนาวจัดและหนาวยาวนานกว่าทุกปี

เกิดอะไรขึ้น...สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศหรือไม่…

“ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า  อธิบายว่า  อากาศหนาวในช่วงนี้ ถือว่ายังอยู่ในลักษณะที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งหากจะดูว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือไม่นั้นต้องใช้เวลามากกว่านี้ ทั้งนี้เรื่องของหิมะตกที่อียิปต์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทยมีอากาศหนาวเย็น  อเมริกาเหนือหนาว คาดว่าเป็นผลของการแกว่งตัวของรอยต่อของมวลอากาศเย็นและอากาศอุ่นบริเวณขั้วโลก  ที่มีลักษณะการขยับตัวเป็นคลื่น เพราะทำให้แถวเอเชียใต้ อินเดีย ยุโรป อากาศปกติ  ไม่หนาว  ซึ่งเป็นการสลับมีทั้งหนาว และไม่หนาว ทั้งที่อยู่แนวละติจูดเดียวกัน

ดร.อานนท์ บอกว่า จากการสังเกตร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา  พบว่าการแกว่งตัวในลักษณะดังกล่าวมีบ่อยขึ้น ทำให้อุณหภูมิในช่วงเวลาเดียวกันมีความแตกต่างกันสูง  นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่า อากาศหนาวเย็นในปีนี้ มีลักษณะเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2554 ส่วนต้นปี 2555 และต้นปี 2556 ไม่เกิดขึ้น มาเกิดปลายปี  2556 จนถึงต้นปี 2557 อีกครั้ง หรือประมาณ 3 ปีเกิดขึ้นที  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

และที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่งคือ จำนวนพายุในทะเลในปีที่ผ่านมา ทั้งโซนร้อนและดีเปรสชัน ถือว่ามีจำนวนค่อนข้างมาก คือมีถึง 2 ลูก ซึ่งปกติ 5-6 ปี จะมีเพียง 1 ลูกเท่านั้น

อย่างไรก็ดีทั้งเหตุการณ์หิมะตกที่อียิปต์ อากาศหนาวเย็นในไทย รวมถึงความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศในปีที่ผ่านมา  เช่น  ที่ทวีปแอนตาร์กติก ที่มีอุณหภูมิติดลบมาก ๆ ทั้งที่อยู่ในช่วงฤดูร้อนนั้น ดร.อานนท์ เชื่อว่า เป็นเหตุการณ์ที่มีความเชื่อมโยงกันผ่านมหาสมุทร โดยทำให้เห็นถึงความผิดปกติของการไหลเวียนของน้ำในมหาสมุทร ซึ่งหากไม่ใช่มหาสมุทรก็ไม่น่าจะมีองค์ประกอบใดในโลกนี้ ที่จะมีความร้อนอยู่ในตัวมากพอที่จะไปขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

เนื่องจาก น้ำสามารถสะสมความร้อนได้มากกว่าชั้นบรรยากาศหรือแผ่นดิน แค่น้ำปลดปล่อยความร้อนออกมาเพียง 0.01% จะมีความร้อนออกมาจำนวนมหาศาล 

ทั้งนี้การศึกษาการเปลี่ยนแปลงทำได้ยากและต้องอาศัยเวลา ซึ่งปัจจุบันจิสด้าได้มีความร่วมมือกับต่างประเทศในการนำเทคโนโลยีภาพถ่ายทางดาวเทียมมาใช้ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

สำหรับปัญหาที่จะมาพร้อมกับความหนาวเย็น ดร.อานนท์ บอกว่า ที่มาแน่ ๆ ก็คือปัญหาหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้าน  เนื่อง จากอากาศเย็นในขณะนี้ เป็นสภาพอากาศปิดโดยเฉพาะหุบเขาทางภาคเหนือน่าจะมีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากควันต่าง ๆ ไม่สามารถระบายออกได้

ส่วนภาวะก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จะทำให้ทั่วโลกมีอากาศสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 1 องศาเซลเซียสต่อ  20 ปี หรือใน 50 ปีข้างหน้าอุณหภูมิจะสูงขึ้นประมาณ 2-3 องศา   แต่ประเทศไทยไม่น่าเป็นห่วงเพราะอยู่ในโซนที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยดร.อานนท์ บอกอีกว่า จากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ไทยต้องตระหนัก  ถึงการเตรียมความพร้อมในการรับมือในอนาคต เพราะต้องใช้เวลานานในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและอื่น ๆ

หากผู้เกี่ยวข้องไม่ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เกรงว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น แม้อาจไม่รุนแรงมาก แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างไม่คาดคิดเหมือนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา.

