Advertisement
[url=http://pasan-survey.blogspot.com/]กล้องสำรวจมือสอ
- Mechanical auger borings เป็นการใช้เครื่องจักรสำหรับหมุน Auger ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและเจาะดินได้ลึกมากขึ้น ระบบการทำงานได้กำลังเจาะมาจากเครื่องยนต์ที่มีกำลังไม่น้อยกว่า 25 แรงม้า หัวเจาะดินขึ้นลงได้ด้วยระบบไฮดรอลิกส์ ซึ่งนิยมกันมากในประเทศไทย
- Percussion boring or Percussion drilling เป็นการเจาะที่ต้องอาศัยแรงกระแทกของ Heavy chisel หรือ Spun หรือ Wash boring ในการนำดินขึ้นมาจากหลุม เนื่องเพราะมีแรงกระแทกด้วยของที่หนัก จึงทำให้เป็นการรบกวนตัวอย่างดินในชั้นที่อยู่ลึกลงไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีประสบการณ์ ความชำนาญในการควบคุมการเจาะในการปล่อยน้ำหนักเพื่อให้รบกวนดินน้อยที่สุด
ชนิดของกระบอกเก็บตัวอย่างดิน
- Piston sample นิยมใช้กับตัวอย่างดินประเภทไม่มีความเชื่อมแน่น ชนิดแบบนี้ค่อนข้างดีสำหรับงานวิจัย หรืองานก่อสร้างขนาดใหญ่
- Opendrive sample เป็นท่อเหล็กกระบอกเส้นผ่าศูนย์กลาง 38-100 มม. ยาว 45-50 ซม. ปลายด้านล่างสวม Cutting shoe ซึ่งถอดออกได้ ปลายด้านบนต่อกับกระบอกเก็บตัวอย่างดินโดยใช้ค้อนกระแทกให้กระบอกจมลงไปในดิน ตัวกระบอกส่วนมากทำจากโลหะไร้สนิม ซึ่งส่วนมากจะใช้เก็บดินอ่อน
- Standard split spoon sample เป็นกระบอกผ่าครึ่งสองซีก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก 2 นิ้ว ยาว 24 นิ้ว ใช้ในการทดสอบ S.P.T. ด้านปลายกระบอกมี Cutting shoe สวมไว้ ใช้กับดินทรายหรือดินที่มีทรายปนอยู่มาก แต่ตัวอย่างดินจะถูกรบกวนมากทำให้ดินแปรสภาพได้
- Foll sample เป็นการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านตัวกระบอกเก็บตัวอย่างดินและ Piston อาศัยแผ่นเหล็กกว้าง 13 มม. และหนา 0.40-1.00 มม. สัมผัสกับดินก่อนเข้ากระบอกเก็บตัวอย่างซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทานหรือแรงอัดที่มีต่อดินได้
- Bishop compressed air sample ออกแบบเพื่อใช้ในการเก็บดินที่ไม่มีความเชื่อมแน่นที่อยู่ใต้ระดับน้ำ ซึ่งเก็บตัวอย่างดินได้ยาก และเป็นปัญหาในการสำรวจดิน การทำงานของเครื่องมือค่อนข้างจะยุ่งยากซับซ้อน เพราะต้องอัดอากาศในกระบอกด้วยความดันสูงเพื่อไล่น้ำออกและให้ดินสามารถทรงตัวอยู่ในกระบอกเก็บดินได้ ในอังกฤษนิยมใช้กระบอกเก็บดินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายใน 60 มม. ซึ่งเล็กกว่า Bell ไม่มากนัก จะต้องตอก Casing ไปจนถึงระดับที่ต้องการก่อนดำเนินการเก็บตัวอย่างดิน ควรใช้เก็บตัวอย่างในส่วนที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น เพราะจะพบกับอุปสรรคในการนำดินออกจากกระบอกไปทดสอบในภายหลัง บางครั้งจึงมีข้อแนะนำจนผู้เชี่ยวชาญเสนอให้เลือกการทดสอบในสนามแทนที่ โดย Serota and Jennings (1957) ได้ประยุกต์เครื่องมือนี้ขึ้นอีกโดยการอัดอากาศเข้ายังกระบอกเก็บดินซึ่งอยู่ด้านในโดยตรงที่ปลายกระบอกด้านล่าง
การสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียมการสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียมนั้น เป็นการสำรวจหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับขนาด รูปทรงทางเรขาคณิตของแหล่งปิโตรเลียม และระดับความลึกจากพื้นผิวของแหล่ง เพื่อประเมินปริมาณสำรองและคุณภาพของปิโตรเลียม นอกจากนี้ ยังต้องสำรวจหาข้อมูลทางด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมที่เกี่ยวข้อง เช่น ความกดดันของแหล่งปิโตรเลียม อัตราการไหลของปิโตรเลียม และความสามารถในการผลิตปิโตรเลียม ทั้งนี้รวมไปถึงชนิดของปิโตรเลียมในแหล่งสะสมตัวอีกด้วย
การเจาะสำรวจ (Drilling exploration)
เมื่อประเมินผลการสำรวจทางธรณีวิทยา และการสำรวจทางธรณีฟิสิกส์เข้าด้วยกันแล้ว ก็สามารถกำหนดโครงสร้างที่คาดว่าจะเป็นแหล่งกักเก็บปิโตรเลียมได้ในเบื้องต้น และลำดับต่อไป ก็จะเป็นการเจาะสำรวจ โดยในขั้นแรก จะเป็นการเจาะสำรวจ เพื่อหาข้อมูลทางธรณีวิทยา เกี่ยวกับลำดับชั้นหินใต้พื้นผิวลึกลงไป ตรวจสอบลักษณะตัวอย่างหิน และยืนยันลักษณะโครงสร้างทางธรณีวิทยาใต้ดิน รวมทั้งเพื่อค้นหาปิโตรเลียมหรือร่องรอยของปิโตรเลียม ถ้าผลการเจาะสำรวจพบว่ามีปิโตรเลียมสะสมตัวอยู่ในแหล่งใต้ดินลึกลงไป ก็จะมีการศึกษาและตรวจสอบข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ลักษณะและคุณภาพปิโตรเลียม อายุของชั้นกักเก็บปิโตรเลียม ชนิดของหิน ความพรุนของเนื้อหิน (Porosity) และคุณสมบัติการให้ของไหลซึมผ่านเนื้อหิน (Permeability) นอกจากนี้ ยังอาจมีการทดสอบหลุมเจาะสำรวจ เพื่อประเมินหาความสามารถในการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งกักเก็บที่สำรวจพบด้วย ขั้นต่อไปจะเป็นการเจาะสำรวจเพิ่มเติม เพื่อกำหนดขอบเขตที่แน่นอนของแหล่งปิโตรเลียม ปริมาณการไหล ปริมาณสำรองของปิโตรเลียมในแหล่งกักเก็บ เพื่อการประเมินศักยภาพ และสมรรถนะของการผลิตปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์ต่อไป
กฎกระทรวง
กำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
พ.ศ. ๒๕๕๐ อาศัยอำนาจตามความในบทนิยามคำว่า “วิชาชีพวิศวกรรม” และ “วิชาชีพวิศวกรรมควบคุม” ในมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๒ ให้วิชาชีพวิศวกรรมในสาขาดังต่อไปนี้เป็นวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
