โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 10 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2018, 06:26:59 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
โรคต่อมทอนซิลอักเสบคืออะไร  ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ด้านในคอ ซึ่งคือต่อมคู่ซ้ายขวาใกล้กับโคนลิ้น โดยเป็นต่อมน้ำเหลืองที่ทำหน้าที่จับสิ่งแปลกปลอมจากอาหาร , น้ำกินและการหายใจ ตัวอย่างเช่น แบคทีเรียที่ไปสู่ร่างกายคล้ายกองทหารด่านหน้า รวมทั้งบ่อยมากที่ต่อมทอนซิลมักเกิดการอักเสบขึ้น
ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)หมายถึงโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบติดโรคของต่อมทอนซิลซึ่งเป็นโรคมักพบโรคหนึ่ง เจอได้ในทุกอายุ แต่พบได้ทั่วไปกว่าในเด็ก และไม่ค่อยพบในคนแก่และคนชรา โอกาสกำเนิดโรคเท่ากันอีกทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย  ต่อมทอนซิลอักเสบพบได้ทั้งยังการอักเสบติดเชื้อโรคทันควันซึ่งเมื่อกำเนิดมักมีอาการร้ายแรงกว่า แต่ว่ารักษาหายได้ข้างใน 1 - 2 อาทิตย์ และก็อักเสบเรื้อรังที่มักจะเป็นๆหายๆอาการแต่ละครั้งร้ายแรงน้อยกว่าประเภทกะทันหัน แต่ว่ามีลักษณะอาการอักเสบฉับพลันซ้อนได้เป็นช่วงๆซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังดังเช่น มีต่อมต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นขั้นต่ำ 7 ครั้งใน 1 ปีให้หลัง หรืออย่างต่ำ 5 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 2 ปีที่ล่วงเลยไป หรือขั้นต่ำ 3 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 3 ปีที่ล่วงเลยไป
ทั้งโรคนี้เกิดได้จากหลายกรณี ดังเช่นมีต้นเหตุมาจากกรุ๊ปโรคติดเชื้อแล้วก็กลุ่มโรคไม่ติดเชื้อโรค ซึ่งในบทความนี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลตำหนิกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้เจ็บป่วยมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
ต้นเหตุของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การต่อว่าดเชื้อที่ต่อมทอนซิลจำนวนมากมีสาเหตุจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านเข้าทางปาก โดยต่อมทอนซิลจะช่วยคุ้มครองการติดเชื้อด้วยการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค และก็เพราะเป็นภูมิคุ้มกันด่านแรก ต่อมทอนซิลก็เลยเป็นอวัยวะที่เสี่ยงต่อการอักเสบรวมทั้งติดเชื้อโรคมาก
โดยต่อมทอนซิลอักเสบโดยมาก เป็นการติดเชื้อเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้สูงขึ้นยิ่งกว่าการตำหนิดเชื้ออื่นๆประมาณ 70 - 80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งปวง ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่โรคต่อมทอนซิลอักเสบ[/url]มีหลายชนิดตัวอย่างเช่น

  • ไรโนเชื้อไวรัส (Rhinoviruses) ไวรัสที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคไข้หวัดทั่วๆไป
  • ไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza) เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่
  • ไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) นำมาซึ่งโรคกล่องเสียงอักเสบและกลุ่มอาการครู้ป
  • ไวรัสเอนเทอร์โร (Enteroviruses) สาเหตุของโรคมือเท้าปาก
  • ไวรัสรูบิโอลา (Rubeola) กระตุ้นให้เกิดโรคฝึก
  • ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เชื้อไวรัสที่มักเป็นต้นเหตุ ที่มา : wikipedia           ของอาการท้องเดิน
  • เชื้อไวรัสเอ็บสไตน์บาร์ (Epstein-Barr) ซึ่งสามารถก่อกำเนิดโรคโมโนนิวคลีโอซิส แต่ว่าทอนซิลอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียประเภทนี้จะพบได้นานๆครั้ง
  • รวมทั้งอีกต้นเหตุหนึ่งเป็นการติดเชื้อโรคแบคทีเรียประมาณ 15 - 20 %

