Advertisement
โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease.IHD)โรคหัวใจขาดเลือ[/b] ( Ischemic Heart Disease) เป็นโรคที่อาจพูดได้ว่าพบได้มากในประเทศไทยและมีทิศทางสูงมากขึ้นเรื่อยๆรวมทั้งเป็นโรคที่เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว
หัวใจทำหน้าที่ราวกับเครื่องสูบน้ำ คอยสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะรวมทั้งระบบต่างๆทั่วร่างกาย หัวใจประกอบด้วยกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ต้องการเลือดไปเลี้ยงเหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆเส้นโลหิตที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ภาษาหมอเรียกว่า เส้นเลือดหัวใจ หรือ เส้นโลหิตโคโรผู้หญิง (coronary artery) ซึ่งมีอยู่หลายกิ่งก้านสาขา แต่ละแขนงจะแยกกันไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนต่างๆ
แต่ถ้าเกิดเส้นเลือดหัวใจกิ้งก้านใดกิ้งก้านหนึ่งมีการตีบ ก็จะก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเล็กน้อยขาดเลือดไปเลี้ยง กำเนิดลักษณะการเจ็บจุกหน้าอกแล้วก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรง พวกเราเรียกว่า โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease เรียกชื่อย่อว่า IHD) บ้างก็เรียกว่า โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน หรืออุดกัน บ้างก็เรียกว่า โรคหัวใจวัวโรผู้หญิง (coronary heart disease เรียกชื่อย่อว่า CHD)
ด้วยเหตุนี้โรคหัวใจขาดเลือด(Ischemicheart disease, IHD) หรือโรคหลอดเลือดแดงโคโรผู้หญิง(Coronary artery disease, CAD) ก็เลยคือ โรคที่มีต้นเหตุมากจากเส้นเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน ซึ่งส่วนมากมีสาเหตุจากไขมันแล้วก็เนื้อเยื่อสะสมอยู่ในผนังของหลอดเลือด ส่งผลให้เยื่อบุผนังเส้นเลือดชั้นในตำแหน่งนั้นครึ้มตัวขึ้น ผู้ป่วยจะมีลักษณะรวมทั้งอาการแสดงเมื่อเส้นเลือดแดงนี้ตีบจำนวนร้อยละ50 หรือมากกว่าอาการสำคัญที่พบมากอาทิเช่น อาการเจ็บเค้นอก ใจสั่น เหงื่อออก เมื่อยล้าขณะออกแรง เป็นลมสลบหรือรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตทันควันได้
โรคหัวใจขาดเลือด เป็นโรคของผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยหนุ่มวัยสาวไปจนกระทั่งในผู้สูงวัย โดยเจอได้สูงตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปในช่วงวัยเจริญพันธุ์ พบโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ชายได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าในเพศหญิง แม้กระนั้นภายหลังวัยหมดระดูถาวรแล้ว เพศหญิงและก็ผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจได้ใกล้เคียงกัน
- ต้นเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากเส้นโลหิตแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรืออุดตันซึ่งมีสาเหตุจากผนังเส้นโลหิตแดงแข็ง ( Atherosclerosis ) และเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการอักเสบ ( inflammation ) ของฝาผนังเส้นโลหิตที่มีต้นเหตุมาจากครามพลาด (Plaque) ที่เกิดจากไขมันตามที่กล่าวมาซึ่งข้อมูลในตอนนี้พบว่า เป็นขบวน การสำคัญที่นำมาซึ่งหลอดเลือดแดงแข็งตัว ปัจจัยกลุ่มนี้จะส่งผลกระตุ้นให้มีการสะสมของไขมัน ที่ผนังเส้นเลือดกระตุ้นให้เกิดการตีบของหลอดเลือดในที่สุด และก็เมื่อมีการตีบแคบตั้งแต่ร้อยละ70 ของความกว้างของหลอดเลือดขึ้นไปก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจน้อยเกินไปเกิดอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาแล้วก็ซึ่งกำเนิดเนื่องจากว่าการมีไขมันไปเกาะอยู่ด้านในฝาผนังหลอดเลือด เรียกว่า “ตะกรันท่อเส้นเลือด” (Artherosclerotic plaque) ซึ่งจะค่อยๆพอกครึ้มตัวขึ้นทีละเล็กละน้อยจนถึงช่องทางเดินของเลือดตีบแคบลง เลือดก็เลยไปเลี้ยงหัวใจได้ลดน้อยลง
