โรคไข้หวัด - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไข้หวัด - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2018, 11:24:14 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคหวัด (Common cold)
โรคหวัด เป็นยังไง โรคไข้หวัด หรือไข้หวัด ในที่นี้ หมายถึง โรคไข้หวัดปกติ (Common cold) ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ หรือ ฟลู (Influenza หรือ Flu)   โรคไข้หวัด เป็น โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ได้แก่ จมูก คอ ไซนัส และกล่องเสียง โดยเชื้อที่ก่อเกิดหวัดมักเป็นเชื้อไวรัสชนิดไม่รุนแรง แล้วก็สามารถหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ หวัดเป็นโรคติดเชื้อโรคยอดฮิตพบได้ทั่วไปมาก อีกทั้งในคนแก่แล้วก็เด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในปฐมวัย ซึ่งพบบ่อยเป็นหวัดได้บ่อยถึงปีละ 6-8 ครั้ง เพราะเด็กมีภูมิคุ้มกันขัดขวางโรคต่ำลงยิ่งกว่าคนแก่ ก็เลยมีโอกาสเป็นหวัดได้บ่อยครั้งกว่าผู้ใหญ่มาก และโรคไข้หวัดยังเป็นโรคเกิดได้ทั้งปี แต่มักพบในฤดูฝนและฤดูหนาว โรคไข้หวัดนับว่าเป็นโรคที่เป็นแล้วสามารถหายเองได้ โดยไม่จำเป็นจำเป็นต้องใช้ยาอะไรพิเศษ ซึ่งยาที่ต้องมีเพียงแต่พาราเซตามอล ที่ใช้สำหรับลดไข้ แก้ปวด เฉพาะเมื่อมีไข้สูงหรือปวดศีรษะ
ข้อบกพร่องในปัจจุบันเป็น มีการใช้ยาปฏิชีวนะเกินจำเป็นอย่างมากเกินไป ซึ่งมิได้คุณประโยชน์ เนื่องด้วยมิได้มีส่วนฆ่าเชื้อไวรัสหวัดที่เป็นสาเหตุยังอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาง่าย แพ้ยาง่าย และก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอตามมาได้  ด้วยเหตุผลดังกล่าว จำเป็นต้องศึกษาแนวทางดูแลไข้หวัดด้วยตัวเองและก็ปลอดภัย
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคหวัด สาเหตุจำนวนมากของการเป็นโรคหวัดมีต้นเหตุที่เกิดจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสก่อโรค ร่วมกับสถานการณ์ที่ภูมิต้านทานของร่างกายน้อยลง อย่างเช่น เครียด พักน้อยเกินไป ส่วนเชื้อที่เป็นต้นเหตุ : มีต้นเหตุมาจาก “เชื้อโรคหวัด” ที่มีอยู่มากกว่า 200 จำพวกจากกรุ๊ปไวรัสปริมาณ 8 กรุ๊ปร่วมกัน โดยกลุ่มไวรัสที่สำคัญ ดังเช่นว่า กรุ๊ปเชื้อไวรัสไรโน (Rhinovirus) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด พบได้ทั่วไปที่สุดราวๆ 30-50% นอกจากนั้นก็มีกลุ่มเชื้อไวรัสวัวโรนา (Coronavirus) ที่เจอได้ราวๆ 10-15%,รวมทั้งกรุ๊ปไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ฯลฯ
                ซึ่งการเกิดโรคขึ้นแต่ละครั้งจะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดเพียงแต่ประเภทเดียว เมื่อเป็นแล้วร่างกายก็จะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสหวัดชนิดนั้น สำหรับในการป่วยหวัดครั้งใหม่ก็จะมีเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัสหวัดจำพวกใหม่ที่ร่างกายยังไม่เคยติดเข้ามา หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยด้วยเหตุนั้น คนเราก็เลยป่วยหวัดได้บ่อยครั้ง เด็กเล็กที่ยังไม่ค่อยได้ติดโรคหวัดมาก่อน ก็บางทีอาจจับไข้หวัดซ้ำๆซากๆได้ แล้วก็บางทีอาจจับไข้หวัดได้บ่อยมากถึงเดือนละ 1-2 ครั้ง หรือทุกสัปดาห์
ลักษณะของโรคหวัด โดยปกติมักมีอาการไม่ร้ายแรง มีไข้ไม่สูง ปวดเหมื่อยตามตัวเป็นช่วงปวดหนักศีรษะนิดหน่อย เมื่อยล้าเล็กน้อย อาจมีอาการคอแห้ง แสบคอหรือเจ็บคอบางส่วนนำมาก่อน ต่อมาจะมีน้ำมูกไหลใสๆคัดจมูก ไอแห้งๆหรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ลักษณะใสหรือขาวๆคนป่วยส่วนมาก เดินเหิน ดำเนินงานได้ รวมทั้งจะทานอาหารได้ ในเด็กเล็ก อาจมีไข้สูงฉับพลัน ตัวร้อนเป็นช่วงๆเวลาไข้ขึ้นบางทีอาจซึมน้อย เวลาไข้ลง (ตัวเย็น) ก็จะวิ่งเล่นหรือหน้าตาแจ่มใสเหมือนปกติ ต่อมาจะมีน้ำมูกใส ไอน้อย ในผู้ใหญ่ อาจไม่มีไข้ มีเพียงแค่อาการเจ็บคอนิดหน่อย น้ำมูกใส ไอบางส่วน ในเด็กแรกคลอดอาจมีอาการอ้วก หรือท้องเสีย ร่วมด้วย ลักษณะของการมีไข้มักเป็นอยู่นาน 48-96 ชั่วโมง (2-4 วันเต็มๆ) แล้วหลังจากนั้นก็ดีขึ้นได้เอง
                อาการน้ำมูกไหลจะเป็นมากอยู่ 2-3 วัน ส่วนอาการไอ บางทีอาจไอนานเป็นสัปดาห์ หรือบางรายบางทีอาจไอนานเป็นนานเป็นเดือนๆ ภายหลังจากอาการอื่นๆหายดีแล้ว
ในรายที่การต่อว่าดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะจับไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวเกิน 1 วัน หรือไอมีเสลดสีเหลืองหรือเขียวทุกหน
ทั้งนี้ลักษณะของการมีไข้หวัดแล้วก็ไข้หวัดใหญ่ จะออกจะคล้ายกัน อาจงงได้ แต่คนเจ็บรวมทั้งผู้ดูแลสามารถดูความแตกต่างได้ตามตารางนี้




