Advertisement
ร้านเครื่องไม้เครื่องมือตรวจ กล้องถ่ายรูปมือหนึ่ง-สอง
กล้องไลนกล้องสำรวจมือหนึ่ง ลงทะเบียนส่งไปรณีย์ สินค้ามีการตรวจสอบแล้ว ให้บริการ [url=http://www.p1instrument.com]กล้องระดักล้องวัดมุม,
กล้องระดับ TOPCON ในกรุงเทพจัดส่งถึงที่
อยากเป็นนักธรณีวิทยา?
สภาพแนวทางการทำงานของนักธรณีวิทยาล้วนแล้วแต่แตกต่างออกไปตามหน้าที่ข้างต้น มีทั้งการทำงานในห้องทำงาน แล้วก็การออกตรวจสอบภาคสนาม ซึ่งบางทีก็อาจจะจำเป็นต้องออกตรวจสอบภาคสนามนานเป็นเดือนๆ ในพื้นที่ไกลห่าง อีกทั้งในและก็เมืองนอก ทั้งยังบนบกรวมทั้งกลางสมุทร หากเป็นงานในเหมืองแร่อาจจะจะต้องทำงานใต้ดินอีกด้วย ซึ่งแต่ละสถานที่มีการเสี่ยงอันตรายสูง รวมทั้งอาจจะทำให้เกิดความตึงเครียดได้ ด้วยเหตุดังกล่าวคนที่พึงพอใจในอาชีพนักธรณีวิทยาที่ดีควรจะมีจิตใจมั่นคงไม่ท้อถอย ชอบท่องเที่ยว เสี่ยงอันตราย ขยันขันแข็ง สัตย์ซื่อ มีวินัย มีความคิดริเริ่ม มีความจำดี ช่างสังเกตสังกา สุขภาพแข็งแรง อดทน เรียบง่าย สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ดี
ลักษณะการศึกษาเล่าเรียนธรณีวิทยาคืออะไร?
การศึกษาการสอนเป็นลักษณะการบรรยายในห้องเรียน รวมทั้งห้องปฏิบัติการ ร่วมกับการออกภาคสนามในสถานที่ต่างๆทั้งยังในระหว่างภาคการศึกษา และตอนปิดเทอม รายละเอียดมีการท่องค่อนข้างมากพอสมควร โดยยิ่งไปกว่านั้นการเรียนเกี่ยวกับแร่ หิน รวมทั้งซากดึกดำบรรพ์ ซึ่งเป็นวิชาฐานราก มีการคำนวณบ้างสุดแต่รายวิชา ธรณีวิทยาเป็นวิชาความสามารถที่จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องดำเนินการในห้องปฏิบัติการนอกเวลาเรียนเพิ่ม มีการประเมินผลการทำงานเป็นกรุ๊ปแล้วก็ลำพัง ในลักษณะของรายงาน การบ้าน การเขียนแผนที่ รายงานการสำรวจ การเขียนแบบ วาดภาพระบายสี การนำเสนอหน้าชั้นเรียน งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยค้นคว้าอิสระ การสอบที่มีการสอบข้อเขียนอธิบาย สอบปากเปล่า แล้วก็การสอบแบบจับเวลา
การเรียนต่อธรณีวิทยาในระดับที่ถือว่าสูง?
บัณฑิตที่จบปริญญาตรี จากสาขาวิชาธรณีวิทยา จุฬาลงแขนณ์มหาวิทยาลัย สามารถศึกษาต่อปริญญาโท รวมทั้งปริญญาเอก ได้ทั้งยังใน และต่างประเทศ โดยสามารถศึกษาเล่าเรียนเฉพาะด้าน หรือร่วมกับสาขาอื่น เป็นต้นว่า วิทยาแร่ หินวิทยา ธรณีเคมี ที่ดินฟิสิกส์ ธรณีวิทยาเหมือง อุทกธรณีวิทยา ธรณีวิทยาน้ำมันปิโตรเลียม วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิศวกรรมเหมืองแร่ พสุธาวิธี วิศวกรรมพสุธา
เรียนธรณีวิทยาแล้วได้ดำเนินงานบริษัทน้ำมัน?
