สัตววัตถุ จระเข้

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ จระเข้  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 09, 2017, 06:42:49 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ไอ้เข[/b]
ตะไข้เป็นสัตว์คลานขนาดใหญ่ มีสามีหนังแข็งเป็นเกล็ด ปากยาว ปลายปากนูนสูงขึ้นเป็นช่องเปิดของรูจมูก หางเป็นเหลี่ยม แบน ยาว ใช้โบกว่ายแล้วก็ใช้ฟาดต่างอาวุธ เหมือนปกติทำมาหากินในน้ำ จระเข้หรืออ้ายเข้ก็เรียก อีสานเรียกแข้ ปักษ์ใต้เรียกเข้ ในตำรายาโบราณมักเขียนเป็นจรเข้ เรียกใน๓ษาอังกฤษว่า crocodile
ในทางสัตวานุกรมกฎนั้น  ไอ้เข้ที่จัดอยู่ในตระกูลจระเข้ (Crocodylidae) มีทั้งปวง ๒๒ ประเภท  แบ่งออกได้เป็น ๓ สกุลย่อย เป็น
๑. สกุลย่อยไอ้เข้ (Crocodylinae) มีทั้งผอง ๑๔ ประเภท แบ่งเป็น ๓ สกุล ตะไข้ที่พบในประเทศไทยมี ๒ สกุล คืสกุลจระเข้ (Crocodylus) มีทั้งหมด ๑๒ จำพวก เจอในประเทศไทยเพียงแต่ ๒ จำพวก และสกุงตะโขง (Tomistoma) มีเพียงแค่ ๑ ประเภท
๒.ตระกูลย่อยจระเข้จีน (Alligatoriane)  มัทั้งผอง ๗ จำพวก  แบ่งแยกเป็น ๔ สกุล  ไม่พบในธรรมชาติในประเทศไทย Crocodile กับ  Alligator
ตะไข้ที่จัดอยู่ในตระกูลย่อย Crocodylinae มีชื่อสามัญว่า crocodile ส่วนที่อยู่ในวงศ์ย่อย  Alligatoriane มีชื่อสามัญว่า  alligator ลักษณะโดยปกติคล้ายคลึงกันแม้กระนั้นแตกต่างที่ alligator  มีส่วนหัวกว้างกว่า  ปลายปากกลมมนกว่า  ฟันบนครอบฟันข้างล่าง  ฟันข้างล่างซี่ที่ ๔ ทั้งสองข้างขยายโตกว่าฟันซี่อื่นๆ จะไม่เห็นฟันซี่นี้เมื่อปากปิด  เพราะฟัน ๒ ซี่นี้สอดลงในรูที่ฟันข้างบน  ส่วน crocodile  มีส่วนหัวที่แหลมเรียวยาวกว่า  ฟันบนรวมทั้งฟันด้านล่างเรียงตรงกัน  ฟันซี่ที่ขยายใหญ่ขึ้นจะเฉออกมาภายนอก  แลเห็นได้หากแม้เวลาปิดปาก
๓.สกุลย่อยตะโขงอินเดีย (Gavialinaae) ซึ่งมีเพียง ๑ สกุล และมีเพียงแค่ ๑ ชนิดแค่นั้น เป็นตะโขงอินเดียGavialis gangeticus (Gmelin)  เจอตามแหล่งน้ำจืดชืดและแม่น้ำต่างๆทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย  ประเทศปากีสถาน  บังกลาเทศ  เนปาล  ภูเขาฏาน และก็พม่า  แต่ว่าไม่เจอในไทย
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร
สมัยก่อนพบตะไข้อยู่ตามป่าริมน้ำ  ลำห้วย  ลำคลอง  หนอง  บ่อน้ำ  เคยมีเป็นจำนวนมาก  จึงมีการจับตะไข้มากินเป็นของกินและก็ใช้ส่วนต่างๆของไอ้เข้มาเป็นเครื่องยาสมุนไพร  ปัจจุบันนี้เมื่อมีคนมากขึ้น  ธรรมชาติรวมทั้งสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป  ในขณะที่จำเป็นต้องจริงเป็นการใช้พื้นที่ป่าเป็นหลักที่ดินในการเลี้ยงชีพรวมทั้งที่พักอาศัย  และก็ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์  ทำให้ปริมาณจระเข้ในธรรมชาติลดน้อยลงมากจนเกือบจะสิ้นซากไปจากธรรมชาติ  อาจเจอบ้างตามแหล่งน้ำในเขตสงวนบางที่ แต่  เป็นโชคดีที่หากว่าตะไข้จวนสิ้นพันธุ์ไปจากธรรมชาติในประเทศไทยแล้ว  แม้กระนั้นนักธุรกิจของพวกเราก็บรรลุเป้าหมายสำหรับการเพาะพันธุ์ไอ้เข้  ทำให้มีปริมาณตะไข้มากขึ้นเรื่อยๆ แปลงเป็นสัตว์อาสินที่สำคัญของประเทศ   เป็นสัตว์ที่ให้หนังสำหรับทำเครื่องหนังที่ตลาดอยาก  แล้วก็ให้เครื่องยาสมุนไพรโดยที่ไม่เป็นการทำลายสัตว์ชนิดนี้ในธรรมชาติ  สร้างขึ้นจากไอ้เข้ที่เพราะพันธุ์ขึ้นมา  ไม่ว่าจะเป็นเนื้อจระเข้  ดีไอ้เข้  หรือหนังจระเข้  แปลงเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ  ที่ยั่วยวนใจนักท่องเทียวทั้งๆที่เป็นคนไทยและเป็นคนต่างประเทศให้มาเยี่ยมชมปีละเยอะๆๆ
จระเข้ในประเทศไทย
ตะไข้ที่เจอในธรรมชาติในประเทศไทยจัดอยู่ในวงศื Crocodylidae  มี ๒ สกุล รวม ๓ ชนิดหมายถึงสกุลตะไข้ (Crocodylus) มี ๒ ประเภท ยกตัวอย่างเช่น ไอ้เข้น้ำจืดหรือตะไข้บ่อน้ำ (Crocodylus siamensis Schneider)  กับตะไข้น้ำเค็มหรือจระเข้อ้ายเคี่ยม (Crocodylus porosus Schneider)  รวมทั้งสกุลตะโขง  (Tomistoma )  มี ๑ ประเภท คือ ตะโขงหรือจระเข้ปากกระทุงเหว Tomistoma  schleielii (S.  Muller)  สัตว์พวกนี้มีผัวหนังแข็งเป็นเกร็ด ปากยาว ปลายปากนูนสูงมากขึ้นเป็นช่องเปิดของรูจมูก เรียกก้อนขี้หมา  หางเป็นเหลี่ยม แบน ยาว ใช้โบกว่ายน้ำและใช้ฟาดต่างอาวุธ (เมื่ออยู่ในน้ำไอ้เข้จะฟาหางได้เมื่อขาข้างหลังถึงพื้นเท่านั้น)
๑.ตะไข้น้ำจืด
มีชื่อวิทยาศาสตร์ Crocodylus  siamensis Schneider
