เมื่อความรักใคร่เกิดสาวแรกแย้มผู้ไม่รู้เดียงสาจำต้องเจอกับอุปสรรคหนุ่มรูปหล่อ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อความรักใคร่เกิดสาวแรกแย้มผู้ไม่รู้เดียงสาจำต้องเจอกับอุปสรรคหนุ่มรูปหล่อ  (อ่าน 47 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Narongrit999
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21927


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2017, 04:21:29 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


รุ่งเช้า ของอีกวัน แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาข้างในเรือนนอน เสียงนกร้องในตอนเช้า สายลมที่พัดผ่านทะลุหน้าต่าง ทำให้หญิงสาวที่กำลังหลับไหลลุกตื่นขึ้นมาบิดร่างกายอย่าง รู้สึกขี้เกียจ
 
 สาว ใช้นามซื่อซินที่รอปรนิบัติเตียน ก็ทำหน้าที่ของตนอย่างไม่มีมีข้อบกพร่อง “รับอาหารมื้อเช้าที่แหน่งใดดีเจ้าขาหนูน้อย” ซื่อซินเอ่ยถามในขณะมือปักปิ่นปักผมลงบนผมของคุณหนูเสร็จพอดี
 
 กรรณิการ์ที่ตรวจสอบความเรียบร้อย ดูภาพสะท้อนของตนเอง ก่อนเอ่ยตอบ “ให้คนเตรียมพร้อมที่ห้องรับประทานอาหารนั่นแหละ ชั่วครู่หนึ่งข้าออกไป”
 
 ซื่อ สินโค้งศีรษะ ก่อนที่จะขอตัวออกไป หญิงสาวยืนขึ้นเดินไปถือหนังสือเกี่ยวกับพลังธาตุ ที่มันยังคงค้างคาใจคุณติดมือไปด้วย เพื่อจะได้ใช้เวลาในขณะทานมื้อตอนเช้า พร้อมกับอ่านแบบเรียนไปในตัว ร่างเพรียวบางระหงส์เดินไปตามทางเดิน ระหว่างทางก็เจอบ่าวไพร่ที่รับเข้ามาใหม่ดำเนินการขยันขันแข็ง พร้อมทั้งคารวะเธอไปตลอดทาง
 
 
 เมื่อ ทานมื้อรุ่งเช้าเสร็จสรรพ เธอจึงได้ให้พ่อบ้านเรียกข้าทาสบริการที่เข้ามาใหม่ มาเจอคุณทั้งหมดทั้งปวงที่ด้านหน้าเรือน ใช้เวลาไม่นานนักทุกคนก็มากันอย่างครบถ้วน โดยแยกยืนชาย หญิง กันอย่างมีความเรียบร้อยเป็นระเบียบเรียบร้อย กรรณิการ์ยืนนับปริมาณคนใช้ทั้งหมดทั้งปวง ก็พบว่ามีชายสิบแปด และก็หญิงสิบสองคน เมื่อทั้งหมดได้รับการอาบน้ำแล้วก็แต่งตัวใหม่ ทุกคนต่างดูดีขึ้นเป็นกอง
 
 
 “เป็นอย่างไรกันบ้าง งานหนักหรือไม่”
 
 “”””ไม่หนักขอรับ/เจ้าค่ะคุณหนู””””
 
 
 “ที่ เราเรียกมาวันนี้ เพียงแค่เพื่ออยากพบหน้าและสอบถามเท่านั้น เราหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะตั้งอกตั้งใจดำเนินงานของตนเองอย่างยอดเยี่ยม” กรณิการ์บอกกับคนอีกทั้งสามสิบเสร็จ ก็เลยหันไปพบทางพ่อบ้าน “พ่อบ้าน ข้าฝากท่านช่วยมองพวกเขาด้วย เราไม่ต้องการให้มีปัญหาคนเก่าข่มคนใหม่ ถ้าคนไหนปฏิบัติตัวมีปัญหาท่านจัดแจงได้ในทันทีโดยไม่ต้องแจ้งเรา”
 
