โรคเบาหวาน-อาการ-สาเหตุ-วิธีรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเบาหวาน-อาการ-สาเหตุ-วิธีรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 15 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 23, 2018, 12:08:24 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


เบาหวาน(Diabetes Mellitus)

  • เบาหวานเป็นยังไง ความหมายของโรคเบาหวาน สมาคมโรคเบาหวานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้คำจำกัดความเบาหวานไว้เป็นเบาหวานเป็นกรุ๊ปโรคทางเมตะบอลิซึมที่แสดงอาการ โดยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นผสมมาจาก ความผิดปกติของการหลั่งอินซูลิน หรือการออกฤทธิ์ของอินซูลิน หรือทั้งคู่อย่าง สภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง จะสำเร็จให้มีการเสื่อมของอวัยวะภายในร่างกาย ในระยะยาวกำเนิดโรคแทรกและทำให้การขายหน้าที่ ของอวัยวะที่สำคัญหลายอวัยวะสถานที่ทำงานล้มเหลวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตา ไต ระบบประสาท หัวใจรวมทั้งเส้นเลือด

    ประวัติความเป็นมาโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน มีหลักฐานปรากฏในกระดาษปาปิรุสของอียิปต์ ซึ่งเป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ดั้งเดิมเยอะที่สุดชิ้นหนึ่ง จากการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางโบราณคดีพบว่ากระดาษที่บันทึกเกี่ยวกับหัวข้อนี้นั้นแก่ราว 1500 ปีกลาย คริสตกาล จึงแสดงว่า “เบาหวาน” เป็นโรคที่โบราณมากมาย รวมทั้งเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 มีการเจอบันทึกของหมอชาวภาษากรีก ชื่อ “อารีอุส” ซึ่งได้บันทึกลักษณะของโรคที่มีลักษณะของการกัดกินเนื้อหนังและก็มีการฉี่เยอะมากๆในแต่ละครั้ง โดย “อารีอุส” ได้ตั้งชื่อโรคนี้ว่า diabetes insipidus ซึ่งปัจจุบันนี้ชื่อเรียกนี้จะคือโรค “ค่อยจืดชืด”
    ผ่านไปอีกเกือบ 1700 ปี ได้มีคำว่า mellitus เกิดขึ้น mellitus เป็นภาษาลาติน หมายความว่า น้ำผึ้ง ซึ่งนำมาใช้เรียกโรคที่มีลักษณะอาการแบบเดียวกับ diabetes โดยเป็น “โรคเบาหวาน”
    ในขณะนี้เบาหวานเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั้งโลก อุบัติการณ์ของโรคเบาหวานมีลัษณะทิศทางเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลของสมาพันธ์ โรคเบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) พบว่าผู้ป่วย เบาหวานทั้งโลก ว่ามีจำนวน 285 ล้านคน แล้วก็ ในปี 2553 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 438 ล้านคน ที่สำคัญในจำนวนนี้ 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย ในการคาดราวจำนวนราษฎรที่เป็น โรคเบาหวานในอนาคตของเมืองไทยโดยสำนักควบคุมโรคไม่ติดต่อ พบว่า ระหว่างปี พ.ศ. 2554-2563 จะมีจำนวนประชากรที่เป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นอยู่ในตอน 501,299 -553,941 คน/ปี และก็ในปี พ.ศ. 2563 จะมีปริมาณคนป่วยเบาหวานราย ใหม่สูงถึง 8,200,000 คน ประเทศไทยได้กำหนโรคเบาหวาน[/url]เป็นโรควิถีชีวิตที่สำคัญหนึ่งในห้าโรคที่กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงวิถีชีวิตไทย พ.ศ. 2554 -2563 จากการสำรวจสุขภาพคนไทยครั้งล่าสุดในปี พุทธศักราช 2554 พบว่าอัตราป่วยเป็น โรคเรื้อรัง พุทธศักราช 2544 - 2552 มีผู้เจ็บป่วยเป็นเบาหวานมากขึ้นจาก 288 คน เป็น 736 คน ต่อประชากรแสนคน
    โดยปกติ โรคเบาหวานสามารถ แบ่งได้ 2 ชนิดหลัก คือ โรคเบาหวานจำพวก 1 (Diabetes mellitus type 1), โรคเบาหวานจำพวก 2 (Diabetes mellitus type 2)
    เบาหวานจำพวก 1 เบาหวานประเภทต้องพึ่งอินซูลิน (Insulin-dependent diabetes mellitus) และเพราะเหตุว่าเบาหวานประเภทนี้พบได้ทั่วไปในเด็กรวมทั้งวัยรุ่น ก็เลยเรียกได้อีกชื่อว่า โรคเบาหวานในเด็กแล้วก็วัยรุ่น หรือ Juvenile diabetes mellitus
    โรคเบาหวานชนิด 2 โรคเบาหวานในคนแก่ (Adult onset diabetes mellitus) แล้วก็เป็นโรคเบาหวานที่ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งอินซูลิน (Non- insulin-dependent diabetes mellitus)
    ตารางเทียบโรคเบาหวานประเภทที่ 1 รวมทั้งจำพวกที่ 2
         เบาหวานประเภทที่1   เบาหวานประเภทที่
    กลุ่มวัยมักเกิดกับผู้สูงอายุน้อยกว่า 40ปี     มักกำเนิดกับผู้สูงวัย 40 ปี ขึ้นไป
    น้ำหนักตัวซูบผอมอ้วน
    หลักการทำงานของตับอ่อน ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้           
    1.สามารถผลิตอินซูลินได้บ้าง
    2.ผลิตได้ปกติแต่ว่าอินซูลินไม่มีคุณภาพ
    3.เซลล์ร่างกายต่อต้านอินซูลิน
    การแสดงออกของอาการ    กำเนิดอาการร้ายแรง             
    1.ไม่มีอาการเลย
    2.มีลักษณะเล็กน้อย
    3.อาการร้ายแรง จนกระทั่งช็อกหมดสติได้
    การรักษา              เพิ่มปริมาณอินซูลินภายในร่างกาย            บางทีอาจใช้การควบคุมเรื่องของการรับประทานอาหารได้