นาตยา คชินทรnattayap.k@gmail.com

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 09, 2014, 04:44:10 pm »

วันนี้(8ม.ค.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า จากสถิติของ สำนักงานกสทช.พบว่า ปี 2556 มีการนำเข้าเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล(ทีวีดิจิทัล)รวม 26 รุ่น จำนวน 67,264 เครื่อง กล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล หรือ เซต ทอป บ็อกซ์ ดีทีบี – ที2 รวม 4 รุ่น จำนวน 232,040 เครื่อง  และมีการผลิตเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล(ทีวีดิจิทัล)เองในประเทศรวม 36 รุ่น จำนวน 21,430 เครื่อง  เซต ทอปบ็อกซ์ ดีทีบี – ที 2  รวม 10 รุ่น จำนวน 323,250 เครื่อง

จากสถิติดังกล่าวแสดงถึงแนวโน้มการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ของประเทศไทยที่รองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล(ฟรีทีวี)  ที่จะเริ่มส่งสัญญาณแพร่ภาพออกอากาศ24 ช่อง ในวันที่ 1 เม.ย.57 ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา เชียงใหม่ และสงขลา เดือน พ.ค. 57  จะขยายการออกอากาศเพิ่มอีก 3จังหวัด ในจังหวัดอุบลราชธานี     สุราษฎร์ธานีและระยอง และในวันที่ 1 มิ.ย.57 จะส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่เพิ่มอีก 4 จังหวัด คือ สิงห์บุรี สุโขทัย ขอนแก่น และอุดรธานี  ทำให้ในครึ่งปี 57 โครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิทัลภาคพื้นดินจะครอบคลุมพื้นที่11 จังหวัด 10 ล้านครัวเรือนคิดเป็น 50% ของครัวเรือนทั่วประเทศ   

“ประชาชนที่สนใจจะทดลองรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลในขณะนี้ที่มีการทดลองออกอากาศคู่ขนานไปกับโทรทัศน์ระบบอะนาล็อก สามารถเลือกซื้อเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์และ เซต ทอป บ็อกซ์ ที่มีตรารับรองมาตรฐานโดยสังเกตสติ๊กเกอร์น้องดูดีที่ผลิตภัณฑ์เพื่อความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้มาตรฐานและสามารถรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลได้จริง”นายฐากรกล่าว

นายฐากรกล่าวว่า  นอกจากนี้ยังพบ สถิติการขอออกเครื่องหมายแสดงการได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลแบบที่มีจอภาพแสดงผลหรือ Integrated Television (iDTV)ที่ผ่านการจดทะเบียนจากสำนักงาน กสทช.มีจำนวน 56 รุ่น 165,996 เครื่อง ซึ่งไม่ต้องขอรับอนุญาตตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 แต่ต้องขอออกเครื่องหมายแสดงการได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน ตามประกาศ กสทช.เรื่องการตรวจและรับรองมาตรฐานของเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์พ.ศ. 2556 ตามจำนวนที่จะขอทำ หรือนำเข้า

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #18 เมื่อ: มกราคม 10, 2014, 12:21:26 pm »

นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. เปิดเผยว่า  อพวช. ได้เปิดตัวโดมภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ พร้อม 3 นิทรรศการชุดใหม่ขึ้น โดย โดมภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ หรือท้องฟ้าจำลอง จะเป็นพื้นที่ให้บริการใหม่ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งฉายภาพยนตร์ด้วยเครื่องฉายดาวแบบดิจิตอลเลนส์เดี่ยว ผ่านเลนส์ตาปลา (Fish Eye) ไปยังจอโค้งเหมือนรูปท้องฟ้าที่เรียกว่า Full Dome ซึ่งจะให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงตลอดการเข้าชม

