โรคนิ่วในไต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคนิ่วในไต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 21 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หนุ่มน้อยคอยรัก007
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 21, 2018, 02:59:26 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


นิ่วในไต (Kidney Stone)
นิ่วในไตเป็นยังไง ก่อนที่จะเราจะมาทำความรู้จักนิ่วในไตนั้น อันดับแรกจำต้องรู้จักโรคนิ่วกันก่อน โรคนิ่วเป็นขี้ตะกอนจากแร่ต่างๆศูนย์รวมตัวกันเป็นก้อนแข็งๆที่เกิดจากต้นสายปลายเหตุต่างๆตัวอย่างเช่น ขาดสารอาหารต่างๆหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิเทรต โพแทสเซียม แมกนีเซียม และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หรืออาจเป็นเพราะเนื่องจากการอักเสบ จากโรคบางจำพวก ได้แก่ โรคเก๊าท์ฯลฯ และก็โรคนิ่วนั้นยังสามารถแบ่งได้เป็นของชนิด เป็นนิ่วในถุงน้ำดี และนิ่วในระบบฟุตบาทฉี่ แล้วก็ยังสามารถจัดประเภทนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้อีกตามตำแหน่งที่เกิดนิ่ว ดังเช่น นิ่วในไต นิ่วในทอไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งนิ่วในทอปัสสาวะ ซึ่งนิ่วทั้งสองแบบนี้ มีความต่างกันในส่วนประกอบ ปัจจัย และการรักษา แม้กระนั้นในบทความนี้คนเขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะนิ่วในไตเท่านั้น
นิ่วในไต เป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก มีหินปูน (แคลเซียม) กับสารเคมีและแร่ธาตุ นๆยกตัวอย่างเช่น ออกซาเลต ยูริก โปรตีน ฯลฯ หรือบางรายอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากสารตกค้างต่างๆอีกทั้งจากสารอาหารที่เรากินเข้าไป หรือกรดบางชนิดที่ร่างกายขับออกไม่หมด ซึ่งก้อนนิ่วในไตนี้ ยังไปเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคไตอีก
ประเภทของนิ่วในไต ก้อนนิ่วมีองค์ประกอบ 2 ส่วนเป็นส่วนที่เป็น แร่ (mineral composition) และส่วนที่เป็นสาร อินทรีย์(organic matrix) ซึ่งมีราวๆปริมาณร้อยละ 5-10 เป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่เจอในเยี่ยว ตัวอย่างเช่น โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ฯลฯ ส่วนที่เป็นแร่ธาตุมีเหตุที่เกิดจาก การตกผลึกของสารก่อนิ่วในเยี่ยว อาทิเช่น แคลเซียม ออกซาเลต ฟอสเฟต และก็กรดยูริค สามารถแยกเป็นชนิดและประเภทของนิ่วในไตได้ดังต่อไปนี้ นิ่วสงามไวท์(struvite stones) เจอ จำนวนร้อยละ 15 เกิดในคนไข้ที่มีทางเดินเยี่ยวอักเสบเรื้อรัง นิ่วกรดยูริค (uric acid stones) เจอราวๆปริมาณร้อยละ 6 มีเหตุที่เกิดจากทานอาหารที่มีพิวรีน (purine) สูง อาทิเช่น เครื่องใน สัตว์ปีก เป็นต้น นิ่วซีสตี (cystine stones) พบราวๆปริมาณร้อยละ 2 เกิดขึ้นจากความไม่ปกติของร่างกาย ในการซึมซับสารซีสตีน นิ่วแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate stones) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ในประเทศไทย โดยพบร้อยละ 75-80 ซึ่งจากรายงาน การศึกษาวิจัยที่จังหวัดขอนแก่นพบนิ่วประเภทนี้ปริมาณร้อยละ 88 และก็ที่อเมริกาพบอุบัติการณ์ปริมาณร้อยละ 90 นิ่วแคลเซียมออกซาเลตเกิดจากแคลเซียมรวมกับกรด ออกซาลิก (oxalic acid) เมื่อไปรวมกับธาตุตัวอื่น เช่น โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม หรือโปแตสเซียม จะกลายเป็นผลึกออกซาเลต และแปลงเป็นก้อนนิ่วในเวลาถัดมา
นิ่วในไตสามารถพบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา แต่ว่าพบได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าในช่วงอายุ 40 - 50 ปี โดยพบในเพศชายสูงกว่าสตรีราว 2 - 3 เท่า
นิ่วในไตอาจกำเนิดกับไตเพียงแค่ข้างเดียว โดยช่องทางกำเนิดใกล้เคียงกันทั้งข้างซ้ายและก็ขวาหรือเกิดนิ่วพร้อมทั้งสองข้าง แต่ความรุนแรงของนิ่วในทั้งคู่ไตมักแตกต่างกันขึ้นกับขนาดและตำแหน่งของนิ่ว ในประเทศที่เจริญแล้ว จะพบโรคนี้ได้ประมาณ 0.2% ของสามัญชน ส่วนในทวีปเอเชียพบได้ราว 2-5%
สำหรับในประเทศไทย เจออัตรา การเกิดโรคนิ่วในไตและในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วยใน จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มขึ้นจาก 99.25 ต่อ 100,000 ของมวลชน ในปีพ.ศ. 2550 เป็น 122.46 ในปี พ.ศ. 2553 พบมากที่สุดในประชาชน ภาคเหนือแล้วก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอัตรา 188.55 รวมทั้ง 174.67 เป็นลำดับ จากการเรียน นิ่วในระบบทางเท้าปัสสาวะ ในปีพ.ศ. 2552 แยกประเภทตามครอบครัว และ หมู่บ้าน ในพลเมืองภาคอีสาน ที่จังหวัด ขอนแก่น ปริมาณ 1,034 ราย (โดยรวมคนที่เป็นนิ่ว อยู่แล้ว 135 ราย) จาก 551 ครอบครัว และ 348 หมู่บ้าน เรียนรู้ด้วยวิธีถ่ายภาพรังสี Kidney-Ureter Bladder (KUB) พบว่า สมาชิกในครอบครัวปริมาณ 116 ครอบครัว (ปริมาณร้อยละ 21.05) และก็ใน 23 หมู่บ้าน (ร้อยละ 6.61) เป็นนิ่วในไต ตำแหน่งที่เจอนิ่วเยอะที่สุดหมายถึงในไต ราวๆปริมาณร้อยละ 80 สำหรับในภูมิภาคอื่นๆมีการเรียนรู้ไม่มากสักเท่าไรนัก แต่มีรายงานการเรียนรู้พบว่า เจอนิ่วสูงที่สุดในช่วงอายุ 40-50 ปีรวมทั้ง เจอในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 3 เท่า และพบ การเกิดซ้ำ ภายใน 2 ปี ข้างหลังผ่าตัดหรือสลายนิ่วสูงถึง ร้อยละ 39
