พัฒนาการชิ้นน่าทึ่งข้าวของหลอดไฟ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พัฒนาการชิ้นน่าทึ่งข้าวของหลอดไฟ  (อ่าน 62 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Bigbombboomz
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25813


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: กันยายน 17, 2017, 09:44:23 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


 
ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันเจ้าหลอดใสๆ ก็ให้เปลวไฟแก่มนุษย์ในยามราตรีได้ตลอด เริ่มทิ้งเมื่อร้อยกว่าปีเดิมที่หลอดไฟเริ่มมีบทบาทในการดำรงชีวิตของเรา พร้อมด้วยใช้ต่อเนื่องมาถึงสมัยปัจจุบัน มีการเพิ่มปริมาณต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ หมดทางไปมาถึงหลอดไฟ LED ในปัจจุบัน พร้อมทั้งมีแนวโน้มในการพัฒนาไปอีกในภายภาคหน้า วันนี้เราจึงมีตรอกการพันาของเจ้าหลอดไฟนี้มาเล่าสู่กันตระหนักค่ะ มาเริ่มซึ่งกันและกันในยุคขั้นแรกเลยค่ะ คือ
 
 ยุคหลอดไส้ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า หลอด Incandescent
ร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่แบบนักวิทยาศาสตร์ค้นพบหลอดไส้ แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ยังไม่เชี่ยวชาญทำได้จริง ตราบจนกระทั่ง โทมัส เอวา เอดิสัน ก็ได้นำแง่มุมที่ว่านี้ มาปรับปรุงต่อจนประสบการบรรลุ และในเวลาต่อมา เขาก็รอบรู้ค้นเจอวิธีการสร้าง หลอดไฟ หลอดแรก ของโลก เพราะเป็นหลอดไส้ ที่ทำจากคาร์บอน ซึ่งต่อมาก็ได้รับแบบอย่างไปทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อเสียตรงที่ว่า หลอดไส้ของโทมัสสามารใช้งานได้ช้านานที่สุดแค่ 13 ชม. เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาจึงคิดค้นวิธีที่จะเป็นเหตุให้มีระยะการใช้งานที่นานขึ้น พร้อมกับในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นหลอดไส้แบบทังสเตนที่อาจทนความร้อนได้สูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส ทำให้ใช้งานได้นานนมขึ้นจาก 13 ชม. เป็น 1,000 - 3,000 ชม.

ยุคหลอดก๊าซปรอท หลอดไฟยุคมัชฌิม (ประมาณ 80 ปี โดยประมาณ)
 หลอดก๊าซปรอทหรือเรียกง่าย ๆ ว่า หลอดนีออน หรือว่าหลอด ฟลูออเรสเซนต์ และที่เรียกว่าหลอดก๊าซก็เพราะว่าบรรจุก๊าซไว้ข้างใน ความเชื่อง่าย ๆ ของหลอดส่วนนี้คือ การใช้กระแสไฟไหลผ่าน บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ (คุ้น ๆ ใช่มั้ยหล่ะ) เพื่อกระตุ้นให้ก๊าซในปรอท เกิดการเคลื่อนที่และวางธุระพลังงานออกมา 2 อย่าง ด้วยกัน นั่นคือ ความร้อนและแสงสว่าง แต่ด้วยเหตุที่แสงที่ได้ยังเป็นปากเหยี่ยวปากกาต่อการสังเกตเห็นของบุคคล จึงจำเป็นต้องมาสารเคลือบฟอสฟอรัส ที่มาเคลือบที่ผิวหลอดด้านใน สำหรับให้เกิดเป็นปรากฎการณ์เรืองแสง และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกจนถึงประจุบัน จะมีแหล่ขนาด ตั้งแต่รุ่น T10 จนพัฒนามาเป็น T8 และปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ T5 กันบ้างแล้ว
** คำว่า T10 คือว่าขนาด 10 หุ้น หมายเหตุ 1 นิ้ว มี 8 หุ้น T8 คือขนาด 8 หุ้น หรือครอบครองขนาด 1 นิ้วพอดี T5 หรือขนาด 5 หุ้น ประมาณ 1/2 นิ้วกว่าๆ หลอดฟลูออเรสเซนต์ได้เริ่มใช้กัน ปี 1940 จนมาถึงปัจจุบัน ความสามารถการให้แสงสว่างอยู่ในระดับปานกลาง รกินไฟ มัธยม แต่ติดตรงที่ ต้องใช้ปัลลาสต์ พร้อมด้วยบัลลาสต์ ใช้ไฟสูงถึง 10-12 W

ยุคยุคปัจจุบัน ยุค LED ชื่อเต็มคือ Light Emitting Diode
หลอดไฟ LED ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ สิ่งกบิลแสงสว่าง ที่ตอนนี้กำลังเข้ามาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระบบแสงสว่างใหม่ ของคนทั้งโลก เป็นการวิวรรธน์จากมุมมองของสารกึ่งตัวนำ ไดโอด กับหลอดไฟ LED มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนช่วงปัจจุบันกลายเป็นหลอดไฟที่เขียมไฟ และอัจฉริยะ รอบรู้ทำงานได้มากหน้าหลายตาฟังก์ชั่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลอดไฟอย่างเดียว แต่ยังสามารถเข้าไปอยู่ในหน้าจอทีวี ป้ายไฟต่าง ๆ และอีกมายมาย และยังมั่นคง พ้นไปการปล่อยความร้อน และแสง UV คลอดมาอีกด้วย
 
ในช่วงปัจจุบันหลอดไฟก็ได้ถูกจัดเป็น 1 ในที่ 5 เทคโนโลยีที่ประธานสุดขอบของโลก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวมาเปลี่ยนกบิลไฟฟ้าของปฐพี ชั้นในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้และสามารถทำเอาเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่ๆ รอจับตาดูกันนะคะ ว่าจะเจริญไปได้ห่างแค่ไหน ^^
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หลอดไฟภาษาอังกฤษ

เครดิต : [url]http://ts7lp.ac.th/board/index.php?topic=180263.new[/url]

Tags : หลอด led,ไฟ led,หลอดไฟภาษาอังกฤษ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