เป็นตะไข้ขนาดปานกลาง  ลำตัวอาจยาวได้ถึง ๓ เมตร มีลักษณะเด่นเป็นมีแถวเกร็ดนูนบนด้านหลังหอย  และมีสันเตี้ยอยู่ระหว่างตา ๒ ข้าง จระเข้ชนิดนี้พบอาศัยอยู่ตามทะเลสาบน้ำจืด  ตลอดจนในที่ราบ  หนอง บ่อน้ำ และก็แม่น้ำ  โดยยิ่งไปกว่านั้นบ่อน้ำที่แยกออกจากแม่น้ำ  รวมทั้งลำธารที่ไหลเอื่อยๆที่มีฝั่งเป็นโคลน  เคยพบได้มากที่บ่อน้ำบอระเพ็ด  แม้กระนั้นปัจจุบันนี้แทบจะไม่เจอในแหล่งธรรมชาติเลย  ตะไข้ชนิดนี้กินปลาเป็นอาหารหลัก  โตสุดกำลังเมื่ออายุ ๑๐-๑๒ ปี  สืบพันธุ์ในตอนธ.ค.ถึงมีนาคม ตัวเมียตกไข่ในม.ย.และก็พ.ค.  วางไข่ทีละ ๒๐-๔๐ ฟอง  ไข่ฟักออกเป็นตัวในราว ๖๗-๖๘ วัน
๒.ตะไข้น้ำเค็ม
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crocodylus  porosus Schneider
เป็นตะไข้ขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาไอ้เข้ที่ยังมีเชื้อสายอยู่ในปัจจุบัน  ลำตัวบางทีอาจยาวได้ถึง ๘ เมตร  รอบๆกำดันไม่เจอแถวเกร็ดนูนตัวอย่างเช่นที่พบในทะเลน้ำจืด  แล้วก็บริเวณหน้าผากมีสันซีดๆคู่หนึ่งซึ่งสอบเข้าหากัน  เริ่มตั้งแต่ตาไปสินสุดที่ปุ่มจมูก  (ก้อนขี้มา)   เพศผู้โตสุดกำลังเมื่ออารุราว ๑๖ ปี   ส่วนตัวเมียโตสุดกำลังเมื่ออายุราว  ๑๐  ปี  ตัวเมียวางไข่ทีละราวๆ  ๕๐  ฟอง  ไข่ฟักออกเป็นตัวในราว  ๘๐-๙๐  วัน
ลักษณะที่แตกต่าง ไอ้เข้น้ำจืด ตะไข้น้ำเค็ม
๑.ลำตัว ป้อมสั้น ไม่สมส่วนนัก เรียวยาว ได้ส่วนสัดกว่า
๒.ท่อนหัว รูปสามเหลี่ยมมุมป้าน โหนกที่ข้างหลังตาสูง และเป็นสันมากกว่า สามเหลี่ยมมุมแหลม  ปากยาวกว่า
๓.ลายบนตัว สีออกเทาดำ มีลายสีดำเป็นแถบ สีออกเหลืองอ่อน มีลายเป็นจุดสีดำตลอดลำตัว
๔.รอบๆท้ายทอย มีเกล็ด ๔-๕ เกล็ด มีมีเกล็ด
๕.ขาหลัง พังผืดเห็นไม่ชัด  มีพังผืดเห็นได้ชัดเหมือนขาเป็ด
๓.ตะโขง หรือ ไอ้เข้ปากนกกระทุงเหว เป็นจระเข้ชนิดที่หายากที่สุดในประเทศไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tomistoma  schlegeill (S. Muller) เป็นจระเข้ขนาดใหญ่ของไทย ลำตัวอาจยาวถึง ๕ เมตร ตัวสีน้ำตาลแดง มีลายสีน้ำตาลเข้ม ปากยาวเรียวเหมือนปากปลาเข็ม หางแบนใหญ่ ใช้ว่ายน้ำ ตะไข้ชนิดนี้พบเฉพาะทางภาคใต้ของไทย  มักอาศัยอยู่ในแม่น้ำและก็หนองน้ำจืดที่มีรอบๆติดต่อกับแม่น้ำ บางทีอาจพบได้บริเวรป่าชายเลนหรือบริเวรน้ำกร่อย มีกล่าวว่าพบตะไข้ปากกระทุงเหวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เขตรักษาชนิดสัตว์ป่าเขาบรรทัด จังหวัดพัทลุง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าพลุโต๊ะแดง จังหวักนราธิวาส แม้กระนั้นเจอเพียงที่ละ ๑-๒ ตัว ไอ้เข้ชนิดนี้รับประทานปลาแล้วก็สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังหลากหลายประเภทเป็นอาหาร โตสุดกำลังเมื่ออายุราว ๔.