(๑) วิศวกรรมโยธา
(๒) วิศวกรรมเหมืองแร่
(๓) วิศวกรรมเครื่องกล
(๔) วิศวกรรมไฟฟ้า
(๕) วิศวกรรมอุตสาหการ
(๖) วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
(๗) วิศวกรรมเคมี
ทั้งนี้ เฉพาะงานตามประเภทและขนาดของวิชาชีพวิศวกรรมแต่ละสาขาที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้
ข้อ ๓ งานในวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละสาขา มีดังต่อไปนี้
(๒) งานวางโครงการ หมายถึง การศึกษา การวิเคราะห์หาทางเลือกที่เหมาะสม หรือการวางแผนของโครงการ
(๔) งานควบคุมการสร้างหรือการผลิต หมายถึง การอำนวยการควบคุม หรือการควบคุมเกี่ยวกับการก่อสร้าง การสร้าง การผลิต การติดตั้ง การซ่อม การดัดแปลง การรื้อถอนงาน หรือการเคลื่อนย้ายงานให้เป็นไปโดยถูกต้องตามรูป แบบ และข้อกำหนดของหลักวิชาชีพวิศวกรรม
ข้อ ๔ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมโยธา มีดังต่อไปนี้
(๒) อาคารสาธารณะทุกขนาด
(๗) ชิ้นส่วนโครงสร้างคอนกรีตหล่อสำเร็จหรือคอนกรีตอัดแรงหล่อสำเร็จทุกชนิดที่มีความยาวตั้งแต่ ๕ เมตรขึ้นไป
(๑๕) เขื่อน ฝาย อุโมงค์ ท่อระบายน้ำ หรือระบบชลประทานที่มีความสูงตั้งแต่ ๑.๕๐ เมตรขึ้นไป หรือมีความจุตั้งแต่ ๕๐ ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป หรือที่มีอัตราการไหลของน้ำตั้งแต่ ๑ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีขึ้นไป
(๑๗) ท่อส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ หรือช่องระบายน้ำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๐.๘๐ เมตรขึ้นไป หรือพื้นที่หน้าตัดตั้งแต่ ๐.๕๐ ตารางเมตรขึ้นไปและมีโครงสร้างรองรับ หรือมีความยาวตั้งแต่ ๑๐๐ เมตรขึ้นไป
ข้อ ๕ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมเหมืองแร่ มีดังต่อไปนี้
(๑) งานเหมืองแร่ ได้แก่
(ข) การทำเหมืองใต้ดินทุกขนาด
(ฉ) การแยกวัสดุต่าง ๆ ออกจากของที่ใช้แล้ว โดยใช้กรรมวิธีทางการแต่งแร่ทุกขนาด
(๒) งานโลหะการ ได้แก่
(ก) การแยกวัสดุต่าง ๆ ออกจากของที่ใช้แล้วโดยใช้กรรมวิธีทางการแต่งแร่ทุกขนาด
(ง) การถลุงแร่อื่น ๆ หรือการสกัดโลหะ โลหะเจือ หรือสารประกอบโลหะออกจากแร่ ตะกรัน เศษโลหะ วัสดุ หรือสารอื่นใด รวมทั้งการทำโลหะให้บริสุทธิ์ที่มีกำลังการผลิตสูงสุดตั้งแต่ ๑,๐๐๐ เมตริกตันต่อปีขึ้นไป หรืองานที่ลงทุนตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไปโดยไม่รวมค่าที่ดิน
ข้อ ๖ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมเครื่องกล มีดังต่อไปนี้
(๑) งานให้คำปรึกษาและงานพิจารณาตรวจสอบตาม (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ทุกประเภทและทุกขนาด
