นมผึ้งและก็คุณค่าที่น่าสนใจขั้นตอนหนดีต่อร่างกาย

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและก็คุณค่าที่น่าสนใจขั้นตอนหนดีต่อร่างกาย  (อ่าน 5 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Luckyz0nl3
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12685


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 29, 2018, 09:21:37 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

นมผึ้ง ได้ผลสำเร็จผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นของกินหลักของผึ้งนางพญาและตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นสำหรับเพื่อการเจริญเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และยังรวมไปถึงเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงรวมทั้งเครื่องสำอาง
นมผึ้งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักโดยประมาณ 60-70% แล้วก็อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆอย่างเช่น โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ แล้วก็กรดอะมิโน นอกนั้น ยังพบสารอื่นในนมผึ้ง ยกตัวอย่างเช่น กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอสิตำหนิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและกลไกแนวทางการทำงานของร่างกาย รวมทั้งฮอร์โมนเพศ ยกตัวอย่างเช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ทั้งนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ รวมทั้งสภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้ส่วนประกอบของนมผึ้งแตกต่างออกไป ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเชื่อว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน รวมถึงแผลเบาหวาน ฯลฯ ทั้งยังยังเชื่อกันอีกว่าถ้าหากนำนมผึ้งทาที่หนังหัวบางทีอาจช่วยกระตุ้นการก้าวหน้าเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างกลุ่มนี้จะเป็นจริงหรือเปล่า และก็มีหลักฐานทางด้านการแพทย์มาดน้อยแค่ไหนที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ ประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหล่านี้
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากนมผึ้งที่อาจมีต่อสุขภาพ
บรรเทาอาการวัยทอง อาการวัยทองเป็นปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นอยู่กับสตรีวัยกลางคน นำมาซึ่งอาการหลายอย่าง อย่างเช่น ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะร่วมเพศ ฯลฯ
อาการดังที่กล่าวผ่านมาแล้วสามารถทุเลาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แต่สารหล่อลื่นจำนวนมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงแค่ชั่วครั้งคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณลักษณะต่อต้านจุลชีวิน (Antimicrobial Activity) รวมทั้งมีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน
จากการเรียนโดยให้สตรีวัยทองที่แต่งงานแล้วอายุ 50-65 ปี จำนวน 90 คน กลุ่มหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กรุ๊ปหนึ่งใช้ฮอร์โมนตอบแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมแบรนด์หนึ่ง รวมทั้งอีกกรุ๊ปใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดตรงเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัยทองได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมและสารหล่อลื่น ซึ่งจากผลการทดลองอาจกล่าวได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและก็ทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวข้องกับช่องคลอดของผู้หญิงวัยทอง แล้วก็ทางผู้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยยังได้กำหนดอีกว่าแม้เพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางครั้งอาจจะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายแบบ หนึ่งในนั้นเป็นกรดไขมันสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) แล้วก็สารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าที่ให้เพศหญิงวัยทองสุขภาพแข็งแรงจำนวน 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มก. ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ รวมถึงระดับไขมันในเลือดก่อนรวมทั้งข้างหลังการทดลอง พบว่ามีการเปลี่ยนของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) ต่ำลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) น้อยลง 3.09% และระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (HDL) มากขึ้น 7.7% จากผลของการทดลองอาจกล่าวได้ว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือด และอาจเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับในการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวกับภาวะไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ ยังมีอีกการเล่าเรียนหนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวะไขมันในเลือดสูงจำพวกไม่รุนแรงปริมาณ 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มิลลิกรัมวันละ 9 แคปซูล เป็นเวลา 3 เดือนก็บอกให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่ลดลงเช่นเดียวกัน ทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดรวมทั้งหัวใจได้อีกด้วย
ทุเลาอาการก่อนมีเมนส์ อาการก่อนมีรอบเดือนมักมีผลในทางลบกับสุขภาพของสตรี บางเวลาการดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยบรรเทาให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้นได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตแพทย์จำนวน 110 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีประจำเดือน รวมทั้งกินต่อเนื่องกระทั่งหมดรอบเดือนในรอบถัดไป พบว่าอาการก่อนมีระดูน้อยลง
จากผลของการทดสอบอาจกล่าวได้ว่าการรับประทานนมผึ้งติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีเมนส์ได้
