โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 39 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 22, 2018, 01:11:28 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)

  • โรคไวรัสตับอักเสบเป็นอย่างไร ตับนับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีน้ำหนักราว 1.5 กก. อยู่ข้างหลังเครื่องกั้นลมและมีบทบาทที่สำคัญต่างๆดังนี้ เป็นคลังสะสมของกิน อาทิเช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ และปลดปล่อยเมื่อร่างกายอยากได้ สังเคราะห์สารต่างๆดังเช่น น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน กำจัดพิษ แล้วก็สิ่งเจือปน เป็นต้นว่าเชื้อโรค หรือยา แต่ในตอนนี้คนประเทศไทยมีอัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ สภาวะไขมันสะสมในตับ และโรคตับอักเสบ ผู้ที่เจ็บป่วยจากโรคตับอักเสบเจอได้ทุกวัย ทั้งชายและก็หญิง ส่วนมากเป็นโรคตับอักเสบกระทันหัน ส่วนน้อยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังแล้วก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับ

    ตับอักเสบ เป็นภาวะด้านการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับและก็เกิดการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้การทำหน้าที่ต่างๆของตับไม่ดีเหมือนปกติ ร่างกายอาจออกอาการป่วยเล็กน้อยไหมแสดงอาการเลยแม้กระนั้นมักจะส่งผลให้เกิดอาการโรคตับเหลือง อาการไม่อยากกินอาหาร แล้วก็อาการไข้ 
    สาเหตุของโรคตับอักเสบ ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การตำหนิดื้อไวรัส รองลงมามีเหตุที่เกิดจาก พิษสุรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัวเลปโตสไปโสสิส พยาธิ ยาบางชนิด สารเคมี โดยส่วนมากจะมีต้นเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสประเภทต่างๆซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน คือ ไวรัสตับอักเสบประเภท อี ซึ่งแต่ละชนิดมีความไม่เหมือนกันในเนื้อหาโดยธรรมดาเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสตับอับเสบ ระบบภูมิต้านทานจะสามารถกำจัดเชื้อและก็จะหายเองได้ แม้กระนั้นมีบางรายร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด กลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง รวมทั้งนำไปสู่ภาวะโรคตับแข็งแล้วก็มะเร็งตับต่อไป
    นอกจากนั้นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) เป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุ่นแรงสูงและคือปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง หน่วยงานอนามันโลก หรือ WHO นับว่าโรคนี้คือปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว เพื่อให้สามัญชนโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกก็เลยประกาศให้วัน ที่ 28 กรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)”

  • สาเหตุของโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ โรคไวรัสตับอักเสบนั้นนับเป็นเลิศในกรุ๊ปโรคตับอักเสบ ที่มีปัจจัยมมาจากการตำหนิดเชื้อไวรัส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส 5 จำพวกหมายถึงHepatitis A virus (HAV), Hepatitis B virus (HBV), Hepatitis C virus (HCV), Hepatitis D virus (HDV) Hepatitis E virus (HEV) นอกจากนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะสาเหตุอื่นหรือเชื้อไวรัสตัวอื่นอีก ซึ่งยังไม่สามารถตรวจเจอได้ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังกล่าวข้างต้นสามารถแบ่งได้ 2 กรุ๊ป คือ
  • กลุ่มที่ติดต่อทางการกิน ตัวอย่างเช่น HAV รวมทั้ง HEV โดยธรรมดาอาการไม่รุนแรงมากนัก และไม่มีผลข้างเคียงตามมา ผู้ป่วยที่หายจากการตำหนิดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะทันควันแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง และโรคมะเร็ง
  • กรุ๊ปที่ติดต่อทางเลือด รวมทั้งเซ็กซ์ ได้แก่ HBV และ HCV ไวรัสกลุ่มนี้มีอาการแทรกตามมาได้สูง เพราะคนไข้จำนวนไม่น้อยมีลักษณะติดเชื้อเรื้อรัง แล้วก็อาจแปลงเป็นโรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับได้
  • อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ อาการ ที่แน่ชัดเป็นอ่อนล้า ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวเหลืองเสมือนขมิ้น) โดยมักไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย บางบุคคลอาจมีลักษณะของการปวดเสียด หรือจุกแน่น แถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา (ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ) ในบางคนอาจสังเกตได้ว่า ก่อนมีลักษณะโรคตับเหลือง จะมีลักษณะอาการดีซ่าน จะมีอาการป่วย อ่อนแรง ไม่อยากกินอาหาร เหมือนไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการอ้วก คลื่นไส้ ถ่าย เหลว หรือท้องเดินร่วมด้วย เมื่อไข้ลด (อาจมีไข้อยู่ 4-5วัน) ก็สังเกตเห็นเยี่ยวเป็นสีเหลืองเข้ม แล้วเห็นอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา

    นอกเหนือจากนั้น ถ้าเกิดผู้เจ็บป่วยได้รับการเจาะเลือดตรวจจะพบว่า ระดับเอนไซม์ทรานซาไม่เนส ยกตัวอย่างเช่น เอสจีโอที (SGOT) แล้วก็เอสจีพีที (SGPT) ขึ้นสูงขึ้นมากยิ่งกว่าคนปกติ ทำให้วินิจฉัยได้แน่นอนว่า อาการโรคดีซ่านที่เกิดขึ้นมาจากโรคตับนั้น เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส ผู้เจ็บป่วยจะรู้สึกสบายขึ้น หายอ่อนแรง หายเบื่อข้าว ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จะมีลักษณะเมื่อยล้า อิดโรยง่าย บางเวลามีอาการตาเหลืองนิดหน่อย นานเป็นปีฯ ถึงสิบๆปี ก่อนจะเกิดภาวะเข้าแทรกอื่นๆตามมา ส่วนผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอับเสบบีหรือซี จะไม่มีอาการเปลี่ยนไปจากปกติอะไรก็แล้วแต่ให้เห็นจะรู้ต่อเมื่อตรวจเลือดพบเชื้อเพียงแค่นั้น ซึ่งถ้าหากจะแยกอาการตามชนิดของไวรัสที่ทำให้มีการเกิดโรคตับอักเสบนั้นสามารถแยกได้ดังต่อไปนี้
    เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ จะเกิดอาการตับอักเสบกะทันหันคือ อ่อนล้า ไม่อยากอาหาร ดีซ่าน โดยในผู้ใหญ่จะมีลักษณะอาการมากยิ่งกว่าในเด็ก ไวรัสตับอักเสบเอเป็นไวรัสที่เป็นรุนแรง หายแล้วหายสนิทในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก
    ไวรัสตับอักเสบบี การต่อว่าดเชื้อจากไวรัสจำพวกนี้ชอบทำให้เกิดการแฝงตัวเป็นเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยผลที่เกิดในระยะยาวของการต่อว่าดเชื้อไวรัสบีนั้นเป็น คนไข้มีการเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะตับแข็ง และก็โรคมะเร็งตับได้ในระยะยาว ถ้าหากไม่ได้รับการตำหนิดตามรักษาที่เหมาะสม
    ไวรัสตับอักเสบ ซี ไวรัสจำพวกนี้มักไม่กระตุ้นให้เกิดอาการแตกต่างจากปกติอะไรก็แล้วแต่จากภาวการณ์ตับอักเสบฉับพลัน แต่จะมีผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของตับ เมื่อมีการอักเสบไปนานๆก็จะเกิดพังผืดสะสมในตับกระทั่งเปลี่ยนเป็นตับแข็งในที่สุด
    ไวรัสตับอักเสบ ดี ลักษณะของเชื้อไวรัสจำพวกนี้จะก่อให้กำเนิดตับอักเสบซ้ำซ้อนขึ้นมา เหมือนกันกับผู้ป่วยเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
    เชื้อไวรัสตับอักเสบ อี การเกิดโรคของไวรัสจำพวกนี้จะก่อให้เกิดตับอักเสบฉับพลัน ตัวเหลืองตาเหลือง ผู้ป่วยหลายๆรายอาจมีอาการเหลืองนานเป็นอาทิตย์ หรือ สองสามเดือนได้

  • กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงจะเป็นโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ

ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ฝูงคนที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอสูงเป็น กลุ่มที่มีสุขลักษณะหรือการสุขาภิบาลไม่ดี ได้แก่ รับประทานอาหารครึ่งดิบครึ่งสุกกินอาการหรือน้ำกินที่ไม่สะอาดรวมทั้งผู้ที่อยู่ในสถานที่ยัดเยียด
ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เพราะว่า เชื้อไวรัสประเภทนี้พบบ่อยในสารคัดเลือกหลั่งของมนุษย์ เช่น เลือด นม อสุจิ น้ำลาย ฉะนั้นกรุ๊ปเสี่ยงสำหรับเพื่อการติดโรคเชื้อไวรัสจำพวกนี้ ก็เลยได้แก้คนที่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งพวกนี้ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถติดโรคจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย
ไวรัสตับอักเสบชนิดซี กรุ๊ปบุคคลที่มีความเสี่ยงสำหรับในการติดเชื้อโรค ได้แก่ บุคคลที่ใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน อย่างเช่น ผู้ติดผงขาว กรุ๊ปผู้ที่ชอบสักตามร่างกาย ฯลฯ
ไวรัสตับอักเสบประเภทดี เชื้อไวรัสจำพวกนี้เป็นไวรัสที่มักจะพบว่าเกิดขึ้นพร้อมทั้งไวรัสตับอักเสบบี ด้วยเหตุดังกล่าวกรุ๊ปเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบดีก็เลยเป็นกรุ๊ปที่มีความประพฤติเสี่ยง เหมือนกันกับผู้ที่เสี่ยงจะติดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบชนิดอี เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถเจอได้ในคนรวมทั้งสัตว์ ดังเช่นว่า หมูรวมทั้งสัตว์อื่นๆและก็กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงตายดเชื้อไวรัสจำพวกนี้ยกตัวอย่างเช่นบุคคลที่รับประทานอาหารสุบๆดิบๆหรือคนที่สีสุขสภาวะไม่สะอาดเป็นต้น