(๓) งานออกแบบและคำนวณ
(ก) เครื่องจักรกลที่มีขนาดรวมกันตั้งแต่ ๗.๕ กิโลวัตต์ต่อเครื่องขึ้นไป
(ข) เครื่องกำเนิดไอน้ำหรือไออย่างอื่น ภาชนะรับแรงดัน หรือเตาอุตสาหกรรมทุกขนาด
(ค) เครื่องปรับภาวะอากาศหรือเครื่องทำความเย็นที่มีขนาดตั้งแต่ ๗.๕ กิโลวัตต์ต่อเครื่องขึ้นไป หรือที่มีพื้นที่ปรับอากาศหรือทำความเย็นตั้งแต่ ๔๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
(ง) ระบบของไหลในท่อรับแรงดันหรือสุญญากาศที่มีความดันของไหลในท่อตั้งแต่ ๕๐๐ กิโลปาสกาลขึ้นไป หรือสุญญากาศตั้งแต่ลบ ๕๐ กิโลปาสกาลลงมา
(จ) การจัดการพลังงานทุกขนาด
(ฉ) ระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยที่มีพื้นที่ป้องกันอัคคีภัยตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
ข้อ ๗ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มีดังต่อไปนี้
(๑) งานไฟฟ้ากำลัง ได้แก่
(ก) งานให้คำปรึกษาตาม (ข) (ค) (ง) (จ) หรือ (ฉ) ทุกประเภทและทุกขนาด
(ข) งานวางโครงการ
๑) ระบบการผลิตไฟฟ้าที่มีขนาดรวมกันตั้งแต่ ๑,๐๐๐ กิโลโวลต์แอมแปร์ขึ้นไป หรือที่มีขนาดแรงดันสูงสุดระหว่างสายในระบบตั้งแต่ ๓,๓๐๐ โวลต์ขึ้นไป
๒) ระบบส่ง ระบบจำหน่าย และระบบการใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดรวมกันตั้งแต่ ๑,๐๐๐ กิโลโวลต์แอมแปร์ขึ้นไป หรือที่มีขนาดแรงดันระหว่างสายในระบบตั้งแต่ ๑๒ กิโลโวลต์ขึ้นไป
(ฉ) งานอำนวยการใช้ระบบหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีขนาดตั้งแต่ ๑,๐๐๐ กิโลโวลต์แอมแปร์ขึ้นไป หรือที่มีขนาดแรงดันสูงสุดระหว่างสายในระบบตั้งแต่ ๑๒ กิโลโวลต์ขึ้นไป
(๒) งานไฟฟ้าสื่อสาร ได้แก่
(ก) งานให้คำปรึกษาตาม (ข) (ค) หรือ (ง) ทุกประเภทและทุกขนาด
(ง) งานอำนวยการใช้ระบบกระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ตั้งแต่ ๓๐๐ กิโลเฮิรตซ์ขึ้นไป และที่มีกำลังส่งแต่ละสถานีตั้งแต่ ๑ กิโลวัตต์ขึ้นไป
ข้อ ๘ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ มีดังต่อไปนี้
(๒) งานอำนวยการใช้
(ก) สิ่งก่อสร้างและเครื่องจักรที่ใช้ควบคุมมลพิษ บำบัดของเสีย กำจัดสารพิษ กำจัดวัตถุอันตราย หรือกำจัดสิ่งใด ๆ ของโรงงานที่ใช้คนงานตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป หรือที่ลงทุนตั้งแต่ยี่สิบล้านบาทขึ้นไปโดยไม่รวมค่าที่ดิน
(ข) ระบบระบายอากาศ ระบบแสงสว่าง และระบบอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมลพิษ การบำบัดของเสีย การกำจัดสารพิษ การกำจัดวัตถุอันตราย หรือการกำจัดสิ่งใด ๆ ของโรงงานที่ใช้คนงานตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป หรือที่ลงทุนตั้งแต่ยี่สิบล้านบาทขึ้นไปโดยไม่รวมค่าที่ดิน