อาการ


ไข้หวัดธรรมดา


ไข้หวัดใหญ่


โรคภูมแพ้




ไข้


ไข้ต่ำๆหรือไม่มี


มักมีไข้สูง อาจสูงถึง 40
องศาเซลเซียส


ไม่มีไข้




ปวดหัว


ไม่ค่อยพบ


พบได้ปกติ


ไม่พบ




ปวดเมื่อย
กล้ามเนื้อ
อ่อนเพลีย


อาจมีอาการเล็กน้อย


พบได้บ่อยและอาการรุนแรง


ไม่พบ (อาจอ่อนเพลียหากพักผ่อนน้อย)




น้ำมูกไหล คัดจมูก


พบได้บ่อย


ไม่ค่อยพบ


พบได้บ่อย




จาม


พบได้บ่อย


ไม่ค่อยพบ


พบได้บ่อย




เจ็บคอ


พบได้บ่อย


อาจพบได้บางครั้ง


อาจพบได้บางครั้ง




ไอ


พบได้บ่อย


พบได้บ่อย และมีความรุนแรงมากกว่า


อาจพบได้บางครั้ง




เจ็บหน้าอก


อาบพบได้แต่อาการไม่รุนแรง


พบได้บ่อย


ไม่ค่อยพบ(ยกเว้นเป็นโรคหอบหืด)




อาการ


ไข้หวัดธรรมดา


ไข้หวัดใหญ่


โรคภูมิแพ้




สาเหตุการเกิด


เกิดจากไวรัส
(Rhinoviruses เป็นสาเหตุหลักประมาณ 30-50%)