หลายท่านตั้งความหวังไว้ว่า หากเป็นนักธรณีวิทยาแล้วจะได้เข้าทำงานในบริษัทตรวจน้ำมันรวมทั้งปิโตรเลียม ที่ซึ่งให้เงินเดือนหรือค่าจ้างรายเดือนค่อนข้างจะสูง แต่ที่จริงแล้วตำแหน่งงานที่เปิดรับในสายนี้มีปริมาณจำกัด ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณผู้เรียนจบธรณีวิทยาทั่วราชอาณาจักรในแต่ละปี โดยเหตุนั้นจึงมิได้มีความหมายว่าทุกคนจะได้ดำเนินงานในสายนี้
แนวโน้มตลาดงานธรณีวิทยาในอนาคต
งานในประเทศไทยมีจำกัด นักธรณีวิทยาไทยจะมีการปฏิบัติงานในต่างประเทศเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยยิ่งไปกว่านั้นด้านการสำรวจ การสมัครเข้าทำงานงานแข่งกับนักธรณีวิทยาต่างชาติ การเล่าเรียนในชั้นสูงกว่าปริญญาตรีจะมีความจำเป็น ปัจจุบันเมืองไทยอยากนักธรณีวิทยาด้านงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยรวมทั้งการสอนจำนวนไม่น้อย
"จริยธรรม"คือ หลักความประพฤติปฏิบัติอันสมควรแสดงถึงคุณธรรมและก็ศีลธรรมและจริยธรรม ในการประกอบอาชีพ ที่กลุ่มบุคคลแต่ละสาขาวิชาชีพประมวลขึ้นไว้เป็นหลักเพื่อให้สมาชิกในสาขาอาชีพนั้นๆยึดมั่นปฏิบัติ เพื่อรักษากิตติศัพท์และก็ผลักดันเกียรติคุณของสาขาวิชาชีพของตน จรรยาบรรณสำหรับการวิจัย จัดเป็นส่วนประกอบที่สำคััญของระเบียบวิธีวิจัย เพราะในกรรมวิธีค้นคว้าวิจัย นักวิจัยจะต้องเข้าไปเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกับสิ่งที่เรียน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต การศึกษาวิจัยก็เลยอาจมีผลกระทบในทางลบต่อสิ่งที่ศึกษได้ แม้ผู้วิจัยขาดความรอบคอบ ระแวดระวัง สำนักงานคณะกรรมการศึกษาค้นคว้าแห่งชาติก็เลยกำหนด "จริยธรรมนักวิจัย" ขึ้นไว้เป็นแนวทางสำหรับนักวิจัยยึดถือปฎิบัติเพื่อการจัดการวิจัยตั้งอยู่บนรากฐานของจริยธรรม และหลักวิชาการที่เหมาะสม ตลอดจนประกันมาตรฐานของการเรียนค้นคว้าให้เป็นไปอย่างสมศักดิ์ศรี และก็เกียรติภูมิของนักวิจัย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาค้นคว้าแห่งชาติ ได้ระบุจริยธรรมนักค้นคว้าไว้ 9 ประการ ดังนี้
จำต้องสุจริตแล้วก็มีคุณธรรมในทางวิชาการแล้วก็การจัดการนักค้นคว้าควรจะมีความซื่อต่อตนเอง ไม่นำผลงานของคนอื่นมาเป็นของตน ไม่ลอกเลียนงานของคนอื่น ต้องให้เกียรติ และอ้างถึงบุคคลหรือที่มาที่ไปของข้อมูลที่ประยุกต์ใช้ในการค้นคว้าวิจัยต้องซื่อสัตย์สุจริตต่อการสืบหาทุนในการศึกษาเรียนรู้และทำการวิจัย และ มีความเป็นธรรมเกี่ยวกับผลตอบแทนที่ได้จากการศึกษาเรียนรู้
จะต้องตระหนักถึงข้อผูกพันในการทำงานวิจัยตามข้อตกลงที่ทำไว้กับหน่วยงานที่ส่งเสริมการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยรวมทั้งต่อหน่วยงานที่ ตนสังกัด นักค้นคว้าจำเป็นต้อง กระทำตามข้อผูกพันแล้วก็กติกาที่ผู้ที่มีการเกี่ยวข้องทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน
อุทิศเวลาทำงานวิจัยให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นไปตามกำหนดเวลามีความรับผิดชอบไม่ละทิ้งงานระหว่างดำเนินการ