(ค) กระบวนการผลิตที่มีปฏิกิริยาเคมี ใช้สารไวไฟ ใช้สารอันตราย ใช้การกลั่นลำดับส่วน หรือกระทำภายในอุปกรณ์ที่มีความดันสูงกว่าบรรยากาศ ในโรงงานที่ใช้คนงานตั้งแต่สิบห้าคนขึ้นไปหรือที่ลงทุนตั้งแต่สิบล้านบาทขึ้นไปโดยไม่รวมค่าที่ดิน
(ง) ระบบดับเพลิงที่มีมูลค่ารวมกันตั้งแต่สามล้านบาทขึ้นไป หรือที่มีพื้นที่ป้องกันอัคคีภัยตั้งแต่ ๒,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
ข้อ ๙ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มีดังต่อไปนี้
(๙) ระบบขยะมูลฝอยในสถานที่ดังต่อไปนี้
(ก) ชุมชนที่มีปริมาณขยะมูลฝอยตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวันขึ้นไป
(ข) โรงงาน อาคารสาธารณะ หรืออาคารขนาดใหญ่ที่มีปริมาณขยะมูลฝอยตั้งแต่ ๒,๐๐๐ กิโลกรัมต่อวันขึ้นไป
(ค) แหล่งที่ทำให้มีการติดเชื้อที่มีปริมาณขยะมูลฝอยตั้งแต่ ๑๕ กิโลกรัมต่อวันขึ้นไป
(ง) แหล่งที่ทำให้มีสารกัมมันตภาพรังสีปนเปื้อนทุกขนาด
ข้อ ๑๐ ประเภทและขนาดของงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในสาขาวิศวกรรมเคมี มีดังต่อไปนี้
(๔) กระบวนการผลิตของโรงงานหรือสถานประกอบการที่ใช้สารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายเพื่อเป็นสารผสมหรือเป็นสารช่วยในการผลิต
(๕) กระบวนการผลิตของโรงงานหรือสถานประกอบการที่อาศัยปฏิกิริยาเคมีภายใต้ความดันตั้งแต่ ๓ บรรยากาศขึ้นไป หรือต่ำกว่าความดัน ๑ บรรยากาศ
คุณสมบัติของคอนกรีตที่ใช้ผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Spun Micro Pile)- ค่ากำลังอัดคอนกรีตที่ถ่ายแรงเข้าเนื้อคอนกรีต (COMPRESSIVE STRENGTH OF CONCRETE AT TRANSFER) ของแท่งทรงกระบอกไม่ต่ำกว่า 250 กก./ซม2. ตามข้อกำหนด มอก. 397-2524
ธรณีวิทยา เป็นสาขาวิชาที่ศึกษาองค์ประกอบ โครงสร้างเเละกระบวนการตามธรรมชาติของโลก ตลอดจนผลอันสืบเนื่องมาจากกระบวนการที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาจากภาษากรีกว่า Geos ซึ่งแปลว่าโลก และ Logi หรือ Logus ซึ่งหมายถึงวิทยาศาสตร์ ดังนั้นธรณวิทยาจึงหมายถึงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลกพิภพหรือโลกมนุษย์ (planet earth)
ส่วนคำว่าธรณีศาสตร์ (Earth Sciences) มักจะใช้กันอย่างผิดๆ ซึ่งความจริงมีความหมายกว้างกว่าธรณีวิทยามาก เพราะหมายถึงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลก ซึ่งรวบรวมสรรพวิทยาและเนื้อหาครอบคลุมถึงปฐพีวิทยา ฯ ซึ่งไม่ใช่ส่วนของธรณีวิทยาจริงๆ หรืออาจกล่าวได้ว่า เนื้อแท้ของธรณีวิทยานั้นศึกษา กระบวนการ (process) ของโลก
