สัตววัตถุ มดเเดง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ มดเเดง  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ณเดช2499
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2017, 01:21:46 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[b]สมุนไพร[/b][/u][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87.jpg" alt="" border="0" />
มดแด[/b]
มดแดงเป็นมด มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในตระกูล Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญเป็น  บริเวณส่วนท้องคอดกิ่วในช่วงเวลาที่ตืดกับอกทางข้างหลังของส่วนท้องข้อที่ ๑  หรือในมดบางชนิดศูนย์รวมไปถึงข้อที่  มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงมากขึ้น โหนกนี้อาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้มดไม่เหมือนกันกับกรุ๊ปแมลงที่ดูคล้ายคลึงกัน  อย่างเช่น  พวกต่อรวมทั้งแตน หรือไม่เหมือนกันกับปลวกที่คนทั่วไปมักงงกัน โดยมองเห็นมดกับปลวกเหมือนกันไปหมด เว้นเสียแต่ไม่เสมือนมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย แบบนี้เพราะปล้องแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกรุ๊ปเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยการทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีจำพวกใดอยู่โดดเดี่ยว ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ แล้วก็เพศแตกต่างกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง ตัวผู้เป็นบิดารัง และมดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติภารกิจสร้างรัง เลี้ยงรัง รวมทั้งเฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะแตกต่างออกไปอีก
เช่น มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็บางทีอาจปฏิบัติภารกิจทำรังและก็เลี้ยงรัง พวกนี้มีร่างกายขนาดปรกติ หัว อก แล้วก็ท้องได้สัดส่วนกัน แต่ว่าในเวลาเดียวกันอาจเจอมดงานซึ่งปฏิบัติภารกิจเฝ้ารัง มดเหล่านี้เว้นเสียแต่ตัวใหญ่กว่ามดงานปกติอย่างมากแล้ว ยังมีหัวโต ฟันกรามใหญ่ มิได้สัดส่วนกับลำตัวดัวย
ในกลุ่มมดตัวผู้รวมทั้งมดตังเมียซึ่งเป็นพ่อรังแล้วก็แม่รังนั้น อาจเจอได้ทั้งหมดที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดใกล้เคียงกับมดงานก็มี อย่างไรก็แล้วแต่มดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าตัวผู้รวมทั้งมดงาน บางทีอาจพิจารณามดตัวผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังรวมทั้งมดงานลูกรัง ซึ่งพวกข้างหลังนี้มักมีตาเล็ก กระทั่งบางโอกาสแทบไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดพ่อรังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น ลักษณะของปีกแตกต่างจากพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างเห็นได้ชัด พูดอีกนัยหนึ่ง ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่ข้างหลังมาก รูปร่างของปีกคู่หน้ารวมทั้งปีกคู่ข้างหลังก็แตกต่าง และก็ที่สำคัญคือมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่หลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน รวมทั้งรูปร่างของปีกก็คล้ายคลึงกัน เส้นปีกมีมากกว่าเส้นปีกของมดมาก เห็นเป็นลวดลายเต็มไปตลอดปี

[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร
ในปัจจุบันมีการราวกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐จำพวก ชาวไทยต่างเคยชินกับมดเป็นอย่างดี เนื่องจากว่ามีมดหลากหลายประเภทอาศัยตามบ้านเรือน หรือในบริเวณใกล้เคียงกัยบ้านเรือน การเรียกชื่อมดของชาวไทยอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า ยกตัวอย่างเช่น มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) ด้วยเหตุว่ามีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งฟั่นเฟือนไปเป็นมด เป็นต้น มดบางชนิดเราเรียกชื่อตามอาการอันเป็นผลมาจากถูกมดนั้นกัด เป็นต้นว่า มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะทำให้รู้สึกคันในบริเวณแผลที่กัด  หรือผูกคันไฟ  (Solenopsis  geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด เว้นแต่มีลักษณะอาการคันแล้ว ยังมีอาการแสบร้อนเหมือนถูกไฟลวก
