โรคต่อมลูกหมากโต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต่อมลูกหมากโต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 23 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 30, 2018, 01:19:28 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hypertrophy-BPH)
โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร ต่อมลูกหมาก (prostate gland) เป็นต่อมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ในผู้ชาย อยู่ตรงด้านหลังของคอกระเพาะฉี่ในอุ้งเชิงกรานหลังกระดูกหัวหน่าว มีรูปร่างเหมือนลูกเกาลัด ต่อมมี 5 กลีบ หนักประมาณ 20 กรัม (ขนาดเท่าผลลิ้นจี่) มีหน้าที่สร้างน้ำมูก (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด ของน้ำอสุจิ) เพื่อตัวสเปิร์มว่ายน้ำและรับประทานเป็นของกิน  โดยธรรมดาต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญวัยภายหลังอายุ 20 ปี  จนตราบเท่าอายุราวๆ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกรอบ และเป็นจุดเริ่มแรกของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตนับได้ว่าเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่น่าไม่ค่อยสบายใจของคุณผู้ชายทั้งหลายแหล่ โดยทั่วไปคนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อแก่ขึ้นต่อมลูกหมากจะค่อยๆโตขึ้น ว่ากันว่าชายเฒ่า 2 ใน 5 คนจะมีลักษณะปัสสาวะผิดปกติ อาการดังกล่าวข้างต้นมีต้นเหตุมาจากการที่ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่ล้อมท่อฉี่มีขนาดโตขึ้นแล้วก็ไปบีบท่อปัสสาวะให้แคบลง
รวมทั้งยังมีรายงานการศึกษาเรียนรู้วิจัยหลายๆชิ้นสรุปว่า ในเพศชายที่แก่ 50 ปีขึ้นไป มักตรวจพบโรคต่อมลูกหมากโต เนื่องจากว่าความแปลกทางด้านขนาดและปริมาณเซลล์ต่อมลูกหมาก เมื่อขนาดของต่อมลูกหมากโตขึ้น จะส่งผลกระตุ้นให้เกิดการอุดกันของระบบฟุตบาทปัสสาวะ ชิ้งฉ่องบ่อยครั้ง ลำบาก จำต้องเบ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน กลั้นเยี่ยวไม่อยู่ ท้ายที่สุดบางทีอาจถ่ายปัสสาวะไม่ออก และมีปัญหาเกี่ยวกับของลับไม่แข็งตัว หลักการทำงานของต่อมลูกหมากอาศัยการกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศชายซึ่งส่วนใหญ่ผลิตจากอัณฑะ ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนี้ยังเกี่ยวกับการกระตุ้นการโตของเซลล์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย โดยความแปลกของต่อมลูกหมากที่พบบ่อยในชายไทย คือ โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia; BPH) โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer) และก็ต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatis) ปริมาณร้อยละ 80 18 และ 2 ตามลําดับ  โดยโรคต่อมลูกหมากโตนี้ เป็นโรคพบได้ทั่วไปมากของเพศชายวัยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยพบได้ราว 30-40% ของเพศชายวัย 50-60 ปี แล้วก็เมื่ออายุ 85 ปีจะเจอโรคนี้ได้สูงถึง 90% โรคนี้พบได้ในเพศชายทั่วทั้งโลก ทุกเชื้อชาติ
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคต่อมลูกหมากโต ในปัจจุบัน ยังไม่รู้มูลเหตุที่แจ่มแจ้งของการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต แม้กระนั้นหมอเชื่อว่า เมื่อชายสูงอายุขึ้นจะส่งผลต่อการสร้างกรุ๊ปฮอร์โมนเพศชายจากอัณฑะที่ชื่อ แอนโดรเจน (Androgen) จึงทำให้ร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายประเภทต่างๆโดยเฉพาะระหว่างฮอร์โมน เทสโทสสเตอโรน  (Testosterone) กับฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโทสสเตอโรน () (DHT) ซึ่งภาวการณ์นี้นำมาซึ่งการทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตผิดปกติได้ ที่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต
ฮอร์โมนที่มั่นใจว่าเป็นสาเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต
ที่มา :  Wikipedia
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีลักษณะอาการค่อนข้างจะรุนแรงในกลุ่มชนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจำเป็นต้องรับการดูแลและรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
ยิ่งไปกว่านี้ยังสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากพันธุกรรม โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มีอาการค่อนข้างจะรุนแรงในกลุ่มของผู้คนที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจะต้องรับการรักษาโดยผ่าตัดมักจะมีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
อาการของโรคต่อมลูกหมากโต อาการโรคต่อมลูกหมากโตนั้น เกิดจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จะไปนำไปสู่การระคายเคืองต่อท่อฉี่ แล้วก็เมื่อต่อมฯยิ่งโตขึ้น ก็จะกดแทรกทับ หรือเบียดรัดบริเวณท่อฉี่ ก็เลยนำมาซึ่งการทำให้ท่อเยี่ยวตีบแคบลง จนถึงอาจอุดตัน ด้วยเหตุนี้อาการโรคต่อมลูกหมากโต ก็คือ

  • ลุกขึ้นยืนเยี่ยวตอนดึกมากกว่า 1 - 2 ครั้ง
  • สายปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหลๆหยุดๆ
  • กำเนิดความรู้สึกว่าการถ่ายเยี่ยวเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
  • ไม่สามารถกลั้นฉี่ได้ ต้องรีบเข้าห้องอาบน้ำทันทีที่ปวดฉี่
  • จำต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถฉี่ออกมาได้
  • รู้สึกฉี่ไม่สุด ทำให้ต้องการปัสสาวะอยู่เรื่อย
  • ปัสสาวะบ่อยมาก ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง

รวมทั้งในคนไข้บางรายอาจมีอาการฉี่เป็นเลือด ด้วยเหตุว่าเบ่งถ่ายนานๆอาจจะเป็นผลให้หลอดโลหิตดำที่ท่อเยี่ยวคั่ง แล้วแตกกระทั่งมีเลือดออกมาได้  ดังนี้โรคต่อมลูกหมากโตอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นต้นว่า  ฉี่ไม่ออกเลย ทางเท้าเยี่ยวอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อมหรือกระเพาะปัสสาวะเสื่อม ฉี่เป็นเลือด  ฯลฯ ซึ่งบางทีอาจเจอได้ไม่เกินจำนวนร้อยละ 20 ของผู้เจ็บป่วยต่อมลูกหมากทั้งสิ้น
กรรมวิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต การตรวจวิเคราะห์คนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโต

  • วิธีซักเรื่องราว บ่อยครั้งแพทย์ให้คนไข้ทำแบบสอบถาม (IPSS) เพื่อประเมินความรุนแรงของความผิดปรกติของการชิ้งฉ่อง
  • การตรวจทวารหนักเพื่อคลำต่อมลูกหมาก เนื่องด้วยต่อมลูกหมากอยู่ภายในร่างกาย ด้วยเหตุดังกล่าว การใช้นิ้วทาสารหล่อลื่นลูบคลำต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนักจะเป็นแนวทางการตรวจร่างกายที่ง่ายที่สุดสำหรับในการประเมินถึงลักษณะทางภายกายภาพของต่อมลูกหมาก และที่สำคัญยังสามารถบอกได้ถึงความไม่ปรกติที่สงสัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยโดยหากพบว่ามีลักษณะโต ผิวเรียบแสดงว่าเป็นต่อมลูกหมากโตธรรมดา แต่ว่าถ้าเกิดมีลักษณะโตผิวไม่เรียบหรือออกจะแข็ง น่าสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • การตรวจเยี่ยวเป็นขั้นตอนที่สำคัญ และก็ต้องทำในคนไข้ทุกราย เพื่อมองว่ามีการอักเสบติดเชื้อ มีเม็ดเลือดเปลี่ยนไปจากปรกติไหม แล้วก็ยังเป็นการบอกถึงความแตกต่างจากปรกติของร่างกายในระบบอื่นได้