ส่วน 3 นิทรรศการใหม่จะประกอบด้วย นิทรรศการระบบอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของระบบอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์  นิทรรศการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ผู้ชมจะได้เรียนรู้กลไกและหลักการของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางในการลดผลกระทบ และการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการสร้างความตระหนักด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม

และนิทรรศการ Science On The Move จะเป็นชุดนิทรรศการเคลื่อนที่ที่ อพวช. พัฒนาร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์ Questacon ประเทศออสเตรเลีย โดยนิทรรศการชุดนี้จะออกเดินทางไปกับคาราวานวิทยาศาสตร์ อพวช. ชุดใหม่สายด่วน ที่เรียกว่า Science Express ซึ่งเข้าถึงพื้นที่ให้บริการได้อย่างสะดวก ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด และยังสะดวกในการ   ขนย้ายและติดตั้ง เหมาะสำหรับพื้นที่จัดแสดงขนาด 200 – 400 ตารางเมตร โดยสามารถรองรับผู้เข้าชมได้ครั้งละ 250 คน

ทั้งนี้ โดมภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ เปิดให้บริการวันละ 5 รอบ ปัจจุบันฉายภาพยนตร์ 3 เรื่อง ได้แก่ กำเนิดระบบสุริยะ บันทึกการเดินทางสู่โลก และ 3,000 ปีแห่งดาราศาสตร์ ส่วนนิทรรศการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  และนิทรรศการระบบอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ เป็นนิทรรศการถาวรที่จัดแสดง ณ บริเวณชั้น 4 และ 5 ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ อพวช. คลองห้า ปทุมธานี  สนใจสอบถามรายละเอียดการเข้าชมได้ที่ กองการตลาดและบริการ สำนักพัฒนาธุรกิจและการตลาด อพวช. โทร. 0 2577 9999 ต่อ 2101 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nsm.or.th

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #19 เมื่อ: มกราคม 15, 2014, 12:24:15 pm »

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. พันธมิตรOpenComputing Alliance หรือOCAซึ่งเป็นการรวมตัวของประชาคมที่มีความสนใจร่วมเพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเตือนชาวกรุงที่จำเป็นต้องทำงานที่บ้าน ในระหว่างการปิดกรุงเทพฯให้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินธุรกรรมการเงินหรือธุรกรรมออนไลน์อื่นๆ โดยให้ใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ที่ผ่านการอัพเดตโปรแกรมรักษาความปลอดภัยล่าสุดแล้วเท่านั้น

โดยระบุว่า การทำงานผ่านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและดีที่สุดเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ประสบเหตุการชุมนุมทางการเมืองขณะนี้

คำเตือนระบุว่าการทำงานจากนอกสำนักงาน ด้วยคอมพิวเตอร์พีซีที่บ้านหรือสถานที่อื่นอาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมประเภทต่างๆและมีความเสี่ยงต่อระบบอีเมลของหน่วยงานและลูกต้าต่างประเทศโดยเฉพาะพนักงานที่ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนหรือใช้พีซีที่ไม่มีโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

ทั้งนี้สำนักงานหลายแห่งในไทยมีระบบจัดการด้านไอทีที่ปลอดภัยแต่อาจเกิดช่องโหว่จากการให้พนักงานทำงานนอกสถานที่จึงควรกำหนดเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ที่ปลอดภัยไว้ในแผนรับมือเหตุฉุกเฉินด้วย

ไมเคิลมัดด์ เลขาธิการของ OpenComputer Alliance หรือ OCAประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า พนักงานที่ต้องทำงานที่บ้านหรือสถานที่อื่นๆนอกสำนักงาน ระหว่างการประท้วงในกรุงเทพฯอาจใช้พีซีที่ไม่ปลอดภัยจะทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้นจึงขอให้ใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ในการดำเนินธุรกรรมการเงินทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาชญากรรมให้น้อยที่สุดทั้งขอให้ทุกคนที่ทำงานที่บ้านระมัดะวังและปรึกษาผู้จัดการด้านไอทีเพื่อการใช้คอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัย”

