Advertisement
เครื่องสูบลมไฟฟ้ แบบพกพาใช้ไฟจากแบตเตอร์รี่รถยนต์ผ่านช่องจุดบุหรี่ตัวเครื่องผลิตจากโลหะและยางคุณภาพดี มาพร้อมกับสายลมยาว 1เมตรและหัวเติมลม มีเกจวัดแรงดันลมที่ใช้ง่าย อ่านค่าง่าย และมีความแม่นยำ
เติมลมได้เร็ว ใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้นสำหรับล้อรถยนต์ขนาดเล็ก-กลางเหมาะอย่างยิ่งที่จะพกพาติดไว้ในรถยนต์หรือในบ้านยามกรณีฉุกเฉินควรตรวจเช็คลมยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานและลดการสึกหรอของยางรถยนต์ ลดการเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้แรงดันลมในล้อยางรถยนต์ที่พอดีจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น
- [url=https://www.youtube.com/watch?v=nbBvbeS11wA]
เครื่องสูบลมไฟฟ้า แรงดันลมสูงสุดที่เติมได้: 140 psi (ล้อรถยนต์ปกติจะมีแรงดันลมอยู่ที่ประมาณ30-40 psi)
-
ปั๊มลมไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า: DC 12V
-
ที่สูบลมไฟฟ้ากระแสไฟฟ้าสูงสุด: 10A
-
ปั๊มสูบลมไฟฟ้า มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อลมยางเต็ม
-
สูบลมไฟฟ้า มีเกจวัดแรงลม, สายลมและหัวเติมลม
- ความยาวสายไฟ: 3เมตร
- ความยาวสายเติมลม: 1เมตร
- ใช้เวลาเติมลมยางที่แบนประมาณ 3นาที เหมาะสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
- วัสดุ: โลหะ, ยาง
- ไม่แนะนำให้ใช้กับล้อยางรถกระบะหรือรถใหญ่อื่นๆ
- ควรสตาร์ทรถก่อนใช้งานปั๊มลม
- ควรพักการใช้งานปั๊มลมเมื่อใช้งานต่อเนื่องทุก 15นาที
- ขนาด: 165x145x160มิลลิเมตร
-น้ำหนัก: 1.5กิโลกรัม
ลมยางนับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อการทำหน้าที่ของยางรถยนต์เพราะลม
จะทำให้ยางสามารถคงรูปร่างและยึดติดกับกระทะล้อ และรับน้ำหนักบรรทุกได้
นอกจากนี้ลมยังช่วยให้หน้ายางสามารถคงรูปร่างและยึดติดกับกระทะล้อ และรับแรงสั่นสะเทือนจากการกระแทกของหน้ายางกับผิวถน
นที่ไม่เรียบได้ ลมที่ใช้เติมเข้าไปในยางรถยนต์โดยทั่วไปจะใช้อากาศอั
ดที่มาจากปั๊มลม ปัจจุบันได้นำแก๊สไนโตรเจนเข้ามาแทนการลมอัดแต่ยังไม่แพร่หลายนัก
เพราะผู้ใช้รถยนต์ต้องจ่ายเงินค่าแก๊สซึ่งยังมีราคาแ พงมากเมื่อเทียบกับลม
อัดที่เติมฟรี(ค่าแก๊สไนโตรเจนประมาณ 50 บาทต่อล้อ)
ผลของความดันลมต่อการใช้งานยางรถยนต์
ความดันของลมภายในยางจะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำหน้าที่ของยางตามปกติแล้วบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์จะกำหนดค่าความดันลมที่ เหมาะสมกับยางรุ่นนั้นๆมาให้ความดันลมที่เหมาะสมจะทำ ให้ยางมีรูปทรงที่เหมาะสมจะทำให้ยางทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ลมยาง
หากความดันของลมภายในยางมีน้อยเกินไปจะทำให้ยางแบนหน้ายางสัมผัสกับถนนไม่เต็มหน้า
ดัง รูป (ซ้าย)ซึ่งจะมีผลให้มีการสึกหรอมากบริเวณไหล่ยาง และทำให้การบังคับเลี้ยวรถทำได้ยากขึ้น
(พวงมาลัยหนัก) ชั้นผ้าใบหรือเนื้อยางเกิดการหัก ชำรุดเสียหายเร็วกว่าปกติ
ประสิทธิภาพในการรีดน้ำและเกาะถนนลดลง และมีการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง
ในทางตรงกันข้าม หากครวามดันยางภายในมากเกินไป
จะทำให้แก้มยางสูงและหน้วยางโค้งขึ้น ดอกยางสัมผัสกับผิวของถนนเฉพาะตรงกลางหน้ายาง
ซึ่งจะส่งผลให้ยางมีการสึกหรอมากตรงกลางหน้ายางประสิ ทธิภาพในการยึดเกาะถนน
ลดลง(พื้นที่สัมผัสลดลง) รถเกิดการลื่นไถลได้ง่าย มีการสั่นสะเทือนมากขึ้น
และอาจเกิดการระเบิดของยางได้
ความดันลมยางที่เหมาะสม
ความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับยางรถยนต์นั่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 28-36 ปอนด์/ตร.นิ้ว ส่วนรถกระบะจะอยู่ที่ประมาณ 30-45ปอนด์/ตร.นิ้ว (ไม่มีการบรรทุก) และประมาณ 35-65ปอนด์/ตร.นิ้ว (เมื่อมีการบรรทุก)แต่ละยี่ห้อ มีน้ำหนักต่างกัน
หรือใช้ยางที่มีขนาดต่างกัน
กรณีที่ขับรถด้วยความเร็วสูงหรือขับรถทางไกลให้เพิ่มความดันลมขึ้น 3-5 ปอนด์/ตร.นิ้ว จากความดันลมปกติทั้งนี้เพื่อเป็นลดการบิดตัวของโครงสร้างยาง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ยางเกิดความร้อน
[/size]