  • กรรมวิธีการรักษโรคไวรัสตับอักเสบ[/url] หมอวินิจฉัยโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบได้จาก เรื่องราวอาการของคนไข้ เรื่องราวสัมผัสโรค (ได้แก่ การกินของกิน การได้รับเลือด การระบาดของโรคในสถานที่ทำงาน การร่วมเพศสำส่อน หรือการใช้ยาเสพติด) การตรวจร่างกาย ถ้าเกิดมีลักษณะอาการเด่นชัดหมายถึงมีลักษณะอาการอ่อนล้า โรคตับเหลือง โดยมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่เอามาก่อน ไม่มีความเป็นมาดื่มสุราจัด น้ำหนักลดนิดหน่อย (เพียง 1-2 กิโลกรัม) ยังทานอาหารได้ ดื่มน้ำได้ ไม่อาเจียน แพทย์จะวิเคราะห์โดยการตรวจร่างกายเพิ่มอีก ดังเช่นว่า ตรวจเจอตับโตน้อย ลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บมากมาย โดยไม่เจอสิ่งผิดปกติอื่นๆแล้วก็ไม่พบลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ก็อาจวิเคราะห์ว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส และให้การรักษาขั้นต้นได้ แต่ถ้าเกิดมีลักษณะอาการไม่ชัดแจ้ง หรือเป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีต้นเหตุที่เกิดจากมูลเหตุอื่น หมอจะกระทำการตรวจการดำเนินการของตับ โดยการหาระดับ SGOTAST,SGPT ALTค่าธรรมดาน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าค่ามากยิ่งกว่า 1.5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ ถ้าพบว่าผิดปกติแพทย์จะขอตรวจเดือนละครั้งติดต่อกันอย่างต่ำ 3 เดือน การตรวจค้นตัวเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจหา Ig M Anti HAV ไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจค้น HBsAg หากบวกมีความหมายว่ามีเชื้ออยู่   Anti HBs ถ้าหากบวกแปลว่ามีภูมิต่อเชื้อ  HBeAg หากบวกมีความหมายว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาปริมาณเชื้อ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการกล่าวว่ามีภูเขามิต่อเชื้อ  HCV-RNA ดูปริมาณของเชื้อ การตรวจตราองค์ประกอบของตับ ดังเช่นว่าการตรวจคลื่นเสียงเพื่อมองว่ามีตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับไหม การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้ชำนาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวินิจฉัยความรุนแรงของโรค    เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส แพทย์จะเสนอแนะการกระทำตัวต่างๆถ้าเกิดว่าไม่มีอาการอะไรมากมายก่ายกองก็จะไม่ให้ยา เนื่องเพราะโรคนี้ไม่มียารักษาเจาะจง รวมทั้งนัดหมายคนป่วยมาตรวจตราอาการทุก 1-2อาทิตย์ จนกระทั่งจะมั่นใจว่าหายดี  คนเจ็บโรคตับอักเสบไวรัสโดยมากมักมีลักษณะอาการไม่ร้ายแรง หากแม้ไม่ได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษก็หายได้เอง คนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเป็นผู้ที่มีลักษณะอาการเมื่อยล้ามากมาย กินอาหารไม่ได้ อาเจียนอ้วกมาก เจ็บท้องมาก ตัวเหลืองจัด ปวดมึนหัวรุนแรง พูดไม่รู้เรื่อง หรือไม่รู้สึกตัว รวมทั้งหญิงมีครรภ์และผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นอยู่เดิม  บางครั้งบางคราวอาจให้ยาทุเลาตามอาการ เช่น ยาแก้คลื่นไส้ วิตามินบำรุง (ถ้าหากเบื่อข้าวมากมาย) ฉีดเดกซ์โทรสหรือให้น้ำเกลือ (ถ้ากินได้น้อย หรือคลื่นไส้มาก) ฯลฯ ถ้าหากว่าตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง (ซึ่ง มักมีเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี) ซึ่งจะมีลักษณะอาการอักเสบนานเกิน 6 เดือน แพทย์อาจต้องกระทำการตรวจพิเศษ อย่างเช่น เจาะเนื้อตับออกมาพิสูจน์ ตรวจเลือดเพื่อดูสาเหตุของความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนเป็นระยะการดูแลและรักษาอาจฉีดยาอินเตอร์เฟียรอน (interferon) สัปดาห์ละ 3 ครั้ง นาน 4-6 เดือน ยานี้จะช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัส รวมทั้งลดการอักเสบของตับ ส่วนคนที่ตรวจพบว่าเป็นพาหะ ของไวรัสตับอักเสบบีหรือซี แพทย์จะชี้แนะการปฏิบัติตัว และก็นัดตรวจทุก 3-6 เดือน ไปเรื่อยๆเพื่อเฝ้าอาการเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
  • การติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (hepatitis A virus ย่อว่า HAV) สามารถติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการกินของกิน ดื่มนมหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของมีเชื้อโรคนี้ (เช่นเดียวกับโรคบิด อหิวาตกโรค ไข้รากสาดน้อย) เพราะฉะนั้นก็เลยสามารถแพร่ขยายได้ง่าย ครั้งคราวบางทีอาจพบการระบาดในค่ายทหาร สถานศึกษา หรือ หมู่บ้าน

ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจากไวรัสเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus ย่อว่า HBV) เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด แล้วก็ยังบางทีอาจพบมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา นม เยี่ยว น้ำอสุจิ น้ำมูกในช่องคลอด เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยทางเพศชมรม หรือถ่ายทอดจากแม่ที่มีเชื้อนี้ไปยังเด็กทารกขณะคลอด นอกเหนือจากนั้นยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด ดังเช่นว่า การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย กระบวนการทำฟัน การใช้เครื่องมือแพทย์ที่แปดเปื้อนเลือดของผู้ที่มีเชื้อโรคจำพวกนี้ ฯลฯ
ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบประเภทบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus ย่อว่า HCV) เชื้อนี้สามารถติดต่อลักษณะเดียวกันกับไวรัสตับอักเสบบีทุกสิ่ง และก็มีการดำเนินของโรคชนิดเดียวกันกับไวรัสตับอักเสบบี กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจจะส่งผลให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือคนที่ติดโรคบางทีอาจไม่มีอาการไม่ดีเหมือนปกติ แต่มีเชื้ออยู่ในร่างกายสามารถแพร่โรคให้บุคคลอื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะของโรค (carrier) ในที่สุดอาจเกิดโรคแทรกร้ายแรงหมายถึงตับแข็งกับมะเร็งตับ ลักษณะของการมีอาการเหล่านี้มักจะไม่เจอในติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบเอ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดี เป็นเชื้อไวรัสที่ซ่อนเร้นมาพร้อมกับเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี พบได้มากในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเชื้อไวรัสตัวนี้ จะต้องอาศัยส่วนประกอบของไวรัสตับอักเสบบี สำหรับในการแบ่งตัว ดังนั้นการตำหนิดเชื้อจะเกิดขึ้นพร้อมทั้งไวรัสตับอักเสบบีหรือเกิดในคนเจ็บที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซ่อนเร้นอยู่ ในร่างกาย ด้วยประการฉะนี้การติดต่อจึงมีลักษณะราวไวรัสตับอักเสบชนิดบี
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบอี การเกิดโรคในคนนั้นคนป่วยหลายๆรายมีประวัติสัมผัสหรือทานอาหารสุกๆดิบๆซึ่งเป็นเหตุของการติดเชื้อได้ ด้วยเหตุนี้การติดต่อของไวรัสประเภทนี้ก็เลยมีลักษณะเหมือนกับเชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทเอ
  • การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบ
  • ทำตามหมอรวมทั้งพยาบาลที่ดูแลชี้แนะ
  • พักผ่อนเต็มที่ ควรหยุดงาน หยุดสถานที่เรียนตามแพทย์เสนอแนะ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆอย่างต่ำวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคจะต้องจำกัดน้ำ
  • รับประทานอาหารมีสาระ 5 หมู่ แม้กระนั้นควรเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากๆ
  • รับประทานยาที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆตามแพทย์แนะนำ
  • ไม่ซื้อยากินเองเพราะว่าอาจทำให้ตับอักเสบเพิ่มขึ้น หรืออาจมีผลกระทบจากยามากขึ้น ด้วยเหตุว่าตับไม่สามารถกำจัดยาส่วนเกินออกมาจากร่างกายได้ตามธรรมดา
  • งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทด้วยเหตุว่าจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
  • รักษาสุขลักษณะฐานราก (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ลดความร้ายแรงของโรค และลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
  • ล้างมือให้สะอาดเสมอๆโดยยิ่งไปกว่านั้นก่อนรับประทานอาหารแล้วก็หลังการขับถ่าย
  • แยกเครื่องใช้สอย ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะถ้วยน้ำรวมทั้งช้อน
  • เจอแพทย์ตามนัดหมายเสมอ แล้วก็รีบพบหมอก่อนนัดหมายเมื่อมีลักษณะอาการแตกต่างจากปกติไปจากเดิม รวมทั้ง/หรือ เมื่ออาการต่างๆชั่วช้าสารเลวลง และก็/หรือเมื่อกังวลในอาการ
  • ควรรีบเจอแพทย์ก่อนนัดหมายหรือเป็นการฉุกเฉินเมื่อรับประทาน/ดื่มมิได้ หรือกำเนิดอาการงวยงง และก็/หรือซึมลง ด้วยเหตุว่าบางทีอาจเป็นอาการของตับวาย
  • การปกป้องตัวเองจากโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ
  • รักษาสุขอนามัยเบื้องต้น (สุขข้อบังคับแห่งชาติ) เพื่อลดช่องทางติดโรคต่างๆ
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอโดยยิ่งไปกว่านั้นก่อนกินอาหารและก็หลังการขับถ่าย
  • กินแต่อาหารที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแต่ว่าน้ำสะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง และอาหารสุกๆดิบๆ
  • รักษาความสะอาดถ้วยน้ำแล้วก็ช้อนเสมอ
  • ระแวดระวังการสัมผัสเลือดรวมทั้งสารคัดเลือกหลั่งของบุคคลอื่น โดยยิ่งไปกว่านั้นการใช้เครื่องมือบาง อย่างด้วยกันดังเช่นว่า เข็มฉีดยา วัสดุสักตามร่างกาย และกรรไกรตัดเล็บ
  • ใช้ถุงยางอนามัยชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ฉีดวัคซีนคุ้มครองโรคไวรัสตับอักเสบจำพวกมีวัคซีน
  • การฉีดยาคุ้มครอง เชื้อไวรัสตับอักเสบบเอ

