โฆษณาออนไลน์ไม่ดีหรือดี ให้มองที่ 4 ตัวนี้ ขายสินค้าออนไลน์ให้เก่งแบบเทพๆจะต้อง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โฆษณาออนไลน์ไม่ดีหรือดี ให้มองที่ 4 ตัวนี้ ขายสินค้าออนไลน์ให้เก่งแบบเทพๆจะต้อง  (อ่าน 14 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
raraymondas
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37247


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มีนาคม 12, 2017, 12:36:13 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ปวดศีรษะเหลือเกิน ประชาสัมพันธ์ Facebook นับวันยิ่งแพง ทำเช่นไรดีเนี่ย?
เวลานี้ปฎิเสธไม่ได้ว่าการทำประชาสัมพันธ์บน Facebook นั้นการประลองค่อนข้างจะสูงมาก…
แต่ว่าพอจะไม่ทำประชาสัมพันธ์โพสต์ไปก็ไม่มีใครมองเห็นอีก โลกมันชั่งอยู่ยากจริงๆภายหลังโปรโมทไปแล้วหลังจากนั้นก็ต้องเจอกับตัวเลขอีกเยอะไม่หมดไม่เคยทราบอะไรเป็นอะไร
วันนี้แม่ค้าเลยมีสถิติ 4 ตัวไว้สำหรับประเมินผลประชาสัมพันธ์ Facebook มาฝากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ลองมองกันค่ะ
1.”CPM” ตัวช่วยประเมินรายจ่ายเบื้องต้น
Cost per 1,000 Impression หรือ CPM เป็นวิธีวัดผลจากจำนวนการเข้าถึงคนโดยจะเก็บเงินทุกๆ1,000 การเข้าถึง โดยการคิด CPM ของ Facebook จะมีปัจจัยหลักๆอยู่ 2 อย่างด้วยกัน เป็น
1)จำนวนคู่แข่งขันที่มีเป้าหมายเดียวกัน
2)ความเจาะจงหรือความยากง่ายในการเข้าถึง ยิ่งกำหนดมากมายๆ(ปริมาณคนน้อย) ค่า CPM ยิ่งแพงเป็นธรรมดา
ในการนำ CPM มาใช้ประเมินผลนั้น ให้จำไว้ว่า “ยิ่งถูกเท่าไหร่ ยิ่งดี” เนื่องจากเท่ากับว่าพวกเราประหยัดเงินในการเข้าถึงคนได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
2.”CTR” ดูว่าโฆษณาของเราน่าสนใจแค่ไหน
Facebook StatCTR หรือ Clickthrough Rate คือ อัตราจำนวนคนที่ Click เข้ามามองโปรโมทของพวกเรา ต่อจำนวนคนทั้งหมดทั้งปวงที่เห็นโปรโมทของเรา CTR ช่วยบ่งถึงความน่าสนใจของโฆษณา ทั้งรูปภาพแล้วก็ใจความในการใช้ หากรูปภาพรวมทั้งใจความตรงกับความพอใจของกลุ่มเป้าหมาจำนวนนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้น ถ้าเกิดจะให้ดีอัตราการ Click น่าจะอยู่ที่ 10% แม้กระนั้นถ้าหากไม่ถึงตัวเลขก็ควรจะสูงที่สุดเท่าที่ทำเป็น
3.”CPC” สำหรับวัดคุณภาพของประชาสัมพันธ์
CPC หรือ Cost per Clickหมายถึงราคาต่อ Click จะมีการเก็บเงินทุกๆครั้งที่มีคน Click บนประชาสัมพันธ์ของพวกเราค่ะ โดยใช้สำหรับวัดคุณภาพของประชาสัมพันธ์ทั้งรูปภาพรวมทั้งใจความ ว่ามีความน่าสนใจมากมายน้อยเท่าใด โดยค่า CPC นั้นควรควรต้องสวนทางกับ CTR เนื่องจากว่ายิ่งคน Click มาที่โฆษณาของพวกเรามากแค่ไหน ค่า CPC ควรจึงควรน้อยลงและก็อัตราการ Click เข้ามานั้นจะสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
4.”Relevance Score” ปังไม่ปังวัดกันที่ตรงนี้
Relevance ScoreRelevance Score เป็นตัวที่ Facebook ไม่ค่อยได้บอกอย่างแจ่มแจ้งว่าใช้อะไรบ้างในการคำนวนบ้าง แต่จากการหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่มีการทดสอบกันมาจะสรุปได้ว่า มันคือ คะแนนความเกี่ยวพันของประชาสัมพันธ์ของคุณกับกลุ่มเป้าหมาย โดยปัจจัยหลักๆที่ต้องใส่ใจจะมีดังนี้
1)Negative Signals ที่ User มีต่อประชาสัมพันธ์ของคุณ อย่างเช่นผู้กระทำด “ซ่อนโปรโมท” หรือการรายงานไปยัง Facebook ส่วนนี้จะมีผลให้ Relevance Score ลดลง
2)Campaign Objective ถ้าหากพวกเรามีการเลือกวัตถุประสงค์ของ Campaign รวมทั้งทำมันได้ดีนี้ก็จะนำมาใช้ในการเพิ่ม Relevance Score ได้ เช่น เราเลือกวัตถุประสงค์ของ Campaign เป็น Website Clicks โดยหวังให้มีคน Click ไปที่ Website เยอะที่สุด ยิ่งคน Click มากเท่าไหร่ค่า Relevance Score ก็จะสูงมากขึ้นแค่นั้น
3)”CTR” อัตราคนที่ Click เข้ามาดูโปรโมทยิ่งมากแค่ไหนยิ่งดี
4)Like, Comments, and Shares ทั้งหมดนี้เรียกว่าจำนวน Engagements ยิ่งคนมีส่วนร่วมกับประชาสัมพันธ์ของพวกเรามากมาย นั่นถือว่าประชาสัมพันธ์ Facebook ของพวกเราได้รับความพอใจเป็นอย่างดี จะมีผลให้ Relevance Score สูงขึ้น
พอเพียงจะได้ข้อมูลกันแล้วนะขา ว่าสถิติตัวไหนเป็นอย่างไรบ้าง ต่อนี้ไปก็เหลือแค่การใช้ประโยชน์ โดยแม่ค้าอยากจะฝากไว้ว่า “การตลาดในทุกวันนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งหมดทุกอย่างล้วนต้องลองผิดลองถูก และวัดผลอย่างสม่ำเสมอ”
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เริ่มต้นขายของออนไลน์

เครดิต : [url]http://xn--22cap6ea7bify1fba3dza2p0cvcze.blogspot.com/[/url]

Tags : เริ่มต้นขายของออนไลน์,วิธีขายสินค้าออนไลน์



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