แม้ปล่อยไว้นานๆตะกอนท่อหลอดเลือดที่เกาะอยู่ด้านในฝาผนังเส้นโลหิตหัวใจจะมีการฉีกขาดหรือแตกออก เกล็ดเลือดก็จะจับกุมตัวกันจนเปลี่ยนเป็นลิ่มเลือดและอุดกันช่องทางเดินของเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอยู่เป็นระยะเวลานานจนถึงเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจตาย คนไข้ก็เลยกำเนิดอาการเจ็บแน่นหน้าอกอย่างหนัก ซึ่งเป็นคราวฉุกเฉินและก็มีอันตรายถึงชีวิตอย่างเฉียบพลันได้ เรียกว่า “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน” (Acute myocardial information)
- อาการของโรคหัวใจขาดเลือด ในระยะแรกเมื่อเริ่มเป็นหรืเส้นเลือดยังตีบไม่มากคนเจ็บจะยังไม่แสดงอาการแต่ว่าแม้เส้นโลหิตมีการตีบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ป่วยชอบมีลักษณะอาการเจ็บแน่นหน้าอกเป็นอาการนำซึ่งเป็นผลจากการที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจน้อยเกินไปซึ่งอาการนี้เรียกว่า angina pectoris รูปแบบของ angina pectoris บางทีอาจจัดหมวดหมู่ส่วนประกอบได้เป็น 4 ลักษณะอันประกอบไปด้วย
- ตำแหน่ง รอบๆที่เจ็บแน่นมักจะอยู่ตรงกลางๆหรืออกด้านซ้าย มักบอกตำแหน่งที่ชัดแจ้งมิได้ บางรายอาจมีความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปที่รอบๆลิ้นปี่ ใต้คาง ฟัน ไหล่ หรือแขนได้โดยยิ่งไปกว่านั้นข้างในของแขน
- ลักษณะการเจ็บ ลักษณะมักจะรู้สึกหนักๆแน่นๆบีบๆหรืออาจเหมือนมีอะไรมากดทับทรวงอก โดยธรรมดาจะค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้วหลังจากนั้นจะค่อยๆน้อยลงในบางครั้งอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เป็นต้นว่า รู้สึกเมื่อยล้า เหงื่อออก อ้วก มือเท้าเย็นเหมือนจะเป็น ลม
- ช่วงเวลาที่เจ็บ อาการมักเป็นตอนๆสั้นๆมักไม่เกิน 10 นาที โดยมากจะเป็นนานโดยประมาณ 2 – 5 นาที
- สาเหตุกระตุ้นรวมทั้งเหตุที่ทำให้อาการดียิ่งขึ้น อาการมักจะกระตุ้นด้วยการออกแรง อารมณ์เครียด โกรธ อากาศเย็น หลังรับประทานอาหารมื้อหนัก รวมทั้ง อาการมักดีขึ้นเมื่อได้พัก หรือ ได้ยาขยายเส้นเลือดหัวใจ ( nitrates )
อย่างไรก็ดีคนไข้บางรายอาจไม่ได้มีลักษณะของ angina pectoris ได้แต่ก็ยังนับว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการขาดเลือด ( ischemic equivalents ) ตัวอย่างเช่น เหนื่อยหรือปวดแขนเวลาออกแรง
นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆอีกเช่นอาการของโรคหัวใจล้มเหลว (หัวใจวาย) ยกตัวอย่างเช่น อ่อนแรงง่าย หัวใจเต้นเร็ว บวมตามหน้าแขน/ขา ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง บางรายอาจมีอาการใจหวิว ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าธรรมดา บางรายมีอาการเหงื่อซึม เป็นลม ตัวเย็น คลื่นไส้ คลื่นไส้ ในผู้สูงวัยนั้น บางครั้งก็อาจจะไม่พูดถึงอาการเจ็บทรวงอกเลย แม้กระนั้นมีลักษณะเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าง่าย หอบ และก็หายใจติดขัดร่วมกับอาการแน่นๆในหน้าอกเพียงแค่นั้น หรือรู้สึกเมื่อยล้าหมดแรง จนถึงสลบ อาการอีกอย่างหนึ่งคือ การตายอย่างกะทันหัน ซึ่งชอบกำเนิดใน 2-3 ชั่วโมง หลังจากเริ่มมีอาการ
- สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด
เพศ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าเพศชายมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงซึ่งอยู่ในระยะยังไม่หมดรอบเดือน แม้กระนั้นหลังจากที่หมดรอบเดือนแล้ว ช่องทางเป็นจะเสมอกันในทั้งสองเพศ
อายุุ แผ่นไขมันจะเกิดมากขี้นตามอายุ ด้วยเหตุนี้เกิดการของการเกิดโรคนี้จึงเยอะขึ้นเรื่อยๆตามอายุ การพบโรคนี้ในคนที่อายุน้อยกว่า 35 ปีมีได้บ้างแต่ใม่บ่อย
ไขมันในเลือดสูง พบว่าผลรวมของโคเลสเตอคอยลทั้งสิ้น มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับโรคหัวใจขาดเลือดทั้งยังในเพศชายและผู้หญิง โดยเรียนพลเมืองอเมริกัน เป็นเวลา 24 ปี และพบว่าพวกที่มีโคเลสเตอคอยล ในเลือดสูงจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าพวกที่มีไขมันต่ำถึง 5 เท่า โดยปัจจัยเสี่ยงดังที่ได้กล่าวมาแล้วพบได้บ่อยในผู้ที่หรูหรา วัวเลสเตอคอยล l ในเลือดสูงขึ้นยิ่งกว่า 200 มิลลิกรัม/ดล. หรือผู้ที่มี ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นยิ่งกว่า 150 มก./ดล
ความดันเลือดสูง ทั้งยังความดันสิสโตลิครวมทั้งไดแอสโตลิคมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดในวันหลังทั้งหมดทั้งปวง รวมทั้งยิ่งความดันสูงมาก โอกาสที่จะกำเนิดโรคนี้ยิ่งมีมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีความดันเลือดสูงกว่า 160/95 มม.ปรอท
การสูบยาสูบ เหตุนี้มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดมากมายและยังขึ้นอยู่กับช่วงเวลาคราวสูบรวมทั้ง ปริมาณยาสูบที่สูบด้วย โดยพบว่าสิงห์อมควันจะได้โอกาส เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ได้มากกว่า คนที่ไม่สูบถึง 3 เท่า แล้วก็แม้มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆร่วมด้วยอีก ช่องทางเป็นโรคหัวใจขาดเลือดยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
บุคคลสถานที่ทำงานมีความเคร่งเครียดสูง ผู้มีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว คนสูงอายุ (เพศชายมากยิ่งกว่า 55 ปี เพศหญิงมากยิ่งกว่า 65 ปี) โรคอ้วน (Body mass index หรือ BMI/ดรรชนีมวลกายมากยิ่งกว่า30) โรคไตเรื้อรัง บุคคลที่ขาดการบริหารร่างกาย มีโรคเครียด
- กระบวนการรักษาโรคหัวใจขาดเลือด หมอสามารถวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจในเบื้องต้นได้จากการซักประวัติความเป็นมา (อาทิเช่น ประวัติการสูบบุหรี่ การบริหารร่างกาย โรคประจำตัว เรื่องราวป่วยในครอบครัว) และอาการที่แสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะของการปวดคาดคั้นหรือจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่แล้วปวดร้าวไปที่คอ ไหล่ ขากรรไกร โดยมีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงร่วมด้วย (อาทิเช่น มีอายุมาก สูบบุหรี่ เครียด อ้วน มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง) และเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ แพทย์จะทำตรวจพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมอีกดังนี้
