สาย Apple Watch ใหม่ที่หลาย ๆ คนรอคอย

[Puttichai9876]

Advertisement



Apple Watch Hermès รุ่น Double Tour ​ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่มาพร้อมกับสายยาว โอบข้อมือ 2 รอบ โดยรุ่นนี้ จะมาพร้อมกับตัวเรือนแบบ Stainless Steel ขนาด 38 มม. สายหนัง 4 สี ได้แก่ Fauve Barenia, Étain, Capucine และ Bleu Jeanราคาของ Apple Watch Hermès รุ่น Double Tour อยู่ที่ $1,250 หรือราวๆ 44,000 บาทถัดมา เป็นรุ่น Single Tour ด้วยหัวล็อคแบบเดียวกับสายรัดทึบของม้า มาพร้อมกับตัวเรือนแบบ Stainless Steel ขนาด 38 มม. และ 42 มม. สายหนังสี Fauve Barenia, Noir และ Capucineราคาของ Apple Watch Hermès รุ่น Single Tour เริ่มต้นที่ $1,100 หรือราวๆ 38,500 บาทสุดท้ายเป็นรุ่น Cuff ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากอุปกรณ์ขี่ม้า โดยรุ่นนี้ มาพร้อมกับตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 42 มม. พร้อมสายหนังสี Fauve Bareniaราคาของ Apple Watch Hermès รุ่น Cuff อยู่ที่ $1500 หรือราวๆ 52,500 บาท Apple Watch Sport เปิดตัว 2 สีใหม่ Gold และ Rose Goldสำหรับ Apple Watch Sport ซึ่งถือว่า เป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุดนั้น ได้เปิดตัว ตัวเรือน 2 สีใหม่ ได้แก่ Gold และ Rose Gold ซึ่งเป็นสีเดียวกับ iPhone 6S และ iPhone 6S Plus นั่นเอง ซึ่งสายสำหรับรุ่น Sport ได้เพิ่มสีใหม่เข้ามาอีก 5 สี ได้แก่ Orange, Lavender, Stone, Antique White, Midnight Blue และสีแดงกับ Product(RED) Watch OS 2 ปล่อยอัปเดตในวันที่ 16 กันยายนนี้ในส่วนของฝั่งซอฟท์แวร์อย่าง WatchOS ได้มีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งแอปพลิเคชันบน Apple Watch มีให้เลือกใช้กว่า 10,000 แอปฯ แล้ว ซึ่งแอปฯ เด่นๆ ที่ถูกนำมาเผยในงาน ก็ได้แก่ Facebook Messenger ที่สามารถตอบข้อความได้แล้ว, GoPro, iTranslate นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการใช้งานแอปฯ AirShip และ Sense4Baby ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันทางการแพทย์ สำหรับติดตามอาการของผู้ป่วย ซึ่งสามารถแสดงอัตราการเต้นของหัวใจผู้ป่วยได้แบบเรียลไทม์อีกด้วยโดย WatchOS 2 จะปล่อยอัปเดตอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 16 กันยายนนี้สาย Apple Watch ด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องหยิบ iPhone ขึ้นมาเช็กบ่อยๆ และไม่พลาดทุกการติดต่อนั่นเองและสำหรับท่านที่มีข้อสงสัยว่า ถ้าหากลืม iPhone ไว้ที่บ้าน หรือ สาย Apple Watch[/b] ไม่ได้ถูก sync กับ iPhone จะสามารถใช้งานอะไรได้บ้าง วันนี้ทีมงาน techmoblog มีคำตอบมาฝากกันครับ บอกเวลาได้น่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ ท่านสามารถคาดเดากันได้อยู่แล้ว เพราะถึงแม้ Apple Watch จะไม่ได้ถูก sync ไว้กับ iPhone แต่ก็สามารถบอกเวลาได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งปลุก และดูปฏิทินได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนธีมนาฬิกาได้ด้วยเช่นกัน เล่นเพลง และแสดงรูปภาพโปรดได้ถ้าหากเผลอลืม iPhone ไว้ที่บ้าน Apple Watch ยังมีคุณสมบัติเป็นเครื่องเล่นเพลงได้ ซึ่งจุเพลงได้สูงสุด 2 GB นอกจากนี้ ยังสามารถชมรูปภาพโปรด ที่ถูกอัปโหลดไว้ที่ iCloud Photo Library (สูงสุด 75 MB) ได้อีกด้วย บันทึกข้อมูลการออกกำลังกายApple Watch สามารถบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายต่างๆ ได้ เมื่อไม่มี iPhone ซึ่งได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวเดิน, จำนวนก้าวในการขึ้นบันได และอัตราการลุกนั่ง โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ จะถูกเก็บไว้ในตัวเครื่อง และถูก sync อีกครั้งผ่านทาง Health app เมื่อมีการเชื่อมต่อกับ iPhone แต่ข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง จะไม่สามารถวัดได้ เนื่องจาก Apple Watch ไม่มี GPS ครับ