โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 24 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ttads2522
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19505


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มีนาคม 21, 2018, 11:01:07 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)

  • โรคไวรัสตับอักเสบเป็นยังไง ตับนับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีน้ำหนักราวๆ 1.5 กิโลกรัม อยู่หลังเครื่องบังลมและก็มีหน้าที่ที่สำคัญต่างๆดังนี้ เป็นคลังเก็บของสะสมอาหาร เช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ และก็ปล่อยเมื่อร่างกายอยากได้ สังเคราะห์สารต่างๆเป็นต้นว่า น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน กำจัดพิษ และสิ่งปลอมปน เป็นต้นว่าเชื้อโรค หรือยา แต่ในขณะนี้คนประเทศไทยมีอัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ ภาวการณ์ไขมันสะสมในตับ และก็โรคตับอักเสบ ผู้ที่เจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากโรคตับอักเสบเจอได้ทุกวัย ชายและก็หญิง ส่วนใหญ่เป็นโรคตับอักเสบกระทันหัน ส่วนน้อยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังและอาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับ

    ตับอักเสบ เป็นภาวะด้านการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับแล้วก็เกิดการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้กระบวนการทำหน้าที่ต่างๆของตับไม่ดีเหมือนปกติ ร่างกายอาจแสดงอาการป่วยไข้บางส่วนหรือไม่ออกอาการเลยแม้กระนั้นชอบนำมาซึ่งอาการดีซ่าน อาการเบื่ออาหาร แล้วก็ลักษณะของการมีไข้ 
    สาเหตุของโรคตับอักเสบ ที่พบได้ทั่วไปที่สุดเป็น การติดื้อไวรัส รองลงมามีต้นเหตุมาจาก พิษเหล้า เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัวเลปโตสไปโสสิส พยาธิ ยาบางประเภท สารเคมี โดยส่วนมากจะมีสาเหตุจากการตำหนิดเชื้อไวรัสจำพวกต่างๆซึ่งมีอยู่หลายประเภทร่วมกัน คือ เชื้อไวรัสตับอักเสบประเภท อี ซึ่งแต่ละจำพวกมีความแตกต่างกันในเนื้อหาโดยธรรมดาเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสตับอับเสบ ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถกำจัดเชื้อแล้วก็จะหายเองได้ แต่ว่ามีบางรายร่างกายไม่อาจจะกำจัดเชื้อได้หมด แปลงเป็นตับอักเสบเรื้อรัง แล้วก็ทำให้เกิดภาวะตับแข็งและโรคมะเร็งตับต่อไป
    นอกนั้นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) เป็นโรคติดโรคที่มีความรุ่นแรงสูงและเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง หน่วยงานอนามันโลก หรือ WHO นับว่าโรคนี้คือปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว เพื่อให้สามัญชนโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกก็เลยประกาศให้วัน ที่ 28 เดือนกรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)”

  • ที่มาของโรคไวรัสตับอักเสบ โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบนั้นนับเป็นเลิศในกรุ๊ปโรคตับอักเสบ ที่มีสาเหตุมมาจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีเหตุมาจากเชื้อไวรัส 5 ประเภทหมายถึงHepatitis A virus (HAV), Hepatitis B virus (HBV), Hepatitis C virus (HCV), Hepatitis D virus (HDV) Hepatitis E virus (HEV) นอกนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะต้นสายปลายเหตุอื่นหรือไวรัสตัวอื่นอีก ซึ่งยังไม่สามารถที่จะตรวจพบได้ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรุ๊ป เป็น
  • กรุ๊ปที่ติดต่อทางการรับประทาน ยกตัวอย่างเช่น HAV และก็ HEV โดยปกติอาการไม่รุนแรงเท่าไรนัก และไม่ส่งผลข้างเคียงตามมา ผู้เจ็บป่วยที่หายจากการต่อว่าดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะรุนแรงแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง รวมทั้งโรคมะเร็ง
  • กรุ๊ปที่ติดต่อทางเลือด และก็เพศสัมพันธ์ อาทิเช่น HBV รวมทั้ง HCV ไวรัสกลุ่มนี้มีอาการแทรกตามมาได้สูง เพราะผู้ป่วยเป็นจำนวนมากมีลักษณะติดเชื้อโรคเรื้อรัง และอาจกลายเป็นโรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับได้
  • อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ อาการ ที่แจ่มกระจ่างเป็นอ่อนแรง ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองราวกับขมิ้น) โดยมักไม่มีลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย บางคนอาจมีลักษณะของการปวดเสียด หรือจุกแน่น แถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา (ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ) ในบางคนบางทีอาจดูได้ว่า ก่อนมีลักษณะโรคดีซ่าน จะมีลักษณะโรคตับเหลือง จะมีลักษณะเจ็บป่วย อ่อนแรง เบื่ออาหาร เหมือนไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการอาเจียน อาเจียน ถ่าย เหลว หรือท้องเสียร่วมด้วย เมื่อไข้ลด (อาจมีไข้อยู่ 4-5วัน) ก็สังเกตเห็นเยี่ยวเป็นสีเหลืองเข้ม แล้วมองเห็นอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา

นอกนั้น หากผู้ป่วยได้รับการเจาะเลือดตรวจจะพบว่า ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีทรานซาไม่เนส เป็นต้นว่า เอสจีโอที (SGOT) และก็เอสจีพีที (SGPT) ขึ้นสูงยิ่งกว่าคนธรรมดา ทำให้วินิจฉัยได้แน่นอนว่า อาการโรคดีซ่านที่เกิดขึ้นมาจากโรคตับนั้น เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส คนเจ็บจะรู้สึกสบายขึ้น หายอ่อนเพลีย หายไม่อยากกินอาหาร ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จะมีลักษณะอาการเมื่อยล้า เหนื่อยง่าย บางครั้งบางคราวมีลักษณะอาการตาเหลืองนิดหน่อย นานเป็นปีฯ ถึงสิบๆปี ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกอื่นๆตามมา ส่วนผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอับเสบบีหรือซี จะไม่มีอาการแตกต่างจากปกติใดๆให้เห็นจะทราบต่อเมื่อตรวจเลือดพบเชื้อเพียงแค่นั้น ซึ่งถ้าจะแยกอาการตามประเภทของเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบนั้นสามารถแยกได้ดังนี้
เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ จะเกิดอาการตับอักเสบรุนแรงเป็น อ่อนเพลีย ไม่อยากกินอาหาร ดีซ่าน โดยในผู้ใหญ่จะมีอาการมากยิ่งกว่าในเด็ก ไวรัสตับอักเสบเอเป็นไวรัสที่เป็นกระทันหัน หายแล้วหายขาดในผู้ที่มีภูมิต้านทานแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก
ไวรัสตับอักเสบบี การติดเชื้อจากไวรัสชนิดนี้มักจะทำให้มีการแฝงตัวเป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยผลที่เกิดในระยะยาวของการตำหนิดเชื้อไวรัสบีนั้นเป็น ผู้ป่วยมีการเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะโรคตับแข็ง และก็มะเร็งตับได้ในระยะยาว ถ้าหากไม่ได้รับการต่อว่าดตามรักษาที่สมควร
เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี เชื้อไวรัสชนิดนี้มักไม่นำมาซึ่งอาการไม่ดีเหมือนปกติใดๆจากภาวะตับอักเสบฉับพลัน แต่จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของตับ เมื่อมีการอักเสบไปนานๆก็จะเกิดพังผืดสะสมในตับกระทั่งกลายเป็นโรคตับแข็งสุดท้าย
ไวรัสตับอักเสบ ดี ลักษณะของไวรัสประเภทนี้จะก่อให้กำเนิดตับอักเสบซ้ำไปซ้ำมาขึ้นมา เหมือนกันกับผู้เจ็บป่วยเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบ อี การเกิดโรคของเชื้อไวรัสจำพวกนี้จะมีผลให้กำเนิดตับอักเสบรุนแรง ตัวเหลืองตาเหลือง คนเจ็บหลายๆรายอาจมีอาการเหลืองนานเป็นต้นตย์ หรือ สองสามเดือนได้

  • กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ

ไวรัสตับอักเสบจำพวกเอ กลุ่มของผู้คนที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกเอสูงคือ กรุ๊ปที่มีสุขอนามัยหรือการสุขาภิบาลไม่ดี เช่น กินอาหารสุกๆดิบๆรับประทานอาการหรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาดและคนที่อยู่ในสถานที่คับแคบ
เชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกบี ด้วยเหตุว่า ไวรัสจำพวกนี้พบได้ทั่วไปในสารคัดหลั่งของมนุษย์ ดังเช่นว่า เลือด นม น้ำเชื้อ น้ำลาย ด้วยเหตุนี้กลุ่มเสี่ยงสำหรับการติดเชื้อโรคไวรัสประเภทนี้ จึงได้แก้คนที่ต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งพวกนี้ นอกจากยังสามารถติดเชื้อโรคจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย
เชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทซี กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสำหรับในการติดโรค เป็นต้นว่า บุคคลที่ใช้เข็มหรือของมีคมด้วยกัน อาทิเช่น ผู้ติดเฮโรอีน กลุ่มคนที่ชอบสักตามร่างกาย ฯลฯ
ไวรัสตับอักเสบชนิดดี ไวรัสจำพวกนี้เป็นเชื้อไวรัสที่มักจะพบว่าเกิดขึ้นพร้อมกับไวรัสตับอักเสบบี ด้วยเหตุดังกล่าวกลุ่มเสี่ยงที่จะติดโรคไวรัสตับอักเสบดีก็เลยเป็นกลุ่มที่มีความประพฤติปฏิบัติเสี่ยง เหมือนกันกับคนที่เสี่ยงจะติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบจำพวกอี เชื้อไวรัสประเภทนี้สามารถเจอได้ในคนรวมทั้งสัตว์ ได้แก่ หมูแล้วก็สัตว์อื่นๆและก็กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงจุติดเชื้อไวรัสประเภทนี้ยกตัวอย่างเช่นบุคคลที่รับประทานอาหารสุบๆดิบๆหรือผู้ที่สีสุขภาวการณ์ไม่สะอาดฯลฯ

  • วิธีการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ แพทย์วินิจฉัยโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบได้จาก ประวัติลักษณะของคนป่วย ประวัติการสัมผัสโรค (ตัวอย่างเช่น การกินของกิน การได้รับเลือด การระบาดของโรคในสถานที่ทำงาน การมีเซ็กส์สำส่อน หรือการใช้สารเสพติด) การตรวจร่างกาย ถ้าหากมีอาการแน่ชัดหมายถึงมีลักษณะอาการอ่อนล้า โรคดีซ่าน โดยมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่เอามาก่อน ไม่มีความเป็นมาดื่มสุราจัด น้ำหนักลดน้อย (เพียงแต่ 1-2 กก.) ยังทานอาหารได้ ดื่มน้ำได้ ไม่อาเจียน แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจร่างกายเพิ่มเติมอีก อย่างเช่น ตรวจพบตับโตบางส่วน ลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บมาก โดยไม่เจอเรื่องผิดปกติอื่นๆและไม่เจอลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ก็อาจวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส แล้วก็ให้การดูแลรักษาขั้นแรกได้ แต่หากมีลักษณะอาการกำกวม หรือเป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีสาเหตุจากสาเหตุอื่น แพทย์จะกระทำตรวจการปฏิบัติงานของตับ โดยการหาระดับ SGOTAST,SGPT ALTค่าปกติน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าเกิดค่ามากกว่า 1.5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ แม้พบว่าผิดปกติหมอจะขอตรวจเดือนละครั้งติดต่อกันขั้นต่ำ 3 เดือน การตรวจหาตัวเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจค้น Ig M Anti HAV ไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจหา HBsAg หากบวกแปลว่ามีเชื้ออยู่   Anti HBs ถ้าเกิดบวกหมายความว่ามีภูไม่ต่อเชื้อ  HBeAg หากบวกหมายความว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาปริมาณเชื้อ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการกล่าวว่ามีภูเขาไม่ต่อเชื้อ  HCV-RNA ดูจำนวนของเชื้อ การตรวจสอบส่วนประกอบของตับ ดังเช่นการตรวจคลื่นเสียงเพื่อดูว่ามีตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับไหม การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้ที่มีความชำนาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวิเคราะห์ความร้ายแรงของโรค    เมื่อตรวจเจอว่าเป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส หมอจะชี้แนะการปฏิบัติตัวต่างๆหากว่าไม่มีอาการอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียวก็จะไม่ให้ยา เนื่องเพราะโรคนี้ไม่มียารักษาจำเพาะ และก็นัดผู้ป่วยมาตรวจสอบอาการทุก 1-2สัปดาห์ ตราบจนกระทั่งจะมั่นใจว่าหายดี  คนไข้โรคตับอักเสบเชื้อไวรัสส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง แม้มิได้รับการดูแลและรักษาเป็นพิเศษก็หายได้เอง คนเจ็บที่จำต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษหมายถึงคนที่มีอาการเหน็ดเหนื่อยมาก รับประทานอาหารมิได้ อ้วกอาเจียนมาก เจ็บท้องมาก ตัวเหลืองจัด ปวดมึนศีรษะร้ายแรง พูดไม่รู้เรื่อง ไหมรู้ตัว และหญิงตั้งท้องและก็คนป่วยที่เป็นโรคอื่นอยู่เดิม  บางครั้งบางทีอาจให้ยาบรรเทาตามอาการ อาทิเช่น ยาแก้อ้วก วิตามินบำรุง (แม้ไม่อยากกินอาหารมาก) ฉีดกลูโคสหรือให้น้ำเกลือ (หากกินได้น้อย หรือคลื่นไส้มาก) เป็นต้น ถ้าตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง (ซึ่ง มักมีต้นเหตุจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี) ซึ่งจะมีลักษณะอาการอักเสบนานเกิน 6 เดือน แพทย์บางทีอาจจะต้องกระทำตรวจพิเศษ ดังเช่น เจาะเนื้อตับออกมาพิสูจน์ ตรวจเลือดเพื่อมองสาเหตุของความร้ายแรงแล้วก็ภาวะแทรกซ้อนเป็นระยะการดูแลรักษาอาจฉีดยาอินเตอร์เฟียรอน (interferon) อาทิตย์ละ 3 ครั้ง นาน 4-6 เดือน ยานี้จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัส และก็ลดการอักเสบของตับ ส่วนผู้ที่ตรวจเจอว่าเป็นพาหะ ของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี แพทย์จะเสนอแนะการกระทำตัว แล้วก็นัดหมายตรวจทุก 3-6 เดือน ไปเรื่อยๆเพื่อเฝ้าอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
  • การติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (hepatitis A virus ย่อว่า HAV) สามารถติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการกินอาหาร ดื่มนมหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของมีเชื้อโรคนี้ (เหมือนกันกับโรคบิด อหิวาตกโรค ไทฟอยด์) ฉะนั้นก็เลยสามารถแพร่กระจายได้ง่าย บางครั้งบางทีอาจพบการระบาดในค่ายทหาร สถานศึกษา หรือ หมู่บ้าน

ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus ย่อว่า HBV) เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด และยังบางทีอาจเจอมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา นม ปัสสาวะ น้ำเชื้อ น้ำเมือกในช่องคลอด เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยทางเพศสโมสร หรือถ่ายทอดจากแม่ที่มีเชื้อนี้ไปยังเด็กทารกขณะคลอด นอกจากนั้นยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด ดังเช่นว่า การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย กระบวนการทำฟัน การใช้งานเครื่องมือหมอที่แปดเปื้อนเลือดของคนที่มีเชื้อโรคจำพวกนี้ เป็นต้น
ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบประเภทบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus ย่อว่า HCV) เชื้อนี้สามารถติดต่อแบบเดียวกับไวรัสตับอักเสบบีทุกสิ่งทุกอย่าง และก็มีการดำเนินของโรคชนิดเดียวกันกับไวรัสตับอักเสบบี กล่าวคือ อาจทำให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือคนที่ติดเชื้อโรคบางทีอาจไม่มีอาการผิดปกติ แม้กระนั้นมีเชื้ออยู่ในร่างกายสามารถแพร่โรคให้คนอื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะของโรค (carrier) สุดท้ายบางทีอาจกำเนิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงหมายถึงตับแข็งกับโรคมะเร็งตับ ลักษณะของการเกิดอาการกลุ่มนี้ชอบไม่เจอในติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
  • ไวรัสตับอักเสบ ดี เป็นไวรัสที่แฝงมาพร้อมกับไวรัสตับอักเสบ บี พบได้ทั่วไปในกรุ๊ปประเทศยุโรป โดยเชื้อไวรัสตัวนี้ จำต้องอาศัยองค์ประกอบของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สำหรับการแบ่งตัว ด้วยเหตุดังกล่าวการติดเชื้อจะเกิดขึ้นพร้อมกับไวรัสตับอักเสบบีหรือกำเนิดในผู้เจ็บป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซ่อนเร้นอยู่ ในร่างกาย เพราะเหตุนี้การติดต่อก็เลยมีลักษณะราวกับเชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทบี
  • ไวรัสตับอักเสบอี การเกิดโรคในคนนั้นคนไข้หลายๆรายมีประวัติสัมผัสหรือกินอาหารสุกๆดิบๆซึ่งเป็นเหตุของการตำหนิดเชื้อได้ ฉะนั้นการติดต่อของเชื้อไวรัสประเภทนี้จึงมีลักษณะดังไวรัสตับอักเสบจำพวกเอ
  • การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ
  • ทำตามหมอและก็พยาบาลที่ดูแลรักษาชี้แนะ
  • พักเต็มกำลัง ควรจะหยุดงาน หยุดสถานที่เรียนตามแพทย์ชี้แนะ
  • กินน้ำสะอาดให้มากๆขั้นต่ำวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำกิน
  • กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ แม้กระนั้นควรจะเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากๆ
  • กินยาที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆตามแพทย์ชี้แนะ
  • ไม่ซื้อยารับประทานเองเพราะอาจจะส่งผลให้ตับอักเสบมากขึ้น หรืออาจมีผลข้างเคียงจากยามากขึ้น ด้วยเหตุว่าตับไม่สามารถที่จะกำจัดยาส่วนเกินออกจากร่างกายได้ตามธรรมดา
  • งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกประเภทเนื่องจากจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
  • รักษาสุขอนามัยรากฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อมีร่างกายแข็งแรง ลดความรุนแรงของโรค รวมทั้งลดการแพร่เชื้อสู่คนอื่น
  • ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนอาหารรวมทั้งหลังการขับถ่าย
  • แยกของใช้ ของใช้ส่วนตัว โดยยิ่งไปกว่านั้นแก้วน้ำและช้อน
  • เจอหมอตามนัดเสมอ และก็รีบพบหมอก่อนนัดหมายเมื่อมีลักษณะอาการไม่ดีเหมือนปกติไปจากเดิม รวมทั้ง/หรือ เมื่ออาการต่างๆเหลวแหลกลง แล้วก็/หรือเมื่อกังวลในอาการ
  • ควรรีบเจอหมอก่อนนัดหรือเป็นการเร่งด่วนเมื่อรับประทาน/ดื่มไม่ได้ หรือกำเนิดอาการงวยงง และ/หรือซึมลง เนื่องจากบางทีอาจเป็นลักษณะของตับวาย
  • การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคไวรัสตับอักเสบ
  • รักษาสุขอนามัยฐานราก (สุขข้อบังคับแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนอาหารรวมทั้งหลังการขับถ่าย
  • รับประทานแต่ว่าของกินที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแม้กระนั้นน้ำที่สะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง แล้วก็อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ
  • รักษาความสะอาดแก้วน้ำและช้อนเสมอ
  • ระแวดระวังการสัมผัสเลือดแล้วก็สารคัดหลั่งของบุคคลอื่น โดยเฉพาะการใช้งานเครื่องมือบาง อย่างด้วยกันตัวอย่างเช่น เข็มฉีดยา เครื่องไม้เครื่องมือสักตามร่างกาย และกรรไกรตัดเล็บ
  • ใช้ถุงยางชายเสมอเมื่อร่วมเพศ
  • ฉีดยาคุ้มครองปกป้องโรคไวรัสตับอักเสบจำพวกมีวัคซีน
  • การฉีดวัคซีนป้องกัน เชื้อไวรัสตับอักเสบบเอ