o          ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o          เด็กทั่วๆไป เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
o          เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ บางทีอาจเคยติดโรคไวรัสตับอักเสบ เอ แล้ว
o         จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อโรค

  • การฉีดวัคซีนคุ้มครองปกป้อง ไวรัสตับอักเสบบี

o       ทารกแรกคลอดทุกราย โดยยิ่งไปกว่านั้นหากมารดาเป็นพาหะของเชื้อ
o         เด็กทั่วๆไป เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
o         เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ บางทีอาจเคยติดโรคไวรัสตับอักเสบ บี แล้ว ให้ตรวจเลือดก่อนพินิจฉีด วัคซีน

  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ

    ลูกใต้ใบ หรือ จูเกี๋ยเช่า เป็นหนึ่งสมุนไพรบำบัดตับ ต้นของลูกใต้ใบสามารถแก้ตับอักเสบ ต้นลูกใต้ใบประกอบด้วย สารไกลโคไซด์( Glycosides) ซาโพนิน (Saponin) แทนนิน (tannins) สารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นกลุ่มสารพฤกษเคมี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพืชนั้น ลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า สามารถป้องกันความเป็นพิษของยาพาราเซตตามอลต่อตับได้ และยังมีผลการวิจัยพบสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ อย่าง เหล้า ช่วยรักษาการอักเสบของตับทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี และยังพบว่าทำให้การตับฟื้นตัวและยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ( HBV) ได้อีกด้วย
    โดยมีการทดลองและศึกษาวิจัยระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบ
    จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของ ลูกใต้ใบ มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในเมืองมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
    เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) ออกฤทธิ์ยับยั้งสารพิษต่อตับ ไม่ให้ทำลายเซลล์ตับ เช่นสาร คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ปรับปรุงการทำงานของตับ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และสารเยอร์มาเนียม(germanium )ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีกรดกาโนเดอลิก (ganoderic acid) กรดลูซิเดนิก (luci denic acid) เป็นสารต่อต้านสารพิษที่มีต่อตับ ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในตับ
    เอกสารอ้างอิง

  • โรคตับอักเสบ สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.
  • ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.ไวรัสตับอักเสบ(Viral hepatitis) .หาหมอดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.พญ.จันทพงษ์ วะสี. โรคตับอักเสบ จากเชื้อไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่81.คอลัมน์โรคน่ารู้.มกราคม.2529
  • มารู้จักไวรัสตับอักเสบกันเถอะ.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน.คณะเวชศาสตร์เขตร้อน.มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.นพ.สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ.ตับอักเสบจากไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่291.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กรกฏาคม.2546
  • รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์.การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่121.คอลัมน์โลกกว้างและการแพทย์.พฤษภาคม.2541 http://www.disthai.com/[/b]
  • ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหนะนำโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
  • สมพนธ์ บุณยคุปต์.(2538).ตับอักเสบ. งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.แผ่นพับ.
  • ทวีศักดิ์ แทนวันดี.(ม.ป.ป.).โรคตับอักเสบจากไวรัสซี. เชอริง-พราว จำกัด.
  • ชมรมตับอักเสบแห่งประเทศไทย (ม.ป.ป.).ไวรัสตับอักเสบมฤตยูเงียบ.เชอริง-พราว จำกัด.
  • ยง ภู่วรรณ.(2539).ไวรัสตับอักเสบและการป้องกัน. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ.


Tags : โรคไวรัสตับอักเสบ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