โรคไข้เลือดออก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไข้เลือดออก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 6 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 24, 2018, 04:36:18 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever)

  • โรคไข้เลือดออกคืออะไร โรคไข้เลือดออก คือ โรคติดเชื้อซึ่งมีเหตุที่เกิดจาก เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหนะนำโรคลักษณะโรคนี้มีความคล้ายคลึงกับโรคไข้หวัดในทีแรกๆ (แต่ว่าจะไม่มีอาการน้ำมูลไหล คัดจมูก หรือไอ) จึงทำให้ผู้เจ็บป่วยเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่าตนเป็นเพียงแต่โรคไข้หวัด รวมทั้งทำให้ไม่ได้รับการดูแลและรักษาที่ถูกในทันที โรคไข้เลือดออกมีอาการและความรุนแรงของโรคหลายระดับตั้งแต่ไม่มีอาการหรือมีลักษณะนิดหน่อยไปจนถึงเกิดภาวะช็อกซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยเสียชีวิต สถิติในปี พ.ศ. 2554 รายงานโดย กรุ๊ปโรคไข้เลือดออก สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีอัตราเจ็บไข้ 107.02 และก็อัตราเจ็บป่วยตาย 0.10 ซึ่งแปลว่า ในพลเมืองทุก 100,000 คน จะมีบุคคลที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ถึง 107.02 คน แล้วก็มีผู้ตายจากโรคนี้ 0.1 คน เลยทีเดียว ดังนี้โรคไข้เลือดออกยังเป็นโรคระบาดที่พบได้บ่อยแถบบ้านเราและประเทศใกล้เคียง มีการระบาดเป็นระยะๆทั่วในจังหวัดกรุงเทพ และบ้านนอก พบบ่อยการระบาดในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่มียุงลายมาก จากสถิติในปี พุทธศักราช 2556 ของสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีคนเจ็บปริมาณ 154,444 ราย (คิดเป็นอัตราเจ็บไข้ 241.03 ต่อมวลชน 100,000 ราย) และก็มีจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตปริมาณ 136 ราย (คิดเป็นอัตราเสียชีวิต 0.21 ต่อประชาชน 100,000 ราย)
  • ต้นเหตุของโรคไข้เลือดออก โรคไข้เลือดออกเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่าไวรัสเดงกี Dengue 4 จำพวกคือ Dengue 1, 2, 3 แล้วก็ 4 โดยทั่วไปไข้เลือดออกที่เจอกันธรรมดาทุกปีมักจะเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัสDengue ประเภทที่ 3 หรือ 4 แต่ที่มีข่าวมาในระยะนี้จะเป็นการติดโรคในสายพันธ์2เป็นสายพันธ์ที่พบได้ห่างๆแต่อาการชอบรุนแรงกว่าสายพันธ์ที่ 3, 4 รวมทั้งควรเป็นการต่อว่าดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 (Secondaryinfection) เชื้อไวรัสเดงกี่ เป็น single strandcd RNA เชื้อไวรัส อยู่ใน familyflavivirida มี4 serotypes (DEN1, DEN2, DEN3, DEN4) ซึ่งมีantigen ของกรุ๊ปบางชนิดด้วยกัน ก็เลยทำให้มีcross reaction พูดอีกนัยหนึ่ง เมื่อมีการติดโรคชนิดใดแล้ว จะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสจำพวกนั้นอย่างถาวรชั่วชีวิต รวมทั้งจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกี่อีก 3 จำพวก ในตอนระยะสั้นๆราว 6 - 12 เดือน (หรืออาจสั้นกว่านี้) โดยเหตุนี้ผู้ที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่มากอาจมีการติดเชื้อ 3หรือ 4 ครั้งได้  การติดเชื้อไวรัสเดงกีมีลักษณะอาการแสดงได้ 