Advertisement
ขัณฑสก[/b]
ขัณฑสกร ใช้เป็นน้ำกระสายยาและเครื่องยา เนื่องจาก มีรสหวานมีกลิ่นหอมหวน ใช้ละลายยาเพื่อกินง่ายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีรสชาติน่ากินขึ้น สรรพากรที่ใช้ในยาไทยนั้น เป็นของที่ได้จากธรรมชาติ แบบเรียนโบราณโดยมากบันทึกเสียงที่มาไว้ไม่เหมือนกัน รวมทั้งว่าขัณฑสกรที่ได้จากแหล่งไม่เหมือนกันนั้นจะมีคุณประโยชน์ไม่เหมือนกันไปด้วย ดังต่อไปนี้
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ[/b]
๑.ขัณฑสกร ที่ได้จากหยดค้าง เป็นน้ำค้างในฤดูหนาว(หน้าหนาว) ที่ตกลงบนใบของพืชประเภทหนึ่งที่แบบเรียนเรียก ต้นขัณฑสกร หนังสือเรียนโบราณพูดว่า พืชนี้เจอในอินเดียและก็มาเลเซียตอนนี้ยังไม่รู้จักว่าเป็นพืชจำพวกใดแต่ว่ามั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นพืชประเภทใดโดยเฉพาะ อาจเป็นพืชหลายหลายชนิดซึ่งมีดอกที่มีน้ำหวานมาก ผู้เก็บจะออกไปเก็บน้ำค้างหรือน้ำฝนที่ชะหรือละลายน้ำหวานแล้วตกอยู่บนใบไม้ตั้งแต่ตอนเวลาเช้าตรู่เก็บใส่กระบอกไม้ไผ่ แล้วค่อยนำไปห้อยทิ้งไว้ จนกระทั่งน้ำหวานน้ำตกผลึกและแห้ง จะได้ขัณฑสกรที่เป็นสีขาวนวลหรือสีขาวอมเหลืองขัณฑสกรที่ได้โดยแนวทางนี้ น่าจะเป็นของส่วนผสมระหว่างฟรักโทส (fructose) หรือน้ำตาลผลไม้ ซูโครส(sucrose) หรือน้ำตาลอ้อย และ กลูโคส (dextrose) หรือน้ำตาลองุ่น หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่าจะมีรสหวานจนขม มีคุณประโยชน์ชูกำลัง ทำให้ปัสสาวะช่อง ทำให้ฉี่คล่อง แก้เสมหะจุกลำคอ ทำให้เปียกแฉะคอ แก้อยากดื่มน้ำ
๒.ขัณฑสกร ที่ได้จากน้ำอ้อย ได้จากการนำน้ำอ้อยมาอุ่นที่อุณหภูมิต่ำๆกระทั่งงวด แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง จะได้เกร็ดสีขาวอมเขียว เกร็ดนี้มีส่วนประกอบหลักเป็นผลึกของน้ำตาลอ้อย แต่ถ้าหากนำน้ำอ้อยไปตกตะกอนโปรตีนออกก่อน ฟอกสีให้ขาว แล้วกลายเป็นผลึกจะได้น้ำตาลทรายที่ใช้แต่งรส ที่รู้จักกันทั่วไป แบบเรียนโบราณว่าขัณฑสกรที่ได้จากน้ำอ้อยนี้มีคุณประโยชน์ บำรุงธาตุ รวมทั้งแก้ฝี ซูบผอมเหลือง
๓.ขัณฑสกร ที่ได้จากน้ำผึ้งรวงที่เกิดริมทะเล ว่ากันว่าน้ำผึ้งรวง (น้ำผึ้งที่บีบจากรังผึ้งในธรรมชาติ ไม่ใช่ในรวงผึ้งเลี้ยง) ที่เกิดริมหาดนั้น เมื่อเอามาอุ่นด้วยไฟอ่อนๆสนงวดลงบ้าง แล้วก็ตั้งทิ้งเอาไว้ จะมีเกร็ดขัณฑสกรมากยิ่งกว่าน้ำผึ้งรวง ที่เกิดตามชายเขา ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ขัณฑสกรที่ได้ด้วยแนวทางนี้มีคุณประโยชน์แก้นิ่ว แก้โรคท้องมาน แก้สะอึก แก้ไข้เซื่องซึม แก้จุกเสียด แก้ผื่นคัน แก้คอแห้งผาก