ต้องมีพื้นความรู้ในสาขาวิชาการที่ทำศึกษาค้นคว้า นักวิจัยควรจะมีพื้นฐานความรู้
ในสาขาวิชาการที่ทำวิจัยอย่างพอเพียง และมีความสามารถความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวโยงกับเรื่องที่ทำวิจัย เพื่อนำไปสู่งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่มีคุณภาพรวมทั้งเพื่อคุ้มครองปกป้องปัญหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ การแปลความหมายหรือการสรุปที่ผิดพลาด อันอาจทำให้กำเนิดความเสื่อมโทรมต่องานศึกษาค้นคว้าและการวิจัย
ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือเปล่ามีชีวิต นักวิจัยต้องปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ รอบคอบ แล้วก็เที่ยงตรงสำหรับการทำศึกษาค้นคว้าที่เกี่ยวกับคน สัตว์ พืช ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากร และก็สิ่งแวดล้อม มีจิตสำนึกและมีประณิธานที่จะสงวนศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากร แล้วก็สภาพแวดล้อม
จะต้องเคารพเกียรติยศ รวมทั้งสิทธิของคนเราที่ใช้เป็นตัวอย่างสำหรับในการวิจัยนักวิจัยจำต้องไม่คิดถึงผลประโยชน์ ทางด้านวิชาการกระทั่งไม่มีความเอาใจใส่ขาดความนับถือในเกียรติของเพื่อนมนุษย์จะต้องนับว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบที่จะชี้แจงจุดหมายของการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย แก่บุคคลที่เป็นกลุ่มทดลอง โดยไม่ฉ้อฉลหรือบังคับ และไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ควรมีอิสระทางความนึกคิด โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำศึกษาค้นคว้า นักค้นคว้าควรจะมีอิสระทางความนึกคิด จะต้องใส่ใจว่า อคติส่วนตน หรือความลำเอียงทางด้านวิชาการ อาจจะเป็นผลให้มีการบิดเบือนข้อมูลแล้วก็ข้อศึกษาและทำการค้นพบทางวิชาการ อันเป็นเหตุให้เป็นผลเสียหายต่องานค้นคว้า
ควรจะนำผลของงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกใจนักวิจัยควรจะเผยแพร่ผลของงานวิจัยเพื่อผลดีทางวิชาการแล้วก็สังคมไม่ขยายผลข้อศึกษาและทำการค้นพบกระทั่งเกินข้อเท็จจริง และไม่ใช้ผลของงานวิจัยไปในทางมิชอบ
พึงเคารพข้อคิดเห็นด้านวิชาการของคนอื่นๆนักค้นคว้าควรมีใจมีเมตตากรุณาพร้อมที่จะเผยข้อมูล และกรรมวิธีศึกษาค้นคว้ายอมรับฟังความคิดเห็นรวมทั้งเหตุผลทางด้านวิชาการของคนอื่นและพร้อมที่จะแก้ไขงานวิจัยของตนเองให้ถูก
พึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ นักวิจัยควรจะมีจิตสำนึกที่จะอุทิศกำลังปัญญาสำหรับการทำวิจัย เพื่อความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองรวมทั้งคุณประโยชน์สุขของสังคมและมวลมนุษยชาติ
นิยามการสำรวจ- ศาสตร์และศิลป์ในการหาตำแหน่ง หรือ กำหนดตำแหน่งต่างๆที่อยู่ใกล้กับผิวโลก ไม่ว่าจะเป็นเหนือ บน หรือ ใต้ผิวโลก
ภารกิจหลักของการสำรวจReconnaissance and planning (การสำรวจและการวางแผน)
