Advertisement
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรเขือเขือง Leea rubra Blume เขือง (ภาคกึ่งกลาง) ไม้พุ่ม ขนาดเล็กครึ่งไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 3 ม. หูใบเป็นปีกแคบๆกว้าง 0.3-0.5 ซม. ยาว 2-4 ซม. ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ถึง 4 ชั้น ใบย่อยมีจำนวนหลายชิ้น ศูนย์กลางใบ ยาวโดยประมาณ 5-2.5 เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่ ถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 1.5-4 ซม. ยาว 4-8 เซนติเมตร ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลมสั้นๆโคนใบกลมถึงแหลม ขอบใบจะมนๆถึงจะแบบฟันเลื่อยตื้นๆเนื้อใบบางรวมทั้งเหนียวเหมือนแผ่นกระดาษ หมดจด หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีขนน้อยตามเส้นใบ เส้นใบมี 5-10 คู่ อาจมีขนน้อย ก้านใบย่อยยาว 2-5 มิลลิเมตร มักมีปีก ก้านใบประกอบยาว 2-8 ซม.
สมุนไพร ดอก ออกเป็นช่อแน่น ยาว 8-14 เซนติเมตร มีขนสีสนิมปกคลุม ริ้วเสริมแต่งรูปสามเหลี่ยม มองเห็นไม่ชัดเจน ก้านช่อดอกยาว 3-8 ซม. แตกกิ่งก้านสาขามาก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมชิดกัน ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก ยาว 2-2.5 มิลลิเมตร สะอาด กลีบดอกไม้โคนเชื่อมชิดกันเป็นหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ยาว 1.5-2.5 มิลลิเมตร เกสรเพศผู้มี 5 อัน ติดอยู่ที่หลอดเกสรเพศผู้ ยาว 1.2-2 มม. รังไข่ 1 อัน มี 4-6 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียยาว 1-2 มม. ผล เส้นผ่าศูนย์กลาง 8-10 มม. สีแดงเข้ม มี 6 เม็ด
นิเวศน์วิทยา : ขึ้นในป่าดิบแล้ง ตามท้องทุ่งและป่าละเมาะทั่วๆไปสรรพคุณ : ราก ตำเป็นยาพอกโดยผสมกับอาร์เซนิคขาว แก้โรคโรคกุฏฐังและก็กินน้ำยางจากต้นไปพร้อมๆกัน น้ำสุกราก เป็นยาบำรุงธาตุแล้วก็แก้เจ็บท้อง ใบและราก ต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ต้น ยาชงจากต้นกินแก้บิด ผล กินแก้บิดและแก้โรคกุฏฐัง เม็ด ผสมกับน้ำเชื่อม รับประทานเป็นยาขับพยาธิ แต่ว่าจะมีอาการมึนเมาเล็กน้อย