ในขณะนี้โรคนิ่วในไตมีทิศทางที่สูงขึ้น ทั้งในประเทศไทยรวมทั้งทุกภูมิภาคทั้งโลก การมีนิ่วในไต ทำ ให้การทำ งานของไตเสื่อมลง และก็บางทีอาจร้ายแรงจนกระทั่ง เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแล้วก็โรคไตระยะท้ายที่สุด ซึ่งทำ ให้ เสียชีวิตได้ ยิ่งกว่านั้นโรคนิ่วในไตมีอุบัติการณ์กำเนิดนิ่วซ้ำ สูงมากมาย ทำ ให้ทั้งยังผู้ป่วยแล้วก็รัฐบาลต้องสูญเสียค่าใช้สอย สำหรับเพื่อการรักษามหาศาล โดยเหตุนี้การหลีกเลี่ยงปัจจัย เสี่ยงหรือมูลเหตุที่ก่อกำเนิดนิ่ว ตัวอย่างเช่น พืชที่มีออกซาเลต สูง หรือการรับประทานแคลเซียมเม็ดเสริม ควรจะเป็นสิ่งที่ จะต้องคำ นึกถึงเพื่อป้องการกันกำเนิดนิ่ว
สิ่งที่ทำให้เกินิ่วในไต[/url] มีต้นเหตุจากหลากหลายเหตุ ทั้งยังปัจจัยเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม เมตตาบอลิซึม กรรมพันธุ์ วิถีการดำรงชีวิต รวมทั้งนิสัยการกินอาหารของเพศผู้ป่วยไข้เอง แม้กระนั้นปัจจัยที่สำคัญของการเกิดนิ่วในไตเป็นการมีสารก่อนิ่วในปัสสาวะสูงยิ่งกว่าระดับสารยับยั้งนิ่ว ร่วมกับปัจจัยเสริมเป็น ปริมาตรของฉี่น้อย ส่งผลให้เกิดภาวการณ์อิ่มตัวยวดยิ่งของสารก่อนิ่วในเยี่ยว จึงเกิดผลึกที่ไม่ละลายน้ำขึ้น ดังเช่น แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต และยูเรต ผลึกนิ่วที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการอักเสบ ส่งผลให้เซลล์บุข้างในไตถูกทำลาย ตำแหน่งถูกทำลายนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผลึกนิ่วเกาะยึดและรวมกลุ่มกัน เกิดการทับถมของผลึกนิ่วเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนเปลี่ยนเป็นก้อนนิ่วได้สุดท้าย ในคนธรรมดาที่มีสารยั้งนิ่วในปัสสาวะสูงเพียงพอจะสามารถยับยั้งการก่อตัวของผลึกนิ่วได้ ขึ้นรถพวกนี้จะไปแย่งจับกับสารก่อนิ่ว เช่น ซิเทรตจับกับแคลเซียม หรือแมกนีเซียมจับกับออกซาเลต นำมาซึ่งการก่อให้เกิดเป็นสารที่ละลายน้ำก้าวหน้า และขับออกไปพร้อมทั้งน้ำปัสสาวะ ทำให้จำนวนสารก่อนิ่วในปัสสาวะน้อยลงและไม่สามารถรวมตัวกันเป็นผลึกนิ่วได้ เว้นเสียแต่สารยับยั้งนิ่วกลุ่มนี้แล้วโปรตีนในเยี่ยวหลากหลายประเภทยังปฏิบัติภารกิจคุ้มครองปกป้องการก่อผลึกในเยี่ยว แล้วก็เมื่อฉาบที่ผิวผลึกจะช่วยขับผลึกออกไปพร้อมกับเยี่ยวได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันนี้มีหลายงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยบอกว่า ความเปลี่ยนไปจากปกติของการสังเคราะห์รวมทั้งรูปแบบการทำงานของโปรตีนยั้งนิ่วพวกนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคนิ่วในไต  การเกิดนิ่วในไตยังอาจมีต้นเหตุที่เกิดจากโรคอื่นที่เป็นอยู่ เป็นต้นว่า การติดเชื้อในระบบฟุตบาทฉี่ โรคเมตาบอลิก รวมถึงการใช้ยารักษาโรคบางประเภทอย่างโรคเกาท์ ต่อมไทรอยด์ดำเนินงานเกินธรรมดา เบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งการรับประทานวิตามินดี รวมทั้งแคลเซียมเม็ดเสริมมากเกินความจำเป็น
ลักษณะของนิ่วในไต สำหรับนิ่วในไตโดยมาก ผู้เจ็บป่วยมักไม่มีอาการแสดง แต่จะมีลักษณะอาการแสดงก็เมื่อมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนรวมทั้งก้อนนิ่วที่มีขนาดเล็กมากๆอาจหลุดออกไปกับการขับปัสสาวะโดยไม่ทำให้เกิดอาการหรือความรู้สึกเจ็บปวดอะไรก็ตามลักษณะของนิ่วในไตบางทีอาจไม่ปรากฏให้มองเห็นจนกว่าก้อนนิ่วเริ่มเคลื่อนตัวรอบๆไตหรือไปยังท่อไต ซึ่งเป็นท่อเชื่อมต่อระหว่างไตรวมทั้งกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คนเจ็บที่มีนิ่วในไตอาจมีอาการเหล่านี้ตามมา ดังเช่นว่า ปวดรอบๆหลังหรือช่องท้องข้างล่างข้างใดข้างหนึ่ง บางทีอาจเจ็บปวดรวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ  มีลักษณะปวดบีบเป็นระยะ รวมทั้งปวดร้ายแรงเป็นระยะๆที่บริเวณดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ฉี่เป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู และก็น้ำตาล  เยี่ยวแล้วเจ็บ  ปวดท้องเยี่ยวบ่อยมาก  ปัสสาวะน้อย  ฉี่ขุ่นหรือมีกลิ่นฉุน อ้วก อ้วก หนาวสั่น เจ็บป่วย รวมทั้งถ้าเกิดก้อนนิ่วมีขนาดเล็กและก็ตกลมมาที่ท่อไต จะก่อให้กำเนิดลักษณะของการปวดบิดในท้องรุนแรง เรียกว่า “นิ่วในท่อไต” คนไข้จะมีลักษณะระคายเคืองเวลาปัสสาวะ ต้องการฉี่ แต่ว่าเยี่ยวขัด กะปริดกะปรอย ในเรื่องที่มีการติดโรคเข้าแทรกจะมีลักษณะอาการไข้ร่วมด้วย แม้ปลดปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆโดยไม่ได้รับการดูแลรักษาจะทำให้ไตบาดเจ็บเรื้อรัง ส่งผลให้ไตมีรูปร่างและปฏิบัติงานผิดปกติเยอะขึ้นและทำให้เกิดภาวการณ์ไตวายท้ายที่สุด
แนวทางการรักษานิ่วในไต  หมอวินิจฉัยนิ่วในไตได้จากประวัติความเป็นมาอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ และอาจมีการตรวจอื่นๆเสริมเติมสังกัดอาการผู้เจ็บป่วยรวมทั้งดุลพินิจของแพทย์ ดังเช่น