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ( Electrocardiogram: ECG ) เว้นแต่ช่วยวิเคราะห์แล้วบางครั้งบางคราวบางทีอาจพบความแตกต่างจากปกติอื่นๆตัวอย่างเช่น ฝาผนังหัวใจครึ้มหรือหัวใจ เต้นผิดจังหวะ ซึ่งลักษณะต่างๆนี้บางครั้งจะบ่งถึงกลไกของการแน่นหน้าอกและช่วยสำหรับเพื่อการเลือกขั้นตอนการตรวจอื่นๆและครั้งคราวยังช่วยประเมินความเสี่ยงด้วย
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ( echocardiography )คลื่นเสียงความถี่สูงจะให้ข้อมูลในด้านต่างๆของหัวใจ เป็นต้นว่า การบีบตัวของหัวใจห้องซ้ายความไม่ปกติสำหรับในการบีบตัวของหัวใจนิดหน่อย ( regional wall motion abnormalities: RWMA )ซึ่งพบได้มากในผู้เจ็บป่วยโรคหัวใจขาดเลือด นอกเหนือจากนี้การเจอความเปลี่ยนไปจากปกติบางสิ่ง อาจเป็นสาเหตุของอาการแน่นหน้าอกที่ไม่ใช่จากโรคหัวใจขาดเลือดได้ ค่าการบีบตัวของหัวใจห้องด้านล่างซ้ายยังเป็นข้อสำคัญที่ใช้ช่วยบ่งถึงความเสี่ยงแล้วก็การคาดเดาโรคได้อีกด้วย และก็สามารถใช้ประเมินความกว้างของรอบๆที่ขาดเลือดได้
- Coronary computed tomography angiography (CTA) รวมทั้ง coronary calcium CTA และ coronary calcium เป็นการตรวจที่ผลการตรวจทั้งสองมีค่า negative predictive value สูงมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เจ็บป่วยที่มีโอกาสจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดในระดับที่ค่อนข้างต่ำถึงปานกลาง จึงมีคุณประโยชน์ในการตัดปัจจัยการแน่นหน้าอกจากเส้นโลหิตหัวใจตีบได้ถ้าเกิดผลอ่านไม่เจอมีการตีบของ หลอดเลือด หลอดเลือดที่มีการแข็งบางครั้งก็อาจจะพบมีการเกาะของแคลเซียมที่เส้นเลือดได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ถ้าหากผลของ coronary calcium ต่ำช่องทางที่อาการแน่นหน้าอกจากหลอดเลือดหัวใจตีบก็จะน้อย ในทางกลับกัน ถ้าเกิดค่าของ coronary calcium สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมากกว่า 400 ( Agatston score> 400 ) จะได้โอกาสกำเนิด อุบัติการณ์ต่างๆทางหัวใจแล้วก็เส้นเลือดมากยิ่งขึ้น
- Cardiac magnetic resonance ( CMR )CMR อาจช่วยประเมินความเปลี่ยนไปจากปกติขององค์ประกอบหัวใจในด้านต่างๆอาทิเช่น ลิ้นหัวใจ ฝาผนังกันห้องหัวใจ และก็กล้ามเนื้อหัวใจห้องต่างๆฯลฯ และก็ ยังช่วยบอกการท างานของห้องหัวใจ ข้างล่างซ้าย ( LVEF ) ได้สิ่งเดียวกัน
- Electrocardiogram exercise testing หรือ exercise stress test ( EST )เป็นการกระตุ้นด้วยการออกก าลังกายและก็ใช้ ECG ประเมินลักษณะขาดเลือด ซึ่งเป็น การตรวจที่สะดวกมีใช้กันโดยธรรมดา การออกกำลังอาจใช้วิธีวิ่งบนสายพาน (treadmill) หรือ ปั่นจักรยานไฟฟ้า ( Electrically braked cycles ) แล้วมองการเปลี่ยนแปลงของคลื่นกระแสไฟฟ้าหัวใจ ความผิดปกติที่ชี้ว่าน่าจะมีเส้นเลือดหัวใจตีบ อาทิเช่น มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หน้าซีด ตัวเย็น ความดันโลหิตต่ำระหว่างทำการทดสอบ พวกนี้เป็นต้น
ในการเริ่มรักษานั้นนอกจากจะรักษาอาการแล้วคนป่วยทุกรายควรจะได้รับการชี้แนะให้ปรับลดปัจจัยเสี่ยงรวมถึงควบคุมโรคที่จะทำให้โรคหัวใจขาดเลือดเป็นมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การสูบยาสูบเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง กินอาหารที่ไม่เหมาะสม โรคอ้วน ขาดการออก กำลังกาย แล้วก็ไขมันในเลือดสูงแล้วก็สำหรับวิธีการรักษาโรคหัวใจขาดเลือดนั้นมี 2 แนวทางหมายถึงการดูแลและรักษาด้วยยา เช่น ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ยาลดหลักการทำงานของหัวใจ เพื่อหัวใจใช้ออกสิเจนลดลง ยายับยั้งเกร็ดเลือดเกาะตัว