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าธรณีวิทยานั้นเน้นหนักและเกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติ (natural environment) อันเป็นสภาวะแวดล้อมหนึ่งในอีกหลายสภาพแวดล้อม อันประกอบด้วย
- อุทกภาค (Hydrosphere หรือ Hydrospheric realm) อันได้แก่ อาณาจักรส่วนที่เป็นน้ำ เช่น แม่น้ำ ลำธาร ทะเล มหาสมุทร น้ำในเขื่อน ธารน้ำแข็ง
การสำรวจนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อการทราบขอบเขต หรือกำหนดสูงโดยขึ้อยู่กับการสำรวจแต่ละชนิด ซึ่งมีความต้องการข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป การสำรวจนั้นสามารถแบ่งออกต่ามลักษณะการใช้งานดังนี้
- การสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ : สามารถกระทำได้โดยเครื่องบิน หรือดาวเทียม เพื่อให้เห็นสภาพภูมิประเทศโดยรวม
- การสำรวจที่ดิน : การสำรวจเพื่อระบุมุดหลักเขต รวมทั้งกำหนัดหลักเขต ระยะ ทิศทางของที่ดิน ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการจัดการเกี่ยวกับกรมมสิทธิ์ในที่ดิน
งานตรวจสอบวางแบบท่าเรือ- งานค้นหา สำรวจพิกัด/ระดับ รทกรัม หมุดออกงาน งานตรวจทำเลที่ตั้ง ปฏิบัติการค้นหา โครงข่ายหมุดพิกัด/ระดับ รทกรัม ของหน่วยราชการ กรมแผนที่ทหาร กรมเจ้าท่า เพื่อใช้เป็นหมุดโยงยึดค่าพิกัด/ระดับในแผนการ
- งานสำรวจหยั่งความลึกท้องน้ำ งานตรวจพื้นที่ ปฏิบัติการตรวจหยั่งความลึกท้องน้ำใช้ระบบ Echo Sounding ร่วมกับ DGPSจัดตั้งบนเรือโดยทำการบันทึกตำแหน่งพร้อมความลึก ทุกช่วงเวลา 1-5 วินาที พร้อมตั้งสถานีวัดน้ำ จดบันทึกระดับน้ำขึ้น ลง จาก สตาฟเกจที่จัดตั้งไว้ เพื่อใช้เป็นค่าเสียหายแก้ค่าความลึกจาก Echo Sounding เป็นค่าระดับ รทกรัม
- งานสำรวจผังรอบๆพื้นที่ก่อสร้างท่าเรือ งานตรวจภูมิประเทศ ปฏิบัติการตรวจผังบริเวณพื้นที่ก่อสร้างท่าเรือ แนวถนนเข้าพื้นที่ โดยเก็บรายละเอียด พร้อมจุดระดับ ทุก 2-5 เมตร ทำแผนที่ตำแหน่งที่ตั้ง เส้นชั้นความสูง มาตราส่วน 1:500
- งานสำรวจทางสมุทรศาสตร์ งานตรวจสอบทำเลที่ตั้ง ดำเนินการสำรวจเก็บข้อมูล การ ขึ้น ลง ของระดับน้ำ ความเร็ว แนวทางการไหล จำนวนขี้ตะกอน ฯลฯ
งานตรวจสอบระบบน้ำประปา
- งานค้นหา สำรวจพิกัด/ระดับ รทก. หมุดออกงาน จัดการค้นหา โครงข่ายหมุดพิกัด/ระดับ รทกรัม ของหน่วยงานราชการ กรมแผนที่ทหาร กรมชลประทาน เพื่อใช้เป็นหมุดโยงยึดค่าพิกัด/ระดับในโครงการ งานสำรวจภูมิประเทศ
- งานตรวจเก็บรายละเอียดภูมิประเทศและระดับ งานตรวจสอบภูมิประเทศ ดำเนินการตรวจภาคสนามด้วย