  • ที่มาของโรคเบาหวาน ในคนปกติในระยะที่ไม่ได้รับประทานอาหารตับจะมีการสร้างน้ำตาลออกมาตลอดเวลาเพื่อให้เป็นอาหารของสมองแล้วก็อวัยวะอื่นๆในช่วงหลังกินอาหารพวกแป้งจะมีการย่อยเป็นน้ำตาลเดกซ์โทรสไปสู่กระแสโลหิต ระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นจะกระตุ้นให้มีการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนเพื่อเพิ่มการนำน้ำตาลไปใช้ทำให้ระดับน้ำตาลลดน้อยลงมาเป็นปกติ ในคนไข้เบาหวานที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากการขาดอินซูลินหรือซุกซนต่อฤทธิ์ของอินซูลินทำให้ไม่สามารถใช้น้ำตาลได้ ช่วงเวลาเดียวกันมีการสลายไขมันและก็โปรตีนในเนื้อเยื่อมาสร้างเป็นน้ำตาลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีน้ำตาลในเลือดสูง จนกระทั่งล้นออกมาทางไตและมีน้ำตาลในฉี่ เป็นที่มาของคำว่า”โรคเบาหวาน”

ระดับน้ำตาลในเลือดคนธรรมดาเป็นเท่าไหร่
ตาราง ค่าน้ำตาลในเลือด (มิลลิกรัมดล.)
                น้ำตาลในเลือดเมื่องดอาหาร            น้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร
คนธรรมดา               60 – น้อยกว่า 100               น้อยกว่า 140
ภาวการณ์มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน       100 – น้อยกว่า 126             140 – น้อยกว่า 200
โรคเบาหวาน   126 ขึ้นไป              200 ขึ้นไป
ดังนั้นเบาหวาน ก็เลยมีเหตุที่เกิดจากความไม่ปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินน้อยเกินไป ที่ส่งผลทำให้ระดับ น้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกิน เบาหวานจะมีอาการเกิดขึ้นเพราะว่าการที่ร่างกายไม่สามารถที่จะใช้น้ำตาลได้อย่าง สมควร ซึ่งปกติน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้อำนาจบังคับของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งคนที่เป็นโรคเบาหวานร่างกายจะไม่อาจจะนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ ผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด สูงมากขึ้น ในระยะยาวจะส่งผลในการทำลายเส้นเลือด ถ้ามิได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะควร อาจนำมาซึ่งสถานการณ์แทรก ซ้อนที่รุนแรงได้

  • อาการโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลคนปกติจะอยู่ในช่วง 60-99 มก./ดล. ก่อนอาหารตอนเช้า คนป่วยโรคเบาหวานที่มีน้ำตาลสูงจากค่าปกติไม่มากอาจไม่มีอาการแจ้งชัด จะต้องทำการตรวจเลือดเพื่อการวิเคราะห์ ถ้าเกิดไม่รู้ว่าเป็นโรคเบาหวานมาเป็นระยะเวลานานผู้เจ็บป่วยอาจมาตรวจเจอด้วยภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานได้
กรุ๊ปอาการเด่นของโรคเบาหวานมีดังนี้

  • เยี่ยวมากกว่าธรรมดา ปัสสาวะหลายหนตอนกลางคืน เพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นเมื่อเลือดไหลผ่านไตก็ไม่สามารถที่จะเก็บกักน้ำตาลไว้ได้ ก็ถูกขับออกทางเยี่ยว ทำให้เสียน้ำออกไปทางปัสสาวะ
  • กินน้ำบ่อยมากแล้วก็มากยิ่งกว่าคนที่ไม่มีอาการ เนื่องจากว่าฉี่มากมายและก็บ่อยครั้ง ทำให้ร่างกายขาดน้ำก็เลยเกิดความอยากน้ำ
  • หิวบ่อยกินจุแม้กระนั้นผอมลง เนื่องจากอินซูลินน้อยเกินไป ไหมสามารถออกฤทธิ์ได้พอเพียง ก็เลยนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานมิได้ ทำให้มีความรู้สึกหิว รับประทานได้มาก
  • เป็นแผลหรือฝีง่าย รวมทั้งหายยากเพราะว่าน้ำตาลสูง เยื่อรอบๆที่เป็นแผลมีความชื้นสูงทำให้แรงต้านทานต่อเชื้อโรคน้อยลง
  • คันตามตัว ผิวหนังและก็รอบๆอวัยวะสืบพันธุ์ ที่มาของอาการคันกำเนิดได้หลายอย่าง ดังเช่น ผิวหนังแห้งเหลือเกิน หรือการอักเสบของผิวหนังซึ่งพบได้ทั่วไปในคนป่วยโรคเบาหวาน ส่วนการคันรอบๆของลับมักเกิดจากาความกำหนัดดเชื้อรา
  • ตาพร่ามัวจำต้องแปลงแว่นตาบ่อยมาก การที่ตาพร่ามัวในเบาหวานมูลเหตุอาจกำเนิดได้หลายประการ คือ อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสายตาแปลง (ตาสั้นลง) เมื่อน้ำตาลในเลือดสูงรวมทั้งน้ำตาลไปคั่งอยู่ในตาหรือตามัว อาจเป็นเพราะเนื่องจากต้อกระจก หรือเส้นเลือดในตาตันก็ได้
  • มือชา เท้าชา หมดความรู้สึกทางเพศ เนื่องมาจากน้ำตาลในเลือดที่สูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อม บางบุคคลอาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ พบได้บ่อยๆว่าผู้เจ็บป่วยที่ปล่อยทิ้งไม่รับการวินิจฉัยแล้วก็รับการดูแลและรักษาโรคเบาหวานตั้งแต่ต้นจะทราบว่าเป็นโรคเบาหวานก็เมื่อมีโรคแทรกขึ้นแล้ว
  • เบื่ออาหารเมื่อยล้า อ่อนเพลียง่ายไม่มีเรี่ยวแรง
  • น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบต้นเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าน้ำหนักเคยมากมายมาก่อน อันเนื่องมาจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปสร้างพลังงานได้สุดกำลัง ก็เลยจำเป็นต้องนำไขมันและโปรตีนจากกล้ามมาใช้ชดเชย