o          ทารกแรกคลอดทุกราย โดยยิ่งไปกว่านั้นหากคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o          เด็กทั่วๆไป เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน
o          เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ อาจเคยติดเชื้โรคไวรัสตับอักเสบ[/url] เอ แล้ว
o         จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรค

  • การฉีดวัคซีนคุ้มครอง เชื้อไวรัสตับอักเสบบี

o       ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o         เด็กทั่วๆไป เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
o         เด็กโต วัยรุ่น คนแก่ อาจเคยติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบ บี แล้ว ให้ตรวจเลือดก่อนพินิจพิเคราะห์ฉีด วัคซีน

  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ

    ลูกใต้ใบ หรือ จูเกี๋ยเช่า เป็นหนึ่งสมุนไพรบำบัดตับ ต้นของลูกใต้ใบสามารถแก้ตับอักเสบ ต้นลูกใต้ใบประกอบด้วย สารไกลโคไซด์( Glycosides) ซาโพนิน (Saponin) แทนนิน (tannins) สารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นกลุ่มสารพฤกษเคมี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพืชนั้น ลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า สามารถป้องกันความเป็นพิษของยาพาราเซตตามอลต่อตับได้ และยังมีผลการวิจัยพบสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ อย่าง เหล้า ช่วยรักษาการอักเสบของตับทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี และยังพบว่าทำให้การตับฟื้นตัวและยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ( HBV) ได้อีกด้วย
    โดยมีการทดลองและศึกษาวิจัยระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบ
    จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของ ลูกใต้ใบ มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในเมืองมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
    เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) ออกฤทธิ์ยับยั้งสารพิษต่อตับ ไม่ให้ทำลายเซลล์ตับ เช่นสาร คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ปรับปรุงการทำงานของตับ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และสารเยอร์มาเนียม(germanium )ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีกรดกาโนเดอลิก (ganoderic acid) กรดลูซิเดนิก (luci denic acid) เป็นสารต่อต้านสารพิษที่มีต่อตับ ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในตับ
    เอกสารอ้างอิง

  • โรคตับอักเสบ สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.
  • ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.ไวรัสตับอักเสบ(Viral hepatitis) .หาหมอดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.พญ.จันทพงษ์ วะสี. โรคตับอักเสบ จากเชื้อไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่81.คอลัมน์โรคน่ารู้.มกราคม.2529
  • มารู้จักไวรัสตับอักเสบกันเถอะ.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน.คณะเวชศาสตร์เขตร้อน.มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.นพ.สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ.ตับอักเสบจากไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่291.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กรกฏาคม.2546
  • รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์.การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่121.คอลัมน์โลกกว้างและการแพทย์.พฤษภาคม.2541 http://www.disthai.com/[/b]
  • ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหนะนำโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
  • สมพนธ์ บุณยคุปต์.(2538).ตับอักเสบ. งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.แผ่นพับ.
  • ทวีศักดิ์ แทนวันดี.(ม.ป.ป.).โรคตับอักเสบจากไวรัสซี. เชอริง-พราว จำกัด.
  • ชมรมตับอักเสบแห่งประเทศไทย (ม.ป.ป.).ไวรัสตับอักเสบมฤตยูเงียบ.เชอริง-พราว จำกัด.
  • ยง ภู่วรรณ.(2539).ไวรัสตับอักเสบและการป้องกัน. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