กล้องวัดมุม-กล้องระดับตามวิถีทาง เพื่อเก็บเนื้อหาทำเลที่ตั้ง เป็นต้นว่า ถนน อาคาร สาธารณูปโภค เสาไฟฟ้า ท่อประปา ท่อระบายน้ำ ต้นไม้ใหญ่ เป็นต้น โดยสำรวจเป็นวงรอบปิด พร้อมเก็บจุดระดับ เก็บรูปตัดตามทางยาวแล้วก็ขวาง เพื่อนำข้อมูลมาเขียนแผนที่ แปลน โปรไฟร์ อัตราส่วน 1:4,000 , 1:1,000 เพื่อใช้ในงานออกแบบเนื้อหาก่อสร้าง
- งานตรวจผังบริเวณพื้นที่โรงกรองน้ำ/สถานีดูดน้ำ งานตรวจทำเลที่ตั้ง ทำงานตรวจสอบแผนผังรอบๆพื้นที่ โรงกรองน้ำ รายละเอียดตึก ถังน้ำประปาต่างๆแนวถนนเข้าพื้นที่ โดยเก็บเนื้อหา พร้อมจุดระดับ ทุก 2-5 เมตร จัดทำแผนที่ตำแหน่งที่ตั้ง เส้นชั้นความสูง อัตราส่วน 1:500
- งานตรวจแบบก่อสร้างจริง งานสำรวจภูมิประเทศ ปฏิบัติการสำรวจเนื้อหาขนาด ความลึก ข้างในตึกโรงกรองน้ำ รวมทั้งแนวท่อแล้วก็ค่าระดับท่อต่างๆเพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อการแก้ไขระบบกรองน้ำ ระบบส่งน้ำ เป็นต้น
- งานตรวจรูปตัดความลึกน้ำ งานตรวจสอบพื้นที่ ทำงานตรวจสอบหยั่งความลึกลำน้ำเพื่องานดีไซน์ส่วนประกอบรับท่อหรืองาน Pipe Jacking ด้วยระบบ Echo Sounding + DGPS เขียนแผนที่เส้นชั้นความสูงฝั่ง เส้นชั้นความลึกท้องน้ำ
งานตรวจสอบระบบรวบรวมแล้วก็บรรเทาน้ำเสีย
- งานตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้ง งานค้นหา ตรวจทานพิกัด/ระดับ รทกรัม หมุดออกงาน ปฏิบัติการค้นหา โครงข่ายหมุดพิกัด/ระดับ รทกรัม ของหน่วยงานรัฐบาล กรมแผนที่ทหาร กรมชลประทาน เพื่อใช้เป็นหมุดโยงยึดค่าพิกัด/ระดับในแผนการ
- งานตรวจสอบขั้นเรียนความเหมาะสม งานตรวจสอบทำเลที่ตั้ง ปฏิบัติการตรวจสอบโยงระดับจากหมุดควบคุมทางตรง เก็บค่าระดับถนน ท้องท่อที่มีไว้ระบายน้ำเดิม เขียนแผนที่เบื้องต้น แสดงค่าระดับต่างๆ/แนวทางการไหลเพื่อใช้เป็นข้อมูลใน การเรียนและก็กำหนดแนวท่อที่มีไว้ระบายน้ำ/รวบรวมน้ำเสียในพื้นที่โครงการ
- งานตรวจเก็บเนื้อหาทำเลที่ตั้งและระดับ งานสำรวจพื้นที่ ดำเนินการตรวจภาคสนามด้วยกล้องสำรวจ-กล้องระดับตามหนทาง เพื่อเก็บรายละเอียดทำเลที่ตั้ง ได้แก่ ถนน ตึก สาธารณูปโภค เสาไฟ ท่อน้ำประปา ท่อที่มีไว้เพื่อระบายน้ำ ต้นไม้ใหญ่ เป็นต้น โดยสำรวจเป็นวงรอบปิด พร้อมเก็บจุดระดับ เก็บรูปตัดตามทางยาวรวมทั้งขวาง เพื่อนำข้อมูลมาเขียนแผนที่ แปลน โปรไฟร์ มาตราส่วน 1:1,000 เพื่อใช้ในงานออกแบบรายละเอียดก่อสร้าง
- งานตรวจผังบริเวณพื้นที่โรงบำบัดรักษาน้ำเสีย งานตรวจพื้นที่ ดำเนินการตรวจผังบริเวณพื้นที่ โรงบำบัดนำเสีย รายละเอียดอาคาร ถังสำหรับใส่น้ำเสียต่างๆแนวถนนเข้าพื้นที่ โดยเก็บรายละเอียด พร้อมจุดระดับ ทุก 2-5 เมตร ทำแผนที่ทำเลที่ตั้ง เส้นชั้นความสูง อัตราส่วน 1:500
- งานสำรวจแบบก่อสร้างจริง จัดการสำรวจรายละเอียดขนาด ความลึก ข้างในตึกบรรเทาน้ำเสีย รวมถึงแนวท่อรวมทั้งค่าระดับท่