ก่อนหน้านี้สำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ ของสหรัฐอเมริกาได้ออกแถลงการณ์เตือนว่าอาชญากรและแฮกเกอร์ได้ติดตั้งมัลแวร์ลงบนซอฟต์แวร์เถื่อนซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคสุ่มเสี่ยงต่ออาชญากรรมประเภทต่างๆโดยมัลแวร์บนซอฟต์แวร์เถื่อนทำเพื่อดักบันทึกชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านส่งผลให้ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆเช่น การต้มตุ๋นทางการเงิน

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #20 เมื่อ: มกราคม 16, 2014, 12:20:00 pm »

วันนี้(15ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.ได้เชิญผู้บริหารบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)และผู้บริหารช่องบลูสกายส์ เข้าหารือเกี่ยวกับกรณีที่ดาวเทียมไทยคมถูกรบกวนซึ่งเป็นสาเหตุให้สัญญาณกระตุก ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค. 57 ) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 12 สำนักงาน กสทช. เพื่อหามาตรการแก้ไขและป้องกัน โดยในขณะที่ช่องบลูสกายส์ ออกอากาศผ่าน 2 ระบบ คือดาวเทียมไทยคม และดาวเทียม NSS 6 ของลักแซมเบิร์ก และได้ส่งหนังสือแจ้งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ทราบแล้วเนื่องจากดาวเทียมไทยคม อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทาน

สำหรับการส่งสัญญาณรบกวนดาวเทียมไทยคมนั้น กสทช.ประเมินการรบกวนไว้เบื้องต้น 3 แนวทาง คือ การส่งคลื่นรบกวนบริเวณพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมปราศัยอยู่ และการถูกรบกวนขณะที่อัพลิงค์สัญญาณ 2 จุด คือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) บริเวณแคราย และ สถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุดแก้ว ปทุมธานี ซึ่งกสทช.ได้ดำเนินการส่งรถตรวจสอบหาทิศทางการรบกวนคลื่นไปประจำทั้ง 2 จุดเรียบร้อยแล้ว ส่วนแนวทางสุดท้าย คือ ดาวเทียมดวงอื่นส่งสัญญาณไปรบกวนดาวเทียมไทยคมด้วยกันเอง บนอวกาศที่สามารถรบกวนได้จากนอกประเทศ ซึ่งหากการรบกวนมาจากแนวทางดังกล่าวนี้ต้องเป็นกฎหมายระหว่างประเทศต่อไป

นายฐากร กล่าวว่า การส่งรถตรวจสอบหาทิศทางการรบกวนตอนนี้ยังไม่สามารถหาผู้ที่กระทำความผิดได้เนื่องจากลักษณะการส่งคลื่นรบกวนเป็นช่วงสั้นๆและย้ายสถานที่ส่งคลื่นรบกวนไปเรื่อยๆ ทั้งนี้หากผู้ที่นำอุปกรณ์ส่งสัญญาณคลื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและผิด พ.ร.บ ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544เนื่องจากใช้คลื่นโดยไม่รับได้รับอนุญาต

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #21 เมื่อ: มกราคม 16, 2014, 08:37:29 pm »

"วัฒน์ชัย" ไม่หวั่น ชัตดาวน์ กทม. ชี้ มีแผนรับความเสี่ยงตลอดเวลา ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท ฟันกำไรกว่า 2 พันล้านบาท ชู กลุ่มธุรกิจขายมือถือ-กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล เป็นพระเอก เล็งทำมือถือดูทีวีดิจิทัลออกขายปลายปีนี้

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เล่าว่า ด้วยเทรนด์การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ที่มีเพิ่มขึ้น และ 3จี 4 จี มีการเปลี่ยนแปลง จากการแข่งขันของค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ที่มีการขยายโครงข่ายและแข่งขันที่รุนแรง จะเห็นได้ว่าการแข่งขันมีอยู่ตลอดเวลา

จะเห็นได้จาก สมัยก่อน ค่ายมือถือไม่ขายโทรศัพท์แต่ปัจจุบัน ต่างให้ความสำคัญโดยการขายเครื่องโทรศัพท์มือถือร่วมกับโปรโมชั่น ต่างจากโทรศัพท์ค่ายใหญ่ อย่าง โนเกีย และ แบล็คเบอร์รี่ ที่ไม่มีการปรับตัวกับเทคโนโลยีข้างหน้า ทำให้กลายเป็นบริษัทที่ติดหล่มจนในที่สุด