๔. ขันทศกร ที่ได้จากเกสรบัวหลวง พบบ่อยบนใบบัวหลวง หลังฝนตกโดยน้ำฝนจะจะเอาน้ำหวานจากดอกบัวหลวง แล้วขังไว้บนใบบัว เมื่อแดดออก น้ำระเหยไป จะเกล็ด สีขาวนวลหรือสีขาวอมเหลืองเกล็ดดังที่กล่าวมาแล้ว ก็น่าจะเป็นของผสมระหว่าง น้ำตาลผลไม้ น้ำตาลอ้อย รวมทั้ง องุ่น น้ำตาลองุ่น เหมือนกับขัณฑสกรที่ได้จากหยดน้ำค้าง ก็เลยมีคุณประโยชน์เสมอกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวขัณฑสกรหรือที่บางแบบเรียนเรียกว่า น้ำตาลกรวด นี้ ในทางเคมีก็เลยเป็นของผสม ของน้ำตาลละลายจำพวกสุดแต่ต้นตอ อาจมีทั้งที่เป็นมอโนแซ็กคาไรด์ อย่างเช่นน้ำตาลผลไม้ น้ำตาลองุ่น แล้วก็ ไดแซ็กคาไรด์ ดังเช่นว่าน้ำตาลอ้อย ในขณะนี้ขัณฑสกรที่หาซื้อได้ จากร้านค้าขายเครื่องยาไทย มักไม่ใช่ขัณฑสกรที่ได้จากธรรมชาติ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น บางร้านค้าเอาเกร็ดน้ำตาลอ้อย ที่ได้จากการเอาน้ำตาลมาต้มกับน้ำแล้วเที่ยวกระทั่งงวด มาขายเป็นขัณฑสกร แต่ร้านค้าโดยมากมักเอาสารสังเคราะห์ที่เรียก แซ็กคารินหรือดีน้ำตาล มาขายเป็นขัณฑสกร ซึ่งไม่ควรใช้ในการทำยาไทยด้วยเหตุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ในตำราพระยาพระนารายณ์เจาะจง ให้ใช้ขัณฑสกรเป็นน้ำกระสายยาในยามี่ใช้แก้ เตโชธาตุ ธาตุไฟ พิการ ขนานที่ ๑ แล้วก็ ๗ดังเช่นตอนที่๗ดังนี้ ถ้ามีถอย ให้เอาผลชะพลู ผล
สมอไท[/b] ผลจิงจ้อหลวง
[url=http://www.disthai.com/16488300/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87]รากเจตมูลเพลิงเเด[/b]
[url=http://www.disthai.com/16488243/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1]ผลมะขามป้อ[/b] ว่านเปราะป่า รากไคร้ต้น รากไคร้เครือ
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A1/]ชะเ รากกะเบา เท่าเทียมกันทำเป็นจุล ละลายขันทศมือ กินตามควรจะ แก้ธาตุไฟให้โทษแลฯ ละลายขันทศกร กินตามควรนั้นแสดงว่าเมื่อจะกินยานี้ให้เอาขัณฑสกรมาละลายน้ำสุกหรือน้ำฝนหรือน้ำที่สะอาดก่อนแล้วจึงเอาน้ำที่ได้นั้นไปละลายยารับประทาน คำ
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%A3/]ขัณฑสกร ที่ใช้ในที่ใช้กันในตอนนี้ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ. ศ. ๒๕๒๕ ในแบบเรียนพระโอสถพระนารายณ์เขียนเป็น ขันทศมือ คำนี้มาจาก คำ ขัณฑ แสดงว่าก้อน แล้วก็ ศแขน (อ่านว่า สะ-กะ-ระ มาจากคำสันสกฤต shakara ซึ่งเป็นที่มาของคำ sugar ในภาษาอังกฤษ) แปลว่า น้ำตาล บางตำราเรียนจึงเรียกว่าขัณฑสกรว่า “น้ำตาลกรวด” มักมี ผู้หลงผิดว่าขัณฑสกรเป็นแซ็กคารินหรือดีน้ำตาล มันเป็นสารสังเคราะห์ที่มีชื่อทางเคมีว่า 2,3-dihydro-3-oxobenzisosulfonazole เคยใช้ปรุงแต่งรสหวานแต่ว่าตอนนี้ใช้ลดลงมากเนื่องจากว่าหรือเกือบจะไม่ใช้ก็แล้ว