3 แบบ คือ ไข้เดงกี (Denque Fever – DF),ชอบกำเนิดกับเด็กโตหรือคนแก่อาจจะมีอาการไม่รุนแรงและไม่สามารถจะวินัจฉัยได้เรื่องอาการทางสถานพยาบาลได้แน่นอนต้องอาศัยการตรวจทางทะเลเหลืองและแยกเชื้อไวรัส ไข้เลือดออก หรือ ไข้เลือดออกเดงกี (Dengue hemorrhagic fever – DHF) แล้วก็ไข้เลือดออกเดงกีที่ช็อก (Denque Shock Syndrome – DSS) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นต่อจากระยะ DHF เป็นมีการรั่วของพลาสมาออกไปๆมาๆกทำให้คนเจ็บเกิดภาวะช็อก และสามารถตรวจพบรระดับอีมาโตคริต    (Hct)  สูงขึ้นรวมทั้งมีน้ำในเยื่อห่อหุ้มช่วงปอดและก็ท้องอีกด้วย
  • อาการโรคไข้เลือดออก ระยะที่ 1 (ระยะไข้สูง) คนไข้จะจับไข้สูงลอย (กินยาลดไข้ไข้ก็จะไม่ลด) ไข้39 - 41 องศาเซลเซียส โดยประมาณ 2 - 7 วัน ทุกรายจะจับไข้สูงเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ไข้บางทีอาจมากถึง 40 - 41 องศาเซลเซียสได้ซึ่งบางรายอาจมี อาการชักเกิดขึ้น ผู้เจ็บป่วยมักจะมีหน้าแดง (Flushed face) บางทีอาจตรวจ เจอคอแดง (Injected pharynx) ได้แต่ส่วนมากผู้เจ็บป่วยจะไม่มีอาการ น้ำมูกไหล หรืออาการไอ ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคที่มีต้นเหตุมากจากฝึกหัดใน ระยะต้น รวมทั้งโรคระบบทางเดินหายใจได้ เด็กโตบางทีอาจบ่นปวดศีรษะ ปวดรอบกระบอกตา ในระยะไข้นี้อาการทางระบบทางเดินอาหารที่มักพบเป็นไม่อยากกินอาหาร คลื่นไส้ บางรายอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งใน ระยะแรกจะปวดโดยปกติ แล้วก็อาจปวดที่ชายโครงขวาในระยะ ที่มีตับโต ปวดศีรษะ เมื่อยตามตัว อยากดื่มน้ำ ซึม ในบางรายอาจมีอาการปวดท้องในรอบๆใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงด้านขวา หรืออาจมีท้องผูกหรือถ่ายเหลว ส่วนในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 1 ปี บางทีอาจพบอาการไข้สูงร่วมกับอาการชักได้ ระยะที่ 2 (ระยะช็อกและมีเลือดออก หรือ ระยะวิกฤติ) ชอบเจอในไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อเดงกีที่มีความรุนแรงขั้นที่ 3 แล้วก็ 4 อาการจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค ซึ่งถือได้ว่าตอนที่วิกฤติของโรค โดยอาการไข้จะเริ่มลดลง แม้กระนั้นคนไข้กลับมีลักษณะอาการทรุดหนัก มีลักษณะอาการเลือดออก : อาการเลือดออกที่พบได้ทั่วไปที่สุดที่ผิวหนัง โดยจะตรวจพบว่าเส้นโลหิตเปราะ แตกง่าย การทำ torniquet test ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 2 - 3 วันแรกของโรค ร่วมกับมีจุดเลือดออกเล็กๆกระจายอยู่ตามแขน ขาลำตัว รักแร้อาจมีเลือดกำเดา หรือเลือดออก ตามไรฟัน ในรายที่ร้ายแรงอาจมีอาเจียน ปวดท้อง และขี้เป็นเลือด ซึ่งชอบเป็นสีดำ (Malena) อาการเลือดออกในทางเดินของกิน มีความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด หรือช็อก:มักจะกำเนิด ช่วงไข้จะลดเป็นระยะที่มีการรั่วของพลาสมาซึ่งจะพบทุกรายในผู้เจ็บป่วย ไข้เลือดออกเดงกี่ โดยระยะรั่วจะมีโดยประมาณ 24 - 28 ชั่วโมง โดยประมาณ 1 ใน 3 ของคนเจ็บจะมีลักษณะรุนแรงมีภาวะการไหล เวียนล้มเหลวเกิดขึ้น ด้วยเหตุว่ามีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด/ ช่องท้องมากมาย เกิด hypovolemic shock ผู้ป่วยจะเริ่มมีลักษณะ กระวนกระวาย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาเร็ว(อาจมากกว่า 120 ครั้ง/นาที) ปัสสาวะน้อย ความดันเลือดเปลี่ยน ตรวจเจอ pulse pressure แคบ เท่ากับหรือน้อยกว่า 20 มม.