ดูไบ มหานครแห่งความมั่งคั่ง ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ดูไบ มหานครแห่งความมั่งคั่ง ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก  (อ่าน 51 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ittipan1989
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25925


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2017, 06:54:11 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

aaakg5577ia7ggg96be8b-.jpg
ตอนที่ระบบการคลังของโลกกำลังถูกเขย่าอย่างแรง โดยมีจุดเริ่มแรกจากปัญหาซับไพร์มของประเทศสหรัฐอเมริกาแพร่กระจายไปสู่ยุโรป ส่งผลให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายที่ล้มครืน แต่ทว่าศูนย์กลางการคลังที่ใหม่กำลังก่อเกิดขึ้นที่นี่…”ทัวร์ดูไบ
ดูไบเป็นหนึ่งใน 7 เมือง ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates: UAE) ในตะวันออกกลางที่ร่วมกันจัดตั้งเป็นประเทศ เมื่อปี 2514 โดยมีกรุงอาบูดาบีเป็นเมืองหลวง
ยูเออีมีทรัพยากรน้ำมันจนทำให้แปลงเป็นประเทศร่ำรวยแล้วก็มั่งคั่ง แล้วก็เงินจำนวนเป็นอย่างมากนำไปลงทุนในธุรกิจอเมริกาและก็ยุโรปเป็นส่วนใหญ่ในอดีตก่อนหน้านี้
แม้กระนั้นเมื่อเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 เกิดเหตุก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ณ อาคารเวิลด์เทรด นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ทำให้อเมริกา สร้างเงื่อนไขกฎข้อปฏิบัติเข้า-ออกประเทศค่อนข้างจะเข้มงวดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของผู้คนจากประเทศตะวันออกกลางรวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ก็เลยทำให้ยูเออีจำต้องทวนแผนการลงทุนใหม่ โดยใช้ประเทศให้เปลี่ยนเป็นศูนย์กลางการค้าเสรีที่ใหม่
แม้กระนั้นดูเหมือนกับว่าเมืองที่ขะมักเขม้นเร่งพัฒนาให้ไปสู่วัตถุประสงค์จะมีอยู่ 2 รัฐหมายถึงอาบูดาบี และก็ดูไบ
โดยยิ่งไปกว่านั้นดูไบ ซึ่งตระหนักดีว่าเป็นรัฐที่มีน้ำมันเพียงแค่ 3% แค่นั้นเมื่อเทียบ กับเมืองหลวงอาบูดาบีที่มีน้ำมันกว่า 90% รวมทั้งมีใช้อีกถึง 100 ปี
aaakg5577ia7ggg96be8b-
แม้ว่าดูไบจะเป็นหนึ่งในเจ็ดรัฐของสหรัฐอาหรับฯ มีวุฒิสภาสุดเป็นผู้ดูแลโดยภาพรวมทั้งปวง แต่ทว่าแต่ละรัฐมีระบบการปกครองแคว้นของตนทำให้จำต้องแข่งขันคุ้นเคยอยู่ในที
ด้วยข้อกำหนดของดูไบที่มีทรัพยากร น้ำมันไม่มาก ได้หยุดเจาะน้ำมันตั้งแต่ปี 2506 แล้วก็พึ่งพาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวรวมทั้งสันทนาการที่สร้างรายได้คิดเป็นจำนวนร้อยละ 74 ของผลผลิตมวลรวมประเทศชาติในปัจจุบัน
เหตุการณ์ที่คาดคั้นให้ดูไบจำเป็นต้องเปลี่ยนแล้วก็พลิกผืนทะเลทรายให้เป็นเมืองที่อนาคต เมืองแห่งการค้าเสรีจึงเริ่มต้น โดยมีเชค โมฮัมเมด บิน ราชิด อัล มัคทูม (H.H Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดีแล้วก็นายกฯของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐดูไบเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
aaakg5577ia7ggg96be8b-
ดูไบเริ่มก่อตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า ศูนย์การเงินนานาประเทศดูไบ (Dubai Inter-national Financial Centre: DIFC) เมื่อปี 2545 รวมทั้งริเริ่มตั้งขึ้นตลาดค้าหุ้นนานาชาติดูไบ (Dubai International Financial Exchange: DIFX) เมื่อปี 2548 ดูไบไม่ได้คาดหวังเป็นศูนย์กลางการเงินเฉพาะในพื้นที่ตะวันออกกลางเพียงแค่นั้น แต่สิ่งที่ดูไบต้องการจะเป็นเป็นเป็นศูนย์กลาง การคลังที่เชื่อมโยงระดับภูมิภาคเข้าไว้ร่วมกัน เช่น ยุโรปตะวันตก แอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง รวมทั้งเอเชียทิศตะวันออก
เนื่องแต่ที่ตั้งภูมิศาสตร์ของยูเออีที่อยู่ตรงกลางทำให้สามารถครอบคลุมการให้บริการทางการเงิน 42 ประเทศ และปริมาณราษฎร 2.2 พันล้านคน