บางชนิดก็เรียกตามกิริยาอาการที่มดแสดงออก ดังเช่นว่า มดรีบร้อน (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ชอบวิ่งเร็วและวิ่งพล่านไป เปรียบเหมือนวิ่งดัวยความตกใจ  มดจำพวกนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน  ที่สติไม่ดีเป็นมดตาลานก็มี หรือมดตูดงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักชูท้องอืดท้องเฟ้อสูงตั้งฉากกับพื้น  ทำให้มองเหมือนตูดงอล  เป็นต้น
มดบางชนิดเป็นมดที่ประชากรตามเขตแดนใช้บริโภค  ก็เลยเรียกไปตามรสชาติดังเช่น  ทางภาคเหนือ  อันเป็นต้นว่า  ชาวจังหวัดแพร่  น่าน  จังหวัดลำพูน  จังหวัดเชียงราย  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นต้น  นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม  ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน  ซึ่งชาวบ้านบางถิ่นนิยมกินกันเนื่องจากมีรสชาติมันแล้วก็อร่อย  จึงเรียกชื่อตามรสนั้น อย่างไรก็แล้วแต่  มีมดบางจำพวกที่ราษฎรมิได้รัชูชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้าอาทิเช่น เศษไม้ดิน (Doeylusorientalis  Westwood) ซึ่งเป็นมดที่ทำลายกัดรับประทานฝักถั่งลิสงที่ยังมิได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เหมือนกับแมลงชนิดอื่นที่อาจมีการรัชูชื่อบ้าไปตามท้องภิ่นได้แก่  แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) คนชนบทในแคว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อันเป็นต้นว่า  ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ จังหวัดนครพนม ร้อยเอ็ด จังหวัดอุบลราชธานีเรียกแม่เป้งในระหว่างที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง  ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้  เช่น  ชุมพร  สุราษฎร์ธานี  สงขา  นครศรีธรรมราช  ภูเก็ต  เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่บิดารังแล้วก็แม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังและสืบพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว  มดตัวผู้มักตาย  มดตัวเมียซึ่งตระเตรียมสร้างรังใหม่ก็จะหาที่พักอิงอันมิดชิด  แล้วสลัดปีกทิ้ง  รอจวบจนกระทั่งไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนตราบจนกระทั่งเข้าดักแด้  รวมทั้งอกกมาเป็นตัวโตสุดกำลังแปลงเป็นมดงานที่เลี้ยงดูแม่ต่อไป  เมื่อมดงานปฏิบัติหน้าที่เลี้ยงรังได้แล้ว  แม่รังก็ทำ
หน้าที่ตกไข่เพียงอย่างเดียว  การควบคุมวรรณะของรังอาจกระทำโดยการวางไข่ที่ไม่เหมือนกัน  เป็นต้นว่า  ขนาดแตกต่างกัน  ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังและมดงาน  ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดเพศผู้หรือมดบิดารัง  รูปแบบของวงจรชีวิตอย่างงี้ไม่เหมือนกับปลวก  เพราะเหตุว่าปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า  ซึ่งประกอบดัสยพ่อแล้วก็แม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้  พ่อรังมักมีชืวิตอยู่แล้วก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งจัดเตรียมวางไข่  เมื่อไข่ฟักเป็นตัว  ก็จะเป็นปลวกงานที่สามารถดำเนินการอุปการะบิดามารดาได้โดยไม่ต้องคอยให้โตเต็มที่ซะก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน  บางพวกสร้างรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง  อย่างเช่นมดแดง  หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายสร้างรังใกล้กับไม้ที่อาศัย  เช่นมดลี่หรือมดตูดงอล  บางพวกทำรังในดินมีลักษณะเป็นช่องซับซ้อนคล้ายรังปวก  เช่นมดมันหรือแมลงมัน  รังของมดจึงมัลักษณะของวัสดุที่สร้าง  ส่วนประกอบ  แล้วก็รูปร่างแตกต่างกันไปล้นหลามให้มองเห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  เมื่อไข่แก่ก็จะวางไข่  ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น  