โรคแทรกซ้อนเรื้อรังที่มักพบในคนป่วยโรคเบาหวาน  ไตเสื่อม ไตวาย จากโรคเบาหวาน                   ไตเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองสารต่างๆที่อยู่ในกระแสโลหิต  มีเส้นโลหิตขนาดเล็กเยอะแยะรอบๆไต  เมื่อฝาผนังเส้นโลหิตถูกทำลายโดยน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่เป็นระยะเวลานาน  การทำหน้าที่สำหรับการกรองของไตจะเริ่มเสื่อมลง  ทำให้โปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานานกว่า  10  ปี มักเกิดปัญหาไตเสื่อม  แม้กระนั้นความร้ายแรงรวมทั้งระยะการเกิดจะมากหรือน้อยขึ้นกับการควบคุมน้ำตาลในเลือด
จอประสาทตาเสื่อและก็ต้อกระจกจากโรคเบาหวาน มีสาเหตุมาจากการสะสมรวมตัวกันของน้ำตาลรอบๆเลนส์ตา  ทำให้เลนส์ตาบวมและก็มัวลงไม่เกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดภายในลูกตา  ที่สามารถคุ้มครองป้องกันได้โดยการควบคุมน้ำตาลในเลือด บริเวณเรตินา  เป็นรอบๆที่มีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมาก  เมื่อเส้นเลือดฝอยถูกทำลายทำให้ฝาผนังเส้นเลือดฝอยโป่งพองจนแตก มีเลือดไหลออกมาในบริเวณวุ้นตา  เมื่อรอยรั่วหายก็ดีแล้วเกิดรอยแผลซึ่งจะขวางการไหลของเลือดด้านในตา  ก็เลยเกิดการผลิออกใหม่ของเส้นเลือดฝอย เพื่อช่วยสำหรับในการไหลเวียนโลหิต  แต่เส้นเลือดฝอยที่แตกหน่อใหม่จะบอบบาง  แตกง่าย  ทำให้มีเลือดออกมาอยู่ในวุ้นตาและก็จอตา  เวลานี้จะพบว่าคนป่วยมีอาการตามัว  เมื่อแผลเกิดขึ้นมากขึ้นจะสร้างเส้นใยเป็นร่างแหในลูกตา  เมื่อรอยแผลเป็นหดรัดตัว  เกิดการดึงรังรวมทั้งฉีกจนขาดของเนื้อเยื่อบริเวณส่วนหลังของลูกตา  จะมีอาการเหมือนมีม่านดำขึงผ่านขวางตาหรือเหมือนมีแสงสีดำพาดผ่านตา  ซึ่งเมื่อมีลักษณะอาการแบบนี้ให้เจอหมอรักษาสายตาทันทีเพราะอาจก่อให้ตาบอดได้
ปลายประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน เป็นโรคสอดแทรกที่มักพบในคนไข้โรคเบาหวาน  โดยไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่กรรม แต่ว่าทำให้รู้สึกหงุดหงิดแล้วก็เจ็บปวด  เป็นผลมาจากเส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงเส้นประสาทถูกทำลาย   ไม่อาจจะส่งออกสิเจนมาตามกระแสโลหิตเพื่อไปเลี้ยงเส้นประสาทได้  รวมทั้งการมีน้ำตาลสะสมรวมตัวกันอยู่รอบๆเส้นประสาทเองด้วย จึงทำให้หลักการทำงานของเส้นประสาทเสื่อมลง   การรับทราบความรู้สึกต่างๆลดน้อยลง  โดยยิ่งไปกว่านั้นบริเวณปลายมือปลายเท้า จะเกิดอาการชา  เมื่อกระทบถูกความร้อนหรือปวดจะไม่ค่อยรู้สึก  ก็เลยเป็นอันตรายกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน  ด้วยเหตุว่าอาจจะทำให้เกิดแผลได้ง่ายโดยไม่รู้สึกตัว  เมื่อเป็นมากอาจทำให้กล้ามเนื้อลีบเล็กลง  ทำงานกิจวัตรได้ลดน้อยลง
 นับเป็นโรคเข้าแทรกที่รุกรามต่อชีวิตได้  ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะเจ็บแน่นหน้าอก จากเส้นโลหิตหัวใจตีบ  กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนถึงกล้ามเนื้อหัวใจตายสุดท้าย โรคเส้นโลหิตหัวใจ มักมีต้นเหตุที่เกิดจากควบคุมโรคเบาหวานไม่ดี  ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไม่ออกกำลังกาย อ้วน ดูดบุหรี่เรื่องราวโรคหัวใจในครอบครัว  รวมทั้งเป็นคนที่เครียดเสมอๆ
โรคเส้นโลหิตสมองแคบ เป็นโรคสอดแทรกที่เกิดจากเส้นโลหิตที่มาเลี้ยงรอบๆสมองแคบ  นำไปสู่การพิการหรืออาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้  โอกาสกำเนิดเส้นเลือดสมองตีบตันจะสูงมากขึ้น ในผู้เจ็บป่วยเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย  ทำให้อวัยวะที่สมองส่วนนั้นควบคุมอยู่ อ่อนแรงลงไปกำเนิดอัมพฤกษ์  หรืออัมพาต

  • สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง/กรุ๊ปเสี่ยงที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเบาหวาน โรคเบาซาบซ่านมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เป็นต้นว่า
  • ประเภทกรรม ปัจจัยหลักของผู้ป่วยเบาหวานเป็น จำพวกกรรม พบว่าราวๆหนึ่งในสามของผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานมีประวัติพี่น้องเป็นโรคเบาหวาน ลักษณะยีนของการเป็นโรคเบาหวานเป็นลักษณะทางพันธุ์กรรมที่ตกทอดกันผ่านโครโมโซมในนิวเครียสของเซลล์เหมือนกันกับการสืบทองคำของพันธุ์บาปอื่นๆ
  • ความอ้วน ความอ้วนเป็นอีกมูลเหตุหนึ่งของการเกิดเบาหวานเพราะว่าจะก่อให้เซลล์ของร่างกายสนองตอบต่อฮอร์โมนอินซูลินต่ำลง อินซูลินก็เลยไม่อาจจะพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เจริญเหมือนเดิม กระทั่งกลายมาเป็นภาวะขาดน้ำตาลในเลือดสูง
  • อายุ เมื่ออายุมากขึ้นอวัยวะต่างๆย่อมจำต้องเสื่อมลง และตับอ่อนที่มีบทบาทสังเคราะห์และก็ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ก็จะทำหน้าที่ได้ลดน้อยลงก็เลยเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเบาหวาน
  • ตับอ่อนไม่สมบูรณ์ อีกสาเหตุหนึ่งของเบาหวานอาจเป็นเพราะการที่ตับอ่อนได้รับการกระทบกระเทือนหรือเกิดอุบัติเหตุที่มีผลเสียต่อตับอ่อน แล้วก็อาจเป็นเพราะเนื่องจากโรค เป็นต้นว่า ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังจากการดื่มสุรามากจนเกินไป ซึ่งมีความสำคัญจำเป็นต้องผ่าตัดเอาเล็กน้อยของตับอ่อนออก หกบุคคลนั้นมีลักษณะท่าทางว่าจะเป็นเบาหวานอยู่แล้ว เมื่อตกอยู่ในภาวการณ์นี้ก็จะออกอาการของเบาหวานได้เร็วขึ้น
  • การตำหนิดเชื้อไวรัสบางประเภท เชื้อไวรัสบางจำพวก เมื่อไปสู่ร่างกายแล้วส่งผลใกล้กันสำหรับในการกำเนิดเบาหวาน อาทิเช่น คางทูม โรคเหือด
  • ยาบางจำพวก ยาบางจำพวกก็ส่งผลต่อการเกิดเบาหวานอย่างเดียวกัน ได้แก่ ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิด เพราะเหตุว่าทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นได้ จึงควรหารือแพทย์ก่อนใช้ยา โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องใช้ยาติดต่อกันนานๆ
  • ภาวการณ์ท้อง เนื่องจากฮอร์โมนหลายอย่างที่รกสังเคราะห์ขึ้นมานั้น ส่งผลยังยั้งแนวทางการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน คนที่มีครรภ์จึงเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงมากต่อการเกิดเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มียีนเบาหวานอนยู่ในร่างกาย แล้วก็ภาวะเบาหวานเข้าแทรกในระหว่างท้องมีอันตรายเป็นอย่างมาก จึงต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยเป็นเบาหวาน

  • คนที่มีลักษณะอาการต่างๆของโรคเบาหวานดังที่กล่าวมา
  • แก่กว่า 40 ปี
  • มีพี่น้องสายตรงเป็นโรคเบาหวาน
  • เคยหรูหราน้ำตาลอยู่ในระยะก่อนเบาหวาน
  • เคยเป็นเบาหวานขณะท้อง
  • คลอดบุตรหนักมากยิ่งกว่า 4 กก.
  • ความดันโลหิตสูง
  • มีไขมันในเลือดแตกต่างจากปกติ
  • มีโรคเส้นโลหิตตีบแข็ง
  • มีโรคที่บ่งบอกว่ามีสภาวะซุกซนต่ออินซูลินได้แก่โรครังไข่มีถุงน้ำหลายถุง

