Advertisement
รา[/url]
ราก
เจตมูลเพลิง เป็นเรื่องยาที่ได้จากต้น เจตมูลเพลิง ที่เรียกชื่อเป็น “เพลิง” เพราะยางจากรากเมื่อถูกผิวหนังจะทำให้ไหม้ พอง เหมือนโดนไฟ เพลิงเป็นพืช
ในสกุล Plumbago
ในวงศ์ Plumbaginaceae ที่ใช้ทำยามี ๒ ชนิดได้แก่
๑. เจตมูลเพลิงแดง
มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Plumbago indica L. ลางถิ่นเรียก ปิดปิวแดง (ภาคเหนือ) ปิดปีแดง(เลย) ไฟใต้ดิน(ภาคใต้)
มีชื่อสามัญว่า rose coloured leadwort หรือ fire plant
พืชชนิดนี้เป็นไม้พุ่ม สูงราว ๑ – ๑.๕ เมตร ยอดอ่อนสีแดง กิ่งอ่อนสีเขียวปนแดง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน รูปไข่ กว้าง ๓ – ๕ ซม. ยาว ๘ – ๑๓ เซนติเมตร ก้านใบและเส้นกลางใบอ่อนมีสีแดง ออกดอกที่ช่อที่ปลายกิ่ง สีแดงสด กลีบเลี้ยงเป็นหลอดเล็ก ยาว ๐.๕ – ๑เซนติเมตรและมีต่อมน้ำเหนียวๆที่ขนที่อยู่ภายนอก กลีบดอกเป็นหลอดเล็ก ยาว ๒.๕ – ๓.๕ เซนติเมตร ปลายแยกเป็น ๕ แฉก ผลเมื่อแก่แตกได้ แพทย์โบราณใช้รากเจตมูลเพลิงแดงเป็นยาบำรุงไฟธาตุบำรุงโลหิต ขับลมในลําไส้และกระเพาะอาหารให้ผายเรอ ใช้ผสมในยาบำรุงสำหรับสตรีหลังคลอด เพื่อให้มดลูกเข้าอู่ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดเสียด แน่นหน้าอก ทำให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น แต่รับประทานมากจะทำให้แท้งลูกได
๒. เจตมูลเพลิงขาว
มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Plumbago zeylanica L. ลางถิ่นเรียก ปิดตัวปิดปิวขาว (ภาคเหนือ)
มีชื่อสามัญว่า Ceylon leadwort หรือ white leadwort
พืชอย่างนี้เป็นไม้พุ่มสูง ๑ – ๑.๗๐ เมตร กิ่งเอนลู่ลง สีเขียวอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน รูปไข่กว้าง ๓ – ๕ ซม. ยาว ๘ – ๑๑ เซนติเมตร แผ่นใบสีเขียวอ่อน ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง สีขาว กลีบเลี้ยงเป็นหลอดเล็ก ยาว ๐.๖ – ๑.๒ เซนติเมตร และมีต่อมน้ำเหนียวๆที่ขนที่อยู่ภายนอก กลีบดอกเป็นหลอดเล็ก ยาว ๑.๕ – ๒.๕ เซนติเมตร ปลายแยกเป็น ๕ แฉก ผลเมื่อแก่แตกได้ แพทย์โบราณใช้รากเจตมูลเพลิงขาวเพื่อกระจายลมที่อัดอั้นในอก แก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้บวม แก้คุดทะราด และใช้ประโยชน์อื่นเช่น เจตมูลเพลิงแดง แต่ฤทธิ์อ่อนกว่า รากเจตมูลเพลิงมีสารชื่อพลัมบาจิน และ ๓- คลอโรพลัมบาจิน ซึ่งมีฤทธิ์บีบมดลูก แพทย์โบราณนิยมใช้รากเจตมูลเพลิงแดงมากกว่าเจตมูลเพลิงขาว เพราะมีฤทธิ์แรงกว่า โบราณใช้รากเจตมูลเพลิงผสมในยาธาตุเป็นยาช่วยย่อยและเจริญอาหาร ใช้ทาภายนอกแก้โรคผิวหนังลางนิยม หรือใช้ผงรากปิดพอกฝี
Tags : เจตมูลเพลิง