ปรอท (ค่าปกติ30-40มม.ปรอท) สภาวะช็อกที่เกิดขึ้นนี้จะมีการเปลี่ยน อย่างเร็วถ้าเกิดไม่ได้รับการดูแลรักษาคนไข้จะมีลักษณะชั่วโคตรลงรอบปากเขียว ผิวสีม่วงๆตัวเย็นชืด เช็คชีพจรและก็/หรือวัดความดันมิได้ (Profound shock) สภาวะทราบสติเปลี่ยนไป และก็จะเสียชีวิตภายใน 12-24ชั่วโมงหลังเริ่มมีภาวะช็อกหากว่าคนป่วยได้รับการรักษาอาการช็อก อย่างทันทีทันควันแล้วก็ถูกต้องก่อนจะเข้าสู่ระยะ profound shock ส่วนมากก็จะฟื้นได้อย่างเร็ว ระยะที่ 3 (ระยะฟื้นตัว) ในรายที่มีภาวการณ์ช็อกไม่รุนแรง เมื่อผ่านวิกฤติช่วงระยะที่ 2 ไปแล้ว อาการก็จะอย่างเร็ว หรือแม้แต่ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวะช็อกรุนแรง เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันทีทันควันก็จะฟื้นไปสู่สภาพธรรมดา โดยอาการที่แสดงว่านั้นหมายถึงผู้ป่วยจะเริ่มอยากทานอาหาร แล้วอาการต่างๆก็จะคืนสู่สภาพปกติ ชีพจรเต้นช้าลง ความดันโลหิตกลับมาสู่ธรรมดา เยี่ยวออกมากขึ้น
  • สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้เลือดออก เพราะโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่มียุงลายเป็นพาหนะนำโรคดังนั้น ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดโรคไข้เลือดออกนั้น บางครั้งอาจจะแบ่งได้เป็น 2 กรณี 1.การเช็ดกยุงลายกัด ด้วยความที่เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่ายุงตัวไหนมีเชื้อไหมมีเชื้อด้วยเหตุนั้น เมื่อถูกยุงลายกัด ก็เลยมีความเป็นไปได้เสมอว่าพวกเราบางครั้งก็อาจจะได้รับเชื้อไวรัสเดงกีที่นำมาซึ่งโรคไข้เลือดออก โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเราถูกยุงลายกัดในพื้นที่ที่การระบายของโรคไข้เลือดออก หรือ อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีความชุกชุมของยุงลายสูง 2.แหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ในเมื่อยุงลายเป็นพาหนะนโรคไข้เลือดออก[/url]แล้วนั้น จึงพอๆกับว่าถ้าหากยุงลายมีจำนวนหลายชิ้นก็จะทำให้เกิดการเสี่ยงในการกำเนิดโรคไข้เลือดออกมากตามมา และก็ถ้าเกิดยุงลายมีปริมาณน้องลง การเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้เลือดออกก็น่าจะต่ำลงตามไปด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ก็เลยน่าจะเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไข้เลือดออกได้ และหากชุมชนสามารถช่วยเหลือกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้ก็จะก่อให้ชุมชมนั้น ปลอดจากโรคไข้เลือดออกได้