 
 “ขอรับคุณหนู”
 
 
 “พวก เจ้าก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากพบว่าตนเองถูกรังควาน หรือโดนบังคับใช้งานโดยที่ตนเองไม่ยินดีที่จะทำ ต้องมาแจ้งพ่อบ้าน หรือไม่ก็ซื่อสิน เราต้องการให้พวกเจ้าอยู่กับแบบครอบครัว อย่าได้บังคับขมเหงซึ่งกันและกัน ต้องช่วยคุ้มครองปกป้องดูแลซึ่งกันและกัน รู้เรื่องที่ข้าบอกหรือเปล่า”
 
 “””””เข้า หัวใจขอรับ/เจ้าค่ะ””””” ถึงแม้น้ำเสียงที่ถูกส่งแสงออกมาจะดูเรียบเฉย แต่ว่าถ้อยคำล้วนเปี่ยมไปด้วยความกังวล พวกเขามีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีที่ได้ถูกซื้อมาปฏิบัติงานยังจวนที่นี้
 
 
 ภาย หลังจากที่ทุกคนแยกย้าย กรรณิการ์ก็ได้หมกตัวอยู่แต่ว่าในเรือน เพื่อศึกษาตำราเรื่องต่างๆเธอไม่มีความรู้ของที่นี่อย่างเดียวซึ่งสามารถช่วยเธอได้ ก็คือต้องเรียนเอาเองแค่นั้น โดยที่คุณไม่รู้เลยว่าการกระทำทุกสิ่งตั้งแต่เมื่อวาน อยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งตลอดมา ดวงตาคมดุจเหยี่ยว มองดูหญิงสาวที่จดจ่ออยู่กับตัวอักษรย่างไม่วางตา
 
 สัมผัส ของเขารับทราบได้ว่า จวนที่นี้กำลังจะต้องต้อนรับผู้มาเยือนในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน ก็เลยได้เร้นกายไปรอรับดูละครฉากใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับซื่อซินที่กำลังเดินมายังเรือนหนูน้อย อย่างเร่งร้อน
 
 
 “คุณหนูเจ้าค่ะ องค์ชายสี่มารอเจอเจ้าค่ะ”
 
 กณิการ์ที่ได้รับรายงานก็รู้สึกหงุดหงิดหัวใจอยู่ไม่น้อย จะมาเพราะเหตุใดกัน “เจ้าไปจัดแจงห้องยืนยันและทูลองค์ชายว่าข้ากำลังจะออกไป” คุณบอกออกมาอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจ
 
 กรรณิการ์ คว้าผ้าสีขาวผืนบางมาปิดบังบริเวณใบหน้าเหลือแค่เพียง ดวงตาคมที่โผล่ออกมาเพียงแค่นั้น เธอได้ก้าวเท้าไปยังเรือนรับรองแม้กระนั้นไม่พบคนไหนกันแน่ ก็รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง กระทั่งมีบ่าวชายมาแจ้งคุณว่าองค์ชายสี่รออยู่ข้างหน้าจวน กรณิการ์พยักหน้ารับทราบ คุณเดินไปยังประตูจวนตามที่ได้รับแจ้ง ก็เจอองค์ชายสี่ที่ยืนทำหน้ารำคาญอยู่
 
 
 “นี่เจ้ากล้าดียังไงที่ปลดปล่อยให้เราต้องยืนรอนานขนาดนี้” องค์ชายสี่หานเฟิงเทียน ตะคอกเมื่อสตรีที่ตนรังเกียจปรากฎกายขึ้น
 
 กรณิการ์ เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แววตาแสดงออกถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจเป็นอันมาก “ขออภัยองค์ชาย แต่เท่าที่หม่อมฉันรู้เป็นพระองค์ที่เสด็จมาโดยไม่มีการกล่าวแจ้งล่วงหน้า ถ้าหากจะโทษว่าเป็นความไม่ถูกของหม่อมฉัน เกรงว่าจะไม่ถูกต้องนะเพคะ”
 