นัยสำคัญการเป็นศูนย์กลางการเงิน ของดูไบนั้นไม่ได้อยากสะดุดตาอยู่เพียงแค่คนเดียว แต่ดูไบอยากได้เป็นตัวเชื่อมระหว่าง ภูมิภาคที่หายไป เพราะศูนย์กลางการเงินทั่วทั้งโลกที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆมีให้เห็น 5 ที่คือ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ลอนดอน อังกฤษ แฟรงคŒเฟิร์ต เยอรมนี ฮ่องกง รวมทั้งสิงคโปร์
ดูไบได้อาศัยช่องว่างศูนย์การคลังโดยอาศัยหลักของภูมิศาสตร์ที่เริ่มจากแฟรงค์เฟิร์ตจนไปถึงสิงคโปร์ยังไม่มีศูนย์กลางการคลังนานาชาติ ก็เลยเป็นโอกาส ของดูไบที่อยากปิดช่องว่างดังที่กล่าวมาข้างต้น
ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของยูเออีจึงอยู่ตรงกลางของ 4 ภูมิภาค ทำให้การเดินทางย่อย่นเหลือราว 6 ชั่วโมงจากประเทศ ต่างๆไปดูไบ ยิ่งทำให้รัฐแห่งนี้โดนจับตามองมากขึ้น
 DIFC แล้วก็ DIFX ถูกตั้งมาเพื่อสร้างระบบการคลังสากล ระบุข้อบังคับนานาประเทศ มีผู้กำกับดูแลที่โปร่งใส ซึ่งกฎข้อปฏิบัติส่วนใหญ่จะลอกเลียนแบบมาจากอังกฤษและก็ยุโรป ด้วยการรวมระเบียบที่เป็นคุณลักษณะเด่นของหลักสากลมากำหนดเป็นมาตรฐาน
aaakg5577ia7ggg96be8b-
เว้นแต่ข้อบังคับที่ดูไบอ้างถึงว่าเป็นระดับมาตรฐานสากลแล้ว ดูไบมีนโยบายภาษี กระตุ้นให้บริษัทต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในดูไบ เป็นต้นว่า ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีผลกำไร ของบริษัทซึ่งมีระยะเวลาถึง 50 ปี แล้วก็ดูไบ เป็นเมืองแรกที่ให้นักธุรกิจมีหุ้นส่วนได้ 100% สอดรับกับแผนการของดูไบที่ต้องการให้เป็นเมืองที่การค้าเสรี
ปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหุ้น 720 ที่ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งด้วยเหตุว่าบริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจในดูไบมี 6,000 ที่จาก 110 ประเทศทั่วทั้งโลก
แม้ว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้าน ภาษีมากไม่น้อยเลยทีเดียว แม้กระนั้นเป็นสิทธิประโยชน์ที่มีเงื่อนไขเพราะว่านักลงทุนจะต้องลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นพื้นที่ที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น
แม้มองดูในเชิงรายได้ความเป็นศูนย์กลางการเงิน ดูไบจะได้ประโยชน์จาก การทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียมที่เงินไหลเข้าออกตลอดระยะเวลา ซึ่งดังสิงคโปร์ที่ให้บริการทางการเงินมากกว่าธุรกิจที่จำต้องลงทุนจริง (real sector) ทัวร์ดูไบ
วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลกเวลานี้กำลังท้าทายความรู้ความเข้าใจของดูไบว่า จะยืนหยัดเพื่อเป็นฮับทางด้านการเงินได้หรือเปล่า แม้ว่าดูไบแล้วก็สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยังมั่นใจถึงสภาพคล่องทางด้านการเงินที่มีอยู่ บอกว่าได้รับผลพวงเพียงเล็กน้อยจากวิกฤติการคลังในครั้งนี้ด้วยเหตุว่าธุรกิจน้ำมันยัง ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของยูเออีให้โตอย่างสม่ำเสมอ ยังสามารถยืนยันถึงความยั่งยืน จากสภาพเศรษฐกิจเมื่อปี 2550 ก่อนหน้านี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 1.926 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้บุคคล 42,934 ดอลลาร์สหรัฐ และก็อัตราการก้าวหน้า เติบโตของจีดีพี 7.4% โดยก่อนหน้านี้มีอัตรา การเติบโตของจีดีพีถึง 13% สม่ำเสมอเป็นระยะเวลา 5 ปี (2543-2548)
ถึงแม้ว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจของดูไบ เติบโตในเชิงรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเจริญเติบโตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด ในโลกในขณะนี้ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการเสนอคำถาม ว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดูไบจะเกิดฟองสบู่แตกหรือไม่

Tags : ทัวร์ดูไบ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