  • ขั้นตอนการรักษาโรคไข้เลือดออก การวิเคราะห์โรคไข้เลือดออก หมอสามารถวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกได้จากอาการทางสถานพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะของการมีไข้สูง 39-41 องศาเซลเซียส หน้าแดง กลีบตาแดง อาจคลำได้ตับโต กดเจ็บ มีผื่นแดง หรือจุดแดงจ้ำเขียว โดยไม่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หรือเจ็บคอ ร่วมกับการมีประวัติโรคไข้เลือดออกของอาศัยอยู่บริเวณเดียวกัน หรือมีการระบาดของโรคในช่วงนั้นๆและก็การทดลองทูร์นิเคต์ได้ผลบวก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยโรคนี้ได้ ยิ่งกว่านั้น การส่งไปทำการตรวจเลือด ซีบีซี (CBC) จะตรวจพบเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวค่อนข้างต่ำรวมทั้งความเข้มข้นของเลือดสูง เพียงเท่านี้ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ว่าในบางราย ถ้าหากอาการ ผลของการตรวจร่างกาย แล้วก็ผลเลือดในพื้นฐานยังไม่อาจจะวินิจฉัยโรคได้ ในขณะนี้ก็มีวิธีการส่งเลือดไปตรวจหาภูมิต้านทานต่อต้านต่อเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัยโรคนี้ได้อย่างเที่ยงตรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเหตุว่ายังไม่มีการพัฒนายาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่การดูแลรักษาโรคนี้ จึงเป็นการรักษาตามอาการเป็นหลัก พูดอีกนัยหนึ่ง มีการใช้ยาลดไข้ เช็ดตัว แล้วก็การปกป้องภาวการณ์ช็อก ยาลดไข้ที่ใช้มีเพียงแต่ชนิดเดียวหมายถึงยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ปริมาณยาที่ใช้ในผู้ใหญ่เป็น พาราเซตามอลแบบเป็นเม็ดละ500มิลลิกรัมรับประทานครั้งละ1-2เม็ด ทุก 4 - 6 ชั่วโมง โดยไม่ควรกินเกินวันละ 8 เม็ด (4 กรัม) ส่วนขนาดยาที่ใช้ในเด็กเป็น พาราเซตามอลแบบเป็นน้ำ 10-15มก.ต่อ น้ำหนักตัว 1 โลต่อครั้ง ทุก 4 - 6 ชั่วโมง โดยไม่สมควรกิน เกินวันละ5ครั้ง หรือ2.6กรัม ผลิตภัณฑ์พาราเซตามอลแบบเป็นน้ำสำหรับเด็กมีจัดจำหน่ายในหลายความแรงอาทิเช่น 120 มก.ต่อ 1 ช้อนชา (1 ช้อนชา เท่ากับ 5 มล.), 250 มก.ต่อ 1 ช้อนชา, รวมทั้ง 60 มิลลิกรัมต่อ 0.6 มล. ส่วนใหญ่เป็นยาน้ำเชื่อมที่จำเป็นต้องรินใส่ช้อนเพื่อป้อนเด็ก ในกรณีเด็กแรกเกิด การป้อนยาทำได้ค่อนข้างยากก็เลยมีผลิตภัณฑ์ยาที่ทำขายโดยบรรจุในขวดพร้อมหลอดหยด เวลาใช้ก็เพียงแต่ใช้หลอดหยดดูดยาออกจากขวดรวมทั้งนำไปป้อนเด็กได้เลย โดยสาเหตุมาจากที่สินค้าพาราเซตามอลรูปแบบน้ำสำหรับเด็กมีหลายความแรง จะต้องอ่านฉลากและก็การใช้ให้ดีก่อนนำไปป้อนเด็ก กล่าวคือ แม้เด็กหนัก 10 โล รวมทั้งมียาน้ำความแรง 120 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนชา ก็ควรป้อนยาเด็กทีละ 1 ช้อนชาหรือ 5 มิลลิลิตร และป้อนซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมงแต่ว่าไม่ควรป้อนยาเกินวันละ 5 ครั้ง หากว่าไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ทันที ยาพาราเซตามอลนี้เป็นยารับประทาน ตามอาการ ดังนั้นหากไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ทันทีส่วนยา แอสไพรินรวมทั้งไอบูโปรเฟนเป็นยาลดไข้เช่นกัน แต่ยาทั้งสองประเภทนี้ ห้ามประยุกต์ใช้ในโรคไข้เลือดออก เนื่องจากจะยิ่งสนับสนุนการเกิดสภาวะ เลือดออกไม่ดีเหมือนปกติกระทั่งอาจได้รับอันตรายต่อคนไข้ได้ ในส่วนการคุ้มครองป้องกันภาวะช็อกนั้น ทำได้โดยการชดเชยน้ำ ให้ร่างกายเพื่อไม่ให้ขนาดเลือดลดลดลงจนกระทั่งทำให้ความดันเลือดตก แพทย์จะพินิจพิเคราะห์ให้สารน้ำตามความรุนแรงของอาการ โดยบางทีอาจให้ คนเจ็บดื่มเพียงแค่สารละลายเกลือแร่ โออาร์เอส หรือผู้เจ็บป่วยบางราย บางทีอาจได้รับน้ำเกลือเข้าทางเส้นเลือดดำ  ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือด ออกแตกต่างจากปกติจนเกิดภาวะเสียเลือดอาจจำต้องได้รับเลือดเสริมเติม แม้กระนั้น จะต้องเฝ้าระวังภาวการณ์ช็อกตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เพราะว่าสภาวะนี้มีความอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยมหาศาล

  • การติดต่อของโรคไข้เลือดออก การติดต่อของโรคไข้เลือดออก โรคไข้เลือดออก มักติดต่อจากคนไปสู่คน ซึ่งมียุงลายตัวเมีย (Aedes aegypt)  เป็นตัวพาหะที่สำคัญ โดยยุงตัวเมียจะกัดและดูดเลือดของคนไข้ที่มีเชื้อไวรัสเดงกี แล้วต่อจากนั้นเชื้อจะเข้าไปฟักตัวรวมทั้งเพิ่มในตัวยุงลาย ทำให้มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวของยุงตลอดเวลาอายุขัยของมันราว 1 - 2 เดือน แล้วถ่ายทอดเชื้อไปสู่คนที่ถูกกัดได้ในรัศมี 100 เมตร ยุงลายเป็นยุงที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้าน มักออกกัดเวลากลางวัน มีแหล่งเพาะพันธุ์เป็นน้ำนิ่งที่ขังอยู่ในภาชนะเก็บน้ำต่างๆเป็นต้นว่า โอ่งน้ำ แจกันดอกไม้ ถ้วยรองขาตู้ จาน จานชาม กระป๋อง หม้อ ยางรถยนต์ หรือกระถาง ฯลฯ  โรคไข้เลือดออก เจอส่วนมากในช่วงฤดูฝน เหตุเพราะในช่วงฤดูนี้เด็กๆมักจะอยู่กับบ้านมากยิ่งกว่าฤดูอื่นๆอีกทั้งยุงลายยังมีการแพร่พันธุ์มากมายในฤดูฝน ซึ่งในเมืองใหญ่ๆที่มีมวลชนหนาแน่น แล้วก็มีปัญหาทางด้านกายภาพเกี่ยวกับขยะ อย่าง จังหวัดกรุงเทพมหานคร อาจเจอโรคไข้เลือดออกนี้ได้ตลอดทั้งปี

ทราบได้อย่างไรว่าเราไม่สบายเลือดออก ข้อคิดเห็นบางประการที่บางทีก็อาจจะช่วยทำให้สงสัยว่าบางครั้งอาจจะเจ็บป่วยเลือดออก ดังเช่น  เป็นไข้สูง อ่อนเพลียเป็นเกิน 2 วัน  หากมีปวดศีรษะมากมายหรืออ้วกมากร่วมด้วย  ข้างหลังไม่สบาย 2 ถึง 7 วัน แล้วไข้ลดลงเอง เมื่อไข้ลดแล้วมีอาการพวกนี้อย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะจับไข้เลือดออกได้ ปวดศีรษะมากมาย เมื่อยล้ามาก อ้วกมาก ทานอาหารมิได้ ปวดท้อง มีจ้ำเลือดเล็กๆบริเวณแขน ขา หรือลำตัว มีเลือดออกตามอวัยวะได้แก่ เลือดกำเดา ถ่ายเป็นเลือด เมนส์มาก่อนกำหนด ฯลฯ

  • การกระทำตนเมื่อเป็นไข้เลือดออก ในระยะ 2 - 3 วันแรกของการเจ็บป่วยถ้าเกิดยังทานอาหารแล้วก็ดื่มน้ำได้ ไม่คลื่นไส้ ไม่ปวดท้อง ไม่มีจ้ำเลือดขึ้นแล้วก็ยังไม่มีอาการเลือดออกหรือภาวการณ์ช็อกเกิดขึ้น ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ ให้ผู้เจ็บป่วยพักผ่อนมากๆหากจับไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆรวมทั้งให้ยาลดไข้พาราเซตามอล คนแก่กิน 1-2 เม็ด เด็กโต ½ - 1 เม็ด เด็กเล็กใช้ชนิดน้ำเชื่อม 1- 2 ช้อนชา ถ้าหากยังเป็นไข้กินซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง ห้ามให้ยาแอสไพริน โดยเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นผลให้มีเลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ถ้าเกิดเป็นคนไข้เด็กแล้วก็เคยชัก ควรจะให้รับประทานยากันชักไว้ก่อน รับประทานอาหารอ่อนๆอาทิเช่น ข้าวต้ม โจ๊ก รวมทั้งดื่มน้ำมากมายๆเฝ้าพิจารณาอาการคนไข้อย่างใกล้ชิด หมั่นกินน้ำ หรือเกลือแร โออาร์เอส ให้มากมายๆเพื่อคุ้มครองการช็อกจากการขาดน้ำ และก็แม้มีอาการดังนี้ควรไปพบหมอโดยด่วน  ซึมลงอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลียอย่างยิ่ง มีจ้ำเลือดตามร่างกายมาก อาเจียนมาก รับประทานอาหารและก็กินน้ำไม่ได้ มีเลือดออกตามร่างกายยกตัวอย่างเช่น เลือดกำเดา คลื่นไส้เป็นเลือดอึเป็นเลือด หรือเลือดออก ช่องคลอด ปวดท้องมากมาย