  • การตรวจเลือดเพื่อหาค่า PSA (prostatic specific antigen) ซึ่งจะตรวจต่อเมื่อผู้ป่วยมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง แล้วก็น่าจะมีชีวิตยืนยาวมากยิ่งกว่า 10 ปีขึ้นไป เพราะเหตุว่ามะเร็งต่อมลูกหมากระยะต้น มีทิศทางจะโตและแพร่กระจายช้าโดยหมอจะตรวจหาเอนไซม์ในเลือด ชื่อ พี.เอส.เอ (PSA : Prostate Specific Antigen) ซึ่งมีค่าธรรมดาโดยประมาณ 0 - 4 ng/ml (ทุ่งนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) แล้วก็ถ้าหากพบว่าผลเลือดสูงขึ้นมากยิ่งกว่าธรรมดา หมอจะชี้แนะให้ตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมาก โดยใช้เข็มเล็กๆผ่านทางทวารหนัก และก็นำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์ว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่
  • การตรวจอัลยี่ห้อซาวน์ โดยมากมักใช้เมื่อมีความผิดปรกติสำหรับในการตรวจปัสสาวะ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ได้รับความนิยมส่งไปตรวจกันมากเพิ่มขึ้นเพราะปลอดภัยรวมทั้งให้ผลดีสูง
  • การตรวจความแรงสำหรับการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry) มักจะร่วมกับการตรวจปัสสาวะที่เหลือค้างภายหลังจากฉี่หมดแล้ว มีคุณประโยชน์ในการประเมินความรุนแรงรวมทั้งติดตามการรักษา
  • การตรวจอื่นๆดังเช่นว่า การส่องกล้อง การตรวจยูโรพลศาสตร์จะทำเมื่อมีข้อบ่งชี้ที่แจ่มชัด

การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตอาจต้องใช้หลายๆวิธีด้วยกัน แต่โดยหลักๆแล้วสามารถแบ่งได้ 3 วิธีดังต่อไปนี้การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา การผ่าตัด ซึ่งมีเนื้อหาเป็น

  • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน: โดยแพทย์จะเลือกใช้แนวทางการนี้ในกรณีคนเจ็บมีลักษณะอาการจากโรคต่อมลูกหมากโตออกจะน้อย รวมทั้งอาการของคนเจ็บยังไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนป่วย โดยการปรับพฤติกรรมฯ เป็นการลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้อาการคนไข้ห่วยแตกลง อาทิเช่น
  • เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มขั้นต่ำ 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน แนวทางลักษณะนี้จะช่วยลดการปวดฉี่ในช่วงเวลาค่ำคืนได้ แม้กระนั้นก็ไม่สมควรอดหรือลดจำนวนการกินน้ำในแต่ละวัน
  • งดเว้นดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หรือลดจำนวนลงเพื่อไม่ให้มีการเคืองที่กระเพาะปัสสาวะแล้วก็ทำให้อาการไม่ดีขึ้น
  • ออกกำลังกาย มีการวิจัยพบว่าการบริหารร่างกายด้วยการเดินอย่างต่ำวันละ 30-60 นาทีต่อวันจะช่วยให้อาการดียิ่งขึ้น
  • จำกัดการรับประทานยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ การใช้ยา 2 ชนิดจะก่อให้เยี่ยวได้ทุกข์ยากลำบาก เนื่องด้วยยาจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณท่อเยี่ยวที่ควบคุมการไหลของฉี่หดตัว
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่ดีมีสาระจะช่วยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนัก ทำให้ความเสี่ยงโรคอ้วนลดลงซึ่งเกี่ยวของกับโรคต่อมลูกหมากโต
  • ฝึกฝนการเข้าห้องน้ำ การเข้าสุขาทุกๆ4-6 ชั่วโมงเป็นกรรมวิธีอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยได้มากในกลุ่มคนไข้ที่เยี่ยวบ่อยมากและไม่สามารถกลั้นได้
  • เยี่ยวครั้งละ 2 หน เพื่อไม่ให้ปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะที่จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเยี่ยวรวมทั้งฉี่บ่อยมาก เป็นต้นว่า เมื่อเยี่ยวไปแล้ว ให้คอยอีกราว 5 นาที แล้วฉี่ซ้ำอีกรอบ ระหว่างคอย บางทีอาจเปลี่ยนท่า เป็นต้นว่า ลุกขึ้นยืน ฯลฯ
  • กระทำการฝึกฝนความแข็งแรงของกล้ามอุ้งเชิงกราน(ฝึกฝนขมิบก้นเพื่อกลั้นปัสสาวะ วิธีฝึกเหมือนกับที่ผู้หญิงฝึกหัดขมิบช่องคลอด) ตามแพทย์/พยาบาลเสนอแนะอย่างเคร่งครัด