กรณีเป็นความดันเลือดสูงแตกต่างจากปกติ หรือโรคเบาหวานจำต้องรักษาร่วมไปด้วย ผู้ที่ระดับไขมันในเลือดสูงแตกต่างจากปกติก็จะได้รับยาเพื่อลดไขมัน ยาขยายเส้นโลหิต บางทีอาจทำในรูปยาอมใต้ลิ้น ยาพ่นเข้าในปาก และก็ยาปิดหน้าอก ยาอมใต้ลิ้น และยาพ่นในช่องปาก สามารถออกฤทธิ์ได้ข้างใน 2-3 นาที ก็เลยเหมาะสมที่จะพกไว้ในโอกาสฉุกเฉิน ยาเป็นแผ่นปิดหน้าอก ใช้ปิดหน้าอกรวมทั้งที่อื่นๆตามร่างกาย จะออกฤทธิ์ราว 30-45 นาที หลังปิดบนผิวหนัง จะไม่ออกฤทธิ์โดยทันทีอย่างเช่นยาอมใต้ลิ้น การดูแลและรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดทำทางเบี่ยงของเส้นเลือด ( Coronary Artery Bypass Graft, CABG) มักจะใช้กรรมวิธีการผ่าตัดนำเส้นเลือดดำที่ขามาตัดต่อกับเส้นโลหิตที่ตัน ทำทางเดินของเลือดใหม่ การรักษาด้วยการถ่างขยายเส้นเลือดด้วยวิธีต่างๆอย่างเช่น ถ่างขยายด้วยบอลลูน หัวกรอ รวมทั้งบางครั้งอาจจะจำเป็นต้องใส่ขดลวดค้ำไว้ เพื่อไม่ให้หลอดเลือดตีบซ้ำ
- การติดต่อของโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบของหลอดเลือดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ ซึ่งไม่ถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
- การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
- โรคหัวใจขาดเลือดนี้เมื่อเป็นแล้วมักจะเป็นเรื้อรัง ต้องคอยติดต่อรักษากับแพทย์อย่าได้ขาด และที่สำคัญต้องดูแลตัวเองอย่างจริงจัง ในรายที่เป็นไม่มากถ้ารู้จักดูแลตัวเองได้ถูกต้อง ก็อาจจะหายหรือทุเลาได้
- ลดอาหารที่มีไขมันสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำตาล ของหวาน กินผักผลไม้ให้มากๆ
- ควรออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงหักโหม เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน โดยควรเพิ่มทีละน้อย และอย่าให้เหนื่อยเกินไป
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบ เช่น อย่าทำงานหักโหมเกินไป อย่ากินข้าวอิ่มเกินไป ระวังอย่าให้ท้องผูก งดดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่ใส่กาเฟอีน ระวังอย่าให้ตื่นเต้นตกใจหรือกระทบกระเทือนจิตใจ อย่าอาบน้ำเย็นหรือถูกอากาศเย็นจัดและควรงดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเป็นการฉุกเฉินเมื่อมีอาการต่อไปนี้ เจ็บแน่นหน้าอกมาก อาจเจ็บร้าวขึ้นขากรรไกรไปยังหัวไหล่หรือแขน เหนื่อย หายใจขัด ชีพจรเต้นอ่อน เต้นเร็ว เหงื่อออกมาก วิงเวียนจะเป็นลม หยุดหายใจและ/หรือโคม่า
- หากมีโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ควรรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่ไปด้วยอย่างจริงจัง
- การป้องกันตนเองจากโรคหัวใจขาดเลือด
- งดการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดลดลง และทำลายผนังหลอดเลือดอีกด้วย ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือคุมปริมาณในการดื่มให้เหมาะสม (ไม่เกินสัปดาห์ละ 14 แก้ว) และไม่ควรดื่มอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
- กำจัดความเครียด เช่น การเจริญสมาธิ การออกกำลังกาย การฝึกโยคะ การรำมวยจีน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายและครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (BMI -5-23 กิโลกรัม/ตารางเมตร)
- ควบคุมโรค โรคเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงขอโรคหัวใจขาดเลือด ให้ได้อย่างจริงจัง