เกิดจากไวรัส (influenza virus type A and B)


เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น อากาศเย็น/ร้อน ละอองเกสร




การดูและการรักษา


-พักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ
-ใช้ยาบรรเทาอากาต่างๆ เช่น ยาแก้คัดจมูก หรือยาลดไข้
-มักดีขึ้นและหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์


-พักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ
-ใช้ยาบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ยาลดไข้พาราเซตามอบ (แต่ไม่ควรใช้ยากลุ่ม NSAIDs กรณีสงสัยไข้เลือดออกด้วย)
-หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และอาจต้องได้รับยาต้านไวรัสตลอดจนการรักษาให้ถูกต้อง


-หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้ เช่นหลีกเลี่ยงฝุ่นอากาศเย็น
-ใช้ยาบรรเทาอาการเช่นยาแก้แพ้ ยาแก้คัดจมูก
-หากรุนแรงควรพบแพทยืเพื่อพิจารณาใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก




การป้องกัน


-หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
-ใส่หน้ากากอนามัย
-ไม่มีวัคซีนป้องกัน


-หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
-ใส่หน้ากากอนามัย
-ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่


หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้




และก็ในขณะที่ป่วยด้วยไข้หวัด คนเจ็บหรือผู้ดูแล (ในเด็กตัวเล็กๆ) ควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และควรจะรีบไปพบหมอโดยทันทีถ้าเกิดมีลักษณะดังต่อไปนี้
ผู้ใหญ่
           ไข้สูงเกินไปกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ต่อเนื่องกันเกิน 5 วันขึ้นไป
           กลับมาเป็นไข้ซ้ำหลังจากอาการไข้หายแล้ว
           หายใจหอบอ่อนแรง แล้วก็หายใจมีเสียงหวีดร้อง
           เจ็บคออย่างหนัก ปวดหัว หรือมีลักษณะปวดรอบๆไซนัส
เด็ก
           จับไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ในเด็กแรกเกิด-12 อาทิตย์
           มีอาการไข้สูงต่อเนื่องกันมากกว่า 2 วัน
           อาการต่างๆของหวัดร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือรักษาแล้วอาการกำเริบ
           มีลักษณะอาการปวดศีรษะ หรือไออย่างหนัก
           หายใจมีเสียงหวีด
           เด็กมีลักษณะอาการงอแงอย่างรุนแรง
           ง่วงนอนมากแตกต่างจากปกติ
           ความต้องการของกินน้อยลง ไม่ยอมรับประทานของกิน
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหวัด ผู้ที่มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงดังต่อไปนี้ มักจับไข้หวัดได้ง่ายดายเสียยิ่งกว่าคนปกติ ยกตัวอย่างเช่น

  • อายุ เด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปี มีความเสี่ยงมีอาการป่วยเป็นหวัดสูง โดยเฉพาะเด็กที่ต้องอยู่ในสถานที่รับเลี้ยงเด็ก หรือเนอสเซอรี่
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้เจ็บป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือมีสภาวะสุขภาพที่ทำให้ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอมีลักษณะท่าทางที่จะป่วยเป็นหวัดได้ง่ายยิ่งกว่าปกติ
  • ระยะเวลา โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะเด็ก หรือคนแก่ชอบเป็นไข้หวัดได้ง่ายในฤดูฝน รวมทั้งหรือหน้าหนาว
  • สูบบุหรี่ คนที่ดูดบุหรี่มีลัษณะทิศทางจะป่วยเป็นไข้หวัดได้ง่าย รวมทั้งถ้าเกิดเป็นก็จะอาการร้ายแรงกว่าปกติอีกด้วย
  • อยู่ในที่ที่ผู้คนพลุกพล่านคับแคบ สถานที่ที่มีคนคึกคก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการต่อว่าดเชื้อไวรัโรคไข้หวัด[/url]ได้ง่าย
  • ผู้ที่จะต้องดูแลคนเจ็บหวัด ซึ่งกรุ๊ปบุคคลกลุ่มนี้จะต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนป่วยอีกทั้งน้ำลาย น้ำมูก หรือละอองน้ำมูก น้ำลาย จากลมหายใจของผู้เจ็บป่วย