นายวัฒน์ชัย เล่าว่า กลุ่มสามารถได้ตั้งเป้ารายได้ปี 57 ไว้กว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือโต 30% จากปี 56 ที่มีรายได้ราว 23,000 ล้านบาท ส่วนกำไรปี 57 คาดจะมีกำไรมากกว่า 2 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% จากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรอยู่ที่ 1 พันล้านบาท

ส่วนการลงทุนปีนี้ จะลงทุนเพิ่มเติม 2-3 พันล้าน จะลงทุนหลักๆ บริษัทในเครือ ประกอบด้วย บริษัท สามารถ เทคคอม จำกัด(มหาชน) หรือ แซมเทล ที่อยู่ในกลุ่มสามารถ ซึ่งจะดำเนินงานด้านระบบโครงข่าย และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด(มหาชน) ที่จะมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าอยู่เสมอ

สำหรับ ปัจจัยหลักในการสร้างรายได้ให้กลุ่มสามารถในปีนี้ มาจากการขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ ไอ-โมบาย ที่ตั้งเป้ารวม 4 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นสมาร์ทโฟน 70% ที่สร้างรายได้ ราว 13,000 ล้านบาท ปลายปีนี้ ไอ-โมบาย จะออกสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รับชมทีวีดิจิทัลบนโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตด้วย

สำหรับธุรกิจที่คาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตตามเป้าอีกกลุ่มคือ การจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล และเสาอากาศทั้งในและนอกตัวอาคาร ที่ตั้งเป้าในปีนี้ จะจำหน่ายได้ประมาณ 2 ล้านเครื่อง มีรายได้ที่ราว 2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ บริษัท ไอ-สปอร์ต มีเดีย จำกัด ซึ่ง กลุ่มสามารถ ร่วมกับ กลุ่มบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ หรือการประมูลทีวีดิจิทัลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค.56 ในกลุ่มช่องรายการข่าวไม่สำเร็จนั้น

ส่งผลให้ สามารถต้องผันตัวเองไปเป็นผู้ทำหน้าที่รับจ้างผลิตแทน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการทั้งที่ชนะการประมูลช่องรายการบนทีวีดิจิทัล และบนทีวีดาวเทียม เบื้องต้น เจรจาแล้วประมาณ 3-4 ราย

และธุรกิจกลุ่มที่ 3 คือการที่แซมเทล ที่สร้างรายได้จากการเข้าประมูลโครงการต่างๆ ซึ่งถือเป็นโครงการใหญ่ๆ ทั้งสิ้น ประกอบด้วย การวางระบบเช็คข้อมูลผู้โดยล่วงหน้า ให้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการวางระบบติดตั้งอุปกรณ์การออกอากาศโทรทัศน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาติให้เป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล

ทั้งนี้ แซมเทล จะยื่นซองประมูลแก่ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นรายแรก ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งความสนใจสนใจทั้ง 4 สถานี แต่หากได้สถานีใดสถานีหนึ่ง ถือว่ามีความพอใจในระดับหนุ่งแล้ว ทั้งนี้ คาดว่า ธุรกิจของแซมเทล จะทำรายได้ให้กลุ่มสามารถประมาณ11,000 ล้านบาท

นายวัฒน์ชัย เล่าถึงสถานการณ์และปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยว่าแนวโน้มอาจจะยืดเยื้อในปีนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากกลุ่มสามารถได้จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างดี เพราะจากเดิมบริษัทมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจภาครัฐถึง 70% แต่ปัจจุบัน ได้มีการปรับเปลี่ยนไปทำกับภาครัฐวิสาหากิจมากขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันบริษัท มีสัดส่วนรายได้ เป็นเอกชน 50% และภาครัฐ 50%

หากดำเนินธุรกิจไม่ยึดติดกับ

พรรคการเมือง ถึงแม้ว่าการราบรื่นของงานบางครั้งจะไม่สะดวกเหมือนใคร แต่สิ่งไหนที่ได้มาง่ายๆ มักจะมีปัญหาตามมาเสมอ.