  • การป้องกันตนเองจากโรคไข้เลือดออก แม้ว่าในขณะนี้กำลังมีการพัฒนาวัคซีนปกป้องการตำหนิดเชื้อไวรัสเดงกี่ แม้กระนั้นก็ยังไม่มียาที่สามารถทำลายเชื้อเชื้อไวรัสเดงกี่ได้ เพราะฉะนั้นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดของโรคไข้เลือดออกในตอนนี้ คือ การคุ้มครองไม่ให้เป็นโรคโดยการควบคุมยุงลายให้มีปริมาณลดน้อยลงซึ่งทำเป็นโดยการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายและการกำจัดยุงลายอีกทั้งลูกน้ำและตัวเต็มวัย และก็คุ้มครองปกป้องไม่ให้ยุงลายกัด ดังนี้การปกป้องทำเป็น 3 ลักษณะ คือ

การปกป้องคุ้มครองทางกายภาพ ดังเช่น ปิดภาชนะเก็บน้ำด้วยฝาปิด ยกตัวอย่างเช่น มีเขาหินปิดปากโอ่งน้ำ ตุ่มน้ำ ถังเก็บน้ำ หรือถ้าไม่มีฝาปิด ก็วางคว่ำลงถ้าเกิดยังไม่ได้อยากต้องการใช้ เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้แปลงเป็นที่ออกไข่ของยุงลาย เปลี่ยนแปลงน้ำในแจกันดอกไม้สดบ่อยๆอย่างน้อยทุกๆ7 วัน ปล่อยปลารับประทานลูกน้ำลงในภาชนะเก็บน้ำ อย่างเช่น โอ่ง ตุ่ม ภาชนะละ 2-4 ตัว รวมทั้งอ่างบัวแล้วก็ตู้ที่เอาไว้เลี้ยงปลาก็จะต้องมีปลารับประทานลูกน้ำเพื่อคอยควบคุมปริมาณลูกน้ำยุงลายด้วยเหมือนกัน ใส่เกลือลงน้ำในจานที่เอาไว้สำหรับรองขาตู้อาหาร เพื่อควบคุมรวมทั้งกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยใส่เกลือ 2 ช้อนชา ต่อความจุ 250 มิลลิลิตร พบว่าสามารถควบคุมลูกน้ำได้เป็นเวลายาวนานกว่า 7 วัน
การปกป้องคุ้มครองทางเคมี อย่างเช่น เพิ่มเติมทรายทีมีฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้รวมทั้งยืนยันความปลอดภัย เหมาะสมกับภาชนะที่ไม่อาจจะใส่ปลากินลูกน้ำได้  การพ่นสารเคมีหรือยากันยุงเพื่อกำจัดยุงตัวเต็มวัย มีจุดแข็งคือ สมรรถนะสูง แม้กระนั้นข้อผิดพลาดคือ แพงแพง แล้วก็เป็นพิษต่อคนแล้วก็สัตว์เลี้ยง จึงจำเป็นต้องอาศัยผู้ชำนาญสำหรับการฉีดพ่นรวมทั้งฉีดเฉพาะเมื่อต้องเพียงแค่นั้น เพื่อคุ้มครองความเป็นพิษต่อคนรวมทั้งสัตว์เลี้ยง ควรจะเลือกฉีดในเวลาที่มีคนอยู่น้อยที่สุดแล้วก็ฉีดพ่นลงในแหล่งที่คาดว่าเป็นแหล่งเกาะพักของ ดังเช่น ท่อที่มีไว้สำหรับระบายน้ำ เป็นต้น การใช้สารเคมีเพื่อกำจัดยุงในบ้านเรือน ที่ใช้กันมี 2 ประเภทหมายถึงยาจุดกันยุง แล้วก็สเปรย์ฉีดไล่ยุง โดยสารออกฤทธิ์บางทีอาจเป็นยาในกรุ๊ปไพรีทรอยด์ (Pyrethroids), ดีท (DEET, diethyltoluamide) ฯลฯ ก่อนหน้ามียาฆ่ายุงด้วย มีชื่อว่า สารฆ่าแมลงดีดีที แต่สารนี้ถูกยกเลิกการใช้ไปแล้วเหตุเพราะเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตรวมทั้งตกค้างในสภาพแวดล้อมเป็นเวลานานมากมาย อย่างไรก็แล้วแต่ สารเคมีไม่ว่าจากยาจุดกันยุงหรือสเปรย์ฉีดไล่ยุง ก็มีความเป็นพิษต่อคนรวมทั้งสัตว์ ด้วยเหตุนี้เพื่อลดความเป็นพิษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นควรจะจุดยากันยุงในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ล้างมือทุกหนหลังจากสัมผัส ส่วนยาฉีดไล่ยุงจะมีความเป็นพิษมากยิ่งกว่า ดังนั้นห้ามฉีดลงบนผิวหนัง รวมทั้งควรปฏิบัติตามวิธีใช้ที่ระบุข้างกระป๋องอย่างเคร่งครัด