จะถูกวางเป็นกระจุกชิดกับใบไม้ข้างในรัง   ไข่ที่ได้รับการผสมจะเจริญรุ่งเรืองไปเป็นมดงานแล้วก็มดแม่รังส่วนไข่ที่ไม่ได้รับผสมจะเจริญก้าวหน้าไปเป็นมดเพศผู้  เมื่อไข่เจริญก้าวหน้าขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในตอนนี้อาจรับประทานอาหารรวมทั้งขยับตัวได้นิดหน่อย  หลังจากนั้นก็แปลงเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัยทุกสิ่งทุกอย่าง ขารวมทั้งปีกเป็นอิสระจากลำตัว  และก็หยุดกินอาหาร  และก็จะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย  และที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มกลายเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัย๓ วรรณะอาทิเช่น
๑. มดแม่รัง มีความยาว  ๑๕-๑๘ มิลลิเมตร  สีเขียวใสจนถึงสีน้ำตาลแดงหัวและก็อกสีน้ำตาลเหมือนมดงาน  แต่หัวกว้างว่า  ส่วนนอกสั้น  อกบ้องแรกตรงอกบ้องที่ ๓ ทู่ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง  ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน  ส่วนท้องเป็นรูปไข่  เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว  ปฏิบัติภารกิจเพาะพันธุ์  รังหนึ่งบางทีอาจเจอมดแม่รังหลายตัว  แม้กระนั้นจะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะสืบพันธุ์ได้
๒. มดเพศผู้  มีความยาว ๖-๗ มม.  ลำตัวสีดำ  หัวเล็ก  ฟันกรามแคบตาพอง  หนวดเป็นแบบเส้นด้าย  มี ๑๓ บ้อง  ฐานหนวดยาว  ปลายเส้นหนวดค่อยๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก  อกปล้องที่ ๓ ใหญ่  ข้อต่อหนวดยาว  ท้องรูปไข่  ปีกสีนวลใสมีบทบาทสืบพันธุ์พียงอปิ้งเดียว  อายุสั้นมาก  เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะตาย
๓.  มดงาน  มีความยาว ๗-๑๑ มิลลิเมตร  กว้าง ๑.๕– ๒ มิลลิเมตร  สีแดงหัวและอกมีขนสั้นๆ หัวกลม  ส่วนล่างแคบ  ฟันกรามไขว้กัน  ปลายแหลมโค้งตอนหน้าแคบ  อกบ้องที่  ๒  กลม  โค้งขึ้น  อกปล้องที่ ๓ คอด  คล้ายอาน  ขายาวเรียว  ข้อต่อหนวดรูปไข่  ส่วนท้องสั้น  เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก  มีบทบาทหาร  สร้างรัง  รวมทั้งปกป้องศัตรู
ประโยชน์ทางยา
ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาบาราที่ว่า  น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว  ฉุน  สูดกลิ่นแก้ลมแก้พิษเสมหะเลือด ราษฎรบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ  โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่รอบๆปากแผลที่ถูกงูที่มีพิษกัด  ให้มดต่อยที่บริเวณนั้น  ไม่นานมดแดงก็จะตาย  ใช้มือเฉือนเอามดแดงเอาไป  แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่  ทำซ้ำๆไปเรื่อยจชูว่ากำลังจะถึงมือแพทพ์  บางทีอาจต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง นอกเหนือจากนั้น  ราษฎรบางถิ่นยังอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดบาดแผลได้โดยเฉพาะเมื่อกำเนิดบาดแผลขึ้น  และไม่อยู่ในข้อตกลงที่จะชำระล้างรอยแผลหรือหายาใส่แผลได้  ยกตัวอย่างเช่น  เมือ่อยู่ในป่าหรือในนา  ก็บางทีอาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของรอยแผล)  วางไว้รอบๆปากแผล  ให้ปวดแสบปวดร้อนมากมาย
พระคัมภีร์ธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “โรคฝีในท้อง ๗ ประการ”  อันเกิดอาจ “หนองพิการหรือแตก” ซึ่งทำให้มีการเกิดอาการไอ  ผอมแห้งแรงน้อย  เบื่ออาหารยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ปุพ์โพ  คือหนองพิการหรือแตก ให้ไอเป็นกำลัง  ให้กายผอมโซหนัก  ให้ทานอาหารไม่จักรส  มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ  หากจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง  หัวหอม ๑ ตำลึง ๑ บาท ขมิ้นอ้อยยาว ๑ องคุลี  ยาทั้ง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักและธาตุเบาจ่ายบุพร้ายซะก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสลดก็ได้



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