กัญณัฏฐ์ บุตรดี

Kanyanat25@gmail.com

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #22 เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 12:16:43 pm »

วันนี้(16ม.ค.)นายมารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์พีทีอี ลิมิเต็ด เปิดเผยว่าในปี 57แนวโน้มเรื่อง2B2Cจะมาแรงเนื่องจากมีการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้บริษัทที่มีบริการด้านการทำโซเชียลเน็ตเวิร์คโดยเฉพาะธุรกิจโทรคมนาคมที่จำเป็นต้องลงทุนด้านสตอเรจและการจัดการข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของข้อมูลรวมทั้งยังมีความร่วมมือระหว่างธุรกิจโทรคมนาคมไปสู่ธุรกิจอื่นๆเช่น ธุรกิจธนาคารเกิดบริการโมบายแบงก์กิ้งบริการซื้อขายหุ้นทางมือถือรวมถึงบริการประกันภัยต่างๆซึ่งก่อให้เกิดการเติบโตของข้อมูลสูงมากในขณะที่ภาครัฐจะต้องเติบโตตามตลาดไปด้วยเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องควบคู่ไปกับภาคธุรกิจทั้งนี้ ตลาดโทรคมนาคมและภาครัฐเป็นลูกค้าหลักของฮิตาชิและในอนาคตภาคการเงินการธนาคารและประกันภัยฮิตาชิจะเข้าไปแข่งขันด้วย

นอกจากนี้ยังจะเกิดธุรกิจใหม่ที่ต้องมีการลงทุนด้านไอทีและสตอเรจสูงอีกคือ มีเดียเอนเตอร์เทนเมนต์โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคทีวีดิจิทัลโดยธุรกิจนี้ต้องการระบบคอมพิวเตอร์และสตอเรจอย่างมหาศาลซึ่งเป็นแนวโน้มของประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคนี้เมื่อมีการกระจายภาพและเสียงไปทั่วประเทศแล้วธุรกิจโทรคมนาคมจะถูกใช้เป็นโครงข่ายในการรับส่งข้อมูลระหว่างสาขาจึงต้องเกิดการขยายตัวตามสุดท้ายภาครัฐจะตามมาเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานดังนั้นความต้องการใช้งานสตอเรจเพิ่มขึ้นแน่นอน

สำหรับทิศทางการทำธุรกิจของฮิตาชิดาต้า ซิสเต็มส์ ปี 57จะเน้น4โซลูชั่นในเรื่องของ2B2Cเป็นหลักเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้แก่1.ข้อมูลขนาดใหญ่(BigData)เป็นแนวโน้มสำคัญซึ่งถือว่าเติบโตอย่างรวดเร็วมาก 2.การสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ(BusinessContinuity)ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง 3.โครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบบูรณาการ(ConvergedInfrastructure)แพลตฟอร์มที่รวมระบบเซิร์ฟเวอร์ระบบสตอเรจ และ ระบบเครือข่ายเข้าด้วยกัน พร้อมซอฟแวร์ในการบริหารจัดการช่วยให้การติดตั้งและระบบงานทางไอทีเป็นได้อย่างรวดเร็วทำให้สามารถตอบสนองความต้องการทางเชิงธุรกิจได้เร็วกว่าการใช้งานแบบเดิม

และ 4.การเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานร่วมกัน(Collaborationand Mobility) ช่วยสนับสนุนการทำงานในทุกที่ทุกเวลาทั้งจากอุปกรณ์โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์มือถือและการทำงานต่างสาขา อาทิเช่น เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นเสมือน(Virtual Application -VAI) เดสก์ท็อปเสมือน(VirtualDesktop -VDI) รวมถึงHitachiData Ingestor (HDI)ที่ช่วยเข้ามาบริหารข้อมูลระหว่างหลากหลายสาขาและส่วนกลางได้อย่างรวดเร็วและ HCPAnywhereที่เป็นสตอเรจแบบคลาวด์ส่วนตัวที่สามารถแชร์ข้อมูลกันภายในองค์กรได้อย่างปลอดภัยลักษณะการทำงานคล้ายดร็อปบอกซ์ที่สามารถทำการย้ายข้อมูลได้ทันที