คนที่มีภาวการณ์ดังกล่าวแม้ไม่มีอาการโรคเบาหวานควรวิเคราะห์ ถ้าเกิดระดับน้ำตาลอยู่ในข่ายสงสัยควรตรวจซ้ำในระยะ 1 ปี

  • ขั้นตอนการรักษาโรคโรคเบาหวาน เนื่องมาจากโดยประมาณกึ่งหนึ่งของคนเจ็บเบาหวานไม่มีอาการ คนที่มีความเสี่ยงที่จะกำเนิดโรค เบาหวานควรต้องตรวจคัดกรองเบาหวานทุกปี หมอวินิจฉัยโรคเบาหวานได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการ ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆเรื่องราวเจ็บ ป่วยไข้ของคนในครอบครัว การตรวจร่างกาย และที่สำคัญคือ การตรวจเลือดเพื่อมองจำนวนน้ำตาลในเลือด และก็/หรือ ดูสารที่เรียกว่า ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1C: Glycated hemoglobin)

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนั้นเป็นวิธีที่จะทำให้พวกเราทราบได้อย่างชัดเจนว่าหรูหราน้ำตาลสูงแค่ไหน ซึ่งทำให้ทราบว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ออกจะที่จะแน่นอน ในคนธรรมดาระดับน้ำตาลในเลือดจะคงเดิม คือประมาณ 80-110 มก./เดซิลิตร โดยระดับน้ำตาลก่อนที่จะรับประทานอาหารตอนเช้าจะมีค่าโดยประมาณ 70-115 มิลลิกรัม/ดล. เมื่อรับประทานอาหาร ของกินจะถูกสลายตัวเป็นน้ำตาลเดกซ์โทรสแล้วก็ถูกซึมซับเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นแต่จะไม่เกิน 140 มก./ดล. หลังรับประทานอาหารยามเช้าแล้ว 2 ชั่วโมง แม้กระนั้นถ้าตรวจเจอระดับน้ำตาลที่สูงเกิน 140 มิลลิกรัม/ดล. อย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นไปก็จะจัดว่าผู้นั้นเป็น “โรคเบาหวาน”
ตรวจค้น ฮีโมโกบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) เป็นการตรวจปริมาณน้ำตาลที่จับอยู่กับฮีโมโกบินซึ่งเป็นสารโปรตีนในเม็ดเลือดแดงมีบทบาทนำออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ การตรวจด้วยวิธีแบบนี้จะใช้หลังการดูแลและรักษาแล้วเพื่อตรวจผลการควบคุมโรคมากกว่าตรวจเพื่อหาโรค  ในกรณีที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานในภาวการณ์ที่ควบคุมได้ยากหรือมีโรคแทรกซ้อนควรได้รับการตรวจทุกๆ2 อาทิตย์หากอยู่ระหว่างช่วงมีครรภ์แล้วก็เป็นโรคเบาหวานควรจะตรวจปริมาณฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) ทุกๆ1 – 2 เดือนเพื่อบอกปริมาณน้ำตาลในเลือดว่าอยู่ในภาวการณ์ที่เกิดอันตรายไหม นอกเหนือจากนั้นอาจมีการตรวจอื่นๆมี ดังเช่น  ตรวจระดับน้ำตาลในเยี่ยว ในกรณีที่วัดระดับน้ำตาลในฉี่รวมทั้งพบว่ามีน้ำตาลผสมออกด้วยนั้น ย่อยแสดงว่าผู้นั้นป่วยด้วยเบาหวาน โดยมองประกอบกับการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 180-200 มก./ดล. เหตุที่เป็นแบบนี้ด้วยเหตุว่าไตของผู้คนมีความรู้กรองน้ำตาลได้ราวๆ 180-200 มก./ดล.  โดยเหตุนี้แม้ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับนี้ ไตก็จะไม่อาจจะกรองน้ำตาลเอาไว้ได้น้ำตาลส่วนที่เกินออกมาพวกนั้นก็จะถูกขับออกมากับเยี่ยว
Glucose tolerance test (GTT) การตรวจด้วย GTT มักทำในเด็กที่ยังไม่มีอาการโรคโรคเบาหวานกระจ่างแจ้ง ตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลหลังงดเว้นอาหารกับการตรวจปัสสาวะยังไม่พบความไม่ปกติ GTT มักทำในเด็กที่มีครอบครัวที่มีพ่อหรือคุณแม่เป็นโรคเบาหวานหรือตรวจแฝดราวกับ (identical twins) ที่คนหนึ่งเป็นโรคเบาหวานแล้ว
การดูแลรักษาโรคเบาหวน ปัจจุบันเบาหวานมีแนวทางการดูแลและรักษา 4 วิถีทางประกอบกันคือ  การฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายโดยตรง  การใช้ยาเม็ดควบคุมน้ำตาลในกระแสเลือด การควบคุมอาหาร การบริหารร่างกาย
