Advertisement
วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิดที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซนมีแค่ UVAและ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลกซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนังและรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้ 1. SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และPA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ 2. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดดต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water Resistance) 3. ปริมาณ ควรใช้ปริมานที่ไม่น้อยเกินไปเพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป 4. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม อาจจะทาเติม
ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง 5. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่น ใส่หมวกเนื่องจากครีมกันแดดไม่ได้กันได้ 100 % 6. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนังเช่น คัน ผื่น 7. อาหาร อย่าลืมทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้ด้วย ควรทาครีมกันแดดให้หนาเพียงพอ15 นาที ก่อนอยู่กลางแดด และอาจทาซ้ำทุก 15 นาที หลังจากทาครั้งแรก หรือทุก 1-2 ชม. ถ้าว่ายน้ำ หรืออยู่กลางแดดจัดเนื่องจากการทายากันแดดซ้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกันแดด ได้อีก 2-3 เท่า เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ มักทายากันแดดในปริมาณน้อยกว่าที่ควร สำหรับการใช้ครีมกันแดด ประจำวัน ในผู้ที่ทำงานในร่มและใช้เวลานอกอาคาร หรือรถยนต์ เฉพาะช่วงเช้า ก่อน 9 นาฬิกา และหลังจาก 15 นาฬิกาอาจไม่มีความจำเป็น เนื่องจากแสง UVB, UVA สามารถผ่านกระจกรถ ที่ติดฟิล์มกรองแสง ได้น้อยกว่า 5% และแสง UV ในช่วงเวลาเช้าตรู่และเย็น มีปริมาณน้อย[url=https://www.facebook.com/DHerbThailand]สอบถามเพิ่มเติ