สำหรับ ผลประกอบการของฮิตาชิดาต้า ซิสเต็มส์ ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาธุรกิจเอ็กเทอร์นัลสตอเรจครึ่งปีแรกเติบโตถึง47.7%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาสูงกว่าตลาดรวมของไทยที่เติบโต45.6%โดยธุรกิจของเอชดีเอสเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนเติบโตเพิ่มขึ้น35%สูงกว่าตลาดรวมที่โต28.1%สาเหตุหลักเนื่องจากภาคธุรกิจเริ่มตื่นตัวกับการลงทุนเพื่อรองรับบิ๊กดาต้าและการทำศูนย์สำรองข้อมูลสำหรับประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่าที่เพิ่งเปิดประเทศถือเป็นตลาดสำคัญความเติบโตที่ค่อนข้างเร็วโดยในปีนี้ฮิตาชิมีแผนที่จะเข้าไปทำตลาดที่ประเทศพม่ามากขึ้น

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #23 เมื่อ: มกราคม 18, 2014, 07:44:37 pm »

นายศกร ทวีสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ในวันนี้(18 ม.ค.)  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.และปิดในเวลา 20.00 น. ขณะที่สาขาชิดลม จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.และปิดในเวลา 22.00 น. สาขาลาดพร้าว จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.และปิดในเวลา 21.00 น. สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.30 น.และปิดในเวลา 21.30 น. ส่วนสาขาแจ้งวัฒนะ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.และปิดในเวลา 22.00 น. เพื่อความสะดวกในการเดินทางไป-กลับ สำหรับลูกค้าและพนักงานในช่วงที่มีการชุมนุม ส่วนสาขาอื่นๆยังเปิดทำการในเวลาปกติ

ด้านบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ถึง 19 ม.ค. นี้ ศูนย์การค้าทั้งหมดจะเปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. และปิดเวลา 20.00 น. เช่นกัน ขณะที่ศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ จะเปิดให้บริการตามเวลาปกติคือ วันจันทร์ อังคาร พฤหัส ศุกร์ จะเปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 09.00 และปิดเวลา 20.00 น. และวันพุธ  เสาร์ อาทิตย์ จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา08.00 และปิดเวลา 20.00 น.

นอกจากนี้ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ จะเปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 11.00 น.และปิดในเวลา 21.00 น.

ทั้งนี้ทุกศูนย์การค้าจะประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมปรับแผนรับมือตลอด ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนเวลาดำเนินจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #24 เมื่อ: มกราคม 19, 2014, 12:32:15 pm »

นายวิลเลี่ยม ตัน ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ กล่าวว่า  จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปิดถนนสายเศรษฐกิจในเขตกรุงเทพฯ ส่งผลให้หน่วยงานและองค์กรธุรกิจหลายแห่งอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หรือย้ายไปทำงานนอกสถานที่ รวมทั้งมีการนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายองค์กรเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการสร้างภัยคุกคามด้านไอที เนื่องจากอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั้นอาจเป็นช่องทางในการเปิดเผยข้อมูลอันมีค่าของผู้ใช้งานและขององค์กรให้กับบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตหากขาดความระมัดระวังในการใช้งาน

           ทั้งนี้ปัจจุบันอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีการใช้งานแพร่หลายจึงตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ อีกทั้งระบบดังกล่าวมีลักษณะเปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย และสามารถแชร์แอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างอิสระ  และอุปกรณ์จำนวนมากจะสามารถเข้าถึงและบันทึกข้อมูลขององค์กรได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้รับการควบคุมและดูแลอย่างเต็มที่จากผู้ดูแลระบบไอที   

           อย่างไรก็ดี แม้ว่าภัยคุกคามระบบมือถือหรือสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะมาในรูปของโปรแกรมที่เป็นอันตราย แต่บริษัท เทรนด์ไมโคร คาดว่าอาชญากรไซเบอร์จะยังคงพุ่งเป้าโจมตีไปที่โปรแกรมทั่วไปเช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่หรือข้อผิด พลาดในการเขียนโปรแกรมของนักพัฒนาต่างๆ ซึ่งนั่นจะนำไปสู่การขโมยหรือเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้ได้ในที่สุด      ซึ่งโดยทั่วไปแล้วภัยคุกคามระบบมือถือถือจะมาในรูปของโทรจันหรือหนอนอินเทอร์เน็ตที่อาศัยผู้ใช้เป็นตัวกลางในการแพร่กระจาย ขณะที่ภัยคุกคามระบบมือถือบางอย่างจะเกี่ยวข้องกับสปายแวร์ที่สามารถบันทึกหมายเลขโทรออกและการสนทนาได้ ซึ่งถือเป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งยังสามารถขโมยข้อมูลประจำตัว และทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กรได้อีกด้วย นอกจากนี้ภัยคุกคามระบบมือถือยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบลูทูธได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการดำเนินการจากผู้ใช้