 
 “เจ้า บังอาจนัก!!” หานเฟิงเทียนมองดูสตรีข้างหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนจะส่งสัญญาณให้กับขันทีที่ติดตามรีบยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับสตรีตรง หน้า ที่เขามาในวันเป็นเพราะว่าได้รับรายงานว่า บริเวณใบหน้าที่ธรรมดาปัจจุบันนี้ได้มีรอยแผลใหญ่ปรากฎมากขึ้นอีก สตรีผู้นี้ไร้ซึ่งพรสวรรค์ไม่พอ แถมในตอนนี้ยังพ่วงความน่าเกลียดเข้ามาอีก เมื่อได้เห็นผ้าสีขาวที่ปกปิดใบหน้า จึงรู้สึกเกลียดชังขึ้นมาเขาไม่ได้อยากจะก้าวเข้าไปเหยียบด้านในจวนนี้เลยหากแม้ แม้กระนั้นน้อย จึงได้ยืนรออยู่ข้างนอก
 
 
 กรณิการ์ รับมันมาอย่าง งงงวยทันทีที่เปิดอ่านก็หัวเราะออกมาน้อย “นี่ท่านกลัวจะได้หมั้นหมายกับหม่อมฉันถึงเพียงนั้นเชียวหรือเพค่ะ” กณิการ์ถามด้วยน้ำเสียงขำขัน ใช่ข้างในกระดาษเขียนใจความให้คุณยินยอม ยกเลิกการหมั้นหมาย นี่คงจะคิดว่าคุณต้องการจะหมั้นด้วยจนตัวสั่นสินะ โง่เขลาเบาปัญญาสิ้นดี ถ้าจะยอมคนตรงหน้ากล้วยๆมันก็ไม่สนุกน่ะสิ ขั้นต่ำก็ให้ดิ้นมากกว่านี้อีกสักนิดสักหน่อยเพื่อความสาแก่ใจส่วนตัวแล้วกัน
 
 
 “เจ้าอ่านเสร็จก็รีบๆประทับลายนิ้วมือซะ เราจะได้รีบไปจากที่นี่สักที” หานเฟิงเทียนรีบคนข้างหน้า
 
 มุมปากขอขี้งกรรณิการยิ้มแย้มออกมาอย่างเย้ยหยัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดมองเห็นเพราะเหตุว่าผ้าขาวที่ปกปิดบริเวณใบหน้าของคุณ “หากหม่อมฉันไม่ทำตามพระตั้งใจ??”
 
 “หนูน้อยหลิน อย่าได้ยโส รีบประทับลายพิมพ์นิ้วมือเสีย” ขันทีที่เป็นผู้ยื่นจดหมายเอ่ยด้วยน้ำเสียงขู่
 
 “โอ้ นี่เราเพิ่งจะทราบดีว่าการที่พวกท่านบุกมาถึงจวน และกำลังกดดันข่มขู่เราที่เป็นลูกของแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้น โดยไม่มีคำว่าเกรงใจ ถ้าข้ายอมเอาอย่างคำขู่ของพวกท่าน แล้วเกียรติ ความโด่งดังของท่านพ่อรวมทั้งพี่ชายข้าที่พยายามทำมา จะเป็นเช่นไร แม้ว่าข้าจะถูกคิดว่าเป็นสตรีไม่มีคุณค่า แต่ว่าข้าคือบุตรสาวของแม่ทัพหลิน ข้าไม่สามารถกระทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อผู้คนเยาะเย้ยตระกูลเราในวันหลังได้ หวังว่ากงกงพอเพียงจะเข้าหัวใจ” ถึงแม้น้ำเสียงจะนุ่มนวล แม้กระนั้นคำพูดที่ส่งแสงออกมานั้น ตั้งใจเสียงแทงไร้กระทำตัวมารยาท
 