  • เมื่อต้องออกมาจากบ้าน ควรวางแผนเรื่องการเยี่ยว(การใช้ห้องอาบน้ำ)ไว้ล่วงหน้าเสมอเพื่อกำเนิดความสะดวกสำหรับการปัสสาวะ
  • การใช้ยาต่างๆ: ซึ่งหมอจะเลือกใช้ในคนป่วยที่ใช้กรรมวิธีการปรับพฤติกรรมฯไม่ได้ผล หรือในผู้ป่วยที่ตั้งแต่เดิมมีลักษณะอาการรุนแรงระดับปานกลาง หรือมีลักษณะที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิติทุกวัน ซึ่งยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต ในขณะนี้มีอยู่ราวๆ 2-3 ประเภท บางประเภทเป็นยาลดอาการหดเกร็งกล้ามที่บีบท่อเยี่ยว บางจำพวกมีสรรพคุณลดขนาดต่อมลูกหมาก และก็บางชนิดเป็นสมุนไพรที่สกัดขึ้นเพื่อลดอาการบวม แพทย์จะเป็นคนพิจารณาการให้ยาตามความเหมาะสมซึ่งยาที่ใช้รักษาลักษณะโรคต่อมลูกหมากโต สามารถแบ่งออกได้ 3 กรุ๊ปดังนี้ ยาในกลุ่มอัลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha adrenergic blockers)   ซึ่งอดีตจะใช้เป็นยาลดระดับความดัน แต่ว่าปัจจุบันนี้ได้พัฒนาต่อจนถึงส่งผลต่อความดันเลือดน้อยมาก ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เร็ว คนไข้จะรู้สึกเยี่ยวสะดวกขึ้นภายใน 3 วัน แต่ว่าหากหยุดยาและอาการก็จะกลับมาอย่างเร็ว ยาในกลุ่มนี้จะใช้กันแพร่หลายที่สุด พราโซซิน (prazosin) เทราโซสิน (tera-zosin) ดอกซาโซสิน (doxazosin) ยาที่ยั้งการผลิตฮอร์โมน (DHT) (Dihydrotestosterone)  ยาในกลุ่มนี้จะลดการสร้างฮอร์โมน DHT ซึ่งจำเป็นต่อการเติบโตของต่อมลูกหมาก แม้ว่าจะออกฤทธิ์ช้า แม้กระนั้นสามารถลดขนาดของต่อมลูกหมากได้ในระดับหนึ่ง จะมีสาระเฉพาะคนเจ็บที่มีต่อมลูกหมากค่อนข้างจะโต ไฟทุ่งนาสเตอไรด์ (fina-steride) ยาสมุนไพร มีอยู่หลายแบบ สำหรับจำพวกที่แพร่หลายที่สุด คือ จากสมุนไพรชื่อ Saw palmetto แต่ว่าความสามารถยังกำกวมนัก
  • การผ่าตัด: หมอจะเลือกใช้ขั้นตอนการนี้เมื่อคนไข้ใช้ยาแล้วไม่เป็นผล โดยการผ่าตัดมีหลายวิธี ขึ้นกับ อาการ สุขภาพคนป่วย ความอยากได้ของคนป่วยแล้วก็ครอบครัว และก็ดุลยพินิจของแพทย์ ใน เดี๋ยวนี้นิยมผ่าตัดโดยการใช้กล้องถ่ายภาพส่องผ่านท่อฉี่ (transurethral resection of the prostatic หรือ TURP) เป็นการผ่าตัดเป็นแนวทางรักษาโดยขูดต่อมลูกหมากด้วยกล้องถ่ายรูปผ่านทางท่อเยี่ยว หรือที่เพื่อตัดต่อมลูกหมากมายออกเป็นชิ้นเล็กๆซึ่งสามารถทำได้โดยหมอทางเดินฉี่ หรือศัลยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพียงแค่นั้น ในระหว่างผ่าตัดผู้เจ็บป่วยจะได้รับการวางยาเฉพาะด้านล่าง ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ ในระยะ 3 - 4 วันแรกหมอจะใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะได้พัก และก็รอให้ฉี่ใสเสียก่อนจึงจะเอาสายสวนปัสสาวะออก คนเจ็บจะมีลักษณะข้างใน 2 - 4 สัปดาห์ วิธีแบบนี้แพทย์จะใช้กับคนป่วยที่มีลักษณะอาการหนัก หรือมีภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ยังมีแนวทางอื่นๆอีกยกตัวอย่างเช่น  การใช้คลื่นความร้อน ได้แก่ ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ หรือเลเซอร์ ผ่านเข้าไปที่ต่อมลูกหมาก เพื่อทำให้ต่อมลูกหมากฝ่อและก็เล็กลง ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้ในรายคนป่วยที่ไม่เหมาะสมกับการผ่าตัดรวมถึงวิธี การขยายท่อเยี่ยวโดยการใส่ท่อคาไว้ (prostatic urethral stent) ซึ่งเหมาะกับคนไข้ที่ผ่าตัดไม่ได้  หรือไม่ยอมรับการผ่าตัด
ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคต่อมลูกหมากโต

  • ผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมีปัญหาหรือเคยมีอาการป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของอัณฑะ
  • ผู้มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย
  • คนที่มีอาการป่วยเป็นโรคหัวใจรวมทั้งโรคเบาหวาน