การกระทำตัว ยกตัวอย่างเช่น นอนในมุ้ง หรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้ถูกยุงกัด โดยจะต้องปฏิบัติแบบเดียวกันอีกทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน หากไม่อาจจะนอนในมุ้งหรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดได้ ควรจะใช้ยากันยุงชนิดทาผิวซึ่งมีสารสำคัญที่สกัดจากธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น น้ำมันตะไคร้หอม (oil of citronella), น้ำมันยูคาลิปตัส (oil of eucalyptus) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงขึ้นยิ่งกว่ามาทาหรือหยดใส่ผิวหนังใช้เป็นยากันยุง แต่ความสามารถจะน้อยกว่า DEET

  • สมุนไพรประเภทไหนที่ช่วยรักษาคุ้มครองปกป้องโรคไข้เลือดออกได้ โดยจากการศึกษาเล่าเรียนข้อมูล พบว่า สามารำใช้ใบมะละกอสดมาคันน้ำดื่มพร้อมกันกับการรักษาแผนปัจจุบัน จะมีผลให้เกล็ดเลือดของคนเจ็บโรคไข้เลือดออกมากขึ้นได้ด้านใน 24 – 48 ชม. ช่วยลดอัตราการตายลงได้ มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยรอบรับในหลายประเทศ มีการทดลองในคนรับใช้แล้วได้ผล ดังเช่นว่า อินเดีย ปากีสถาน มาเลเซีย นอกเหนือจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรน้ำใบมะละกอในต่างถิ่นด้วย ไม่ได้ใช้เฉพาะผู้เจ็บป่วยเกล็ดเลือดต่ำจากไข้เลือดออกเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ในกรณีอื่นด้วย ขั้นตอนการรักษาโรคไข้เลือดออกด้วยใบมะละกอสดหมายถึงใช้ใบมะละกอสดประเภทใดก็ได้ราว 50 กรัม จากต้นมะละกอ หลังจากนั้นล้างให้สะอาด และก็กระทำบทให้รอบคอบ ไม่ต้องเพิ่มน้ำ กรองเอากากออก ดื่มน้ำใบมะละกอสดแยกกาก วันละ ครั้งแก้ว หรือ 30 ซีซี ต่อเนื่องกัน 3 วัน โดยแนวทางแบบนี้มีการวิจัยมาแล้วว่าปลอดภัย

สมุนไพรซึ่งสามารถไล่ยุงได้ ตะไคร้หอม ช่วยสำหรับการไล่ยุงเพราะว่ากลิ่นแรงๆของมันไม่เป็นมิตรกับยุงร้าย ในปัจจุบันมีการทำออกมาในรูปของสารสกัดชนิดต่างๆไว้สำหรับคุ้มครองป้องกันยุงโดยยิ่งไปกว่านั้น แต่หากอยากให้ได้ผลดีสุดๆควรที่จะใช้ตะไคร้หอมไล่ยุงจำพวกที่สกัดน้ำมันเพียวๆจากต้นตะไคร้หอมจะดีที่สุด นอกจากกลิ่นจะช่วยขับไล่ยุงแล้ว ยังช่วยไล่แมลงอื่นๆได้อีกด้วยล่ะ เปลือกส้ม ยังมีคุณประโยชน์เป็นสมุนไพรไล่ยุงได้อีกด้วย กรรมวิธีไล่ยุงด้วยเปลือกส้มนั้น เพียงใช้เปลือกส้มที่แกะออกมาจากผลส้มแล้วมาผึ่งให้แห้ง ต่อจากนั้นเอามาเผาไฟ ควันที่เกิดขึ้นรวมทั้งน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในเปลือกส้มมีสรรพคุณอย่างดีเยี่ยมสำหรับในการไล่ยุง  มะกรูด ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มากมายไปด้วยผลดี และก็ยังสามารถนำมาเป็นสมุนไพรไล่ยุงได้เป็นอย่างดี กระบวนการเป็น นำผิวมะกรูดสดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆมาตำกับน้ำเท่าตัวจนกระทั่งแหลกละเอียด จากนั้นให้กรองเอาเฉพาะน้ำ สามารถเอามาทาผิวหรือใส่กระบอกฉีดเพื่อฉีดตามจุดต่างๆของบ้านได้ โหระพา กลิ่นหอมยวนใจแรงของโหระพายังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ช่วยในการไล่ยุงและก็แมลง ทำให้มันไม่สามารถที่จะทนกับกลิ่นฉุนของโหระพาได้ สะระแหน่ ถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมสดชื่น แม้กระนั้นกลิ่นหอมๆของมันไม่ค่อยถูกกันกับยุงนัก ขั้นตอนการไล่ยุงเพียงนำใบสะระแหน่มาบดขยี้ให้กลิ่นออกมา ต่อจากนั้นนำไปวางตามจุดต่างๆที่มียุงเป็นจำนวนมากหรือสามารถนำใบสะระแหน่มาบดแล้วทาลงบนผิวหนังจะก่อให้ผิวหนังชุ่มชื่นแล้วก็ยังช่วยกันยุงได้อีกด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • กลุ่มโรคไข้เลือดออก สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการประเมินผลตามตัวชิ้วัดงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกระดับจังหวัด ปี 2553. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: 2543.1-12.
  • (ภกญ.วิภารักษ์ บุญมาก).”โรคไข้เลือดออก”ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • สิวิกา แสงธาราทิพย์ ศิริชัย พรรณธนะ(2543).โรคไข้เลือดออก.(พิมพ์ครั้งที่2).พิมพ์ที่บริษัท เรดิเอชั่น จำกัด สำนักงานควบคุมโรคไข้เลือดออก กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข http://www.disthai.com/[/b]
  • สำนักพัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาไข้เลือดออกในระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด; 2548.8-33.
  • แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคไข้เลือดออกเดงกี กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวจสาธารณสุข.(2544).กระทรวจสาธารณสุข
  • Sunthornsaj N, Fun LW, Evangelista LF, et al. MIMS Thailand. 105th ed. Bangkok: TIMS Thailand Ltd; 2006.118-33.
  • นพ.สมชาญ เจียรนัยศิลป์.ไข้เลือดออก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่267.คอลัมน์โรคน่ารู้.กรกฎาคม.2544
  • คู่มือวิชาการโรคติดเชื้อเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกีด้านการแพทย์และสาธารณสุข.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลงกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข.2558
  • กันยา ห่านณรงค์.โรคไข้เลือดออก.จดหมายข่าว R&D NEWSLETTER.ปีที่23.ฉบับที่1 ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม2559.หน้า 14-16
  • รักษา”ไข้เลือดออก”แนวใหม่ใช้ใบมะละกอคั้นน้ำกินเพิ่มเกล็ดเลือด.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.dailinews.co.th*politics/232509
  • World Health Organization Regional Office for South-East Asia. Guidelines for treatment of Dengue Fever/Dengue Hemorrhagic Fever in Small Hospitals,1999:28. Available from: http://www.searo.who.int/linkfiles/dengue_guideline-dengue.pdf Accessed May 10, 2012.
  • (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.”ไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever/DHF)” หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.
  • สถานการณ์โรคไข้เลือดออก พ.ศ.2554.กลุ่มโรคไข้เลือดออก สำนักงานโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
[*



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