 
 องค์ ชายสี่รวมทั้งขันทีที่ยืนอยู่บริเวณใบหน้าดำคล้ำ ด้วยความรำคาญ “หึ..เจ้าต้องเชิดหน้าชันหัวถัดไปเหอะ อีกไม่นานเจ้าก็จะไม่อาจจะชูคอแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้วแม่นางหลิน” หานเฟิงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
 
 
 “ทูล องค์ชายพระองค์มีเรื่องมีราวที่พูดเพียงนี้ใช่หรือไม่ใช่เพขา หม่อมฉันพึ่งจะทราบดีว่าบุคคลที่เป็นถึงองค์ชายกลับมีกิริยา มารยาทที่คุกคามชนชั้นผู้น้อยเช่นนี้” กณิการ์พูดเสียงเรียบ
 
 “ตัว เจ้าบังอาจนัก กล้าว่ากล่าวข้าอย่างนั้นรึ เป็นเพียงแต่ไร้พรสวรรค์ อย่าได้ทำปากมากนักหลินซูเหยา” องค์ชายสี่ตะโกนสตรีที่ก้มหัวอยู่ด้วยอารมณ์ครุกรุ่น
 
 “องค์ ชายสี่เพคะ หม่อมฉันเตือนไว้อย่าง ยามนี้พระองค์หาได้สนทนากับหม่อมฉันในที่ส่วนตัว ราษฎรที่กำลังมุงมองบางทีก็อาจจะนำท่านไปพูดในทางมิดีได้นะเพขา”
 
 องค์ชายสี่ที่ช่วงนี้รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง เขาสลัดชายแขนเสื้อก่อนที่จะตั้งท่ากระทำตัวเป็นองค์ชายผู้มีฐานันดรศักดิ์ดังเช่นว่าเดิม
 
 “ตัว เจ้าช่างเป็นสตรีที่หน้าด้าน เราแสดงออกอย่างแจ่มแจ้งว่าไม่ได้ชอบพอเจ้า แต่ว่าเจ้าก็ยังเอาแต่ใจ แล้วก็หนำซ้ำยังเป็นเหตุให้เครือญาติแม่ทัพหลินจำเป็นต้องมัวหมอง เพราะว่ามีบุตรีไร้ซึ่งพลังธาตุ แม้กระนั้นยังกระทำตนหยิ่งยโสต่อหน้าต่อตาเราซึ่งเป็นองค์ชาย ช่างหน้าเห็นใจแม่ทัพหลินจริงๆ” หานเฟิงเทียนบอกด้วยน้ำเสียงอันดัง ประชาชนที่มุงมองต่างพากันซุบซิบกันอย่างสนุกปาก
 
 
 กรณิการ์ รู้สึกอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก นี่ถ้าหากไม่ใช่องค์ชายอยากจะขอเข้าไปตบสักฉาดเลยจริงๆ ได้ในเมื่อต้องการแบบงี้เจ้จะจัดให้ “ทูลองค์ชาย หัวข้อการหมั้นหมายเป็นผู้ใหญ่ที่คนจัดการ หาใช่หม่อมฉันไม่ รวมทั้งในยามนี้พ่อของหม่อมฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ พระองค์อาจจะไม่ได้ลืมมั๊งเพขา” กรรณิการ์พุดด้วยน้ำเสียงดังไม่แพ้กัน ดวงตามองดูองค์ชายสี่อย่าดูแคลนก่อนเอ่ยต่อ
 
 
 “องค์ชายกล่าวว่าหม่อมฉันเป็นสตรีหน้าไม่อาย แล้วการที่พระองค์พาหญิงคู่รักมาหาข้าถึงในจวนเมื่อวันก่อน แถมยังพูดจาขู่ให้เรายกเลิกการหมั้นหมาย และอีกประการสำคัญที่พระองค์ บางทีอาจจะยังไม่ทรงทราบ หม่อมฉันไม่ได้ประทับใจพระองค์สักนิด ก็แค่ยามนี้พ่อของหม่อมฉันยังไม่กลับมาจากชายแดน หม่อมฉันจึงไม่สามารถกระทำการอะไรก็ตามโดยพละการได้ ถ้าเกิดเมื่อใดที่บิดาของหม่อมฉันกลับมาแล้ว ตารางหมั้นหมายจะถูกยกเลิก และไม่มีวันเกิดขึ้นอีกอย่างไม่ต้องสงสัยเพคะ”
 