  • การตรวจเยี่ยว เพื่อดูว่าร่างกายมีการขับแร่ธาตุศูนย์รวมตัวเป็นก้อนนิ่วมากเกินความจำเป็น หรือมีสารปกป้องการเกิดนิ่วที่น้อยเกินไปหรือไม่ รวมทั้งตรวจเม็ดเลือดแดงในเยี่ยว ตลอดจนตรวจค้นภาวะติดโรค สามารถทำเป็นโดยเก็บฉี่ของคนเจ็บทั้งสิ้นในตอน 24 ชั่วโมง ได้แก่ หากเริ่มนับตั้งแต่ 8.00 นาฬิกา ปัจจุบันนี้ผู้เจ็บป่วยจำต้องเยี่ยวทิ้งไปก่อน แล้วเก็บครั้งต่อๆไปทุกคราวจนกระทั่ง 8.00 นาฬิกาของวันต่อไป
  • การวิเคราะห์เลือด ผลของการตรวจเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพไตของผู้ป่วย และช่วยให้หมอวินิจฉัยโรคต่างๆได้ รวมทั้งตรวจวัดระดับของสารที่อาจก่อให้เกิดนิ่ว โดยผู้เจ็บป่วยที่มีนิ่วในไตบางทีอาจตรวจเจอว่ามีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดที่มากเกินไป
  • การตรวจโดยมองจากรูปไต วิธีแบบนี้จะช่วยให้หมอสามารถเห็นก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นตามทางเดินปัสสาวะ การถ่ายภาพไตมีมากมายหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ ได้แก่ การฉายรังสีเอกซ์เรย์ในท้อง ซึ่งอาจทำให้ไม่เห็นก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหรือนิ่วบางจำพวก การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ไต นอกจาก 2 วิธีนี้ แพทย์อาจไตร่ตรองใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งอาจจะส่งผลให้เห็นนิ่วก้อนเล็กๆได้รวมทั้ง
  • การตรวจ x-ray เงาไตที่เรียก KUB (Kidney ureter and bladder) ถ้าหากว่าเป็นนิ่วที่ทึบแสงก็สามารถมองเห็นนิ่วได้ ถ้าหากเป็นนิ่วที่ไม่ทึบแสงก็ไม่สามารถที่จะเห็น รวมถึงการตรวจ IVP (Intravenous pyelogram) เป็นการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ รวมทั้งสีนั้นจะถูกขับออกทางไตภายหลังจากฉีดจะ x-ray เงาไตที่เวลาต่างๆหลังฉีดสี เพื่อมองรูปร่าง รูปแบบของไต ว่ามีการอุดตันจากนิ่วหรือไม่ รวมถึงแนวทางการทำงานของไต ว่าดีมากน้อยแค่ไหน
  • การรักษานิ่วในไต การรักษามีหลายแนวทาง แพทย์จะตรึกตรองโดยอาศัยข้อมูลเรื่องขนาดของนิ่ว ตำแหน่งของนิ่ว ความแข็งของนิ่ว ไตบวมมากมายหรือน้อย การอักเสบของไตเป็นต้น เพื่อพิเคราะห์เลือกกระบวนการที่เยี่ยมที่สุดในแต่ละราย บางคนอาจจะสมควรที่จะรักษาด้วยการสลายนิ่ว แต่บางท่านไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว บางทีอาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆคนเจ็บควรขอคำแนะนำแพทย์ถึงกรรมวิธีต่างๆกลุ่มนี้เพื่อจะได้เข้าใจถึงเหตุผลที่แพทย์เลือกแนวทางนั้นๆสำหรับการรักษา