กรรมวิธีรักษาโรคหวัด โดยทั่วไปแล้วคนป่วย (คนแก่) สามารถวินิจฉัยโรคหวัดเองได้ จากอาการที่แสดง แม้กระนั้นแม้ผู้ป่วยไปพบหมอ แพทย์จะวินิจฉัยโรคหวัดได้จากอาการที่แสดง ประวัติการระบาดของโรค ฤดูกาล รวมทั้งจากการตรวจร่างกาย ดังเช่น ลักษณะของการมีไข้ มีน้ำมูก เยื่อจมูกบวมรวมทั้งแดง คอแดงบางส่วน ส่วนในเด็กอาจเจอต่อมทอนซิลโต แม้กระนั้นไม่แดงมาก และไม่มีหนอง แต่ในคนป่วยที่มีลักษณะร้ายแรง เช่น ไข้สูง แพทย์อาจมีการวิเคราะห์เลือดซีบีซี (CBC) เพื่อแยกว่าเป็นการติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสหรือติดเชื้อแบคทีเรีย และก็อาจมีการตรวจค้นอื่นๆเพิ่มเติมอีกตามดุลพินิจของแพทย์ ได้แก่ การตรวจเลือดมองค่าเกล็ดเลือดเพื่อแยกจากโรคไข้เลือดออก ฯลฯ
         ด้วยเหตุว่าหวัดเป็นผลมาจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยยิ่งไปกว่านั้น เพียงให้การรักษาไปตามอาการเพียงแค่นั้น ซึ่งการปรับแก้อาการที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นหมอจะจ่ายยาที่เป็น ยาสามัญประจำบ้านเพื่อทุเลาอาการก่อน ตัวอย่างเช่นพาราเซตามอล (paracetamol) สำหรับลดไข้ คลอเฟนนิรามีน (chlorpheniramine) สำหรับลดน้ำมูก รวมทั้งจะแนะนำให้พักให้เพียงพอ กินน้ำอุ่นเพื่อละลายเสมหะ การกินน้ำมากๆและการเช็ดตัวจะช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้
       โดยธรรมดายาที่ใช้เมื่อเป็นหวัดจะเป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาตามอาการ เพราะเหตุว่าไม่มีการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสก่อโรคโดยตรง รวมทั้งเมื่ออาการแล้วหลังจากนั้นก็สามารถหยุดใช้ยาได้ ยาที่นิยมใช้ทั่วไปเมื่อเป็นหวัดมีดังนี้

  • ยาลดไข้ โดยทั่วไปยาที่นิยมสำหรับลดไข้ คือ paracetamol สำหรับผู้ใหญ่ กินยาขนาด 500 mg ต่อเม็ด จำนวน 1-2 เม็ด สามารถกินซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง ใช้ไม่เกิน 8 เม็ดต่อวัน และไม่ควรใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 วัน ด้วยเหตุว่าได้โอกาสเกิดพิษต่อตับ สำหรับเด็กควรจะมีการปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัว ด้วยเหตุดังกล่าวควรจะถามรายละเอียดอื่นๆจากหมอหรือเภสัชกร ยาอีกกลุ่มยอดนิยมสำหรับเพื่อการใช้ลดไข้หมายถึงยากลุ่มต่อต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti Inflammatory Drugs:-NSAIDs) ได้แก่แอสไพริน (aspirin), ibuprofen ซึ่งการใช้ยาในกรุ๊ปหลังนี้ได้ผลสำหรับการลดไข้ได้อย่างรวดเร็ว แม้กระนั้นมีข้อควรพิจารณาสำหรับเพื่อการใช้สำหรับลดไข้ในกรณีของโรคไข้เลือดออก แต่ในเด็กที่แก่ต่ำลงยิ่งกว่า 18 ปี องค์กรอนามัยโลก (WHO) ชี้แนะว่าไม่ให้ใช้ยาแอสไพริน
  • ยาลดน้ำมูกแก้คัดจมูก