การแบ่งงานเป็นขั้นตอน โดยมีการกำหนดเวลาและค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานซึ่งการวางแผนจะเป็นขั้นตอนที่ครอบคลุม ในทุกขั้นตอนดังเช่น การออกแบบและการก่อสร้าง ในการวางแผนจะต้องมีการกำหนดระยะเวลา แบ่งงานของแต่ละบุคคลให้เหมาะสม หรืออาจสามารถเคลื่อนย้ายบุคคลจากหน้าที่อื่นมาช่วยงานในขั้นที่ยังไม่เสร็จก็ได้ แต่ต้องการบริหารงานที่ดีและถูกต้องตามขั้นตอน เนื่องจากจะเป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายอีกด้วย
อาชีพและสาขาวิชาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคลิกภาพ ช่างเทคนิคการสำรวจ (Survey Technician)
คุณสมบัติผู้ประกอบอาชีพ
สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
มีร่างกายแข็งแรง สามารถทำงานหนักได้
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ชอบการคิดคำนวณ และงานทดลอง
มีความเป็นผู้นำ มีมนุษยสัมพันธ์ดี
มีความเชื่อมั่น แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
มีความละเอียดรอบคอบ ชอบการบันทึก
สามารถวิเคราะห์ และตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงานได้
กล้องวัดมุมแมคคานิค NIKON NT-3
PENTAX AP-281 กำลังขยาย 28เท่า
การสำรวจชั้นดิน เป็นวิธีการเจาะลงไปในชั้นดิน, เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างดิน, ทดลองคุณลักษณะดินในสนาม, หยั่งชั้นดินจากผิวดิน หรือใช้เทคนิคอื่นๆเพื่อให้ได้มาซึ่งลักษณะชั้นดินทางแนวดิ่ง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางแนวยาว พอเพียงในการที่จะใช้ดีไซน์ หรือศึกษาทางด้านแผ่นดินกลศาสตร์ ลักษณะการสำรวจชั้นดินจะต้องนึกถึงคุณประโยชน์ใช้งานด้วย ยกตัวอย่างเช่น งานถนนหนทางหรือท่าอากาศยาน การสำรวจจะทำเพียงแต่ตื้นๆแต่งานรากฐานเสาเข็มต้องตรวจสอบลงไปลึกกว่าปลายเข็มที่คาดว่าจะใช้งานสำหรับในบทนี้จะพูดถึงการสำรวจโดยแนวทางพื้นฐาน โดยใช้ สว่านมือ(Hand Auger) การเจาะล้าง (Wash Boring) และการเก็บตัวอย่างดินโดยใช้กระบอกเปลือกบาง (Thin Walled Tube) เนื้อหามีดังต่อไปนี้
วิธีเจาะสำรวจชั้นดิน (Soil Boring)
การเจาะตรวจชั้นดินคือการเจาะหลุมลงไปในดินเพื่อมองความเคลื่อนไหวของชั้นดินและเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างดินมาทำการทดสอบคุณสมบัติในห้องปฏิบัติการโดยปกติการสำรวจชั้นดินที่ใช้มากมายในประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น
กรัม การเจาะโดยใช้สว่านมือ (Hand Auger) เป็นการเจาะด้วยแรงคน โดยใช้สว่านมือ และก้านเจาะดังรูปข้างล่าง โดยที่ก้านเจาะซึ่งยาวประมาณ 1 เมตร สามารถแม้กระทั่งยาวหลายๆท่อนได้ เมื่อกดพร้อมๆกับหมุนก้านจนกระทั่งดินเข้ามาเต็มสว่านแล้วจึงดึงขึ้นเพื่อนำดินออก ดินส่วนนี้สามารถนำไปทดลองคุณลักษณะทางวิศวกรรมบางจำพวกได้ การเจาะด้วยสว่านมือบางทีอาจทำเป็นลึกถึง 6–10 เมตร ในดินเหนียวแข็งปานกลางข้อด้อยของการเจาะประเภทนี้คือไม่อาจจะเก็บตัวอย่างดินเพื่อนำมาหาคุณลักษณะด้านความแข็งแรงหรือการทรุดตัวของดินได้เหตุเพราะโครงสร้างดินถูกทำลายโดยสว่าน