การติดต่อของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายหลายๆประเภท ซึ่งจะทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากเติบโตแตกต่างจากปกติ มักกำเนิดในเพศชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และก็โรคต่อมลูกหมากโตนี้ มิได้เป็นโรคติดต่อและไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แล้วก็จากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด

การกระทำตนเมื่อป่วยด้วยโรคต่อมลูกหมากโต

  • ฝึกฝนปัสสาวะให้ตรงเวลา ยกตัวอย่างเช่น ทุก 3 ชั่วโมง และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆปรับช่วงเวลาตามอาการเพื่อคุ้มครองปกป้องผู้กระทำลั้นเยี่ยวไม่อยู่
  • เยี่ยวทีละ 2 คราว เพื่อไม่ให้เยี่ยวเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะที่จะนำมาซึ่งลักษณะของการปวดเยี่ยวแล้วก็ฉี่หลายครั้ง ได้แก่ เมื่อปัสสาวะไปแล้ว ให้รอคอยอีกประมาณ 5 นาที แล้วฉี่ซ้ำอีกที ระหว่างคอย บางทีอาจแปลงท่า ดังเช่นว่า ลุกขึ้นยืน ฯลฯ
  • กระทำการฝึกหัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยการฝึกฝนขมิบตูด/ขมิบเพื่อกลั้นฉี่
  • กินน้ำในแต่ละวันให้พอเหมาะ อย่าให้มากเกินความจำเป็น
  • ลด หรือเลิกดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีน
  • ไม่ดูดบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  • เลี่ยงการใช้ยาบางจำพวกที่จะทำให้อาการผู้เจ็บป่วยห่วยแตกลง อย่างเช่น ยาขับปัสสาวะ ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาโรคไม่มีชีวิตชีวา
  • การกินอาหารมีคุณประโยชน์ 5 กลุ่มให้ครบถ้วนบริบูรณ์ทุกวันในจำนวนที่สมควร ร่วมกับการออกกำลังกายตามความเหมาะสมกับสุขภาพทุกๆวัน เพื่อการควบคุมน้ำหนัก และไม่ให้เกิดโรคอ้วน
  • เมื่อจะต้องออกจากบ้าน ควรจะวางแผนหัวข้อการใช้ห้องสุขาไว้ล่วงหน้าเสมอเพื่อเกิดความสบายในการเยี่ยว
  • รักษาร่างกายให้อบอุ่น อากาศที่หนาว จะก่อให้อาการแย่ลง
  • ระวังอย่าให้ท้องผูก

การคุ้มครองตัวเองจากโรคต่อมลูกหมากโต ตอนนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริงเพราะว่ายังไม่รู้สาเหตุที่กระจ่างของโรคนี้ และการเสี่ยงต่อโรคที่สำคัญที่ไม่สามารถที่จะปรับปรุงได้นั้นก็คืออายุที่มากขึ้น ฉะนั้นแนวทางที่เยี่ยมที่สุดก็คือผู้ชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และก็ควรจะหมั่นดูความแปลกของระบบฟุตบาทฉี่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีลักษณะถ่ายปัสสาวะทุกข์ยากลำบาก จะต้องใช้แรงเบ่งนานๆเยี่ยวไม่พุ่ง ช่วงเวลาค่ำคืนจำเป็นต้องลุกขึ้นยืนมาเยี่ยว หลายครั้ง หรือปัสสาวะเป็นเลือด ก็ควรจะไปพบหมอ เพื่อตรวจวิเคราะห์สาเหตุให้ชัดแจ้ง  เมื่อพบว่าเป็นต่อมลูกหมากโตก็ควรจะรับประทานยารักษา หรือกระทำผ่าตัดปรับปรุงตามคำแนะนำของแพทย์ 
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคต่อมลูกหมากโต พืชสมุนไพรที่มีรายงานการวิจัยทางคลินิกว่ามีฤทธิ์รักษาโรคต่อมลูกหมากโตเป็นต้นว่า มะเขือเทศ แล้วก็ฟักทอง โดยให้คนเจ็บที่ได้รับการวิเคราะห์ว่าอยู่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มต้นรับประทานซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) วันละ 50 กรัม (มี lycopene อยู่ 13 มก.) ต่อเนื่องกัน 10 สัปดาห์พบว่า มีผลทำให้ค่า prostate-specific antigen (PSA) ในเลือดซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตต่ำลง และก็การศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลโดยให้ผู้เจ็บป่วยกินแคปซูลสารสกัดเม็ดฟักทองขนาด 1000 มก.ต่อวัน ส่งผลทำให้ผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโตมีอาการดียิ่งขึ้น เมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน 12 อาทิตย์