การดูแลรักษาโดยการฉีดอินซูลิน การใช้อินซูลินในคนป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 1 โรคเบาหวานประเภทที่ 1 มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายไม่อาจจะสร้างอินซูลินได้อย่างเพียงพอ โดยทั่วไปแพทย์มักกำหนดให้ฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายวันละ 2 ครั้ง การใช้อินซูลินในคนไข้เบาหวานชนิดที่ 2  ในผู้เจ็บป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 นั้น ตับอ่อนยังคงทำหน้าที่ผลิตอินซูลินได้ แต่ร่างกายกลับต่อต้านอินซูลินหรืออินซูลินที่ได้ไม่มีคุณภาพพอเพียงทำให้ไม่สามารถที่จะควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ จุดหมายของการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในปัจจุบัน จึงมุ่งเน้นไปที่การลดระดับน้ำตาบในกระแสเลือดทั้งในช่วงก่อนแล้วก็หลังรับประทานอาหารเพื่อปกป้องการเกิดภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดแดง
การดูแลและรักษาโดยการใช้ยา ยารักษาโรคเบาหวาน ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานนั้น แบ่งออกได้เป็น 4 กรุ๊ปเป็น ยาที่มีผลสำหรับเพื่อการกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งจำนวนอินซูลินมากขึ้น ดังเช่น Sulfonylureas (Chlorpropamide, Acetazolamide, Tolazamide, Glyburide หรือ Glipizide) โดยการทำหน้าที่ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ด้วยการกระตุ้นให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินในจำนวนมากขึ้น ยาที่มีผลสำหรับการยั้งการเผาไหม้คาร์โบไฮเดรตในไส้ อาทิเช่น Alpha-Glycosides inhibitors (Acarbose แล้วก็ Meglitol) ชวยชะลอกรรมวิธีการยอยและก็ดูดซึมน้ำตาลรวมทั้ง แปงในลําไสซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำข้างหลังมื้ออาหาร ยาที่ส่งผลสำหรับเพื่อการลดการผลิตเดกซ์โทรสในตับรวมทั้งเพิ่มการใช้น้ำตาลกลูโคส ดังเช่นว่า Biguanide (Metformin) เป็นยาที่ช่วยลดจำนวนการสร้างเดกซ์โทรสจากตับและช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการทำงานของอินซูลินซึ่งผลิตโดยตับอ่อน ยาที่ปฏิบัติภารกิจลดภาวการณ์การต้านอินซูลินในร่างกาย อย่างเช่น ยาในกรุ๊ป Thiazolidine diones  Thiazolidinediones (Rosiglitazone และก็ Pioglitazone) ยาจำพวกนี้ไม่มีฤทธิ์ต่อตับอ่อน แม้กระนั้นทำหน้าที่ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นลักษณะการทำงานของอินซูลินที่ตับอ่อนผลิตออกมา การควบคุมของกิน การควบคุมอาหารจำพวกแป้ง รวมทั้งน้ำตาล เป็นการช่วยลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี รวมทั้งถ้าหากทำควบคู่ไปกับการใช้ยาด้วยแล้วหลังจากนั้นก็จะก่อให้กำเนิดประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลในการรักษาโรคเบาหวานได้ดิบได้ดียิ่งขึ้น
การดูแลและรักษาโดยการบริหารร่างกาย เมื่อออกกำลังกายจะมีการเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น 3 ประการ ตัวอย่างเช่น  มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการทำงานของปอดและก็หัวใจมากขึ้น มีการปรับระดับฮอร์โมนหลายแบบ การเปลี่ยนแปลงกลุ่มนี้จะเกิดมากน้อยขึ้นกับสาเหตุหลายสิ่งหลายอย่าง ดังเช่น ระยะเวลาของการบริหารร่างกาย น้ำหนักของการบริหารร่างกาย สภาวะโภชนาการและก็ภาวะความสมบูรณ์ของปอดและก็หัวใจ

