ประวัติศาสตร์สิ่งน่าทึ่งข้าวของหลอดไฟ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติศาสตร์สิ่งน่าทึ่งข้าวของหลอดไฟ  (อ่าน 22 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Navaphon11991
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 35359


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มีนาคม 19, 2018, 09:17:05 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


 
ตั้งแต่สมัยเก่าจนถึงสมัยนี้เจ้าหลอดใสๆ ก็ให้อาภาสแก่มนุษย์ในยามราตรีได้ตลอด เริ่มจากเมื่อร้อยกว่าปีเก่าที่หลอดไฟเริ่มมีบทบาทในการยังชีพของเรา กับใช้ต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน มีการปรับปรุงต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ ไม่มีเงินมาถึงหลอดไฟ LED ในปัจจุบัน ด้วยกันมีแนวโน้มในการพัฒนาไปอีกในภายภาคหน้า วันนี้เราจึงมีทางผ่านการพันาของเจ้าหลอดไฟนี้มาเล่าสู่กันใส่ใจค่ะ มาเริ่มกันและกันในยุคแรกเลยค่ะ ตกว่า
 
 ยุคหลอดไส้ ไม่ก็ชื่ออย่างเป็นทางราชการว่า หลอด Incandescent
ร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่ชุดนักวิทยาศาสตร์ค้นเจอหลอดไส้ แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ยังไม่เป็นได้ทำได้จริง กระทั่ง โทมัส เอวา เอดิสัน ก็ได้นำกรอบความคิดที่ว่านี้ มาวิวรรธน์ต่อจนประสบประสิทธิผล และในยามต่อมา เขาก็อาจพบวิธีการสร้าง หลอดไฟ หลอดแรก ของโลก เพราะว่าเป็นหลอดไส้ ที่ทำจากคาร์บอน ซึ่งต่อมาก็ได้รับความชื่นชอบไปทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อเสียตรงที่ว่า หลอดไส้ของโทมัสสามารใช้งานได้ช้านานที่สุดแค่ 13 ชม. เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาจึงคิดค้นวิธีที่จะทำให้มีระยะการใช้งานที่เป็นเวลายาวนานขึ้น พร้อมทั้งในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นหลอดไส้แบบทังสเตนที่ทำเป็นทนความร้อนได้สูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส เป็นเหตุให้ใช้งานได้ช้านานขึ้นจาก 13 ชม. เป็น 1,000 - 3,000 ชม.

ยุคหลอดก๊าซปรอท หลอดไฟยุคปานกลาง (ประมาณ 80 ปี โดยประมาณ)
 หลอดก๊าซปรอทไม่ใช่หรือเรียกง่าย ๆ ว่า หลอดนีออน ไม่ใช่หรือหลอด ฟลูออเรสเซนต์ และที่เรียกว่าหลอดก๊าซก็เพราะว่าบรรจุก๊าซไว้ข้างใน แนวง่าย ๆ ของหลอดเหล่านี้คือ การใช้กระแสไฟไหลผ่าน บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ (คุ้น ๆ ใช่มั้ยหล่ะ) เพื่อกระตุ้นให้ก๊าซในปรอท เกิดการขยับที่และยอมพลังงานออกมา 2 อย่าง ด้วยกัน นั่นคือ ความร้อนกับแสงสว่าง แต่เนื่องจากแสงที่ได้ยังเป็นปากเหยี่ยวปากกาต่อการมองเห็นของบุคคล จึงจำเป็นต้องมาสารเคลือบฟอสฟอรัส ที่มาเคลือบที่ผิวหลอดด้านใน เพื่อให้เกิดเป็นปรากฎการณ์เรืองแสง และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกจนถึงช่วงปัจจุบัน จะมีเหลือแหล่ขนาด ตั้งแต่รุ่น T10 จนพัฒนามาเป็น T8 พร้อมทั้งปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ T5 กันบ้างแล้ว
** คำว่า T10 เป็นขนาด 10 หุ้น หมายเหตุ 1 นิ้ว มี 8 หุ้น T8 คือขนาด 8 หุ้น หรือดำรงฐานะขนาด 1 นิ้วพอดี T5 หรือขนาด 5 หุ้น ประมาณ 1/2 นิ้วกว่าๆ หลอดฟลูออเรสเซนต์ได้เริ่มใช้กัน ปี 1940 จนมาถึงล่าสุด อำนาจการให้แสงสว่างอยู่ในระดับปานกลาง รกินไฟ พอสมควร แต่ติดตรงที่ ต้องใช้ปัลลาสต์ พร้อมด้วยบัลลาสต์ ใช้ไฟสูงถึง 10-12 W

ยุคยุคปัจจุบัน ยุค LED ชื่อเต็มคือ Light Emitting Diode
หลอดไฟ LED ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ข้าวของหมู่แสงสว่าง ที่ตอนนี้กำลังเข้ามาแปรเปลี่ยนระบบแสงสว่างใหม่ ของคนทั้งโลก เป็นการวิวรรธน์จากความเชื่อของสารกึ่งตัวนำ ไดโอด ด้วยกันหลอดไฟ LED มีการความเจริญอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันนี้กลายหลอดไฟที่ออมอดไฟ และอัจฉริยะ เป็นได้ทำงานได้นานาประการฟังก์ชั่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลอดไฟอย่างเดียว แต่ยังสามารถเข้าไปอยู่ในหน้าจอทีวี ป้ายไฟต่าง ๆ และอีกมายมาย และยังสถิร พ้นไปการปล่อยความร้อน และแสง UV คลอดมาอีกด้วย
 
ในปัจจุบันนี้หลอดไฟก็ได้ถูกจัดเป็น 1 ที่ 5 เทคโนโลยีที่ประธานแรงกล้าของโลก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวมาปฏิรูปกระบิลไฟฟ้าของภพ ชั้นในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้และสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแม่นมั่น รอจับตาดูกันนะคะ ว่าจะปฏิรูปไปได้ไกลแค่ไหน ^^
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หลอด led

ที่มา : [url]http://eugeniazeiser.com/index.php?topic=120291.new#new[/url]

Tags : หลอด led,ไฟ led



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