              บริษัท เทรนด์ไมโครแนะนำแนวทางการป้องกันภัยคุกคามระบบมือถือหรือสมาร์ทโฟนไว้ดังนี้ คือ หมั่นปรับปรุงระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนและโปรแกรมแก้ไข (แพชต์) ช่องโหว่สำหรับซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ    ให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามล่าสุด อาการของการติดเชื้อ และวิธีป้องกันอุปกรณ์มือถือของตน  เปิดใช้งานการป้องกันไวรัสในสมาร์ทโฟนอยู่เสมอ  นำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรักษาความปลอดภัยสำหรับพีซีไปใช้กับอุปกรณ์มือถือของคุณ   ขอความช่วยเหลือจากฝ่ายไอทีในกรณีที่เครื่องใช้งานหลักของคุณทำงานช้าลงหลังจากที่ได้ซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนของคุณแล้ว  รวมถึงเลือกใช้โซลูชั่นป้องกันไวรัสสำหรับอุปกรณ์มือถือที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #25 เมื่อ: มกราคม 19, 2014, 09:13:48 pm »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
☏:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #26 เมื่อ: มกราคม 21, 2014, 12:03:54 pm »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
☏:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #27 เมื่อ: มกราคม 21, 2014, 09:04:48 pm »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
☏:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #28 เมื่อ: มกราคม 22, 2014, 12:10:45 pm »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
☏:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com

บันทึกการเข้า
jigkooffroad
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1534


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #29 เมื่อ: มกราคม 23, 2014, 07:19:14 pm »

สั่งซื้อสินค้าด่วน...
☏:086 3357254
LineID:wintuth
EMAIL: wintuth@gmail.com

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Related Topics
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ขายหรือให้เช่า WINNING TOWER สุขุมวิท 71 BTS พระโขนง
สินค้าอื่นๆ
ryclup 0 358 กระทู้ล่าสุด มิถุนายน 14, 2017, 10:56:21 am
โดย ryclup
ของชำร่วยงานศพ ของชำร่วยงานฌาปนกิจ ธนาค้าร่มรวย รับCEO INSPIRATION AWARD 2017
พูดคุยทั่วไป
andardiz 0 338 กระทู้ล่าสุด ธันวาคม 18, 2017, 12:43:12 pm
โดย andardiz
PIPE FREEZING PRODUCTS, เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน : เทมป์เมกเกอร์ บจก.
สินค้าอื่นๆ
mossade4T 0 304 กระทู้ล่าสุด ตุลาคม 01, 2018, 03:06:39 pm
โดย mossade4T
PIPE FREEZING PRODUCTS, เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน : เทมป์เมกเกอร์ บจก.
สินค้าอื่นๆ
mossade4T 0 330 กระทู้ล่าสุด ตุลาคม 01, 2018, 03:08:47 pm
โดย mossade4T
PIPE FREEZING PRODUCTS, เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน : เทมป์เมกเกอร์ บจก.
สินค้าอื่นๆ
mossade4T 0 346 กระทู้ล่าสุด ตุลาคม 01, 2018, 03:10:55 pm
โดย mossade4T
PIPE FREEZING PRODUCTS, เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน : เทมป์เมกเกอร์ บจก.
สินค้าอื่นๆ
mossade4T 0 339 กระทู้ล่าสุด ตุลาคม 01, 2018, 03:13:04 pm
โดย mossade4T
สินค้าอุตสาหกรรมออนไลน์ Thailand Industry Products
สินค้าอื่นๆ
mossade4T 0 354 กระทู้ล่าสุด กรกฎาคม 05, 2019, 03:03:57 pm
โดย mossade4T
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