ประวัติความเป็นมาของ เจียวกู่หลาน สมุนไพรอมตะ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติความเป็นมาของ เจียวกู่หลาน สมุนไพรอมตะ  (อ่าน 32 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
adzposter
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14640


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2017, 11:37:27 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ประวัติความเป็นมาของ เจียวกู่หลาน สมุนไพรอมตะ
            “เจียวกู่หลาน” ฟังชื่อก็รู้ว่าเป็นสมุนไพรจีน เช่นเดียวกับ เห็ดหลินจือ เก๋ากี้ หรือแปะก๊วย ไม่เพียงแค่ชื่อที่บ่งบอกได้ว่าเป็นสมุนไพรจีนแต่ประวัติความเป็นมานั้น เจียวกู่หลานนับได้ว่า เป็นสมุนไพรที่มีประวัติน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักสมุนไพรเจียวกู่หลาน รวมถึงประวัติของสมุนไพรประเภทนี้ไปพร้อมๆกันเลยนะครับ “เจียวกู่หลาน” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gynostemmar pentaphylum (Thanb) Makino มีชื่อเรียกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ปัญจขันธ์ (ไทย) อะมาซูรู (ญี่ปุ่น)  เสี่ยวซูเอี้ยว (จีนกลาง) ส่วนประวัติของเจียวกู่หลานนั้นว่ากันว่าชาวจีนในศตวรรษที่ 15 ในตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลกวางชู กวางสี และยูนนาน ได้นำเอาเจียวกู่หลานมาเป็นอาหารและทำเป็นชา และได้พบว่าในเจียวกู่หลานนั้นมีลักษณะรักษาธาตุหยิน หยาง ของร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยบำรุงร่างกายทำให้อายุยืนต่อมาจึงได้นำเจียวกู่หลานมารักษาอาการป่วย เช่น ไอ ไข้หวัด  และปอดอักเสบ และยังสังเกตเห็นว่าผู้ที่ดื่มชาที่ทำมาจากเจียวกู่หลานเป็นประจำนั้นจะมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีอายุยืนนานด้วย เหตุนี้ชาวจีนจึงเรียกเจียวกู่หลานว่า “ซี-ยัน-เฉา” ซึ่งหมายความว่า “สมุนไพรแห่งชีวิตที่เป็นอมตะ” (เช่นเดียวกับในชื่อของ เจียวกู่หลาน ที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า อะมาซูรู นั้นแปลได้ว่า ชาที่มีความหวานจากเถา) โดยหากจะพูดกันตามจริงแล้ว เจียวกู่หลานถือว่าเป็นสมุนไพรจีนสมัยใหม่เพราะมีการใช้มาประมาณ 600 กว่าปีมานี่เอง (ซึ่งแปะก๊วยและเห็ดหลินจือมีประวัติการใช้มานานนับพันปี) ซึ่งผู้เขียนเคยได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ(สมัยใหม่) ของเจียวกู่หลานที่ทำใหเจียวกู่หลาน[/url]เข้ามาเป็นที่รู้จักของชาวโลก กล่าวคือในปี ค.ศ.1977 มีคนจีนคนหนึ่งเป็นเภสัชกรทำงานอยู่ที่สถาบันค้นหาพืชสมุนไพร อานดัง ในมณฑลซานซีของจีนต่อมาเขาได้ไปเยี่ยมบ้านเกิดในอำเภอผิงลี่ของจีนในปี ค.ศ.1982 ซึ่งห่างจากมณฑลซานซี 50 กม. และในช่วงที่เขาพักผ่อนที่บ้านเกิดนั้นได้เสาะหาสมุนไพรอย่างใหม่ๆไปด้วย โดยการพบปะพูดคุยกับชาวบ้านและหมอยาสมุนไพรพื้นบ้าน จนได้พบกับสมุนไพรที่ชาวบ้านเรียกว่า “เสียวโหม่งูเกิง” ซึ่งจาการสอบถามผู้ป่วยที่เคยใช้นั้นต่างบอกตรงกันว่าสมุนไพรตัวนี้สามารถเยียวยาชาวบ้านที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงได้ และเมื่อเขากลับมาที่สถาบันค้นหาพืชสมุนไพร ที่เขาทำงานอยู่เขาก็ได้นำสมุนไพรจำพวกดังกล่าวไปค้นคว้าทันทีผู้เขียนคิดว่า นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มแรกของการที่ทุกคนได้รู้จักสมุนไพรเจียวกู่หลานก็เป็นได้เพราะต่อมาในปี ค.ศ.1987 กระทรวงสาธารณสุขของจีนก็ได้ประกาศรับรองสมุนไพรเจียวกู่หลานเป็นสมุนไพรที่อาจใช้เยียวยาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ส่วนในประเทศไทยนั้นหน่วยงานราชการได้มีการสนับสนุนนำเจียวกู่หลานมาทดสอบเพาะปลูกครั้งแรก ที่นิคมพัฒนาตนเองจังหวัดสตูลในปี พ.ศ.2537 และได้ผลดีด้วย แต่ในขณะนั้นยังไม่เป็นที่ชอบในประเทศไทยมากนักแต่ในปัจจุบันมีการย้ายพื้นที่การเพาะเจียวกู่หลานมาเป็นแถบภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และยังมีรายงานด้วยว่า เจียวกู่หลานที่ปลูกในภาคเหนือมีสารออกฤทธิ์ที่ดีใกล้เคียงกับในประเทศจีนเลยทีเดียว และที่สำคัญปัจจุบันยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดเอเชียรวมถึงยุโรปและอเมริการอีกด้วย



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
kdidd
Full Member
***

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 210


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2017, 08:41:02 pm »

เจียวกู่หลาน

บันทึกการเข้า
kdidd
Full Member
***

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 210


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2017, 05:12:15 pm »

เจียวกู่หลาน

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