สมุนไพรพิกัดเกสรมี เเละรวมทั้ง สมุนไพรอื่นๆ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพิกัดเกสรมี เเละรวมทั้ง สมุนไพรอื่นๆ  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
boiopil020156889
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 28


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2017, 12:09:38 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรพิกัดเกส
คำว่า เกสร หรือที่โบราณใช้เป็น เกษร นั้น สื่อความหมายที่เกี่ยวกับดอกไม้ บางทีอาจซึ่งก็คือโครงสร้างที่ใช้สืบพันธุ์ของพืช ๒ ส่วน ซึ่งจัดแสดงอยู่ในวงของดอก คือเกสรผู้รวมทั้งเกสรเพศเมีย ตามลำดับจากนอกถึงในสุดทาง ต่อจากนั้นออกมาจะเป็นกลีบดอกไม้รวมทั้งกลีบเลี้ยงเป็นลำดับ แต่ว่าในความหมายที่เกี่ยวกับพิกัดยานั้นอาจถึงเกสรเพศผู้ (ดังเช่นว่า เกสรบัวหลวง) หรือดอกไม้ทั้งดอก (รวม กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และก็เกสรเพศเมีย) (อาทิเช่น ดอกกระดังงา ดอกมะลิ เป็นต้น) หรืออาจหมายความว่าช่อดอกช่อ (ดังเช่นว่า ดอกลำเจียก )พิกัดเกสรที่ใช้ในยาไทยมี ๓ พิกัด คือ พิกัดเกสรทั้ง ๕ พิกัดเกสรทั้ง ๗ แล้วก็พิกัดเกสรอีกทั้ง ๙ พิกัดเกสร ๕ อย่างเช่น เกสรบัวหลวง [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84/]เกสรบุนนา[/b] ดอกพิกุล ดอกมะลิ และดอกสารภี มีคุณประโยชน์บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ไข้เพื่อเสลดและโลหิต แก้ไข้เพ้อกลุ้ม แก้ลมหน้ามืด แก้น้ำดี แก้ธาตุ ทำให้เจริญอาหาร บํารุงท้อง เครื่องยาพิกัดนี้ ใช้มากมายในยาแก้ลมตาลาย ยาหอมบำรุงหัวใจ พิกัดเกสรอีกทั้ง ๗ ตัวประกอบด้วยตัวยา ๕ อย่าง ในพิกัดเกสร ๕  โดยมีดอกจำปา และก็[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]ดอกกระดังง[/b] เพิ่มเข้ามา พิกัดยานี้มีสรรพคุณโดยรวมบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ไข้เพื่อเสลดและโลหิต แก้ไข้เพพ้อกลุ้ม แก้ลมหน้ามืด แก้น้ำดี แก้ไข้เพื่อปถวีธาตุ ให้เจริญอาหาร แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้โรคตาพิกัดเกสรทั้ง ๙ ประกอบด้วยตัวยา ๗ อย่างในพิกัดเกสรอีกทั้ง ๗ โดยมีดอกลำเจียก และก็ดอกลำดวนเพิ่มเข้ามา พิกัดยานี้มีคุณประโยชน์ โดยรวมแก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้จับ แก้ไข้เพื่อลม แก้ไข้เพื่อปถวีธาตุ ให้เจริญอาหาร แก้โรคตา
                   
ตารางที่ ๑ เครื่องยาในพิกัดเกสร
เครื่องยา                ชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ของแหล่งที่มา วงศ์   ส่วนของพืช
เกสรบัวหลวง        Nelumbo nucifera Gaertn.           Nelumbonaceae      เกสรเพศผู้
ดอกบุนนาค           Mesua ferrea L.                Guttiferae           อีกทั้งดอก
ดอกพิกุล                Mimusops elengi L.         Sapotaceae        ทั้งดอก
ดอกมะลิ                Jasminum sambac Ait.   Oleaceae             ทั้งยังดอก
ดอกสารภี              Mamea siamensis (T.and) Kosterm.        Guttiferae           อีกทั้งดอก
ดอกจำปา              Macnolia Champaca (L.) Baill. Ex Pierre var. champaca (ชื่อพ้อง Michelia champaca L.)        Magnoliaceae       ดอก
ดอกกระดังงา        Cananga  odorata Hook.f. & Th. Annonaceae      ทั้งยังดอก
ดอกลำเจียก          Pandanus odoratissimus L.f         Pandanaceae     ช่อดอกทั้งช่อ
ดอกลำดวน           Melodorum fruiticosum Lour.    Annonaceae      ทั้งยังดอก
เกสรบัวหลวง
เกสรบัวหลวงเป็นเกสรเพศผู้ของดอกบัวหลวงจำพวกดอกตูมทรงฉลวย กลีบไม่ซ้อน สีขาว (เรียกบุณฑริก) หรือสีชมพูเรียก (ปัทม์ โกกนุท อุบล ฯลฯ) บัวหลวงเป็นบัวน้ำชนิดก้านแข็ง (บัวหลวงชาติ) มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Nelumbo nucifera Gaertn.ในตระกูล Nelumbonaceae ใต้มีชื่อสามัญว่า sacred lotus เครื่องยาที่เรียก เกสรบัวหลวง ได้จากเกสรเพศผู้ของดอกบัวหลวง หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า มีกลิ่นหอมยวนใจ รสฝาด ใช้แก้ไข้ แก้ธาตุพิการ บำรุงหัวใจ เกสรบัวหลวงเข้าเครื่องยาไทยในพิกัดเกสรทั้งยัง ๕ เกสรทั้งยังเจ็ดแล้วก็เกสรทั้งยัง ๙
ดอกบุนนาค
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84/]ดอกบุนนา[/b]ได้จากต้นบุนนาคอายมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Mesua ferrea L.ในตระกูล Guttiferae พืชชนิดนี้มีชื่อสามัญว่า indian rose chestnut tree ต้นบุนนาคเป็นไม้ยืนต้นสูง ๑๕ – ๒๕ เมตร ทรงพุ่มเป็นรูปเจดีย์ต่ำๆโคนต้นมีพูพอนเล็กน้อย ลำต้นเปลา เปลือกเรียบ สีน้ำตาลปนเทารวมทั้งคละเคล้าแดง มีรอยแตกตื้นๆด้านในเปลือกมียางขาว ใบเป็นใบโดดเดี่ยว เรียงตรงกันข้าม รูปใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง ๑.๕-๓.๕ เซนติเมตร ยาว ๔-๑๕ เซนติเมตร โคนใบสอบ ปลายใบเรียวแหลม ขอบของใบเรียบ ด้านบนสีเขียวเข้ม ข้างล่างมีคราบเปื้อนสีขาวนวล เส้นใบถี่ เนื้อใบหนา ก้านใบสั้นยาว ๔-๗ มิลลิเมตร ใบอ่อนสีชมพูอมเหลืองแขวนเป็นพู่ ดอกออกผู้เดียวๆหรือออกเป็นกระจุก กระจุกละ ๒-๓ ดอก ตามง่ามใบ ดอกสีขาวหรือสีนวล มีกลิ่นหอมหวน เมื่อบานเต็มที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว ๕-๑๐ เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมี ๔ กลีบ รูปช้อน งอเป็นกระพุ้ง มี ๒ ชั้น ชั้นละ ๒ กลีบ กลีบดอกไม้มี ๔ กลีบ รูปไข่กลับ ปลายบานและก็เว้า โคนสอบ เกสรเพศผู้มีเป็นจำนวนมาก ผลรูปไข่ แข็ง สีน้ำตาลเข้ม กว้าง ๒ เซนติเมตร ยาว ๔๐ ซม. ปลายโค้งแหลม กลีบเลี้ยงขยายโตเป็นกาบห่อผล ๔ กาบ มีเม็ด ๑-๒ เม็ด พืชนี้มีแก่นไม้สีแดงคล้ำ วาวเลื่อม เสี้ยนออกจะตรง เนื้อค่อนข้างหยาบคายแข็ง และทนทานดีเลิศ เลื่อยผ่าตกแต่งยาก ขัดชักเงาได้ดี ฝรั่งเรียกไม้นี้ว่า ironwood หรือ Ceylon ironwood ใช้ทำหมอนรองรางรถไฟ ใช้ก่อสร้างบ้านเรือน ทำเสา สะพาน ด้ามวัสดุ ใช้สร้างเรือ ทำกระดูกงูเรือ กงเสากระโดงเรือ ใช้ทำทุกส่วนของเกวียน ทำด้ามหอก ด้ามร่ม ทำพานด้านหลังหรือรวมทั้งรางปืน น้ำมันที่บีบจากเม็ดทำเครื่องสำอาง ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า ดอกบุนนาคมีกลิ่นหอมยวนใจ เย็น รสขมบางส่วน ช่วยบำรุงดวงใจให้ช่ำชื่น ใช้แก้ไข้กาฬ แก้ร้อนในดับกระหาย บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ แก้ลมกองละเอียด หน้ามืด หน้ามืด ตาลาย และว่าแก้กลิ่นสาบสางในกายได้ ดอกบุนนาคเข้าเครื่องยาไทยพิกัดเกสรทั้ง ๕ และก็เกสร ๗ แล้วก็เกสรอีกทั้ง ๙ นอกจากนั้นส่วนอื่นของต้นบุนนาคยังใช้คุณประโยชน์ทางยาได้ ดังเช่น รากใช้แก้ลมในไส้ เปลือกต้นมีสรรพคุณกระจัดกระจายหนอง และก็กระพี้แก้เสมหะในลำคอ เนื้อไม้ใช้แก้ลักปิดลักเปิด
ดอกพิกุล
ดอกพิกุล เป็นดอกของต้นพิกุลอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Mimusops elengi L.ในวงศ์ Sapotaceae พืชประเภทนี้ ลางถิ่นเรียก กุน (ภาคใต้) แก้ว (ภาคเหนือ) ซางดง (ลำพูน) ก็มีต้นพิกุลเป็นไม้ยืนต้นสูง ๑๐-๒๕ เมตร เรือนยอดรูปเจดีย์หรือกลมทึบ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกันห่างๆรูปไข่ รูปรี หรือรูปขอบขนาน กว้าง ๒-๖.๕ ซม. ยาว ๕-๑๕ ซม. วัวนมน ปลายแหลม เป็นติ่งสั้นๆขอบใบเป็นคลื่น ดอกเป็นดอกผู้เดียว หรือออกเป็นกลุ่ม ๒-๖ ดอก ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงมี ๘ กลีบ เรียง ๒ ชั้น ชั้นละ ๔ กลีบ กลีบดอกมี ๒๔ กลีบ เรียง ๒ ชั้น ชั้นนอกมี ๘ กลีบ ชั้นในมี ๑๖ กลีบ โคนเชื่อมกันนิดหน่อย ร่วงง่าย มีสีนวล กลิ่นหอมเย็น กลิ่นยังคงอยู่ตากแห้งแล้ว เกสรเพศผู้บริบูรณ์มี ๘ อัน และก็เกสรเพศผู้เป็นหมัน คล้ายกลีบมี ๘ อัน ผลเป็นแบบมีเนื้อ รูปไข่ กว้างราว ๑.๕ เซนติเมตร เมื่ออ่อนสีเขียว และสุกมีสีแดงแสด มีรสหวานบางส่วน เมื่อต้นพิกุลมีอายุมากมายๆแก่นไม้จะผุหรือรากจะผุ ทำให้ข้นหรือลงได้ง่าย จึงไม่นิยมปลูกเอาไว้ในรอบๆบ้าน ต้นแก่ๆมักมีเชื้อราจะเดินเข้าไปในเนื้อไม้ ทำให้แก่นไม้มีกลิ่นหอมหวน โบราณเรียก “ขอนดอก” ซึ่งมีขายทำร้านยาสมุนไพรเป็นแก่นไม้ที่มีสีน้ำตาลเข้มประขาว มีกลิ่นหอมสดชื่นฝรั่งเรียก “bullet wood” เนื่องจากว่าเนื้อไม้มีประด่างเป็นจุดขาวๆราวกับรอยลูกกระสุน
ขอนดอก
เป็นเครื่องยาไทย บางทีอาจได้จากต้นพิกุล หรือต้นตะแบก(Lagerstroemia calyculata Kurz. วงศ์ Lythraceae) แก่ๆมีเชื้อรารุ่งโรจน์เข้าไปในเนื้อไม้ แต่ว่าโบราณว่าขอนดอกที่ได้จากต้นตะแบกจะมีคุณภาพด้อยกว่า ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ขอนดอกมีกลิ่นหอมยวนใจ รสจืด มีสรรพคุณบำรุงตับ ปอด และหัวใจ บำรุงทารกในครรภ์ (ครรภรักษา) ทำให้หัวใจสดชื่น ดอกพิกุลมีกลิ่นหอมหวนเย็น เข้ายาหอม ยานัตถุ์ ยาแก้ไข้ แก้ปวดศรีษะ แก้เจ็บคอแล้วก็แก้ร้อนใน ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณจัดเข้าเครื่องยาพิกัดเกสรทั้ง ๕ เกสรทั้งยัง ๗ แล้วก็เกสร ๙ หรือใช้ผสมกับดอกไม้อื่นๆที่มีกลิ่นหอมยวนใจเพื่อทำบุหงา นอกจากน้ำส่วนอื่นๆของต้นพิกุลยังคงใช้ประโยชน์ทางยาได้ตำราว่ารากพิกุลมีรส ขมเฝื่อน เข้ายาบำรุงโลหิต แก้เสลด แก้ลม แก่นพิกุลมีรสขมฝาด เข้ายาบำรุงเลือด ยาแก้ไข้ เปลือกต้นที่คุณมีรสฝาด ใช้ปรุงเป็นยาแก้เหงือกอักเสบ ใบพิกุลรสเบื่อฝาด เข้ายาแก้โรคหืด แก้กามโรค
ดอกมะลิ
ดอกมะลิเป็นดอกของพืชอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Jasminum sambac Ait.ในวงศ์ Oleaceae  ถ้าเกิดมีกลีบชั้นเดี่ยวเรียก มะลิลา หากมีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้นเรียก มะลิซ้อน แต่ว่าดอกมะลิที่กำหนดในตำรายามักนิยมใช้ดอกมะลิลา ฝรั่งเรียกดอกมะลิ jasmine หรือArabain jasmine ต้นมะลิเป็นไม้พุ่มรอคอยเลื้อยสูง ๑-๒ เมตร ใบเรียงตรงกันข้าม รูปไข่ ขนาดกว้าง ๓.๕-๔.๕ เซนติเมตรยาว ๕-๗ เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ก้านใบสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ดอกซ้อนมักออก ๓ ใบใน ๑ ข้อ แล้วก็สีใบจะเข้มกว่า ดอกมีสีขาว กลิ่นหอมแรง ดอกผู้เดียวหรือเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงเป็นเส้น ๘-๑๐ เส้น กลีบดอกไม้เป็นหลอดยาว ๑-๒ เซนติเมตร ปลายแยกเป็น ๕-๘ กลีบ เมื่อบานสุดกำลังจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๓ ซม. เกสรเพศผู้มี ๒ อัน ดอกออกตลอดทั้งปี แม้กระนั้นจะ ดกในช่วงฤดูร้อนและหน้าฝน หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ดอกมะลิมีกลิ่นหอมยวนใจเย็น รสขม ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ดับพิษร้อน ทำให้จิตใจชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย บำรุงท้อง แก้ร้อนในอยากกินน้ำ โบราณจัดเข้าเครื่องยาพิกัดเกสร ๕ เกสร ๗ รวมทั้งเกสรทั้งยัง ๙ หรือใช้อบในน้ำหอม ทำน้ำดอกไม้ไทย หรือใช้ผสมกับดอกไม้ชนิดอื่นๆที่มีกลิ่นหอมหวน สำหรับทำบุหงา ยิ่งกว่านั้นหนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ใบมะลิสดมีรสฝาด แพทย์ตามต่างจังหวัดใช้ใบสดตำกับกากมะพร้าวตูดกะลาพอกหรือทาแก้แผลพุพอง แก้แผลเรื้อรัง รวมทั้ง ยังว่าใช้ยอด ๓ ยอด ตำพอกหรือทาเพื่อลบรอยแผลเป็น รากมะลิมีรสเย็นเมา ฝนหรือต้มน้ำ แก้ปวดปวดศีรษะ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้หลอดลมอักเสบ ใช้มากมาย (ราว ๑-๒ ข้อมือ) ทำให้สลบ ตำพอกหรือแก้กลยุทธ์ขัดยอกจากการกระทบชน
ดอกสารภี
ดอกสารภีได้จาก[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B5/]ต้นสารภ[/b]อันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Mammea siamensis (T. And) Kosterm. ในสกุล Guttiferae ลางถิ่นเรียก ไม่สำนึกในบุญคุณ (จันทบุรี) สร้อยพี (ภาคใต้) ก็มี ต้นสารภีเป็นไม้ยืนต้นขนาดกึ่งกลางสูง ๑๐-๑๕ เมตร เรือนยอดเป็นไม้พุ่มทึบ เปลือกต้นสีเทาดำ แตกล่อนเป็นสะเก็ด มียางขาวแล้วก็จะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน กิ่งอ่อนเป็นสารสี่เหลี่ยม ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้ามเป็นคู่ๆแต่ละคู่สลับแนวทางกัน รูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง ๔-๖.๕ เซนติเมตรยาว ๑๕-๒๐ ซม. โคนใบสอบแคบ ปลายใบมนหรือสอบทู่ๆอาจมีติ่งสั้นๆหรือหยักเว้าตื้นๆเนื้อใบครึ้ม ดอกออกเป็นช่อ ช่อเดียวหรือหลายช่อตามกิ่ง ดอกสีขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อจะโรย มีกลิ่นหอมหวนมาก กลีบเลี้ยงมี ๒ กลีบ โคนเชื่อมติดกัน ติดทนแล้วก็ขยายโตตามผล กลีบดอกมี ๔ กลีบ โค้งเป็นกระพุ้ง เมื่อบานมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๑.๕ ซม. เกสรเพศผู้มีมากมาย ผลรูปกระสวย ยาวราว ๒.๕ ซม. เมื่อสุกสีเหลือง เนื้อสีเหลืองหรือสีแสดห่อเม็ด
สารภีแนน
สารภีแนน เป็นชื่อถิ่นทางตะวันตกเฉียงเหนือของพืชที่มีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Calophyllum inophyllum L. ในวงศ์ Guttiferae รู้จักกันในชื่ออีกหลายชื่อ เป็นต้นว่า สารภีทะเล (ประจวบคีรีขันธ์) กระทิง (ภาคกลาง) ทิง (กระบี่) เนาวกาน (น่าน) เป็นพืชที่ขึ้นชายหาด หรือปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป พืชชนิดนี้เป็นไม้ยืนต้นสูง ๘-๑๐ เมตร เรือนยอดแห่งกว้างเป็นพุ่มกลม ทึบ เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลปนเทา ด้านในมีน้ำยางสีเหลืองใส ใบเป็นใบผู้เดียว เรียงตรงกันข้าม รูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๔.๕-๘ เซนติเมตร ยาว ๘-๑๕ ซม. โคนใบสอบ ปลายใบมน กว้างหรือเว้ากึ่งกลางน้อย ขอบของใบเรียบ เนื้อใบหนา เส้นใบถี่และขนานกัน ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมสดชื่น ดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบที่ปลายกิ่ง กลีบดอกมี ๕-๖ กลีบ เมื่อบานมีสัตว์เส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๒.๕ ซม. เกสรเพศผู้มีสีเหลือง มีไม่น้อยเลยทีเดียว ผลรูปกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒.๕-๓ ซม. ปลายกิ่งเป็นติ่งแหลม สีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตาล แห้งผิวย่น เปลือกออกจะหนา แพทย์แผนไทยลางถิ่นใช้ดอกสารภีแนนแทนดอกสารภี ปรุงเป็นยาหอม บำรุงหัวใจ น้ำมันระเหยยากที่หนีบได้จากเมล็ดใช้ทาแก้ปวดข้อ และใช้เป็นยาพื้นสำหรับทำเครื่องสำอางแบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่าดอกสารภีมีกลิ่นหอมหวน รสขมเย็น แก้โลหิตทุพพลภาพ แก้ไข้ที่มีพิษร้อน เป็นยาเจริญอาหาร ยาบำรุงหัวใจ และก็ยาชูกำลัง โบราณจัดดอกสารภีเอาไว้ในพิกัดเกสรอีกทั้ง ๕ เกสรอีกทั้ง ๗ และเกสรอีกทั้ง ๙
ดอกจำปา
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B2/]ดอกจำป[/b] ได้จากดอกของต้นจำปาอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่าmagnolia champaca (L.) Bail.ex Pierre var. Champaca ในตระกูล Magnoliaceae พืชจำพวกนี้เป็นไม้ยืนต้นสูง ๑๕-๓๐ เมตร ยอดอ่อนรวมทั้งใบอ่อนมีขน ใบแก่หมดจด ใบเป็นใบลำพัง เรียงเวียรสลับกัน รูปรี รูปไข่ หรือรูปไข่แคบ กว้าง ๔-๑๐ ซม. ยาว ๑๐-๒๕ เซนติเมตร ปลายแหลมหรือเป็นติ่งแหลม โคนกลมมนหรือแหลม ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ สีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอมแรง กลีบ
จำปาดอกขาว
เนื่องจากต้นจำปามีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง คือตั้งแต่อินเดีย พม่า ไทย ไปถึงจนถึงเวียดนาม จึงอาจมีการคลายภายในโดยธรรมชาติกลายพันธุ์โดยธรรมชาติจนขนาดและสีของดอกแตกต่างกันออกไปบ้าง ที่วัดกลาง ตำบลนครไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีต้นจำปาอายุมากต้นหนึ่ง ดอกเมื่อแรกแย้มมีสีนวล (ไม่ขาวเหมือนดอกจำปีทั่วไป) แต่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มเมื่อใกล้โรย (เหมือนดอกจำปาทั่วไป) ชาวบ้านเรียกต้นจำปานี้ว่า ต้นจำปาขาว เมื่อผ่านไปทางอำเภอนครชัยจะเห็นป้าย ต้นจำปาขาว ๗๐๐ ปี ต้นจำปาขาวที่ว่านี้ก็คือต้นจำปาอายุมากต้นนี้เอง ส่วนวลี ประวัติศาสตร์ ๗๐๐ปี ต้องการจะสื่อว่าบริเวณตำบลนครไทยนั้นเดิมเป็นเมืองโบราณชื่อเมืองบางยาง เป็นเมืองที่พ่อขุนบางกลางหาว ผู้เสพผู้สืบเชื้อสายจากพระชัยศิริ ราชวงศ์เชียงราย อพยพมาตั้งถิ่นฐานต้องสูงพระไพร่พลอยู่ในราว พ. ศ. ๑๗๗๘ ก่อนร่วมกับพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ยกพลตีสุโขทัยอันเป็นเมืองหน้าด่านของขอมและรับชัยชนะในราวพ. ศ. ๑๘๐๐ สถาปนาพระองค์เป็นปฐมกษัตริย์ทรงพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งกรุงสุโขทัย
จำปาของลาว
จำปา เป็นชื่อที่ชาวไทยอีสานและชาวลาวเรียกพืชอีกชนิดหนึ่งอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Plumeria obtusa L.ในวงศ์ Apocynaceae คนไทยภาคกลางเรียก ลั่นทม ลางถิ่นอาจเรียก จำปาขาว จำปาขอม จำปาลาว หรือลั่นทมดอกขาว มีชื่อสามัญว่า pagoda tree หรือ temple tree หรือ graveyard flower (เรียกดอก) พืชชนิดนี้เป็นไม้พุ่มสูง ๓-๖ เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มกว้าง ทุกส่วนมียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับที่บริเวณปลายกิ่ง รูปใบพายแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๕-๘ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๓๒ เซนติเมตร ปลายและโคนมน ด้านบนสีเขียวเข้ม เป็นมัน ด้านล่างมีขนนุ่ม ดอกสีขาว กลางดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอมโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น ๕ กลีบ ซ้อนเหลื่อมกัน กลีบรูปไข่กลับปลายมน งอลงเล็กน้อย เมื่อบานมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๘-๑๐ เซนติเมตรเกสรเพศผู้มี ๕ อัน ก้านเกสรสั้นมาก ผลเป็นฝักคู่ รูปยาวรี เมื่อแก่แตกเป็น ๒ ซีก เมล็ดมีจำนวนมาก แบน มีปีก ดวงจําปานี้เป็นดอกไม้ประจำชาติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นิยมปลูกตามวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา จัดเป็นไม้มงคลผู้ไม่รู้ลางท่านเห็นว่าชื่อ ลั่นทม ออกเสียงคล้ายกับ ระทม อันหมายความว่าไม่เป็นมงคลจึงเปลี่ยนชื่อให้พืชชนิดนี้ใหม่ว่า “ลีลาวดี” ซึ่งเป็นการไม่สมควรต้นจำปาชนิดนี้เป็นพืชสมุนไพรที่เกิดทุกส่วนของต้นใช้เป็นยาได้ ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า กลีบดอกจำปามีกลิ่นหอม มีรสขม ช่วยทำให้เลือดเย็น กระจายโลหิต อันร้อน ขับปัสสาวะ ขับลม แก้อ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย บำรุงหัวใจ แก้เส้นกระตุก บำรุงน้ำดี บำรุงโลหิต ดอกจำปาเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดเกสร ทั้ง ๗ และเกสรทั้ง ๙ ลางตำราว่าดอกใช้ผสมกับใบพลูกินแก้หอบหืด และเมล็ดรสขมเป็นยาขับน้ำเหลือง นอกจากนั้นเปลือกต้นจำปามีรสเฝื่อนขม แก้คอแห้ง แก้ไข้ บำรุงหัวใจ ขับเสมหะ ใช้เป็นยาถ่ายอย่างแรง ต้มน้ำดื่มแก้โรคหนองใน ขับระดู ใบมีรสเฝื่อนขม แก้ไข้อภิญญาณ แก้โรคประสาท แก้เส้นประสาทพิการ แก้ป่วง ใช้ลนไฟพอกแก้ปวดบวม ชงน้ำร้อนดื่มแก้หืด กระพี้มีรสเฝื่อนขม ใช้ถอนพิษผิดสำแดง แก่นมีรสเฝื่อนขม เมา แก้กุฏฐัง รากมีรสเฝื่อนขม ใช้ขับเลือดเน่า เป็นยาถ่าย
ต้นจำปา ที่ซับจำปา
บริเวณที่ปัจจุบันเป็นบ้านซับจำปาตำบลซับจำปาอำเภอท่าหลวงจังหวัดลพบุรีนั้นเดิมเป็นป่าพรุน้ำจืดที่กว้างใหญ่ไพศาลอุดมด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิดซึ่งยังมีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานถึงแต่ในปัจจุบันถูกชาวบ้านแผ้วถางเป็นพื้นที่ทำกินโดยเฉพาะเป็นไร่มันสำปะหลังสุดลูกหูลูกตา คงเหลือแต่ป่าต้นน้ำราว ๙๖ ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกกันสืบมาว่าประจําปลาในป่านี้มีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งขึ้นอยู่มากชาวบ้านเรียกพืชนั้นว่าต้องจับปลาและเรียกพื้นที่ป่าซับน้ำบริเวณนั้นว่าซับจําปาอันเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านชื่อวัดและชื่อตำบลตามลำดับเมื่อเร็วๆนี้นักศึกษาที่จะศึกษาจำปาต้นนี้ ในเชิงอนุกรมวิธานพบว่าเป็นพืชในวงศ์ Magnoliaceae ชนิดใหม่ของโลกซึ่งไม่เคยมีรายงานว่าพบที่ใดมาก่อน จึงได้กำหนดชื่อพฤกษศาสตร์โดยได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สิรินธร ตั้งเป็นชื่อบกชนิดว่า Magnolia sirindhorniar Noot.& Chalermgrin เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเพื่ออนุรักษ์พืชชนิดนี้ไว้ให้แหล่งพันธุกรรมและระบบนิเวศของพืชชนิดนี้ถูกทำลายไป โดย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานชื่อไทยให้พืชชนิดนี้ให้พืชนี้ใหม่ว่า จำปีสิรินธร
ดอกกระดัง
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]ดอกกระดังง[/b] เป็นดอกของพืชอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Cananga odorata Hook.f. &Th.ในวงศ์ Annonaceae ลางถิ่นเรียกกระดังงาไทย (ภาคกลาง) กระดังงาใหญ่ กระดังงาใบใหญ่ สบันงาต้น สบันงา (ภาคเหนือ) มีชื่อสามัญว่า ylang-ylang (เป็นภาษาตากาล็อก อ่านว่า อิลาง – อิลาง) ต้นกระดังงาเป็นไม้ยืนต้นสูง ๑๕-๒๐ เมตร ลำต้นตั้งตรง เปลือกสีเทาเกลี้ยงหรือสีเงิน กิ่งก้านแผ่ออกจากต้น มักลู่ลง ส่วนที่ยังอ่อนอยู่มีขนปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ห้อยลง รูปขอบขนาน กว้าง ๔ – ๙ เซนติเมตร ยาว ๗-๑๒ เซนติเมตร ปลายใบแหลม หรือเป็นติ่งแหลม โคนใบค่อนข้างกลมมน หรือเบี้ยว ขอบใบเป็นคลื่น ใบบาง ค่อนข้างนิ่ม สีเขียวอ่อน ดอกสีเหลืองอมเขียว มีกลิ่นหอม ออกรวมกันเป็นกลุ่ม ๔-๖ ดอก ก้านดอกยาว ๒-๔ เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมี ๓ กลีบ รูปสามเหลี่ยม ยาวราว ๐.๕ เซนติเมตร มีขนปกคลุม กลีบดอกห้อยลง มี ๖ กลีบ แบ่งเป็น ๒ ชั้น ชั้นละ ๓ กลีบ ชั้นนอกรูปแคบยาว ปลายเรียวแหลม ขอบกลีบมักจะม้วนหรืออยากเป็นคลื่น ยาว ๕-๘.๕ เซนติเมตร กลีบชั้นในสั้นกว่าเล็กน้อย เกสรเพศผู้และรังไข่มีจำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่มมี ๔-๑๒ ผลย่อย ผลย่อยรูปยาวรี กว้างราว ๑ เซนติเมตร ยาว ๒.๕ เซนติเมตร มีก้านยาว ๑.๓-๒ เซนติเมตร มีสีเขียวเข้มเมื่อแก่เป็นสีดำ เมื่อกลั่นกลีบดอกแรกแย้มด้วยไอน้ำจะได้น้ำมันระเหยระเหยง่าย เรียก น้ำมันดอกกระดังงา (ylang-ylang oil) กลีบดอกลนไฟใช้อบน้ำให้หอม (น้ำดอกไม้) สำหรับใช้เป็นน้ำกระสายยา ดอกแห้งผสมกับดอกไม้หอมอื่นๆสำหรับทำบุหงา ดอกกระดังงามีกลิ่นหอมเย็น ใช้ปรุงยาแก้ลมวิงเวียน ชูกำลัง ทำให้หัวใจชุ่มชื่น แก้อ่อนเพลีย กระหายน้ำ แพทย์แผนไทยจัดเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดเกสรทั้ง๗ และเกสรทั้ง ๙ ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า เปลือกต้นมีรสฝาด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้ท้องเสีย นอกจากนั้นเนื้อไม้มีรสขมฝาด ใช้เป็นยาขับปัสสาวะและแก้ปัสสาวะพิการเช่นกัน
กระดังงาสงขลา
กระดังงาสงขลา หรือ กระดังงาเบา มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Canaaga odorata Hook.f.&Th var. fruticosa (Craib) J.Sincl. ในวงศ์ Annonaceae
 เป็นไม้พุ่มสูง ๑-๓ เมตร แตกกิ่งเป็นพุ่มกลม ใบและดอกคล้ายต้นกระดังงามาก ต่างกันที่กระดังงาสงขลาเป็นไม้พุ่ม ใบสั้นกว่า ดอกออกเดี่ยวๆ บนกิ่งด้านตรงข้ามกับใบ กลีบเลี้ยงรูปไข่ ปลายแหลม กลีบดอกมี ๑๕-๒๔ กลีบ ยาว เรียว บิด และเป็นคลื่นมากกว่าดอกกระดังงา กลีบชั้นนอกยาวและใหญ่กว่ากลีบชั้นใน พืชชนิดนี้เป็นพืชถิ่นเดียวและพืชหายาก (ในธรรมชาติ) ของประเทศไทย พบครั้งแรกที่บ้านจะโหนง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นพืชที่ขยายพันธุ์ง่ายออกดอกได้เกือบตลอดปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ดอกลำเจียก
ดอกลำเจียกเป็นช่อของดอกลำเจียก (Screw pine) อันมีชื่อพฤษศาสตร์ว่า Pandanus odoratissimus L.f. ในวงศ์ Pandanaceae พืชชนิดพืชนี้ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ต้นที่มีดอกเพศผู้เรียก ลำเจียก ส่วนต้นที่มีดอกเพศเมีย เรียก เตย หรือเตยทะเล มีผู้ตั้งชื่อต้นที่มีดอกตัวเมียเป็นพืชชนิดหนึ่งโดยให้ชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Pandanus tectorius Sol. ex Parkinson พืชชนิดนี้เป็นไม้พุ่ม สูง ๕-๖ เมตร ลำต้นสีนวลหรือสีน้ำตาลอ่อน มีหนามแหลมสั้นๆ กระจายอยู่ทั่วไป โคนต้นมีรากค้ำจำนวนมาก ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับเป็น ๓ เกลียวที่ปลายกิ่ง ใบรูปขอบขนาน กว้าง ๕-๘ เซนติเมตร ยาว ราว ๒ เมตร ขอบใบหยักมีหนามแข็ง ปลายหนามโค้งไปทางปลายใบ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกเพศผู้แ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