ข. การเจาะโดยใช้การฉีดล้าง (Wash Boring) คือการใช้แรงดันน้ำฉีดเจาะทำลายองค์ประกอบดินเพื่อให้เกิดหลุม และมีการรบกวนดินข้างล่างน้อยที่สุด วิธีการเจาะเริ่มโดยการเจาะชั้นดินโดยการสูบน้ำผ่านก้านเจาะลงไปที่หัวฉีดที่ตูดหลุมพร้อมๆกับชนหรือหมุนของหัวเจาะ ทำให้ดินตูดหลุมหลุดไหลตามน้ำขึ้นมาบนผิวดินลงในอ่างนอนก้นแล้วดูดน้ำที่ใสนำไปใช้ได้อีก ดังรูปด้านล่าง แนวทางลักษณะนี้จำต้องอาศัยสามขา (Tripod) เครื่องกว้าน (Motor แล้วก็Catch head) และก็ปั๊มน้ำ ในเรื่องที่เจาะในชั้นของดินอ่อน ต้องใช้ปลอกกันดินพังทลาย (Casing) ด้วย โดยต่อเป็นท่อนๆและเมื่อเจาะถึงชั้นทรายจะไหลเข้ามาในหลุมก็เลยจึงควรผสมสารเบนโทไนต์ (Bentonite) ลงไปกับน้ำ เหตุเพราะเบนโทไนต์คือแร่ประเภท(Montmollionite) มีความรู้และมีความเข้าใจในการดูดน้ำดีและก็พองตัวได้มาก ทำให้ความหนาแน่นของน้ำข้างในหลุมมากกว่าน้ำในชั้นทราย น้ำจึงไม่ไหลเข้าในหลุม การเจาะประเภทนี้สามารถหยุดเพื่อเก็บตัวอย่างดินได้เป็นช่วงๆตามที่ได้มีการกำหนด การเจาะตรวจในกรุงเทพฯ เพื่อก่อสร้างอาคารจะเจาะตรวจสอบตั้งแต่ 30-80 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของอาคาร
แนวทางเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างดิน (Soil Sampling)
การเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างดินมักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องการความระวังและก็ความชำนาญที่จะให้ได้ตัวอย่างดินที่มีคุณภาพ แบบอย่างดินมักแยกออกได้เป็น 2 ลักษณะ เป็น
กรัม แบบอย่างดินคงสภาพ (Undisturbed Sample) คือแบบอย่างดินที่ถูกเก็บขึ้นมาโดยมีภาวะใกล้เคียงสภาพธรรมชาติ อย่างเช่น ตัวอย่างดินที่เก็บได้จากกระบอกเปลือกบางที่มีขนาดตั้งแต่ 3 นิ้วขึ้นไป, กระบอกแบบลูกสูบ (Piston Sampler) หรือกระบอกเก็บตัวอย่างแบบ 2 ชั้น เป็นต้น ซึ่งมีการกระทบชั้นดินต่ำที่สุด คือ มีความชุ่มชื้น ความหนาแน่น ลักษณะองค์ประกอบไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับเมื่ออยู่ในชั้นดินเดิม ถือได้ว่าตัวอย่างดินที่มีคุณภาพเหมาะสมที่สุด และสามารถใช้ทดสอบคุณสมบัติต่างๆในห้องแลปได้ดูเหมือนจะทุกอย่าง
ข. แบบอย่างเปลี่ยนสภาพ (Disturbed Sample) เป็นต้นว่า ตัวอย่างดินที่เก็บได้จากกระบอกผ่า (Split Spoon) ในการตอกทดสอบ หรือกระบอกเปลือกบาง (Thin Wall หรือ Shelby Tube)ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก จะได้ตัวอย่างดินที่มีการเปลี่ยนสภาพไปบ้าง เช่นมีการอัดแน่น หรือ การจับตัวตามธรรมชาติถูกทำลายเนื่องจากแรงชนแต่ว่าอาจใช้ในการทดสอบได้อะไรบางอย่างดังเช่นว่า Atterberg’s limit,การหาขนาดเม็ดดิน
ขั้นตอนการทดลองคุณสมบัติดินในสนาม (Field test)
ในระหว่างการเจาะตรวจสอบชั้นดินมักมีการทดลองคุณสมบัติดินในสนามไปพร้อมๆกัน เช่น การหากำลังความต้านทานของชั้นดิน, การหาค่าความซึมน้ำ ฯลฯ จุดเด่นของการทดสอบในสนามหมายถึงชั้นดินจะถูกก่อกวนน้อยที่สุดเนื่องจากยังคงอยู่ในที่ รวมทั้งยังมีสภาพแวดล้อมต่างตามจริง แต่ทดสอบโดยใช้วัสดุให้ถี่ถ้วนราวกับในห้องแลปทำได้ยาก ด้วยเหตุนั้นผลของการทดสอบที่ได้ก็เลยเป็นค่าที่ถูกต้องในระดับหนึ่ง ผู้นำผลไปใช้จะต้องพินิจพิเคราะห์ใช้ให้เหมาะสม การทดสอบในหลุมเจาะที่ทำกันเป็นส่วนมากอย่างเช่น