 “ดี..ดี จงจดจำคำร้องของเจ้าไว้ให้ดี” หานเฟิงเทียนเอ่ยบอกแค่นั้น ก่อนที่จะสั่งให้คนของตนพากลับวัง ก่อนที่รถม้าจะเคลื่อน หานเฟิงเทียนเปิดม่านขึ้นมานิดหน่อย แล้วโยนจดหมายอีกฉบับออกมาจากหน้าต่างรถม้า แล้วสั่งเคลื่อนขบวนต่อ ซื่อสินรีบเข้าไปเก็บจดหมายที่พื้น แล้วนำมันมายื่นให้กับหนูน้อยของตนในทันทีทันใด
 
 
 กณิการ์ สั่งพ่อบ้านให้ปิดประตูจวน ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในเรือน มือบางแกะจดหมายเปิดอ่าน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนกตกใจ ในเนื้อหาบอกว่ากลางทางกลับมาเมืองหลวง พ่อถูกกองกำลังไม่รู้จักที่มาโจมตี พ่อของคุณโดนลูกศรอาบยาพิษปักเข้าที่หัวไหล่ อาการสาหัส แล้วก็กำลังจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงในยามเช้าวันพรุ่ง
 
 
 กณิการ์ กำจดหมายแน่น นี่สินะคือมูลเหตุที่ทำให้องค์ชายสี่ผู้นั้นบุกมาหาเธอที่จวนในวันนี้ ช่างเป็นชายที่น่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก ถือโอกาสที่รู้ดีว่าพ่อของเธอเจ็บและบางครั้งก็อาจจะหมดหนทางรักษา ก็เลยได้มาวางมาดขู่เข็ญคุณ กรณิการ์ปัดความนึกคิดไร้สาระนั้นออกไป ก่อนจะมาคิดถึงเรื่องของพ่อเธอในเวลานี้ ว่าเขาโดนพิษอะไร “ซื่อสิน”
 
 
 “เจ้าคะคุณหนู”
 
 “เจ้าทราบหรือไม่ว่า มีคนไหนกันแน่เพียงพอจะทราบไหมพิษที่พ่อของข้าโดนมันเป็นพิษอะไร”
 
 “เรื่องนี้บ่าวก็ไม่ทราบด้วยเหมือนกันเจ้าค่ะ.” ซื่อสินตอบเสียงอ่อย กรรณิการ์ไม่บอกอะไร ตอนนี้เธอกำลังใช้ความนึกคิด
 
 
 เธอ ไม่รู้เรื่องชื่อพิษก้ไม่สามารถที่จะปรุงยาออกมาได้ถูก แต่ว่าเอ๊ะ!!เธอสามารถปรุงยาที่หยุดการแพร่ของพิษได้ชั่วคราว ระหว่างนั้นคุณยังพอมีในช่วงเวลาที่จะวิเคราะห์พิษที่พ่อโดนได้ คิดได้ดังนั้นบริเวณใบหน้าใต้ผ้าขาวก็ยกยิ้มขึ้น ก่อนจะหันไปทางคนใช้ “ซื่อซินบอกให้คนจัดแจงหม้อปรุงยาให้เราที”
 
 
 “ได้เจ้าค่ะหนูน้อย บ่าวจะรีบไปจัดการให้”
 
 กรณิการ์ ก้มศีรษะ ภายหลังที่คนรับใช้แยกตัวไปแล้ว กณิการ์ก็เลยเดินมายังโต๊ะหนังสือ และก็เริ่มลงมือเขียนรายนามสมุนไพรที่จำเป็นจะต้องใช้
 
 
 