การรักษานิ่วในไตขนาดเล็ก  การดูแลและรักษานิ่วขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 มม. บางทีอาจทำได้ด้วยการดื่มน้ำมากมายๆเพื่อช่วยขับก้อนนิ่วออกมาพร้อมเยี่ยว และควรดื่มให้มากพอ (วันละ 8 – 10 แก้ว) จนถึงปัสสาวะเจือจางฉี่เป็นสีใสๆนิ่วอาจหลุดลงมาเป็นนิ่วในทอไต แม้กระนั้น แม้คนไข้ด้วยนิ่วชนิดนี้มีลักษณะอาการ หมออาจพิจารณาให้ผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกได้เช่นเดียวกัน
ถ้าเกิดก้อนนิ่วเล็กๆที่ทำให้เกิดความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวด อย่างเช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อะเซตามิโนเฟ่น (Acetaminophen) หรือที่รู้จักในชื่อพาราเซตามอล รวมทั้งที่นาพรอกเซน (Naproxen)
ยิ่งกว่านั้น การใช้ยาช่วยขับก้อนนิ่วก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษา หมอบางทีอาจสั่งจ่ายยากลุ่มแอลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha Blocker) ซึ่งเป็นยาช่วยขับก้อนนิ่วออกมาทางฉี่ ออกฤทธิ์โดยการทำให้กล้ามเนื้อบรรเทา ทำให้ให้ก้อนนิ่วในไตถูกขับออกมาได้เร็วและก็เจ็บน้อยกว่า
การรักษานิ่วในไตขนาดใหญ่ ก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 มม.ขึ้นไปสามารถทำให้มีเลือดออก รวมทั้งคงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลที่ท่อไตหรือการตำหนิดเชื้อในระบบทางเท้าปัสสาวะ จนถึงไม่สามารถที่จะหลุดมาเองได้ หมอบางทีอาจจะต้องใช้การรักษาประเภทอื่นๆดังต่อไปนี้