มะเขือเทศ  ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum lycopersicum สกุล Solanaceae มีหลายการศึกษาเล่าเรียนพบว่าไลวัวพีนในมะเขือ เทศสามารถลดระดับ PSA รวมทั้งคุ้มครองการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยผ่านกลไกการทำงานต่างๆอย่างเช่น การลดการ กำเนิด lipid oxidation ต้านอนุมูลอิสระ และก็ ลดการสังเคราะห์ 5- alpha dihydrotestosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการโตของต่อมลูกหมาก และก็ยังพบว่าการบริโภคไลวัวพีนจากสินค้า มะเขือเทศซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ลูกค้ามีระดับไลโคพีนในเลือดสูงมากขึ้นจะสามารถลดระดับ PSA ในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้  Schwarz และก็ภาควิชา (2008) เล่าเรียนในผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโต (PSA > 4 mg/L) บริโภคไลวัวพีนวันละ 15 mg นาน 6 เดือน พบว่าสามารถคุ้มครองต่อมลูกหมากโตได้เมื่อตรวจทางทาวรหนักรวมทั้งการตรวจอัลตราซาวด์แล้วก็ระดับ PSA ลดลงจำนวนร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับยาหลอก (placebo) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) แล้วก็แนวทางการทำแบบสำรวจอาการของต่อมลูกหมากฉบับนานาชาติ (International Prostate Symptom Score; IPSS) พบว่ากลุ่มที่ได้รับไลโคพีนมีอาการของต่อมลูกหมากดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการเล่าเรียนอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ มีการเรียนรู้ในคนไข้โรคต่อมลูกหมากโตที่มีความเสี่ยงสูงถึงร้อยละ 80 ที่จะเป็นโรคโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในอนาคต (High Grade Prostatic Intraepithelial Neoplasia; HGPIN) โดยกลุ่มทดลองที่ได้รับไลวัวพีนวันละ 8 mg ตลอดทุกวี่ทุกวันนาน 1 ปี (20 คน) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม (20 คน) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลวัวพีนมีระดับ PSA ลดน้อยลง จาก 6.07 mg/L เป็น 3.5 mg/L คิดเป็นจำนวนร้อยละ 42 รวมทั้งมีไลวัวพีนในเลือดมากขึ้นจาก 360 เป็น 680 mg/L รวมทั้งเมื่อจบการเรียนพบว่ากลุ่มทดลองมีผู้เจ็บป่วยปริมาณ 2 ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะคนป่วยกลุ่มควบคุมปริมาณ 6 คนที่มิได้กินอาการที่มีไลโคพีน (มะเขือเทศ แตงโม) ตลอดตอนที่ทำงานเรียนรู้มีระดับ PSA เพิ่มสูงขึ้น และก็คนที่มีระดับไลวัวพีนในเลือดลดน้อยลงกลายเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่าการบริโภคไลโคพีนนาน 1 ปีสามารถปกป้องการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ป่วยที่มีการเสี่ยงสูงได้
ฟักข้าว มีชื่อสามัญว่า Spring bitter cucumber ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Momordica Cochinchinensis Spreng.  ฟักข้าว คือผลไม้ที่อุดมด้วยไลวัวไต่ แล้วก็สารพฤษเคมีอื่นๆในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ยกตัวอย่างเช่น เบต้า-แคโรทีน สูงขึ้นยิ่งกว่าแครอท 10 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 40 เท่า มีซีแซนทีนมากยิ่งกว่า ข้าวโพด 40 เท่า อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินเอ กรดไขมันโอเมก้า-3, โอเมก้า-6 และโอเมก้า-9 ช่วยเสริมฤทธิ์สำหรับการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง และการไหลเวียนของโลหิต  รวมทั้งในฟักข้าว มีไลวัวตะกาย ประเภทพิเศษ เรียกว่า ไลโปแคโรทีน (Lipocarotene) เป็นกรดไขมันสายยาวที่ช่วยจับแคโรทีน จึงช่วยซับแคโรทีน ฟักข้าว ก็เลยเป็นแหล่งของไลโคปีนป่าย