 อ๋อง เพียงแต่เพียงอย่างเดียวของแว่นแคว้นนี้ หานเจิ้นหยางที่เดินทางกลับเข้ามาในเมืองหลวงได้หลายวันที่ผ่านมา ได้ยืนมองเหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่เมื่อในตอนที่มีคนไปซื้อขี้ข้ามามากไม่น้อยเลยทีเดียวก็เลยเกิด ความสงสัย
 
 แต่ว่า เปลี่ยนไปเป็นเผชิญเรื่องสนุกเข้าแทน รวมถึงวันนี้ที่องค์ชายสี่บุกมายังจวนเครือญาติหลิน ชายผู้สวมเครื่องประดับสีดำสนิท ตัดกับผมสีเงินที่เป็นประกาย เขาเป็นผู้ครองธาตุบริสุทธิ์ถึงสามธาตุ ตัวอย่างเช่น น้ำ ไฟ ลม โดยที่ในขณะนี้เขาบรรลุถึงกับขนาดที่หกแล้ว กล่าวได้ว่าตัวเขาเดี๋ยวนี้อยู่เหนือกฎระเบียบทั้งปวง รวมทั้งเป็นศิษย์ลำดับต้นๆของสำนักเทพเซียน ซึ่งสำนักนี้มีผู้อาวุโสอยู่ทั้งผองห้าคน และก็แต่ละคนก็จะรับลูกศิษย์สายตรงแค่เพียงหนึ่งแค่นั้น สำนักนี้จะตั้งขึ้นมาไม่นานแต่ก็กล่าวได้ว่าเป็นสำนักที่ฮ่องเต้หลายๆแคว้น ยังจะต้องเกรงใจ ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน
 
 
 เขา ไม่คิดว่ากลับมาดินแดนตนในคราวนี้จะทำให้เผชิญเรื่องที่ตัวเขาต้องการจะเข้าไป มีส่วนร่วม ใบหน้าที่หล่อดุจเทวดาเซียน ดวงตาที่เย็นชาเช่นเดียวกันกับจะแช่แข็งถ้าเกิดคนไหนเผลอเพ่งมองเข้า ทอดสายไปยังสตรีที่กำลังจดบางสิ่ง ก่อนที่จะหายตัวไปเหมือนกับมิได้เอาใจใส่อะไรเท่าไรนัก กลับมาปรากฎตัวต่อหน้าหญิงสาว
 
 
 กรรณิการ์ ที่มีความรู้สึกว่ามีคนรอจ้องอยู่ ก็คอยดูแลตัวตลอดกลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนโผล่มาซึ่งๆหน้าเธอแบบนี้ “นายเป็นผู้ใดกันแน่”
 
 หาน เจิ้นหยางไม่สนใจปัญหา เขาเดินไปถือกระดาษที่สตรีตรงหน้าจดรายนามสมุนไพร “ฟงอี้” สิ้นเสียงก็ทันทีปรากฎชายในชุดดำที่โผล่มา “ไปจัดแจงหาสมุนไพรตามใบรายนามนี้มา” ชายนามฟงอี้รับกระดาษมาพร้อมกับล่องหนไปอย่างเร็ว กรรณิการ์ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆเพราะว่าในขณะนี้คุณประมวลเหตุข้างหน้าไม่ทัน
 
 
 กรณิการ์ขอคืนสติของตนกลับมา “ท่านเป็นคนไหนกันแล้วมาตรงนี้ได้อย่างไร”
 
 “ข้า เป็นคนที่เจ้าเกิดคาดเชียวล่ะ เอาไว้พบกันใหม่สาวน้อย คืนวันนี้ข้าจะมาหาเจ้าอีกรอบ” กล่าวจบบุรุษผู้มีผมสีเงินก็ล่องหนไปเหมือนกับ เมื่อตะกี้เป็นแค่ภาพลวง
 
 “คุณหนูเจ้าคะ แฮ่กๆ” ซื่อสินรีบวิ่งเ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง https://goo.gl/aFQ4nL

Tags : สตรี



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