รักษาแผลเบาหวาน แผลโรคเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบมากในคนป่วยเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี ส่วนมากจะพบแผลเบาหวานที่รอบๆเท้า โดยเฉพาะนิ้วโป้งเท้าและปลายอุ้งเท้า
ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติภารกิจต่อต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งกรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ จึงคาดว่าบางครั้งอาจจะช่วยรักษาแผลโรคเบาหวานได้
จากการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการดูแลและรักษาหลักตามธรรมดา ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลและปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลจำพวกปลอดเชื้อเป็นเวลา 3 เดือนหรือกระทั่งแผลจะหาย
และก็มีการให้คะแนนอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 424 ชั่วโมงก็เลยทำให้แผลหายดี และค่าถัวเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง และความลึกของแผลน้อยลงวันละ 0.35 มม. 0.28 มิลลิเมตร แล้วก็ 0.11 มิลลิเมตรตามลำดับ
จากผลการศึกษาวิจัยอาจพูดได้ว่านมผึ้งอาจมีคุณภาพเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการดูแลและรักษาหลัก อย่างไรก็แล้วแต่ผลการศึกษาเรียนรู้ข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดลองเพียงแต่ 8 คน
ซึ่งบางครั้งอาจจะเล็กเหลือเกินที่จะสรุปประสิทธิภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวาน
แต่ว่าการเรียนชิ้นหนึ่งได้บ่งบอกถึงผลของนมผึ้งที่แตกต่างกันออกไป โดยให้ผู้ที่มีแผลเบาหวานป้ายยาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในบริเวณที่เป็นแผลเป็นเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเช่นเดียวกัน
แต่ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่านมผึ้งมีคุณภาพในการรักษาแผลเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกเพราะเหตุว่าการเรียนรู้ 2 ชิ้นข้างต้นบ่งบอกถึงผลลัพธ์ของนมผึ้งที่ตรงกันข้ามกัน จึงอาจยังไม่สามารถที่จะสรุปความสามารถของนมผึ้งในการรักษาแผลเบาหวานได้อย่างชัดเจน ก็เลยจำต้องเล่าเรียนเสริมเติม
ทุเลาอาการอ่อนแรงจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนแรงที่มีต้นเหตุที่เกิดจากโรคมะเร็งเกิดจากการดูแลรักษาทั้งการฉายรังสีหรือแนวทางการทำเคมีบำบัดรักษา มักส่งผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย แล้วก็คุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วย ซึ่งการรับประทานยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายอาจช่วยบรรเทาอาการลงได้ รวมถึงการรับประทานอาหารเสริม ยกตัวอย่างเช่น นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการเช่นกัน ก็เลยสอดคล้องกับการเรียนหนึ่งที่ให้คนเจ็บโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ปริมาณ 52 คน พบว่ากรุ๊ปที่รับประทานน้ำผึ้งดัดแปลงและก็นมผึ้งขนาด 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 อาทิตย์ มีลักษณะเมื่อยล้าจากโรคมะเร็งอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่ัรับประทานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ดียังจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพิ่มอีกถึงบทบาทที่แท้จริงของนมผึ้งในการทุเลาอาการเมื่อยล้าจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่ระบบภูมิต้านทานของร่างกายตอบสนองอย่างหนักกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ เป็นต้น ซึ่งจากการศึกษาทดลองโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่จับไข้ละอองฟาง จำนวน 80 คน กลุ่มหนึ่งรักษาด้วยการใช้การรับประทานสินค้าที่มีส่วนผสมของนมผึ้งและอีกกลุ่มกินยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน แล้วก็จนกระทั่งจะจบฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่าทั้ง 2 กลุ่มยังคงพบอาการของไข้ละอองฟาง และก็มีระดับความรุนแรงของอาการที่ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก จากผลการค้นคว้าอาจกล่าวได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีประสิทธิภาพต่อการดูแลรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถทุเลาอาการต่างๆให้ดียิ่งขึ้นได้
ก็เลยยังจึงควรเล่าเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนมผึ้งสำหรับการรักษาไข้ละอองฟางที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับการกินนมผึ้ง
การกินนมผึ้งค่อนข้างไม่มีอันตรายถ้าเกิดรับประทานในปริมาณที่สมควร แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นผลข้างเคียงได้ ดังเช่นว่า เลือดออกในลำไส้ เจ็บท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น บางรายแม้มีลักษณะอาการแพ้อย่างหนักอาจก่อให้มีลักษณะอาการอาการหอบหืด คอบวม หรือถึงกับตาย ทั้งการใช้นมผึ้งทาที่บริเวณผิวหนังออกจะไม่มีอันตราย แม้กระนั้นไม่ควรทาบริเวณหนังศีรษะเพราะอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีลักษณะอักเสบ
ข้อควรปฏิบัติตามในการกินนมผึ้งโดยยิ่งไปกว่านั้นบุคคลในกรุ๊ปดังนี้
ผู้ที่กำลังตั้งท้องหรือผู้ที่อยู่ในตอนให้นมบุตร ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่น่าไว้ใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของนมผึ้ง ดังนั้นก็เลยไม่ควรกินนมผึ้งแม้กำลังมีครรภ์หรืออยู่ในตอนให้นมบุตรคนป่วยโรคหอบหืดหรือคนที่มีลักษณะแพ้ผลิตภัณฑ์ที่มีนมผึ้งเป็นส่วนประกอบ อาจก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้คนป่วยโรคผิวหนังอักเสบ การรับประทานหรือทานมผึ้งอาจก่อให้อาการร้ายแรงเยอะขึ้นคนเจ็บความดันโลหิตต่ำ การกินนมผึ้งอาจจะเป็นผลให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำลงมากเกินไปผู้ที่อยู่ในช่วงรับประทานยารักษาโรค ตัวอย่างเช่น ยาวาร์ฟาริน เนื่องจากการกินนมผึ้งอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : Royal Jelly

เครดิตบทความจาก : [url]http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/royal-jelly/[/url]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