Advertisement
การศึกษาทางเภสัชวิทยาเจตมูลเพลิงแดง สารสกัดรากยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ก่อโรคกลากเกลื้อน และยีสต์ได้หลายชนิด ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารแอฟลาทอกซินบี 1, สารสกัดในขนาดต่ำ ช่วยลดการเจริญของเซลล์มะเร็งบางชนิด ที่ปลูกถ่ายในสัตว์ทดลอง
สารพลัมเบจินมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ต่อต้านการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันการเกิดมะเร็งจากสารก่อมะเร็ง ยับยั้งการจับเป็นลิ่มของเกล็ดเลือด ลดไขมันในเลือด
ซึ่งสารนี้เป็นสารพวก naphthaquinone 1,4-naphthoquinone triterpines tannin โดยสาร 1,4- naphthaquinone มีผลทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่มดลูก ลำไส้เล็กและหัวใจเพิ่มการบีบตัว จำทำให้เพิ่มการหลั่งน้ำย่อย กระตุ้นให้เจริญอาหารแต่สารนี้ทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อเมือกและผิวหนัง
ฤทธิ์ทางเภสัชเจตมูลเพลิงแดง [/b]
สาร plumbagin ที่พบเห็นในเจตมูลเพลิงแดงมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย และมีรายงานการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบเจอว่ามีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เช่น Candida albicans และเชื้อราที่เป็นสาเหตุโรคพืช เช่น Colletrihum cansici และสามารถหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ เช่น Staphyiococcus aureus
มีฤทธิ์หยุดเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย มีรายงานว่าสารสกัดจากเจตมูลเพลิงแดง สามารถฆ่าเชื้อราได้เกือบ 20 ชนิด เช่น Aspergillus fumigatus, Microsporum , Trichophyton rubrum , Cryptococus neoformans หยุดการเจริญเติบโตของ Staphylococcus aureus และ Candida albicans ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง สายพันธุ์ Raji Calu-1 Hela และ Wish tumor อีกทั้งยังเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งมนุษย์ 2 ชนิด ได้แก่ Bower (melanoma cells) และ MCF7 (breast cancer cells) ทำลายเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากของคน สายพันธุ์ PC-3 LNCaP และ C4-2
มีฤทธิ์ในการกระตุ้นและบีบมดลูก รายงานว่า สารสกัดที่ได้จากเจตมูลเพลิงแดงที่สกัดด้วยแอลกฮอล์ปิโตรเลียมอีเธอร์ และ น้ำ มีผลทำให้หนูแท้ง ช่วยขับฤดู และเร่งการคลอดได้
มีฤทหยุดการเจริญเติบโตของศัตรูพืช มีรายงานว่าสารสกัดจากเจตมูลเพลิงแดงสามารถหยุดการเคลื่อนที่ และลดอัตราการมีชีวิตของไส้เดือนฝอย Haemonchus contonus ในตัวอ่อนระยะที่ 1 และ Ascaris suun ในตัวอ่อนระยะที่ 4 นอกจากนี้ยังยั้งการฟักจากไข่ของตัวอ่อนไส้เดือนฝอย A. suum รวบทั้งยับยั้งการพัฒนาของท่อรังไข่ และการลอกคราบของมวนฝ้ายแดง (Dysdercus cingulatus) และมีรายงานเพิ่มเติมถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิยาของเจตมูลเพลิงแดงว่ามีฤทธิ์ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ต้านมาลาเรีย และการคุมกำเนิด เป็นต้น
การศึกษาทางพิษวิทยาเจตมูลเพลิงแดง สาร Plumbagin เมื่อนำมาฉีดเข้าในกระต่ายทดลองในอัตราส่วน 0.01 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม พบเจอว่าจะทำให้กระต่ายเสียชีวิต มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ มีพิษต่อยีน ต่อต้านการเจริญพันธุ์ของสัตว์ทดลองทั้งเพศผู้และเพศเมีย ทำให้แท้งลูก การใช้ในขนาดสูง หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเป็นพิษต่อไต
ข้อแนะนำ / ข้อควรระวัง- แพทย์แผนโบราณจะนิยมใช้รากของเจตมูลเพลิงแดงมากกว่าเจตมูลเพลิงขาวเพราะมีฤทธิ์ที่แรงกว่า โดยรากที่นำมาใช้เป็นยาถ้าจะให้ได้ผลดีต้องมีอายุ 3 ปีขึ้นไป
- สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ เพราะมีสารที่ทำให้แท้งบุตรได้ ซึ่งในประเทศไทยและมาเลเซียถือว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นยาทำแท้ง
- ยางจากรากเมื่อถูกผิวหนังจะทำให้ผิวหนังไหม้และพองได้เหมือนโดนเพลิงไฟ จึงได้ชื่อว่า “เจตมูลเพลิง” ส่วนคนใต้จะเรียกว่า “ไฟใต้ดิน” ดังนั้นในการจะจับต้องรากในขณะเก็บมาใช้ ก็ต้องสวมถึงมือเสียก่อน เพื่อป้องกันอาการปวดแสบปวดร้อน
- เจตมูลเพลิงมีสาร Plumbagin ที่มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารและอาจเป็นพิษได้ จึงควรระมัดระวังในการใช้
- สาร Plumbagin ในเจตมูลเพลิงแดงหากใช้ในขนาดสูง จะกดการหายใจ ทำให้เป็นอัมพาต และตายได้ เนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว การใช้สมุนไพรนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนไทย