สมุนไพรโกษฐมีความหมายอย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรโกษฐมีความหมายอย่างไร  (อ่าน 33 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2017, 08:24:57 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


สมุนไพรพิกัดโกษฐ[/size][/b]
โกรธเป็นพิกัดเครื่องยาหมู่หนึ่งที่ใช้มากมายในไทย ตำราเรียนโบราณเขียนชื่อพิกัดยาเหล่านี้ไม่เหมือนกันออกไปหลายแบบ ในศิลาจารึกแบบเรียนที่วัดราชบุตรชายสาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (แต่ว่าครั้งพระองค์ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระผู้เป็นเจ้าลูกยาคุณ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์) ได้โปรดกรุณาเกล้าให้จารึกไว้เป็นวิทยาทาน เมื่อทรงบูรณะวัดนี้ใน พุทธศักราช ๒๓๖๔ มอบเป็นพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปรากฏชื่อพิกัดเครื่องยาไทยเดี๋ยวนี้เป็น โกด ทั้งหมดทั้งปวง ดังเช่น (พิมพ์ตาอักขระที่ปรากฏในศิลาจารึก) หากบุทคลผู้ใดกันจับไข้เพื่อเสมหะ ปิตะ วาตะ สมุถานก็ดี ทำให้หิวโหยหาแรงไม่ได้ ให้ระหวยไป ให้ใจขุ่นหมองไม่ได้ชื่น ให้สวิงสวายหากำลังไม่ได้  หากจะเอายานี้แก้ ยาชื่อมหาสมมิตร เอาโกดทั้งยังห้า เทียรห้า [url=http://www.disthai.com/16653544/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2]ตรีผลา
จันทังสอง ลูกจั[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/]ดอกจั[/b] มือวาน [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9/]กานพู[/b] ขิงแห้ง [url=http://www.disthai.com/16488287/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5]ดีปลี หญ้าแห้วหมู ไคร้เครือ เกษรบัวหลวง เกษรสารภี เกษรบัวเผื่อน เกษรบัวขม ดอกคำ ดอกผักตบ ดอกพิกุน เกสรบุนนาค ดอกสลิด ประจักษ์พยาน ชลูด อบเช[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]ชะเอ[/b] ปริศนา ชะมดเชียง พิมเสน เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาดีงูงูเหลือม เช่น้ำดอกไม้ประสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำตาลทรายก็ได้ น้ำแรมคืนก็ได้ กินแก้รส่ำรสายแลดับพิษไข้ทั้งหมด ทำให้คลั่งให้เพ้อให้เชื่อมให้มัว แก้ลิ้นหยาบคางแข็ง แลชูกำลังยิ่งนักฯ
ส่วนแผ่นจารึกแบบเรียนที่วัดพระเชตุพนใสมังคลาราม(วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จารึกไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน คราวที่ทรงบูรณะแก้ไขฟื้นฟูใหญ่เมื่อปี พุทธศักราช ๒๓๗๕ และคณะอาจารย์สถานศึกษาแพทย์แผนโบราณได้สะสมจัดพิมพ์เป็นเล่มเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๕  ในตำรายาฯนี้บันทึกชื่อเครื่องยาในเดี๋ยวนี้เป็น โกฐ ทั้งหมดทั้งปวง ดังเช่นว่าแผ่นจารึกที่ศาลา ๗ เสา ๖  แผ่น ๔ ดังต่อไปนี้
ปุนะจะปะรัง ลำดับนี้จะกล่าวด้วยนัยหนึ่งใหม่ เกี่ยวกับลักษณะสันนิบาตอันเกิดขึ้นเพื่อดีรั่วนั้นเป็นคำรบ ๔  เมื่อจะบังเกิดขึ้นแก่บุคคลใดดีแล้ว ก็ทำให้ลงดุจรับประทานยารุ มูลนั้นเหลืองดังน้ำขมิ้นสด ให้เคลิ้มไปหาสติไม่ได้ แลให้หิวโหยนัก บริโภคอาหารไม่อยู่ท้อง ให้สวิงสวาย ให้แน่นหน้าอกเป็นอย่างยิ่ง ให้อุทธรลั่นอยู่เป็นนิจไม่ได้ขาด ถ้าเเลลักษณะเป็นดังกล่าวมาแล้วข้างต้นมานี้ ฯ ถ้าหากจะแก้เอาสมอทั้งยัง ๓ [url=http://www.disthai.com/16488243/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1]มะขามป้อ[/b] ผลจู๋ม จันทน์ทั้ง ๒ โกญสอ โกฐเฉมา โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลา [url=http://www.disthai.com/16488286/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2]โกฐน้ำเต้[/b] กฤษณา กระลำพัก แก่นสน กรักขี แก่นประดู่ รากขี้กาทั้งยัง ๒ ใบสันพร้ามอน [url=http://www.disthai.com/16536669/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD]ใบคนทีส[/b] รากกระทมือก รากทิ้งถ่อน รากผักหวาน ว่านน้ำ ไคร้หอม เท่าเทียมกันต้มตามวิธีให้รับประทาน แก้สันนิบาตอันบังเกิดเพื่อปิตตะสมุฏฐานโรค กล่าวคือดีรั่วนั้นหายดีเลิศนักฯสำหรับ คู่มือหมอแผนไทยแผนโบราณ ซึ่งเก็บรวบรวมโดยขุนโสภิตบรรณรักษา (อำพัน คำเล่าลือฟุ้งกระจาย) เขียนชื่อพักนี้เป็น โกฏ ทั้งผอง ดังเช่นยาแก้คอแห้งผากในคู่มือเล่ม ๓ ในตอนที่กล่าวถึงเสมหะทุพพลภาพและก็ยาแก้ ดังนี้ ยาแก้คอแห้ง แก้เสลดเหนียว แก้คลื่นไส้ เอาโกฏ ๕ เทียน ๕ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู [url=http://www.disthai.com/16488304/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3]ว่านน้[/b] ประพรมมิ ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง ลูกราชดัด [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิ[/b] [url=http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2]พริกไท[/b] บดละลายน้ำท่าแทรกเกลือกิน แก้อ้วกละลายน้ำลูกยอต้มรับประทาน
                     
ส่วนในหนังสือศาสตร์วัณ์ณนา – ตำราแพทย์แบบเก่า
ซึ่งเรียบเรียงโดยนายสุ่ม วรกิจไพศาล ตามตำราของพระยาวิเศษศาสตร์ดำรง(หนู) ผู้เป็นบิดา บันทึกชื่อเครื่องยาหมู่นี้เป็น โกฏฐ์ ทั้งสิ้น เช่น ยาเทพนิมิตรในเล่ม ๔ ดังนี้ ถ้าเกิดจะเอายาชื่อเทพนิมิตต์ขนานนี้ ท่านให้เอาโกฏฐ์สอ ๑ โกฏฐ์เชียง ๑ โกฏฐ์เขมา ๑ โกฏฐ์น้ำเต้า ๑ สมุลแว้ง ๑ อบเชย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ สักขีพยาน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกลำดวน ๑ กระดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์ทั้งยัง ๒ กฤษณา ๑ กระลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ แก่นประพรม ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ [url=http://www.disthai.com/16488279/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9D%E0%B8%AD%E0%B8%A2]ดอกคำฝอย
๑ เลือดแรด ๑ สารส้ม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน การบูร ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน แก่นแสมทะเล ๑๖ ส่วน เบ็ญจเราล ตามพิกัด ทำเป็นผงแล้วเอาหญ้าแห้วหมูเป็นน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำแก่นไม้ต้มแทรกพิมเสนให้รับประทาน แก้เลือดปกติโทษอันเกิดขึ้นแม้กระนั้นกระดูกนั้นหายดีเลิศนักแล
จึงเห็นได้ว่าตำรายาโบราณของไทยใช้ชื่อเครื่องในหมูนี้เป็น โกด โกฐ โกฏ หรือ โกฏฐ์ ต่างกันไปตามแต่จะเขียน เรื่องยาพิกัดนี้ทุกประเภทเป็นของที่มีเกิดในเมืองนอก รวมทั้งมีพ่อค้าต่างชาตินำเข้ามาขายในประเทศไทยเป็นเวลายาวนานแล้ว ขั้นต่ำก็ก่อนยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พุทธศักราช ๒๑๗๕ – ๒๒๓๑) เพราะว่าในตำราเรียนหมอแผนไทยซึ่ง ตำราเรียนพระโอสถพระนารายณ์ได้อ้างถึง ๒ เล่ม เป็นคัมภีร์โรคนิทาน รวมทั้งคู่มือมหาโชตรัต มียาที่เข้าเข้าพิกัดนี้มากหลายขนาน รวมถึงใหหลายขนานในหนังสือเรียนพระโอสถพระนารายณ์เอง แต่ชื่อเครื่องยาหมู่นี้ควรจะเขียนเป็นยังไง มีที่มารวมทั้งความหมายอย่างไร นอกจากนี้เครื่องยาหมู่นี้บางประเภทเป็นอย่างไร มีที่มาเช่นไรอย่างเป็นข้อแย้งที่ยังหาข้อสรุปมิได้
สาเหตุของคำ โกษฐ์
โกษฐ์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ . ๒๕๔๒ เลือกเก็บคำ โกฐ ไว้โดยนิยามดังต่อไปนี้ โกฐ (โกด) น. ชื่อยาสมุนไพรพวกหนึ่ง ได้จากส่วนต่างๆของพืช มีหลายอย่าง แบบเรียนยาแผนโบราณเขียนเป็น โกฎ โกฏ โกฏฐ์ โกด หรือ โกษฐ์ ก็มี (ป.โกฏฐ) คำ โกฐ ที่ราชบัณฑิตยสถาน (โดยผู้รอบรู้ทางบาลี-สันสกฤต) เลือกเก็บไว้นั้น มีในภาษาสันสกฤตจริง แม้กระนั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกสมุนไพรซึ่งหมอแผนไทยเรียกโกฐกระดูก (kut หรือ kuth ) ก็เลยน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเลือกเก็บคำ โกฐ ของราชบัณฑิตยสถาน อย่างไรก็แล้วแต่ คำ โกฐ นี้หมายความว่าโรคเรื้อน ส่วนคำ โกฏฐ ในภาษาบาลีแสดงว่า ลำไส้ ท้อง คำทั้ง ๒ คำนี้ ไม่น่าจะเป็นชื่อพิกัดเครื่องยาสมุนไพร ยิ่งกว่านั้น คำที่อ่านออกเสียงว่า โกด เขียนได้อีกหลายแบบ แต่ว่าก็ให้คำจำกัดความที่ต่างกัน ดังเช่น
โกส แสดงว่า ผอบ; หมายความว่าผอมมาตราวัดความยาวพอๆกับ ๕๐๐ ชั่ว
โกฏิ แปลว่า ๑๐ ล้าน
โกษ แปลว่า อัณฑะ
หีบศพแสดงว่า ที่ใส่ศพนั่ง , ที่ใส่กระดูกผี ฝัก , กระพุ้ง, คลัง คำที่ออกเสียง โกด ที่ใช้เรียกชื่อรวมทั้งพิกัดเครื่องยสมุนไพร[/url]ควรจะเขียนอย่างไรนั้น คงจะสืบสาวราวเรื่องหาสิ่งที่ทำให้เกิดคำนี้ แล้วเขียนให้ถูกต้อง ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับคำในภาษาเดิมให้มากที่สุด เพื่อให้อาจจะความหมายเดิมให้มากที่สุด น่าสังเกตว่า เรื่องยาสมุนไพรพิกัดมีทั้งผองเป็นเครื่องยาเทศหรือเครื่องยาจีน เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันว่าเป็นของดีรวมทั้งใช้กันมาในประเทศถิ่นเกิดและประเทศใกล้เคียง แล้วก็คำที่ออกเสียงเช่นนี้ในภาษาไทยไม่มีคำไหนที่สื่อความหมายเกี่ยวกับยาหรือการบำบัดรักษาเลย คำนี้จึงน่าจะเป็นคำในภาษาอื่น อาจเป็นภาษาจีนหรือภาษาแขก เนื่องจากว่าอายุรเวทซึ่งพัฒนาขึ้นในประเทศอินเดียและก็การแพทย์แผนจีนมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการแพทย์ด้านการแพทย์รวมทั้งการปรุงยาแผนหมอแผนไทยมาแต่ว่าโบราณ แต่ว่าคำที่ออกเสียงตัวสะกดแม่กดนั้นไม่มีใช้ในภาษาจีน ด้วยเหตุผลดังกล่าว คำที่ออกเสียง โกด จึงคงจะมีที่มาจากภาษาพื้นเมืองใดในอินเดียหรือเปอร์เซียในคู่มืออายุรเวทของอินเดีย มีคำ kuth หรือ kuth root เป็นชื่อเครื่องยาในภาษาถิ่นของดินแดนกัษมิระ และแบบเรียนฯว่ามีรากศัพท์มาจากคำ kusta ในภาษาอิหร่านหรือเปอร์เซีย ส่วนภาษาสันสกฤตเป็น kushta ภาษาฮินดีและเบงกาลีเป็น kut ภาษาร้ายกาจเป็น kostum หรือ goshtam แบบเรียนยาไทยเรียกเครื่องยาจำพวกนี้ว่า โกษฐ์กระดูก (costus) จึงได้ข้อยุติในชั้นต้นว่าคำ โกษฐ์ นี้น่าจะมาจากภาษาเปอร์เซีย และก็คำนี้สื่อความหมายเช่นไร
ความหมายของคำ โกษฐ์
เมื่อคำ โกษฐ์ เป็นคำในภาษาอิหร่าน ก็เลยจะต้องค้นหาความหมายของคำในภาษาอิหร่าน โดยยิ่งไปกว่านั้นคำในภาษาดังที่กล่าวผ่านมาแล้วที่ใช้กับยาบำบัดโรคในหนังสืออูนานิ (Unani) หมอโอนาไม่ภายหลังที่ได้มานะค้นหาความหมายของคำนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปี เมื่อไม่นานนี้เองจึงได้พบคำนี้ในหนังสือเก่าชื่อ หนังสือเรียนยาแห่งการแพทย์ตะวันออกของหมูแฮมดาร์ด (Hamdard Pharmacopoeia of Eastern Medicine) เรียบเรียงข้อแนะนำของที่ประชุมที่ปรึกษาทางเภสัชศาสตร์ที่แฮมดาร์ด (The Pharmaceutical Advisory Council of Hamdard) มีนาย ฮะกิม อับดุล ฮาเมด (Hakim Abdul Hamed) เป็นประธาน แล้วก็นายฮากิม โมฮัมเมด ซาอิด (Hakim Mohammed Said) เป็นบรรณาธิการ (หนังสือมิได้กำหนดปีที่พิมพ์และสถานที่พิมพ์) ในหนังสือเรียนดังที่กล่าวถึงแล้ว ๒๒๒ มียาหมวดหนึ่งเรียก kushta เขียนไว้ดังนี้
kushta is the past participle of kushtan (Persian for to kill) kushta therefore means killed or conquered In the Tibbi terminology kushta is employed for a medicine that used in small quantities and one that is immediately effective A kushta is a blend of metallic oxides , non-metals and their compounds, or minerals The ingredients are oxidized through the action of heat-a process that is rather specialized.The preparation of kushta results in the efficacy of a medicine and, after effecting its entry into the body the kushta discharges its curative role promptly and effectively.
ก็เลยสรุปได้ว่า คำนี้เป็นคำในภาษาอิหร่าน หมายความว่า ฆ่า ปราบ กำจัด ทําให้หายไป เทียบเคียงเสียงเป็น kushta แล้วก็ควรจะเทียบเป็นภาษาไทยว่า โกษฐ์ ก็เลยจะตรงกับคำในภาษาเดิมมากที่สุด แล้วก็บอกคำจำกัดความที่ไม่อาจเป็นอย่างอื่นได้ คำ โกษฐ์ นี้คงจะเข้ามาสู่แว่นแคว้นไทยพร้อมๆกับวัฒนธรรมอื่นๆของอิหร่าน รวมทั้งการแพทย์โบราณแห่งประเทศไทยคงยืมคำนี้มาใช้เรียกเครื่องยาหลายอย่าง ซึ่งแม้จะใช้เพลงปริมาณน้อย แม้กระนั้นก็ทรงพลังสำหรับในการบำบัดโรคในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
โกษฐ์ที่ใช้ในยาไทย
แพทย์แผนไทยรู้จักในเครื่องยาจีนรวมทั้งเครื่องยาเทศหลากหลายประเภทในยาไทย การแสดงให้เห็นภูมิปัญญาอันฉลาดมากปราดเปรื่องของบรรพบุรุษไทยที่รู้จักใช้ของดีๆของฝรั่งในยาไทย เครื่องยากลุ่มนี้หลายประเภทเรียก โกษฐ์ โดยจัดเป็นพิกัดตัวยาเป็น โกษฐ์ ๕ โกษฐ์ ทั้งยัง ๗ โกษฐ์  ๙ และก็โกษฐ์พิเศษ นอกจากนั้นยังมีกดอีกหลากหลายประเภทที่ไม่ได้จะเข้าเอาไว้ภายในพิกัดตัวยาเรียกโกษฐ์นอกพิกัด
ตารางที่๒ เครื่องยาในพิกัดโกษฐ์
เครื่องยา                ชื่อพฤษศาสตร์ของแหล่งที่มา วงศ์             ส่วนของพืช
โกษฐ์เชียง              Angelica sinensis (Oliv.) Diels      Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์สอ Angelica dahurica (Fisch. Ex Hoffm.)
Benth. Hook.f. ex France&Sav.  Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์หัวบัว            Ligusticum sinense Oliv. cv. Chuanxiong                Umbelliferae     เหง้าแห้ง
โกษฐ์เฉมา    Atractylodes lancea (Thunb.) DC.              Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์จุฬาลัมพา    Artemisia annua L.           Compositae        ใบและเรือนยอดที่-มีดอก
โกษฐ์ก้านพร้าว     Picrorhiza kurrooa Royle ex Benh.            Scrophulariaceae             เหง้าแห้ง
โกษฐ์กระดูก          Saussurea lappa Clarke  Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์พุงปลา         Terminalia chebula Retz.               Combretaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อนแล้วก็ใบ
โกษฐ์ชฎามังษี       Nardistachys grandiflora DC.       Valerianaceae   รากและก็เหง้าแห้ง
โกษฐ์กะกลิ้ง        Strychnos nux-vomica L.               Loganiaceae       เม็ดแก่จัดเหง้าแห้ง
โกษฐ์กรักกรา        Pistacia chinensis Bunge spp. Integerrima (Stew. Ex Brandis) Rech.f.        Anacardiaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อน
โกษฐ์น้ำเต้า           Rheum officinale Baill. หรือ R.palmatum L. หรือ R. tanguticum (Maxim.) Maxim. Ex Regel  Polyganaceae    รากและก็เหง้าแห้ง
โกฐทั้ง  ๕ (ห้าโกษฐ์)  เป็นพิกัดเครื่องยาไทยได้แก่ โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา รวมทั้งโกษฐ์จุฬาลัมพา ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาหมู่นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้โรคหืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก ชูกำลัง บำรุงเลือด และก็แก้ลมในกองธาตุ โกษฐ์ทั้งยัง ๕ นี้เป็นเครื่องยาจีนที่มีขายในประเทศไทยมาแต่ว่าโบราณ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเครื่องยาที่ใช้มากอีกทั้งในสมัยก่อนและยาไทย
โกษฐ์   ๗ (สัตตโกษฐ์)  เป็นพิกัดตัวยา ประกอบด้วยเรื่องยา ๗ จำพวก คือโกษฐ์ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา และก็โกษฐ์จุฬาลัมพา ) โกษฐ์ก้านพร้าว แล้วก็ โกษฐ์กระดูกอีก ๒ ประเภท แบบเรียนโมคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาพักนี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้โรคหืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก ชูกำลัง บำรุงเลือด แก้ลมในกองธาตุ แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบสะอึก แล้วก็บำรุงกระดูก
โกษฐ์ทั้ง  ๙ (เนาวโกษฐ์)
เป็นพิกัดตัวยา มีโกษฐ์๗ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา รวมทั้งโกษฐ์จุฬาลัมพา โกษฐ์ก้านพร้าว โกษฐ์กระดูก) กับ โกษฐ์ชฎามังษีและก็โกษฐ์ท้อง
โกษฐ์พิเศษ
มีเครื่องยา ๓ ประเภท ดังเช่น โกษฐ์กะเกลือก โกษฐ์กักกรา และโกษฐ์น้ำเต้า พิกัดโกษฐ์นี้มีคุณประโยชน์โดยรวมแก้โรคในปากในคอ ขับพยาธิ แก้พิษสัตว์กัดต่อย แก้ในกองอว่ากล่าวสาร แก้ริดสีดวงทวาร ขับลมในลำไส้ แก้หนองใน ขับเมนส์ร้าย เพื่อช่วยทำให้นักเรียนวิชาการปรุงยาแผนไทยจำชื่อโกษฐ์ทั้งปวงได้ มหากัน สิกขรชาติ ได้เขียนกลอนช่วยจำเกี่ยวกับโกษฐ์จำพวกต่างๆในพิกัดยาไทยเรียงเป็นลำดับดังนี้
เชียงสอขอหัวบัว เขมาเลวทรามลักจุฬา
ก้านพร้าวเผากระดูก พุงปลาปลูกภายในชฎา
กะกลิ้งแล้วก็กรักกรา โกษฐ์น้ําเต้าตามที่มา
โกษฐ์เชียง
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica sinensis (Oliv.) Diels ตระกูล Umbelliferae คำว่า เชียง แปลได้หลายอย่าง อย่างเช่น มีความหมายว่าผู้ที่มาจากเมือง หรือเมือง (ที่อยู่ริมน้ำ) ก็ได้ แต่ในที่นี้หมายความว่า (มาจาก) ที่สูง มีชื่อพ้อง Angelica polymorpha Maxim. var. sinensis Oliv.จีนเรียกเครื่องยานี้ว่า ตังกุย มีชื่อสามัญว่า Chinese angelica พืชที่ให้โกษฐ์เชียงเป็นไม้ล้มลุกอายุยาวนานหลายปีสูง ๔๐-๑๐๐ เซนติเมตร ร่างอวบครึ้ม ทรงกระบอก แยกเป็นรากกิ่งก้านสาขาหลายราก มีกลิ่นหอมหวนแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง สีเขียวอมม่วง ใบหยักลึกแบบขนนกสามชั้น รูปไข่ (ตามแนวเส้นรอบนอก) ขนาดกว้าง ๒๕ ซม. ยาว ๓๐ ซม. แฉกใบมีก้านเห็นได้ชัดเจน
รูปไข่ถึงรูปใบหอก ปนรูปไข่ กว้าง ๐.๘-๒.๕ ซม. ยาว ๒-๒.๓ เซนติเมตร ขอบหยักฟันเลื่อยแบบไม่สม่ำเสมอ มักแยกเป็นแฉกย่อย ๒-๓ แฉก แผ่นใบเรียบ (นอกจากบริเวณเส้นใบ) ก้านใบยาว ๕-๒๐ ซม. โคนแผ่นเป็นกาบแคบๆสีอมม่วง ดอกออกเป็นช่อซี่ร่ม ออกตามปลายกิ่งหรือออกด้านข้างตามซอกใบ ก้านช่อยาว ๘-๑๐ ซม. ใบแต่งแต้มมี ๐-๒ ใบ รูปแถบ มีช่อซี่ร่มย่อยขนาดแตกต่างกัน ๑๐-๓๐ ช่อ ใบประดับย่อยมี ๒-๔ ใบ รูปแถบ ยาวได้ถึง ๕ มม. ช่อซี่ร่มมีดอกย่อยสีขาว (บางครั้งบางคราวสีแดงอมม่วง) ๑๓-๓๕ ดอก กลีบเลี้ยงฝ่อ รูปไข่กลับ ปลายเว้าตื้น ฐานก้านเกสรเพศเมียกลมแบน ขอบแผลเป็นปีกยื่นออก ผลได้ผลสำเร็จแบบผักชี ด้านล่างแบนข้าง รูปขอบขนานปนรูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๓-๔ มิลลิเมคร ยาว ๔-๖ มิลลิเมตร สันด้านล่างดกแคบ ข้างๆมีปีกบาง กว้างราวความกว้างของผล มีท่อน้ำมัน ๑ ท่อต่อ ๑ ร่อง แต่ว่ามี ๒ ท่อตรงแนวเชื่อม พืชจำพวกนี้มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในป่าดิบ ตามเทือกเขาสูงทางภาคกึ่งกลางของจีน เป็นรอบๆเขตกานซู หูเปย์ ซานซี ซื่อเชิญชวน (เสฉวน) และหยุนดกน (ยูนนาน) เจอขึ้นในที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๒๕๐๐-๓๐๐๐ เมตร มีดอกในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ได้ผลในก.ค.ถึงกันคุณยายน พืชจำพวกนี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์เป็นพืชพืชปลูกลงในจีนมานานนับพันปีแล้ว ปัจจุบันปลูกเป็นพืชอาสินในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี และก็เวียดนาม
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้ง รูปแบบทรงกระบอก ปลายแยกเป็นกิ้งก้าน ๓-๕ กิ่งก้านสาขา หรือมากกว่า ยาว ๑๕-๒๕ ซม. เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงสีน้ำตาล มีรอยย่นตามแนวยาว รอยช่องอากาศตามแนวขวาง ผิวไม่เรียบ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕-๔ ซม. มีแอนนูลัส ปลายมนและก็กลม มีร่องรอยส่วนโคนต้นและจากใบสีม่วงหรือสีเขียวอมเหลือง รากกิ่งก้านสาขา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุด ๐.๓-๑ เซนติเมตร ตอนบนครึ้มตอนล่างเรียวเล็ก โดยมากบิด มีแผลที่เกิดขึ้นมาจากรากฝอย เนื้อเหนียว รอยหักสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกรากดก มีร่องแลกจุดจำนวนไม่ใช่น้อย ส่วนเนื้อรากสีจางกว่า มีวงแคมเบียมสีน้ำตาลอมเหลือง มีกลิ่นหอมแรง รสหวาน ฉุน แล้วก็ขมนิดหน่อย
คนจีนนิยมใช้ โกษฐ์เชียง เป็นเครื่องยาในยาขนาดต่างๆมากมาย เป็นรองก็แม้กระนั้นชะเอม (licorice) เท่านั้น จีนใช้ขวดเชียงต่างกันเป็น รากหลักที่จีนเรียก (ตัง) กุยเท้า (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากกิ่งก้านสาขาน้ำจีนเรียก (ตัง) กุยบ๊วย (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาขับเมนส์ หมอแผนจีนใช้เครื่องยาชนิดนี้ในยาเกี่ยวกับโรคเฉพาะสตรี อาทิเช่น ยาขับรอบเดือน ยาโรคตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ เกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกชนิด แก้หวัด แก้ท้องอืด ท้องอืดท้องเฟ้อ ตกมูกเลือด ขนาดที่ใช้เป็น ๓-๙ กรัม สตรีจีนนิยมใช้โกษฐ์เชียงเป็นยากระตุ้น ของลับ เพื่อให้ปฏิบัติผัวเจริญรวมทั้งเมื่อมีให้มีลูกดก โกษฐ์เชียงที่ขายตามร้านขายยาเครื่องยาสมุนไพรมักเป็น(ตัง) กุยบ๊วย ตำราเรียนสมบูรณ์ยาโบราณว่าโกษฐ์เชียงมีกลิ่นหอมหวน รสหวานขม แก้ไข้ แก้สะอึก แก้เสียดแทงสองราวข้าง โกษฐ์นี้เป็นโกษฐ์ประเภทหนึ่งในพิกัดโกษฐ์ทั้งยัง ๕ โกษฐ์อีกทั้ง ๗ และโกษฐ์ ๙ โกษฐ์เชียงน้ำมันระเหยง่ายอยู่ราวร้อยละ ๐.๑-๐.๓ ในน้ำมันระเหยง่ายมีสารเชฟโรล (safrole) สารไอโซเซฟโรล (isosafrole) สารคาร์วาครอล (carvacrol) ฯลฯ นอกเหนือจากน้ำมันระเหยง่ายแล้วยังมีสารอื่นๆอีกหลายแบบ ดังเช่น สาร ไลกัสติไลค์ (ligustilide) กรดเฟรูลิก (ferulic acid) กรด เอ็น-วาเลอโรฟีโนน-โอ-คาร์บอกสิลิก(n-valerophenone-O-carboxylic acid)
โกษฐ์สอ
เป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica dahurica (Fisch ex Hoffm.) Benth & Hook.f. ex Franch , Sav. ในตระกูล Umbelliferaeมีชื่อพ้องหลายชื่อ ดังเช่นว่า Callisace dahurica Franch & Sav., Angelica macrocarpa H.Wolff, Angelica porphyrocaulis Nakai &Kitag.,Angelica tschiliensis H.Wolff คำ สอ เป็นภาษาเขมรหมายความว่าขาว หนังสือเรียนโบราณลางเล่มเรียกเครื่องยานี้ว่า โกษฐ์สอจีน จีนเรียก ป๋ายจื่อ (สำเนียงแมนดาริน) เปะจี้ (สำเนียงแต้จิ๋ว) มีชื่อสามัญว่า Dahurain angelica พืชที่ให้โกษฐ์สอเป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปี สูง ๑.-๒.๕๐ เมตร รากเจ้าเนื้อใหญ่ เนื้อแข็ง รูปกรวยยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓-๕ ซม. บางทีอาจยาวได้ถึง ๓๐ เซนติเมตร หรือมากกว่า อาจแยกกิ้งก้านตรงปลาย มีกลิ่นหอมยวนใจแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งชัน เจ้าเนื้อสั้น โคนต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒-๕ ซม. (หรือมากกว่า) มีสีม่วงแต้มนิดหน่อย ใบเป็นใบประกอบแบบขน หรือหยักลึกแบบขน ๓ ชั้น แผ่นใบรูปไข่ปนสามเหลี่ยม (ตามแนวเส้นรอบนอก) กว้างถึง ๔๐ เซนติเมตร ยาวถึง ๕๐ ซม. แฉกใบไม่มีก้าน รูปรีแคบถึงรูปใบหอกปนรูปขอบขนาน กว้าง ๑-๔ เซนติเมตร ยาว ๔-๑๐ ซม. ปลายแหลม โคนเป็นครีบน้อย ขอบหยักฟันเลื่อยห่างๆก้านใบยาว โคนแผ่เป็นปีก ใบด้านบนรถรูปเหลือแค่กาบที่เกือบจะไม่มีแผ่นใบ ดอกเป็นดอกช่อซี่ร่มย่อยขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐-๓๐ ซม. สีขาว ใบแต่งแต้มมี ๐-๒ ใบ เหมือนกาบ ป่องออกห่อช่อดอกเมื่อยังอ่อนอยู่ มีซี่ร่มย่อย ๑๘-๔๐ (หรือบางครั้งบางคราวถึง ๗๐) มีขนสั้นๆใบตกแต่งย่อยมี ๑๔- ๑๖ ใบ รูปใบหอกแกมรูปแถบ ยาวแทบเท่าดอกย่อย กลีบเลี้ยงฝ่อ กลี



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