Advertisement
ผู้ใช้รถส่วนมากจะมีความรู้สึกถึงเสียงที่เกิดขึ้นขณะขับรถแตกต่างกันออกไป เสียงที่ท่านได้ยิน นั้นจะมาจากแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆ บางครั้งสามารถแยกแยะออกได้ว่า เสียงที่เกิดขึ้นนั้นมาจากที่ใดบ้าง แต่บางครั้งเสียงก็จะปนกันจนฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงอะไรบ้าง
ที่ มาของเสียงขณะขับรถโดยเฉพาะ "เสียงยาง" เพื่อให้ท่านเข้าใจถึงลักษณะและสาเหตุของการเกิดเสียงต่างได้ดี ยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่จะคุยกันเรื่องเสียงยางเราลองดูกันว่าเสียงที่เกิดขึ้นขณะขับรถ นั้นมีอะไรบ้าง
ที่มาของเสียงต่าง ๆที่เกิดขึ้นขณะขับรถนั้นมาจากระบบเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ระบบเบรค ท่อไอเสีย เสียงลมและเสียงยาง
ในการออกแบบรถรุ่นใหม่ ๆ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้พิจารณาหาทางลดเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้รถมีความสุนทรีย์ในการขับขี่มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับผู้ผลิตยางรถยนต์ต่างก็พยายามที่จะพัฒนายางรุ่นใหม่ ๆให้มีเสียงเกิดขึ้นขณะใช้งานน้อยที่สุด เงียบที่สุด ที่นี้เราลองมาดูกันว่าเสียงยางนั้นมีกี่ชนิดและเกิดขึ้นได้อย่างไร
1. เสียงดอกยาง (Pattern noise) ขณะยางวิ่งสัมผัสพื้นถนนอากาศจะถูกอัดอยู่ภายในร่องดอกยางกับพื้นผิวถนน เมื่อยางวิ่งต่อไปอากาศจะขยายตัวออกจากร่องยางทำให้เกิดเสียงขึ้น เสียงจะเกิดขึ้นต่อเนื่องซ้ำอยู่ตลอดเวลาด้วยความถี่คงที่ เสียงที่เกิดขึ้นนี้ คือ "เสียงดอกยาง"
2. เสียงแหลม ( Squeal ) เสียงแหลมดัง "เอี๊ยด" เกิดจากการสั่นสะเทือนของบริเวณหน้ายางที่กระทำกับผิวถนนในชั่วเวลาหนึ่ง ขณะที่ออกรถหรือหยุดรถอย่างกระทันหันหรือขณะเลี้ยวรถมุมแคบอย่างทันทีท้นใด เสียงดังกล่าวเป็นตัวชี้ให้ทราบว่าผู้ขับรถได้ใช้งานจนเกินความสามารถของยาง ที่จะรับได้ ความสามารถในการยืดเกาะถนนจะลดลงอย่างมากและทำให้เกิดผลเสียดังนี้
* ออกรถกระทันหัน ล้อหมุนฟรีดอกยางสึกหรออย่างรวดเร็วและสึกไม่เรียบ
* หยุดรถกระทันหัน ล้อล๊อคตายแต่ไถลไปกับพื้นถนนหน้ายางสึกเป็นจ้ำเนื้อยางไหม้ความฝืดระหว่าง หน้ายางกับผิวถนนลดลงทำให้รถลื่นไถลเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
* เลี้ยวรถมุมแคบทันทีทันใด ยางลื่นไถลออกทางด้านข้าง ทำให้ควบคุมพวงมาลัยไม่ได้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายอีกทั้งทำให้ดอกยางสึกหรอ อย่างรวดเร็วและสึกไม่เรียบ
3. เสียงถนน (Road noise) ผิวถนนในปัจจุบันนี้มีอยู่มากมายหลายประเภท เช่น คอนกรีตผิวเรียบ ,คอนกรีตมีร่องเล็กๆ ตามแนวขวาง ,แอสฟัสต์ผิวเรียบ แอสฟัสต์มีหินลอย ,ทางลูกรัง ฯลฯ เวลาขับรถผ่านผิวถนนดังกล่าวก็จะเกิดเสียงต่าง ๆกันออกไป สำหรับผิวถนนที่เรียบละเอียดนั้นเสียงที่เกิดจากผิวถนนอาจจะคล้ายกับ เสียงดอกยาง
4. เสียงสะเทือน (Elastic vibration noise ) เสียงนี้เกิดขึ้นจากความสั่นสะเทือนของยางเมื่อวิ่งผ่านผิวถนนที่มีสภาพผิด ปกติ เช่น เป็นหลุม ,แตกร้าว หรือเนื่องจากความไม่สมดุลย์ของยาง
5. เสียงดอกยางบิดตัว (Slip noise) เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเนื่องจากการบิดตัวไม่สัมผัสถนนของดอกยางบางส่วนเกิด ขึ้นในขณะเลี้ยวโค้ง แต่ไม่รุนแรงถึงกับหน้ายางลื่นไถล
เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดและที่มาของเสียงแล้วเราลองมาดูกันว่า องค์ประกอบที่ทำให้เกิดเสียงดอกยางดังมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง โดยเราสามารถทราบระดับความดังของเสียงได้จากผลการทดสอบโดยใช้เครื่องมือตรวจ วัดกราฟ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ ระดับความดังของเสียงจะเพิ่มตามความเร็วของรถ ถ้าความเร็วของรถสูงเสียงก็จะดังตามไปด้วย ,ยางดอกบั้งจะมีระดับของเสียงสูงกว่ายางดอกละเอียด
ความดังของเสียงยางสามารถถูกทำให้ลดลงได้โดยใช้เทคนิคในการออก แบบ ดอกยางให้มีลักษณะที่ช่วยลดปริมาณอากาศที่ถูกอัด ขณะดอกยางสัมผัสผิวถนนหรืออีกวิธีหนึ่งก็โดยการกำจัดเสียงที่เกิดขึ้นต่อ เนื่องในระดับความถี่เดียวกันด้วยการออกแบบขนาดของดอกยางแต่ละดอกให้ต่างกัน ออกไป
การออกแบบดอกยางให้มีหลายขนาดนั้น ส่วนมากจะใช้กับยางที่ต้องการให้มีระดับเสียงน้อยที่สุด เช่น ยางรถโดยสาร ,ยางล้อหน้ารถบรรทุก,ยางปิกอัพ และยางรถเก๋ง จากความเข้าใจของผู้ใช้รถทั่วไป ส่วนมากจะคิดว่าขนาดของดอกยางแต่ละดอกจะเท่ากัน แต่ถ้าท่านลองสังเกตุดูยางที่ท่านใช้อยู่ ท่านจะเห็นความแตกต่างของขนาดดอกยางในยางเส้นเดียวกันอย่างชัดเจน
และทุกบริษัทต่างก็ใช้เทคนิคการออกแบบดังกล่าว ผสมผสานกับเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อวิเคราะห์หาลักษณะการจัดวางขนาดดอกยางที่ทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุดนำมา ผลิตยางเพื่อให้ผู้ใช้พึงพอใจในคุณภาพ