ก. Standard Penetration test (SPT) หรือการตอกทดสอบมาตรฐานเป็นการตรวจดูความแข็งแรงของชั้นดินที่นิยมที่สุดในประเทศไทย การทดลองทำงานร่วมไปกับการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างโดยกระบอกผ่า หลักการทดลองคือ เมื่อเจาะดินถึงระดับที่อยากรู้ความแข็งแรง กระบอกผ่าจะถูกตอกลงไปในดินเป็นความลึก 18 นิ้ว โดยใช้ลูกตุ้มขนาดมาตรฐานหนัก 140 ปอนด์ ยกสูง 30 นิ้ว ระยะจม 18 นิ้ว ถูกแบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 6 นิ้ว แต่ละตอนจะทำบันทึกปริมาณครั้งที่ใช้สำหรับในการตอกเพื่อกระบอกผ่าจมลงไป 6 นิ้ว โดยเหตุนี้หากชั้นดินเป็นดินแข็งจะต้องให้พลังงานสำหรับในการตอกมากมายหรือใช้ปริมาณครั้งในการตอกมากนั่นเอง ปริมาณการตอกใน 6 นิ้ว แรกจะไม่นำมาใช้เพราะเหตุว่าภาวะดินกันหลุมอาจถูกรบกวนจากการเจาะตรวจสอบมากทำให้ความแข็งแรงของดินแปรไปปริมาณการตอกในตอนที่เหลือจำนำมารมกันให้ได้ค่าจำนวนครั้งการตอกมาตรฐานหรือค่า N ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นไปใช้ในการออกแบบถัดไป
การทดสอบ SPT เหมาะกับการทดสอบ ดินเหนียวแข็งถึงแข็งมากรวมทั้งทรายแน่น (Stiff Clay, Hard Clay รวมทั้ง Dense Sand) แต่ไม่เหมาะสมสำหรับดินเหนียวอ่อน ถึงแข็งปานกลางรวมทั้งทรายหละหลวม (Soft Clay, Medium Clay รวมทั้ง Loose Sand) แบบนี้ก็เพราะดินอ่อนไม่อาจจะต้านทานพลังงานจากการตอกได้ บางทีการตอกครั้งเดียว การบอกผ่าอาจจมลงไปมากกว่า 18 นิ้ว
ข. Vane Shear Test โดยใช้ใบมีด 4 แฉกแทงลงในชั้นดิน แล้วบิดด้วยโมเมนต์บิด (Torque) จากผิวดินผ่านก้านต่อลงไปเฉือนชั้นดิน เป็นรูปทรงกระบอกแล้วสามารถวัดความต้านทานของชั้นดินได้
ค. วัดการซึมน้ำ (Permeability Test) หรือความดันของน้ำบาดาล (Pore Water Pressure) โดยอาศัยการสูบน้ำออกแล้วดูอัตราการไหลของน้ำเข้ามาแทนที่ในหลุมเจาะ หรือฝังเครื่องวัดที่เรียกว่า “Piezometer” เพื่อวัดแรงกดดันน้ำที่ระดับที่อยาก
แนวทางหยั่งชั้นดิน (Sounding Method)
มักเป็นการตอกหรือกดหัวโลหะผ่านก้านต่อ แล้ววัดแรงต้านทานของชั้นดิน อย่างเช่น การตอกทดลองมาตรฐาน (Standard Penetration Test),Dutch Cone Penetration,, Swedish Sounding ฯลฯ
วิธีทางพื้นดินฟิสิกส์ (Geophysical Method)
อาศัยหลักทางฟิสิกส์ ดังเช่น การวัดความต้านทานของชั้นดิน (Resistivity Survey) และวัดความเร็วของคลื่นผ่านชั้นดิน (Seimic Survey) ทั้งสองวิธี มักใช้ควบคู่กับการเจาะตรวจสอบ เพื่อเพิ่มรายละเอียดอื่นๆในระหว่างหลุมเจาะ
สินค้ารับประกันความเสียหาย หากพบชำรุดจากการใช้งานปกติ สามารถนำกลับมาเปลี่ยนใหม่ได้ นับจากที่ลูกค้ารับสินค้า (อ้างอิงจากลายเซ็นต์ที่ลูกค้าเซ็นต์รับสินค้า) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงสินค้าต้องเป็นรุ่นเดียวกันเท่านั้น ตัวสินค้าและกล่องอยู่ในสภาพสมบูรณ์
ส่งกล้องรีในเขตกรุงเทพ ใกล้เคียง อาทิ ปทุมธานีสมุทรปราการ
ที่มา :
[url]http://www.p1instrument.com/[/url]
Tags : กล้องวัดมุม,กล้องสำรวจ, Total Station