  • การติดต่อของเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นโรคในระบบเมตาบอลิซึมภายในร่างกายจึงไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือสัตว์สู่คน
  • การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยเบาหวาน พฤติกรรมด้านการบริโภค เลือกบริโภคของกินให้ครบ 5หมู่ โดยนึกถึงพลังงานที่ได้จากอาหารโดยประมาณจากคาร์โบไฮเดรต(แป้ง)ราวๆ 55 - 60%โปรตีน (เนื้อสัตว์) ราว 15-20%ไขมัน ราวๆ 25% คนที่มีน้ำหนักตัวมากน่าจะจะต้องลดปริมาณการกินลง โดยอาจจะเบาๆลดน้อยลงให้เหลือแค่ครึ่งเดียวของจำนวนที่เคยรับประทานปกติ แล้วก็อุตสาหะงด อาหารมันแล้วก็ทอด ทานอาหารที่มีกากใยมากเพื่อช่วยสำหรับการขับถ่าย. หลบหลีกการกินเล็กๆน้อยๆและก็ทานอาหารไม่ตามกำหนด อุตสาหะกินอาหารในจำนวนที่สม่ำเสมอกันในทุกมื้อ ถ้ามีลักษณะเกี่ยวกับโรคไตหรือความดันโลหิตสูง ควรจะหลบหลีกอาหารรสเค็ม ควบคุมอาหารระดับน้ำตาลในเลือดจะธรรมดารวมทั้งตาม งดบริโภคอาหารต่างๆพวกนี้ น้ำตาลทุกชนิด รวมไปถึงน้ำผึ้ง ผลไม้กวนชนิดต่างๆขนมเชื่อม อาหารหวานต่างๆผลไม้ที่มีรสหวานมากมายๆน้ำหวานชนิดต่างๆของหวานทอดกรอบหรือชุบแป้งทอด ปฏิบัติตามหมอ พยาบาลชี้แนะ รับประทานยาให้ถูกต้องครบสมบูรณ์ ไม่ขาดยา รู้จักผลข้างเคียงจากยาเบาหวาน รวมทั้งการดูแลตนเองที่สำคัญ คือ ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ รักษาสุขอนามัยเสมอ ด้วยเหตุว่าผู้ป่วยจะติดเชื้อต่างๆได้ง่าย จากเบาหวานเป็นสาเหตุที่ทำให้มีภูมิคุ้มกันขัดขวางโรคลดน้อยลง รักษาสุขภาพเท้าเสมอ เลิกสูบบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่เพิ่มโอกาสเกิดผลข้างๆของโรคเบาหวาน เลิกเหล้า หรือจำกัดสุราให้เหลือต่ำที่สุด เพราะว่าเหล้าอาจมีผลต่อยาที่ควบคุมโรคเบาหวานและโรคต่างๆทำให้ควบคุมโรคต่างๆได้ยาก ไม่ซื้อยากินเอง และไม่ใช้สมุนไพรเมื่อกินยาโรคเบาหวาน เพราะเหตุว่าบางทีอาจต่อต้านหรือเพิ่มฤทธิ์ของยาเบาหวาน จนอาจจะก่อให้เกิดผลข้างๆจากยาโรคเบาหวานที่ร้ายแรงได้ ตัวอย่างเช่น ผลต่อไต หรือภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ ฉีดวัคซีนปกป้องโรคต่างๆตามหมอเสนอแนะ ตัวอย่างเช่น วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่พบหมอรักษาสายตาเป็นประจำตามแพทย์โรคเบาหวานและก็หมอรักษาสายตาเสนอแนะ เพื่อการวิเคราะห์ แล้วก็การรักษาภาวะโรคเบาหวานขึ้นตาแต่เนิ่นๆป้องกันตาบอดจากโรคเบาหวาน พบหมอตามนัดเสมอ หรือรีบพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อมีลักษณะอาการต่างๆผิดปกติไปจากเดิม

วัตถุประสงค์การควบคุมของคนไข้โรคเบาหวาน ตามคำแนะนำของสมาคมโรคเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกา
                จุดมุ่งหมาย
น้ำตาลก่อนรับประทานอาหาร (มก./ดล.)
น้ำตาลหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง (มก./ดล.)
น้ำตาลเฉลี่ย hba1c (%)
 โคเลสเตอคอยล (มิลลิกรัม/ดล.)
เอช ดี แอล วัวเลสเตอรอล (มิลลิกรัม



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