๕-๖ ปี ตัวเมียออกไข่ทีละราว ๒๐-๖๐ ฟอง ไข่ฟักออกเป็นตัวในราว ๗๕-๙๐ วัน  รวมทั้งฟักเป็นตัวในช่วงฤดูฝน
๔.ตะไข้พันธุ์ผสม  เป็นจระเข้ผสมรหว่างจระเข้น้ำจืดกับตะไข้น้ำทะเล คนประเทศไทยเป็นผู้สำเร็จในการผสมตะไข้ ๒ ชนิดนี้  เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อกว่า ๒๐ ปีก่อน จระเข้พันทางมีรูปร่าง สีสัน เกล็ด แล้วก็นิสัยที่ดุร้ายราวกับไอ้เข้น้ำเค็ม แม้กระนั้นมีขนาดโตกว่า (เมื่อโตเต็มที่มีขนาดยาว ๕.๕ เมตร มีน้ำหนักตัวมากยิ่งกว่า ๑,๒๐๐ กิโล) จัดเป็นไอ้เข้พันธุ์ที่มีขนาดโตที่สุดในปนะเทศไทย ตะไข้พันธุ์ผสมเริ่มตกไข่เมื่ออายุ ๑๐-๑๒ ปี ตกไข่ราวครั้งละ ๓๐-๔๐  ฟอง มากกว่าการวางไข่ของไอ้เข้น้ำทะเล ไข่มีขนาดเล็ก  เปลือกไข่บาง  อัตราฟักเป็นตัวได้ต่ำมากมาย เมื่ออายุ ๑๓-๒๐ ปีตกไข่ราวทีละ ๓๐ –๕๕  ฟอง ไข่ขนาดโตปานกลาง เปลือกไข่ดกกว่า อัตราฟักเป็นตัวได้สูง และก็เมื่ออายุ ๒๑ ปี ขึ้นไปออกไข่ครั้งละ ๓๕-๖๐ ฟอง เปลือกไข่หนามาก อัตราฟักเป็นตัวสูง
[b]สมุนไพร[/b][/i][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/cf.png" alt="" border="0" />
ชีววิทยาของไอ้เข้ไทย
นักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าไอ้เข้กำเนิดและก็มีวิวัฒนาการบนโลกมาตั้งแต่ ๒๕๐  ล้านปีก่อน  เดี๋ยวนี้มีตะไข้ในโลกนี้ราว ๒๒ ประเภท กระจายอยู่ตามแหลางน้ำต่างๆในเขตร้อนทั้งโลก  โดยยิ่งไปกว่านั้นบริเวณที่มีอุณห๓ไม่เฉลี่ยระหว่าง ๒๑-๓๕ องศา ไอ้เข้เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ในช่วงฤดูร้อนหรือในกลางวันนั้น อาศัยกลบดานอยู่ในน้ำ ในฤดูหนาวจึงออกมาตากแดด เหมือนปกติชอบนอนบนริมฝั่งน้ำที่สงบเงียบ น้ำนิ่ง ลึกไม่เกิน ๑.