ในกลุ่มของยาลดน้ำมูกนั้น สามารถแบ่ง ได้เป็น 2 กรุ๊ป เป็นยาแก้คัดจมูก ออกฤทธิ์โดยการยุบเส้นโลหิต ทำให้อาการคัดจมูกลดน้อยลง แบ่งเป็น

  • สำหรับรับประทาน อย่างเช่น phenylephrine, pseudoephedrine (pseudoephedrine ยอมรับได้จากสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่มีตามร้านค้ายา)
  • สำหรับหยดหรือพ่นรูจมูก เช่น oxymetazoline ซึ่งก่อนใช้ต้องสั่งน้ำมูกออกก่อน

ยาลดน้ำมูก ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งผลของฮีสตามีน (histamine) ซึ่งมีผลทำให้การหลั่งน้ำมูกลดน้อยลง แต่จะสำเร็จน้อยกับอาการคัดจมูก สามารถแบ่งย่อย เป็น 2 กรุ๊ปเป็น

  • ยาลดน้ำมูกกรุ๊ปที่นำไปสู่อาการง่วงซึม เป็นต้นว่า chlorpheniramine, brompheniramine, hydroxyzine, cyproheptadine ฯลฯ ยากลุ่มนี้จะลดจำนวนสารคัดหลั่งในระบบทางเท้าหายใจ เช่น น้ำมูก เสมหะ แม้กระนั้นจะมีผลให้เกิดอาการง่วงซึมได้ เพราะมีฤทธิ์กดระบบประสาท อย่างไรก็แล้วแต่ ยาในกลุ่มนี้สามารถคุมอาการได้ดีมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับยาในกรุ๊ปที่ไม่ทำให้ง่วงซึม ถ้าคนป่วยใช้ยาในกลุ่มนี้ควรเลี่ยงการขับรถยนต์แล้วก็การทำงานที่เกี่ยวโยงกับเครื่องจักร รวมทั้งอาจถือเป็นจังหวะที่ดีในการพัก
  • ยาลดน้ำมูกกลุ่มที่ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการง่วงซึม ได้แก่ cetirizine, loratadine, desloratadine, fexofenadine เป็นต้น ซึ่งจุดเด่นของยาในกลุ่มนี้ก็คือ ไม่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม หรืออาจมีอาการง่วงซึมได้บ้างเล็กน้อย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงนิยมใช้ยาในกลุ่มนี้ในคนป่วยโรคภูมิแพ้ด้วย
  • ยาบรรเทาอาการไอ ในกลุ่มของยาที่ช่วยบรรเทาอาการไอ ก็สามารถแบ่ง ได้เป็น 2 กรุ๊ปเช่นกัน คือ
  • ยาสำหรับอาการไอมีเสลด โดยสิ่งที่ทำให้เกิดอาการไอจำพวกนี้ เนื่องจากว่ามีเสลดเป็นตัวกระตุ้นส่งผลให้เกิดการไอ ด้วยเหตุดังกล่าวจำต้องใช้ยารักษาที่มูลเหตุซึ่งก็คือ การทำให้เสมหะเหลวหรือขับออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ยาละลายเสลด อย่างเช่น acetylcysteine, carbocysteine, bromhexine, ambroxol ฯลฯ ยาขับเสมหะ ดังเช่นว่า glyceryl guaiacolate (guaifenesin) เป็นต้น ซึ่งการใช้ยาเหล่านี้อาจจะส่งผลให้ผู้เจ็บป่วยมีอาการไอเพิ่มมากขึ้นในขั้นแรก เพื่อนำเสลดออกมาจากฟุตบาทหายใจ แม้กระนั้นภายหลังจากนั้นอาการไอจะน้อยลงเป็นลำดับ
  • ยาสำหรับอาการไอที่ไม่มีเสมหะ หรือ ไอแห้ง ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนที่นำมาซึ่งการไอ ซึ่งผู้กระทำดระบบประสาทนั้นอาจทำให้เพศผู้เจ็บไข้ง่วงซึมได้ แม้ผู้เจ็บป่วยใช้ยาในกลุ่มนี้ควรต้องหลีกเลี่ยงการขับรถยนต์แล้วก็การทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร ยาที่ออกฤทธิ์กดการไอดังเช่นว่า dextromethorphan, codeine, brown mixture เป็นต้น