ที่เหมาะสมที่สุด  ไลโคปีนป่าย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความเฒ่า ต้านทานความเสื่อมของร่างกาย ช่วยลดโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากในผู้ชาย โดยต่อมลูกหมาก คือต่อมที่สร้างน้ำหล่อเลี้ยงสเปิร์ม ต่อมลูกหมากตั้งอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เมื่อผู้ชายอายุสูงขึ้นคือ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอโรน) ลดน้อยลง นำมาซึ่งการทำให้เซลล์ในต่อมลูกหมาก แบ่งตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต่อมลูกหมากก็เลยโตขึ้น และก็ถ้ามีการอักเสบร่วมด้วยก็จะได้โอกาสกำเนิดโรคมะเร็ง ได้สูงขึ้น ไลโคตะกาย จะควบคุมการโตของต่อมลูกหมาก ช่วยให้เซลล์ของมะเร็งฝ่อตาย รวมทั้งลด การแบ่งเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย
หญ้าหนวดแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Orthosiphon stamineus Benth.   วงศ์ : Labiatae หรือ Lamiaceae   สรรพคุณต้นหญ้าหนวดแมว ช่วยขับเยี่ยว ทำให้การหลั่งฉี่มากขึ้น นอกเหนือจากนี้ ในแบบเรียนยาหลายฉบับกล่าวถึงคุณประโยชน์ต่างๆยกตัวอย่างเช่น  ตำรายาใช้ใบ และลำต้นการดูแลและรักษา แล้วก็คุ้มครองปกป้องโรคทางเดินฉี่ ลำต้น ใช้ทั้งยังแบบสดหรือแบบแห้ง ด้วยการต้มดื่ม โดยยิ่งไปกว่านั้นชายสูงอายุที่ช่วยแก้โรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งแก้ปัญหาปัสสาวะติดขัด รวมทั้งมีฤทธิ์ในการขับกรดยูริก
เถาวัลย์เปรียง ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth  ชื่อวงศ์ Papilionaceae  สรรพคุณ:           ตำรายาพื้นบ้าน: ใช้เถา ขับปัสสาวะ แก้กษัยเหน็บชา ถ่ายกษัย แก้เอ็นขอด ถ่ายเสลด ไม่อุจจาระ ทำให้เส้นเอ็นอ่อนลง ขับปัสสาวะ แก้ฉี่ทุพพลภาพ
กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. ชื่อวงศ์ Malvaceae  สรรพคุณ:     หนังสือเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา  การเรียนรู้ทางคลินิก: ลดความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ปัสสาวะสะดวกขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีลักษณะอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะน้อยลง  แบบแล้วก็ขนาดวิธีใช้ยา:   ขับปัสสาวะ ใช้สมุนไพรแห้ง บดเป็นผุยผง 3 กรัม (หรือ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน หรือจนกว่าอาการจะหาย
เอกสารอ้างอิง

  • โรคต่อมลูกหมายโต .สมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
  • Mohanty NK, Saxena S, Singh UP, Goyal NK, Arora RP. Lycopene as a chemopreventive agent in the treatment of high-grade prostate intraepithelial neoplasia. Urol Oncol Sem Orig Invest 2005;23:383-385
  • สมุนไพรตัวไหนบ้างที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต.กระดานถาม-ตอบ.สำรักงานสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติอาชานานุภาพ.ต่อมลูกหมากโต.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่345.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.มกราคม.2551
  • รศ.นพ.อนุพันธ์ ตันติวงศ์.ต่อมลูกหมากโต.ภาวิชาศัลย์ศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • ต่อมลูกหมากโต-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/[/b]
  • Wei MY, Giovannucci EL. Lycopene, tomato products, and prostate cancer incidence: A review and reassessment in the PSA screening era. J Oncol 2012:2012:1-7. (doi: 10.1155/2012/271063)
  • เอมอร.ชัยประทีป.ผลของมะเขือเทศที่อุดมไปด้วยไลโคพีนในโรคต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