๕๐ เมตร เป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไวต่อความเคลื่อนไหวทางธรณีวิทยาหรือลักษณะอากาศ  ดังเช่น  ก่อนกำเนิดพายุฝนฟ้าคะนองหรือแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิด ไอ้เข้จะส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเหมือนเสียงคำรามของสิงโต  แล้วก็ตัวอื่นๆก็จะร้องรับตามกันต่อๆไป จระเข้ไทยแก่เฉลี่ยราว ๖๐-๗๐ ปี แต่โตสุดกำลังและก็สืบพันธุ์ละวางไข่ได้เมื่อแก่ราว ๑๐ ปีขึ้นไป เราสามารถแบ่งแยกตะไข้เพศผู้และก็ตะไข้ตัวเมียได้โดยการดูลักษณะด้านนอกเมื่อจระเข้มีอายุตั้งแต่ ๓ ปี ขึ้นไป ตะไข้เริ่มสืบพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว ๑๐ ปี โดยการผสมพันธุ์กันในน้ำแค่นั้น ฤดูผสมพันธุ์มักเป็นฤดูหนาว  เป็นในราวเดือนธันวาคมถึงก.พ.  เมื่อผสมพันธุ์กัน  ตัวผู้จะเกาะหลังตัวเมียรวมทั้งตวัดข้างหลังหางรัดตัวภรรยา ใช้เวลาผสมพันธุ์กันราว ๑๐-๑๕ นาที ไอ้เข้ตัวเมียตั้งท้องราว ๑ เดือน  และเริ่มตกไข่ในราวเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม  ไอ้เข้ตัวเมียจะเลือกทำเลที่เหมาะสม ปลอดภัย  แล้วก็ใกล้แหล่งน้ำ  แล้วปัดกวาดเอาใบไม้และก็หญ้ามาทำเป็นรังสูงราว ๔๐-๘๐ เซนติเมตร กว้างได้ตั้งแต่ ๑-๒๐ เมตร  สำหรับออกไข่  แล้วหลังจากนั้นจึงขุดหลุมตรงกลางแล้วออกไข่ โดยใช้เวลาออกไข่ ๒๐-๓๐ นาที เมื่อวางไข่เสร็จจึงกลบให้แน่น ไข่จระเข้มีลักษณะโตกว่าไข่เป็ดบางส่วน  แม้กระนั้นเล็กกว่าไข่ห่าน ตะไข้ตัวเมียวางไข่คราวละ ๓๕-๔๐ ฟอง ระยะฟักตัวของไข่ไอ้เข้แต่ละชนิดก็ไม่เท่ากัน เมื่อถึงกำหนดช่วงเวลาฟักไข่  ลูกจระเข้จะร้องออกจากไข่  เมื่อตัวหนึ่งร้องตัวอื่นๆก็ร้องรับต่อๆกันไป  เมื่อแม่ไอ้เข้ได้ยินเสียงลูกร้อง  ก็จะขุดค้นไปในรังจนกระทั่งไข่ ลูกตะไข้ใช้ปลายปากที่มีติ่งแหลมเจาะไข่ออกมา  ตัวที่ไม่สามารถที่จะเจาะเปลือกไข่ได้ แม่ไอ้เข้จะคาบไข่ไว้ในปากและขบให้เปลือกแตกออก ลูกตะไข้ทารกมีขนยาว ราว  ๒๕-๓0  เซนติเมตร   มีน้ำหนักตัวราว  ๒00-๓00  กรัม มีฟันแหลมและก็ใช้กัดได้แล้ว แล้วก็มีไข่แดงอยู่ในท้องสำหรับเป็นของกินได้อีกราว ๑0  วัน เมื่ออาหารหมดรวมทั้งตะไข้เริ่มหิว  ก็จะหาอาหารกินเอง ไอ้เข้มีระบบระเบียบย่อยอาหารที่ดีเลิศ สามารถย่อยกระดูกสัตว์ต่างๆได้ ไอ้เข้เมื่อโตเต็มกำลังมีฟัน ๖๕  ซี่ ฟันล่าง ๓0 ซี่  เมื่อฟันหักไปก็มีฟันใหม่ผลิออกขึ้นมาแทนที่ในช่วงเวลาไม่นาน ฟันจระเข้เป็นกรวยทับกันเป็นชุดๆอยู่ข้างในเหงือก ๓ ชุด