  • การใช้คลื่นเสียงกระจายตัวก้อนนิ่ว เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 ซม. รักษาด้วยการใช้เครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL) โดยใช้แรงสั่นของคลื่นเสียงทำให้นิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆกระทั่งสามารถผ่านออกทางการขับปัสสาวะได้ วิธีแบบนี้คนเจ็บบางทีอาจรู้สึกเจ็บปวดระดับปานกลาง หมอจึงอาจใช้ยาระงับประสาทเพื่อผู้ป่วยสงบหรือทำให้สลบแบบตื้น กรรมวิธีการรักษาใช้เวลาโดยประมาณ 45-60 นาที แล้วก็อาจส่งผลข้างๆให้เยี่ยวเป็นเลือด มีแผลบวมช้ำข้างหลังช่องท้อง เลือดออกรอบบริเวณไตแล้วก็อวัยวะรอบกาย รวมถึงรู้สึกเจ็บเมื่อเสี้ยวก้อนนิ่วเขยื้อนผ่านทางเท้าปัสสาวะออกมา การดูแลรักษาโรคนิ่วแนวทางนี้ช่วงเวลากว่าเศษนิ่วจะหลุดออกมาหมดนั้นไม่แน่นอน บางรายจะต้องสลายนิ่วซ้ำอีกหนึ่งหรือหลายคราว ไม่อาจจะยืนยันผลการรักษาได้ทุกราย โดยมีอัตราปลอดนิ่วที่ 3 เดือนราวๆจำนวนร้อยละ 75
  • การผ่าตัดก้อนนิ่วออก (Percutaneous Nephrolithotomy) เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร อาจใช้ตามหลังการใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว (ESWL) ไม่เป็นผล แพทย์อาจเลือกใช้การผ่าตัดนิ่วด้วยการใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กแล้วก็เครื่องมือใส่เข้าไปบริเวณหลังของคนป่วย โดยพักฟื้นที่โรงหมอเป็นเวลา 1-2 วัน แล้วก็มีประสิทธิภาพถึง 72-99 เปอร์เซ็นต์
  • การส่องกล้อง สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 ซม. หมออาจใช้กล้อง Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดฉี่แล้วก็กระเพาะปัสสาวะ แล้วใช้เครื่องมือชนิดพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กจนสามารถถูกขับออกมาทางเท้าเยี่ยวได้ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดรวมทั้งช่วยทำให้หายเร็วขึ้น ก็เลยอาจมีการใช้ท่อเล็กๆยึดไว้ที่หลอดฉี่ด้วย การส่องกล้องนี้พบว่ารักษาได้ผลถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดเป็นนิ่วเขากวางมีแขนงมากยิ่งกว่า 2 กิ่ง หรือนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร หมอมักไตร่ตรองเป็นการผ่าตัดเปิดตามความเหมาะสม
  • การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ โรคต่อมไทรอยด์ดำเนินงานสูง เกิดการผลิตฮอร์โมนพาราไทรอยด์ขึ้นมามากมายไม่ปกติ และเป็นต้นเหตุให้กำเนิดก้อนนิ่วจากแคลเซียมฟอสเฟตได้ง่าย การทำงานที่แตกต่างจากปกตินี้หากมีต้นเหตุจากเนื้องอกที่เติบโตบนต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดเอาเนื้องอกดังกล่าวมาแล้วข้างต้นค่อนข้างจะเป็นช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย

สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดนิ่วในไต

  • รับประทานอาหารมีสารที่ก่อการนอนก้นเป็นนิ่วปริมาณสูงตลอดอย่างเช่น กินอาหารมีออกซาเลตสูง ได้แก่ โยเกิร์ต ถั่วที่มีรูปทรงราวกับไต อาทิ ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆมะเดื่อ แครอด บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บรอคอยควัวลิ ผักโขม ชะพลู ผักกะเฉด รวมทั้งยอดผักต่างๆหรือมีกรดยูริคสูง ดังเช่นว่า เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ปลาทะเล หอยแครง น้ำเกรวี/Gravy และจากพืชบางประเภทยกตัวอย่างเช่น หน่อไม่ฝรั่ง ผักขม ยอดผัก แล้วก็ถั่วจำพวกมีรูปร่างเหมือนไต/ถั่วดำ/ถั่วแดง
  • การตีบแคบของทางเท้าปัสสาวะทำ ให้มี ปัสสาวะคั่งค้างข้างในไต
  • ความเข้มข้นของน้ำ ปัสสาวะ เกิดเพราะว่า คนเจ็บดื่มน้ำ น้อยกว่าธรรมดา หรือสูญเสียน้ำ ออกมาจาก ร่างกายมากกว่าปกติ ผู้มีอาชีพเกษตรกรทำ งานที่โล่งแจ้ง จะมีการเสียเหงื่อมากมายทำ ให้เยี่ยวมีความเข้มข้นสูง ช่องทางที่สารละลายในฉี่จะกลายเป็นผลึกก็เลยมีมากขึ้นเรื่อยๆ และ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับเกลือแร่ที่ละลายอยู่ในน้ำที่ใช้ดื่ม ซึ่งขึ้นกับแต่ละเขตแดนกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเป็นนิ่วขึ้นได้ การออกกำลังกายอย่างหนัก ทำ ให้มีการสูญเสียน้ำ แล้วก็ เกลือแร่ไปกับเหงื่อ ทำให้ปัสสาวะจะมีจำนวนสิเทรตต่ำ ซึ่งการขาดซิเทรตทำ ให้แคลเซียมรวมกับออกซาเลตเป็นแคลเซียมออกซาเลต หรือแคลเซียมรวมกับฟอสเฟตเป็นแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งละลายน้ำ ได้ไม่ดี
  • ความเป็นกรด-ด่างของเยี่ยว เยี่ยวที่มี ฤทธิ์เป็นกรดมากมายบางทีอาจเกิดการตกผลึกของกรดยูริค แล้วก็ซีสทีน ส่วนปัสสาวะที่มีฤทธิ์เป็นด่าง บางทีอาจมีการตกตะกอน ของผลึกออกซาเลต ฟอสเฟส และคาบอเนต ซึ่งคนธรรมดา ในช่วง 06.00 น. เยี่ยวจะมีความเป็นกรดที่ pH 5.2 ในตอน 18.00 น. จะมีความเป็นกลาง pH 7.0 ก็เลยมี จังหวะเกิดผลึกได้ผลึกกรดยูริค แล้วก็ผลึกแคลเซียม ซึ่งการรวมตัวกันของผลึกทำ ให้กำเนิดเป็นก้อนนิ่วสุดท้าย
  • โรคเรื้อรังบางชนิดที่ทำให้ภายในร่างกายมีสารต่างๆที่ก่อนิ่วสูงกว่าธรรมดาตัวอย่างเช่น โรคของ ต่อมพาราต่อมไทรอยด์(Parathyroid gland) ซึ่งคือต่อมไร้ท่อขนาดเล็กอยู่ใต้ต่อมไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมแนวทางการทำงานของแคลเซียม) ดำเนินการเกิน หรือโรคเกาต์ซึ่งมีกรดยูริคสูงในร่างกาย
  • อาจจากกินวิตามินซี วิตามินดี และก็แคลเซียมเสริมของกินจำนวนสูงสม่ำเสมอ ด้วยเหตุนั้นการกินวิตามินเกลือแร่เหล่านี้เสริมของกิน ควรขอความเห็นแพทย์ก่อนเสมอ
  • ยาบางชนิดทำ ให้กำเนิดนิ่วได้ดังเช่นว่า ยาขับฉี่ ยากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors ยาระบาย หรือยาลดกรดที่รับประทานอยู่เป็นเวลานาน ทำ ให้เกิด นิ่วด้วยกลไกผ่านทางเมตาบอลิค

การติดต่อของนิ่วในไต  นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดจากการตกตะกอนของธาตุต่างๆรวมทั้งแคลเซียม (หินปูน) เป็นก้อนผลึกขนาดต่างๆตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ตัวอย่างเช่น ถุงน้ำดี รวมทั้ง ระบบทางเดินปัสสาวะของร่างกาย ซึ่งไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อเป็นนิ่วในไต การดูแลตัวเองเมื่อเป็นนิ่วในไตแล้วก็เพื่อปกป้องนิ่วย้อนไปเป็นซ้ำหลังรักษานิ่วหายแล้ว ดังเช่น

  • กินน้ำสะอาดมากๆอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรถ้าเกิดว่าไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำ
  • จำกัดอาหารที่มีสารออกซาเลต กรดยูริค รวมทั้งสารซีสตีนสูง
  • ไม่กลั้นปัสสาวะนาน แล้วก็เพียรพยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
  • ทำตามหมอ/พยาบาลชี้แนะอย่างเคร่งครัด
  • รับประทานยาต่างๆให้ถูกครบบริบรูณ์ ไม่ขาดยา และไม่หยุดยาเอง
  • สังเกตสีแล้วก็รูปแบบของฉี่เสมอเพื่อรีบพบแพทย์ก่อนนัดหมายเมื่อมีความผิดปกติกำเนิด ขึ้นเช่น ขุ่นมากหรือเป็นเลือดรวมทั้งเมื่อมีนิ่วหลุดออกมา ควรที่จะเก็บเอาไว้และจากนั้นจึงนำไปพบแพทย์ เพื่อศึกษาทางห้องทดลองว่าเป็นนิ่วชนิดใด เพื่อการรักษาและการดูแลตนเองได้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อหมอเสนอแนะให้เก็บนิ่วมาให้หมอดู ควรจะปัสสาวะในกระโถนหรือปัสสาวะผ่านผ้ากรองเพื่อการเก็บนิ่วได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
  • เลี่ยงเครื่องดื่มน้ำอัดลม เพราะว่าอาจทำให้จำนวนของซิเทรดในเยี่ยวลดน้อยลง

การคุ้มครองป้องกันตนเองจากนิ่วในไต ช่วงอายุที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วสูงสุดคือ 40-60 ปี รวมทั้งอัตราการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ เจอสูงถึงจำนวนร้อยละ 50 ภายใน 5 ปี การกระทำตนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว หรือการเกิดนิ่วซ้ำ ควรปฏิบัติดังนี้

  • ควรจะกินน้ำ วันละ 6-8 แก้ว (2.5 ลิตรหรือมากกว่า) หรือให้ได้ความจุของปัสสาวะมากกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ รวมทั้งลดโอกาสการก่อผลึกนิ่วในระบบฟุตบาทปัสสาวะ
  • ควรหลบหลีกการดื่มกาแฟที่เข้มข้นมาก อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทำ ให้ระดับแคลเซียมสูงมากขึ้นในปัสสาวะ
  • คนป่วยที่มีน
ตารางที่ 1 แสดงปริมาณกรดออกซาลิคในผักต่อน้ำ หนักผัก 100 กรัม
           ชื่อผัก                    ปริมาณกรดออกซาลิค ชื่อผัก            ปริมาณกรดออกซาลิค
                                    (มิลลิกรัม)                                            (มิลลิกรัม)
ผักชีฝรั่ง (parsley)               1,700                           หัวไชเท้า                        480
มันสำปะหลัง                       1,260                           ใบกระเจี๊ยบ                    389.5
ใบชะพลู                              1,088.4                        ใบยอ                            387.6
ผักโขม (amaranth)             1,090                           ผักปัง                            385.3
ผักโขม (spinach)                 970                              ผักกระเฉด                     310
ยอดพริกชี้ฟ้า                        761.7                           ผักแพงพวย                   243.9
แครอท                                500                              กระเทียม                       360

  • กินอาหารประเภทผักรวมทั้งผลไม้ (ที่ไม่มีสารออกซาเลต , ยูริกสูง) เพราะเหตุว่าเป็นแหล่งของสารยั้งการเกิดนิ่ว ช่วยทำให้ปริมาณซิเทรต โพแทสเซียม และก็ pH ของฉี่เพิ่มขึ้น และก็ลดการทำลายของเซลล์เยื่อบุหลอดไต จึงสามารถยับยั้งการเกิดนิ่วได้อย่างมีคุณภาพ
  • รับประทานไขมันจากพืชแล้วก็ไขมันจากปลา เนื่องจากว่าไขมันกลุ่มนี้สามารถลดจำนวนแคลเซียมในเยี่ยวได้ดีมากว่าไขมันที่ได้จากเนื้อสัตว์อื่นๆจึงช่วยลดช่องทางกำเนิดนิ่วซ้ำได้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษานิ่วในไต
กระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa L.

  • ส่วนประกอบทางเคมี: มีสาร Anthocyanin และก็กรดอินทรีย์หลายตัว ดังเช่น citric acid, mallic acid, tartaric acid, vitamin c ทำให้เยี่ยวมีฤทธิ์เป็นกรด
  • สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา แก้เสลด ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • การเล่าเรียนทางคลินิก: ลดระดับความดันเลือด ยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินฉี่ ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ชิ้งฉ่องสะดวกขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีลักษณะปวดแสบเวลาปัสสาวะลดลง

ขลู่ Pluchea indica (L.) Less.

  • องค์ประกอบทางเคมี: พบสารอนุพันธ์ของ eudesmane กลุ่ม cauhtemone และก็พบเกลือแร่ sodium chloride เพราะเหตุว่าชอบขึ้นที่น้ำทะเลขึ้นถึง
  • สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: ใช้ ใบ รสหอมฝาดเมาเค็ม เป็นยาขับฉี่ ทั้งยังต้น รสหอมฝาดเมาเค็ม ใช้ต้มรับประทานรักษาอาการขัดเบา แก้นิ่วในไต ขับปัสสาวะ แก้ฉี่ทุพพลภาพ

ตะไคร้   Cymbopogon citratus  Stapf

  • คุณประโยชน์ ต้น แก้โรคฟุตบาทฉี่ นิ่ว ขับปัสสาวะ รอบเดือนมาไม่ปกติ  แก้ฉี่เป็นเลือด แก้โรคหืด  ราก ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้ฉี่ทุพพลภาพ แก้อาการขัดเบา

ทานตะวัน    Helianthus annuus  L.

  • คุณประโยชน์ แกนต้น – ขับฉี่ แก้นิ่วในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต เม็ด – ขับฉี่ ราก – ขับปัสสาวะ

สับปะรด    Ananas comosus  (L.) Merr.

  • สรรพคุณ ราก – แก้นิ่ว ขับฉี่ ใบสด – เป็นยาถ่าย ฆ่าพยาธิในท้อง ยาขับฉี่ ผลสุก – ขับปัสสาวะ ไส้กึ่งกลางสับปะรด – แก้ขัดค่อย เปลือก – ขับเยี่ยว ทำให้ไตมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จุก – ขับฉี่ แก้นิ่ว กิ่งก้านสาขา – แก้โรคนิ่ว ยอดอ่อนสับปะรด – แก้นิ่ว
เอกสารอ้างอิง

  • ผศ.วิทย์ วิเศษสินธ์.โรคนิ่ววในระบบทางเดินปัสสาวะ.หน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หนุ่มน้อยคอยรัก007
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 27, 2018, 05:33:04 pm »

โรคนิ่วในไต วิธีรักษา ยาสมุนไพร disthai

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