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ในคนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทั่วไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่อง
- สมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
- พริก จะมีสารแคปไซซินที่ให้ความเผ็ด ช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย ละลายลิ่มเลือด ลดการหดตัวของเส้นเลือด ลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปใช้ได้สะดวก
- ดอกคำฝอ[/b] น้ำมันจากดอกคำฝอยมีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือดสูง บำรุงเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น ช่วยป้องกันเส้นเลือดหัวใจตีบได้
- [url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] ในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินที่ช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุตัวร้ายของโรคหัวใจ กระเทียมจึงช่วยลดโอกาสการอุดตันไขมันในหลอดเลือด อันทำให้เกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้กระเทียมมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความดันเลือด รวมทั้งเป็นสารต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือดด้วยการทำให้เกล็ดเลือดบางลง จึงป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด
- [url=http://www.disthai.com/16488273/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7]ชาเขีย[/b] มีสารที่สามารถป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันชนิด LDL และเพิ่มไขมัน HDL ซึ่งช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบและช่วยให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น
- หอม ในหอมจะมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยยังยั้งไม่ให้เกล็ดเลือดไปรวมตัวกันจนแข็งตัวแล้วไปอุดตันตามเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงไปได้ และยังมีสารเคอร์ซีทินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงปกป้องเราจากโรคมะเร็งอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
- โรคหัวใจขาดเลือดที่มีอาการคงที่. นพ.พงษ์พันธ์ จิตต์ธรรม.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
- Coronary heart disease risk factors.[url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/[/b]
- รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคหัวใจขาดเลือด.นิยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่159.คอลัมน์แนวยา-แจงโรค.กรกฎาคม2535
- เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการปวดเค้นหัวใจ Angina Dectoris.หาหมอดอทคอม.
- แนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลผุ้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดในประเทศไทย ฉบับปรังปรุงปี 2557สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
- อยากหัวใจแข็งแรงต้องดู!!!9 พืชสมุนไพรพื้นบ้านช่วยบำรุงหัวใจของดีๆที่อยู่ใกล้ตัวคุณรู้แล้วรีบแฃร์ด่วน.LINE TODAY.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก หัวใจแข็งแรงต้องดู+9+พืชสมุนไพรพื้นบ้านช่วยบำรุงหัวใจ+ของดีๆที่อยู่ใกล้ตัวคุณ+รู้แล้วรีบแชร์ด่วน
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่373.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.พฤษภาคม.2553
Tags : โรคหัวใจขาดเลือด