จระเข้มีลิ้นใกล้กับพื้นปาก เมื่อจระเข้อ้าปากจะมองเห็นเป็นจุดเล็กๆสีดำๆปรากฏอยู่ทั่วไปที่พื้นปากข้างล่าง   รอบๆนั้นเป็นจุดที่จระเข้ใช้บอกไม่เหมือนกันของรสชาติอาหารที่กินเข้าไป ส่วนลึกในช่องปากมีลิ้นเปิดปิดเพื่อปกป้องน้ำเข้ากันเมื่อไอ้เข้อยู่ในน้ำ จมูกจระเข้อยู่ส่วนโค้งของปลายด้านบนของจะงอยปาก มีลักษณะเป็นปุ่มรูปวงกลม มีรูจมูก ๒ รู ปิดเปิดได้  เวลาดำน้ำจะปิดสนิทเพื่อป้องกันน้ำเข้าจมูก จระเข้หายใจรวมทั้งดมกลิ่นด้วยจมูก ในช่องปากมีกระเปาะเป็นโพรงอยู่ด้านใน ใช้สำหรับรับกลิ่น
ไอ้เข้มี ๔  ขา แม้กระนั้นขาสั้น ดูไม่สมดุลกับลำตัว ขาหน้ามีนิ้วข้างละ ๕ นิ้ว ขาหลังมีนิ้วข้างละ  ๔  นิ้ว จระเข้ไม่สามารถคลานไปไหนได้ไกลๆแต่ในระยะสั้นๆทำได้เร็วเท่าคนวิ่ง เมื่อจำเป็น ไอ้เข้สามารถคลานลงน้ำรวมทั้งว่ายได้ อย่างเงียบสนิท  เวลาจับเหยื่อในน้ำ ตะไข้จะเคลื่อนเข้าหาเหยื่ออย่างช้าๆ เสมือนขอนไม้ลอยน้ำมา พอได้โอกาสและระยะทางพอสมควรก็จะพุ่งเข้าใส่เหยื่ออย่างรวดเร็ว พร้อมอ้าปากงับเหยื่อได้อย่างเที่ยงตรง เมื่องับเหยื่อไว้ได้แล้ว ก็จะบิดหมุนควงเหยื่อเหยื่อตายสนิทแล้วจึงค่อยรับประทาน   ฟันไอ้เข้มีไว้สำหรับจับเหยื่อรวมทั้งฉีกเหยื่อเป็นชิ้นๆแล้วกลืนลงไป มิได้มีไว้สำหรับเคี้ยวของกิน
จระเข้สามารถลอยน้ำได้โดยการสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพยุงตัวให้ลอยน้ำได้โดยการใช้ขาพุ้ยน้ำและหางโบก แต่ว่าสำหรับเพื่อการพุ่งตัวแล้วก็ว่ายด้วยความรวดเร็วนั้น   ตะไข้ใช้เพียงแค่หางอันมีพลังโบก ไปๆมาๆอย่างเร็วเพื่อให้ตัวพุ่งไปด้านหน้า จระเข้มีความรู้และความเข้าใจสำหรับเพื่อการเห็นที่ดีและก็ไวมากมาย สามารถมองภาพได้  ๑๘0  องศา ทั้งยังสามารถเห็นวัตถุที่มาจากเหนือหัวได้ สายตาของตะไข้มีความไวแล้วก็เร็วพอที่จะประสานกับนกที่บินผ่านไป จระเข้ยังลืมตาแล้วก็แลเห็นในน้ำได้  เมื่อตะไข้มุดน้ำจะมีม่านตาบางใสมาปิดตาเพื่อปกป้องการเคืองตา จระเข้ยังมีหูที่รับเสียงได้ดิบได้ดี หูตะไข้เป็นร่องอยู่ข้างนัยน์ตาจระเข้ ๒ ข้าง นอกจากนี้ตะไข้ยังรับรู้อันตรายที่จะมาถึงได้ด้วยผิวหนัง ที่สามารถรับความรู้สึกจากการสั่นสะเทือนของพื้นดินหรือท้องน้ำได้ ในธรรม



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