โดยเหตุนี้จึงต้องหาต้นเหตุของการไอ และก็ปรับปรุงให้ถูกจุด ถ้าเกิดคนไข้ใช้ยาแก้ไอผิดกับสิ่งที่ทำให้เกิดอาการไอที่เป็นอยู่ อย่างเช่น ใช้ยากดการไอในกรณีที่การไอมีสาเหตุมาจากเสลด นอกเหนือจากเสลดจะขวางฟุตบาทหายใจแล้ว ร่างกายก็ยังไม่สามารถขับเสลดออกโดยการไอได้อีกด้วย

  • ยาปฏิชีวนะที่นิยมใช้พื้นฐาน (ในเรื่องที่พบว่ามีการติดเชื้อโรคแบคทีเรียแทรกซ้อน ดังเช่น เป็นไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวเกิน 4 ชั่วโมง
  • ยากลุ่มแพนิซิลิน (penicillins) อย่างเช่น amoxicillin ซึ่งส่วนประกอบของยาตัวนี้ทนต่อกรดในทางเดินอาหาร สามารถรับประทานหลังอาหารได้
  • ยากลุ่มแมคโครไลด์ (macrolides) ตัวอย่างเช่น erythromycin, roxithromycin เพราะว่าองค์ประกอบของยาในกลุ่มนี้โดยมากไม่ทนต่อกรดในทางเดินของกิน ควรต้องรับประทานก่อนอาหาร ยกเว้น erythromycin estolate รวมทั้ง erythromycin ethylsuccinate ที่มีการดัดแปลงองค์ประกอบของยาแล้ว ทำให้สามารถกินหลังรับประทานอาหารได้

แม้กระนั้นการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่บ่อยนัก และไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด เว้นแต่คนเจ็บจะไม่หายจากอาการที่เป็นอยู่ ยังเป็นการส่งเสริมให้กำเนิดปัญหาเชื้อดื้อยา และอาจไม่มียาปฏิชีวนะสำหรับรักษาอาการของผู้ป่วยในอนาคต
การติดต่อของโรคหวัด หวัดเป็นโรคติดต่อในระบบฟุตบาทหายใจ โดยเชื้อหวัดมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย แล้วก็เสลดของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสลดที่คนไข้ไอหรือจามรด ภายในระยะไม่เกิน 1 เมตร
นอกจากนั้น เชื้อหวัดยังบางทีอาจติดต่อโดยการสัมผัส กล่าวคือ เชื้อหวัดบางทีอาจติดที่มือของผู้เจ็บป่วย สิ่งของ เครื่องใช้ เป็นต้นว่า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าที่เอาไว้เช็ดตัว แก้วน้ำ จาน ชาม ของเด็กเล่น หนังสือ โทรศัพท์ หรือสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ลูกบิดประตู โต๊ะ เก้าอี้ เมื่อคนธรรมดาสัมผัสถูกมือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อหวัด เชื้อหวัดก็จะติดมือของคนคนนั้น และเมื่อเผลอใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะจมูก เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายของคนคนนั้น จนกระทั่งแปลงเป็นไข้หวัดได้  ส่วนระยะฟักตัวของโรค (ตั้งแต่ผู้ป่วยรับเชื้อเข้าไปจนตราบเท่าออกอาการ) : ราวๆ 1-3 วัน โดยเฉลี่ย และก็มักมีอาการร้ายแรงที่สุดในช่วง 2-3 ครั้งหน้าเริ่มมีลักษณะ

การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นหวัด ข้อแนะนำการกระทำตัวของคนเจ็บมีดังนี้


  • พักผ่อนมากมายๆห้ามทุกข์ยากลำบากงานหนักหรือบริหารร่างกายมากจนเกินความจำเป็น
  • สวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น อย่าถูกฝนหรือถูกอากาศเย็นจัด และก็อย่าอาบน้ำเย็น
  • กินน้ำมากมายๆเพื่อช่วยลดไข้ แล้วก็ทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง
  • ควรกินอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำส้ม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อนๆ
  • ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรจะใช้น้ำอุ่น หรือน้ำก๊อกปกติ อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง) เช็ดตัวเวลามีไข้สูง
  • ถ้าหากจับไข้สูง ให้พาราเซตามอล (คนที่แก่ต่ำลงยิ่งกว่า 18 ปี ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เพราะเหตุว่าบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงได้) ควรจะให้ยาลดไข้เป็นบางครั้งบางคราวเฉพาะเวลามีไข้สูง หากเป็นไข้ต่ำๆ หรือไข้พอเพียงทนได้ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องกิน
  • ถ้ามีลักษณะน้ำมูกไหลมากมายกระทั่งสร้างความหงุดหงิด ให้ยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน ใน 2-3 วันแรก เมื่อดีขึ้นกว่าเดิมแล้วควรหยุดยา หรือในกรณีที่มีลักษณะไม่มากมาย ก็ไม่มีความจำเป็นต้องให้ยานี้
  • หากมีลักษณะอาการไอ จิบน้ำอุ่นมากมายๆหรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว (น้ำผึ้ง 4 ส่วน น้ำมะนาว 1 ส่วน) ถ้าไอมากมายลักษณะไอแห้งๆไม่มีเสลดควรจะ ให้ยาแก้ไอ
  • หากมีลักษณะอาการหอบ หรือนับการหายใจได้เร็วกว่าปกติ (เด็กอายุ 0-2 เดือนหายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ขวบหายใจมากยิ่งกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ขวบหายใจมากกว่า 40 ครั้ง/นาที) หรือเป็นไข้นานเกิน 7 วัน ควรส่งโรงหมออย่างรวดเร็ว อาจเป็นปอดอักเสบหรือสภาวะร้ายแรงอื่นๆได้ อาจจำเป็นต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจเสลด เป็นต้น
  • หากมีอาการเจ็บคอมาก ไข้สูงตลอดเวลา ซึม ไม่อยากกินอาหารมากมาย เมื่อยมากมาย ปวดหู หูอื้อ หรือสงสัยไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดนก (มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่เจ็บป่วยหรือตายด้านใน 7 วัน หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของหวัดนกด้านใน 14 วัน) หรือจับไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวเกิน 1 วัน ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

การปกป้องคุ้มครองตนเองจากหวัด รักษาสุขอนามัยฐานราก เพื่อมีสุขภาพทางร่างกายแข็งแรง กินอาหารมีประโยชน์ห้ากลุ่มทุกวี่ทุกวัน เพื่อมีสุขภาพที่เกิดขึ้นกับร่างกายแข็งแรง กินน้ำสะอาดให้ได้วันละอย่างต่ำ 6-8 แก้วเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำ พักให้พอเพียงเป็นประจำ ไม่ไปในที่คับแคบ ดังเช่นว่า ศูนย์การค้า ในช่วงที่มีการระบาดของหวัดรู้จักใช้หน้ากากอนามัยเมื่อจำต้องไปในย่านที่มีคนพลุลนลานหรือไปโรงหมอ  รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีอากาศเปลี่ยนไม่สมควรอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำที่เย็นเกินไป โดยเฉพาะตอนที่มีอากาศเย็น  อย่าใกล้หรือนอนรวมกับผู้เจ็บป่วย ถ้าควรต้องดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิด ควรจะสวมหน้ากากอนามัยรวมทั้งหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่  อย่าใช้สิ่งของเครื่องใช้ (ยกตัวอย่างเช่น ผ้าที่มีไว้เพื่อเช็ดหน้า ผ้าขนหนู ถ้วยน้ำ โทรศัพท์ ของเล่น เป็นต้น) ร่วมกับคนเจ็บ และก็ควรจะเลี่ยงการสัมผัสมือคนไข้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคหวัด

  • ฟ้าทะลายโจร สารสำคัญสำหรับในการออกฤทธิ์ คือ Andrographolide มีฤทธิ์รักษาอาการไอ เจ็บคอ ปกป้องแล้วก็ทุเลาหวัด จากการเล่าเรียนการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาลักษณะของการมีไข้แล้วก็เจ็บคอเปรียบเทียบกับยาลดไข้พาราเซตามอล พบว่ากลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจรขนาด 6 กรัมต่อวัน จะมีลักษณะไข้แล้วก็การเจ็บคอต่ำลงในวันที่ 3 ซึ่งดียิ่งกว่ากรุ๊ปที่ได้รับฟ้าทะลายขโมย 3 กรัม/วัน หรือได้รับพาราเซตามอล  ในการศึกษาวิจัยเปรียบการใช้ฟ้าทะลายขโมยเพื่อคุ้มครองป้องกันหวัด ซึ่งทำในช่วงฤดูหนาว โดยให้นักเรียนกินยาเม็ดฟ้าทะลายโจรแห้ง ขนาด 200 มิลลิกรัม/วัน ภายหลังจาก 3 เดือนของการทดลองพบว่าอุบัติการณ์การเป็นหวัดในกรุ๊ปที่ได้ฟ้าทะลายขโมยลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม โดยอัตราการเป็นหวัดในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายขโมยพอๆกับจำนวนร้อยละ 20 ตอนที่กรุ๊ปควบคุมมีอัตราการเป็นหวัดพอๆกับปริมาณร้อยละ 62  อาจสรุปได้ว่าฟ้าทะลายขโมยให้ผลป้องกันของยา เท่ากับปริมาณร้อยละ 33

ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาแคปซูล ยาเม็ด ที่มีผงฟ้าทะลายโจรแห้ง 250 มิลลิกรัม และก็ 500 มิลลิกรัม
o             ทุเลาลักษณะการเจ็บคอ รับประทานวันละ 3 – 6 กรัม แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
o             บรรเทาอาการหวัด รับประทานวันละ 1.5 – 3 กรัม แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน

  • กระเทียม มีฤทธิ์สำหรับการทำลายเชื้อไวรัส เชื้อรา ลดอาการภูมิแพ้ มีฤทธิ์เสมือนแอสไพริน ก็เลยทำให้ไข้ลด แล้วก็ยังปกป้องการไม่สบายหวัดได้
  • ใบกระเพรา ใบกระเพราช่วยขับเสลด ทำให้จมูกเตียน ฆ่าเชื้อโรคในทางเดินหายใจ
  • ชา ใบชามีสารโพลีฟีนนอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการตำหนิดเชื้อ ทำใหเยื้อบุโพรงจมูกเปียกชื้น หายใจสบาย
  • ขิง เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน มีกลิ่นเฉพาะบุคคล สามารถช่วยลดอาการหวัด แก้ไอ ทำให้หายใจเตียนโล่งขึ้น ขับเหงื่อ
  • กระเจี๊ยบ อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง พบสารแอนโธไซยานินในกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัส ลดการตำหนิเชื้อ
เอกสารอ้างอิง

  • รับมือโรคหวัดอย่างไรให้เหมาะสม.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาสรีรวิทยา.คณะเภสัชศาสตร์.มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “ไข้หวัด (Common cold/Upper respiratory tract infection/URI)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 389-392.
  • ฟ้าทะลายโจร.(ฉบับประชาชน).หน่วยปริการฐานข้อมูลสมุนไพร.สำนักงานสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J.(2001). Harrrison’s:Principles of internal medicine. New York. McGraw-Hill.
  • ผศ.ภก.ธีรวิชญ์ อัชฌาศัย.ไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ หรือแพ้อากาศ เป็นอะไรกันแน่? .บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. http://www.disthai.com/[/b]
  • ไข้หวัด-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์
  • นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ไข้หวัด.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่389.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กันยายน.2554
  • Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug Information Handbook, 20th ed. Hudson, Ohio, Lexi-Comp, Inc.;



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