ที่มาของต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้มากที่สุดเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการเชื้อสเต็ปโตคอคคัสกลุ่ม  ที่ทำให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบแบบเป็นหนอง (exudative tonsil litis)
ลักษณะของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ โดยธรรมดาโรคต่อมทอนซิลอักเสบมักกำเนิดร่วมกับการอักเสบติดโรคของลำคอเสมอ
ลักษณะโรคต่อมทอนซิลอักเสบแยกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆเป็น

  • กลุ่มที่มีต้นเหตุจากไวรัส มีลักษณะอาการเจ็บคอเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆตอนกลืน อาจมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกใส ไอ เสียงแหบ จับไข้ ปวดหัวน้อย ตาแดง บางบุคคลอาจมีอาการท้องร่วงหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย  การตรวจดูคอจะเจอฝาผนังคอหอยแดงเพียงนิดหน่อย ต่อมทอนซิลอาจโตเล็กน้อยมีลักษณะแดงเพียงเล็กน้อย
  • กรุ๊ปที่มีต้นเหตุที่เกิดจากแบคทีเรีย จะมีลักษณะอาการไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลัน หนาวสั่น  ปวดหัว  เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามตัว  อ่อนล้า  เบื่ออาหาร  เจ็บคอมากจนกระทั่งกลืนน้ำลายหรืออาหารลำบาก  อาจมีลักษณะของการปวดร้าวขึ้นไปที่หู  บางคนอาจมีลักษณะของการปวดท้อง  หรือคลื่นไส้และก็มีกลิ่นปากร่วมด้วย  ชอบไม่มีอาการน้ำมูกไหล ไอ  หรือตาแดง  แบบการต่อว่าดเชื้อจากไวรัส

                นอกจากนี้จะเจอผนังคอหอยแล้วก็เพดานอ่อน  มีลักษณะแดงจัดแล้วก็บวม  ต่อมทอนซิลบวมโตสีแดงจัด  และก็มีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนทอนซิล  นอกจากนั้น       ยังบางทีอาจตรวจเจอต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ขากรรไกรบวมโตแล้วก็เจ็บ
กรรมวิธีการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
การวินิจฉัยโรคทอนซิลอักเสบ แพทย์จะวิเคราะห์เบื้องต้นด้วยอาการแสดงรวมทั้งการตรวจลำคอโดยอาจใช้วิธีการตั้งแต่นี้ต่อไป

  • ใช้ไฟฉายส่องมองรอบๆลำคอ และอาจมองรอบๆหูและก็จมูกร่วมด้วย เนื่องด้วยเป็นรอบๆที่แสดงอาการติดโรคได้ด้วยเหมือนกัน
  • ตรวจสอบผื่นแดงที่เป็นอาการของโรคไข้อีดำอีแดงซึ่งมีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกับกับโรคคออักเสบ
  • ตรวจด้วยการคลำสัมผัสเบาๆที่ลำคอเพื่อมองว่าต่อมน้ำเหลืองบวมหรือไม่
  • ใช้เครื่องสเต็ทโทสวัวปฟังเสียงจังหวะการหายใจของผู้ป่วย

ถ้าเจอฝาผนังคอหอยรวมทั้งทอนซิลมีลักษณะแดงเพียงนิดหน่อยหรือไม่กระจ่าง ก็มักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการตำหนิดเชื้อไวรัส   ถ้าหากต่อมทอนซิลบวมโต แดงจัด และมีแผ่นหรือจุดหนองติดอยู่บนทอนซิล  ก็ชอบเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้ออนุภาคบีตาฮีโมโลว่ากล่าวกสเตรปโตค็อกคัส กรุ๊ปเอ  ในรายที่ไม่มั่นใจแพทย์อาจจำต้องทำตรวจหาเชื้อจากบริเวณคอหอยและก็ต่อมทอนซิล  โดยใช้วิธีที่เรียกว่า "rapid strep test" ที่สามารถรู้ผลได้ในไม่กี่นาที ถ้าหากผลของการตรวจไม่ชัดเจน  ก็อาจจำเป็นต้องทำการเพาะเชื้อซึ่งจะทราบผลใน 1-2 วัน

การดูแลรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ หมอจะให้การรักษาตามต้นสายปลายเหตุที่พบ เป็น

  • เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัส ก็จะให้การรักษาแบบช่วยเหลือตามอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ แก้ไอ แก้หวัด ไม่มีการให้ยายาปฏิชีวนะ เนื่องจากไม่สามารถทำลายเชื้อเชื้อไวรัสได้ ซึ่งอาการของโรคมักจะหายได้ด้านใน 1 อาทิตย์
  • มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย นอกจากให้ยาบรรเทาตามอาการแล้ว ก็จะให้ยาปฏิชีวนะรักษาด้วยการใช้ ยกตัวอย่างเช่น เพนิสิลลินวี (Penicillin V) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) อีริโทรไมซิน (Erythromyin)  อาการมักทุเลาข้างหลังรับประทานยาปฏิชีวนะ 48-72 ชั่วโมง  โดยแพทย์จะให้กินยาสม่ำเสมอจนถึงครบ 10 วัน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา

ดังนี้การกินยาปฏิชีวนะจำเป็นที่จะต้องกินให้ครบตามคำแนะนำของหมอ เพื่อให้มั่นใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจนหมด เพราะเหตุว่าเชื้อแบคทีเรียที่กำจัดไม่หมดอาจทำให้การติดเชื้อห่วยลงหรือแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกนั้นในเด็กยังเสี่ยงเกิดภาวะสอดแทรก ดังเช่นว่า การติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ไต และก็ไข้รูมาติกซึ่งเป็นการติดเชื้อโรคบริเวณลิ้นหัวใจร่วมกับมีไข้ตามมาได้
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นแนวทางรักษาทอนซิลอักเสบที่เป็นซ้ำบ่อย หรือต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแค่นั้น โดยดูได้จากลักษณะที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้

  • ต่อมทอนซิลอักเสบมากกว่า 7 ครั้งในรอบหนึ่งปี
  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 4-5 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 2 ปีให้หลัง
  • ทอนซิลอักเสบมากกว่า 3 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

นอกเหนือจากนี้ แพทย์ยังอาจใช้การผ่าตัดทอนซิลในเรื่องที่ต่อมทอนซิลอักเสบทำให้มีการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะรักษาตามมา ดังเช่น

  • ภาวะหยุดหายใจขณะที่กำลังนอนหลับ (ก่อให้เกิดอาการนอนกรมเนื่องจากว่าต่อมทอนซิลโต)
  • หายใจไม่สะดวก (ด้วยเหตุว่าต่อมทอนซิลโตมากมายจนถึงอุดกั้นฟุตบาทหายใจ)
  • กลืนตรากตรำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลืนเนื้อหรือของกินชิ้นดกๆ
  • เป็นฝีที่ใช้ยาปฏิชีวนะแล้วยังไม่ดีขึ้น
  • มีต่อมต่อมทอนซิลโตด้านเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นอาการโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยมากหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตัวอย่างเช่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หายใจติดขัด การตำหนิดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เยื่อโดยรอบ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา ดังเช่นว่า  ในกลุ่มที่มีต้นเหตุมาจากเชื้อไวรัส ส่วนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนผู้ที่ลักษณะของโรคร่วมกับป่วยหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังเช่นว่า ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ เป็นต้น รวมทั้งในกรุ๊ปที่เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • เชื้ออาจแผ่ขยายไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ฝีที่ต่อมทอนซิล
  • เชื้ออาจเข้ากระแสโลหิตแพร่ขยายไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบประเภทกะทันหัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวคือภายหลังติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาต้านเนื้อเยื่อของตน กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคแทรกร้ายแรง เช่น ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อและก็หัวใจ แม้ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจทำให้เกิดโรคลิ้นหัวใจพิการ หัวใจวายได้) รวมทั้ง หน่วยไตอักเสบกระทันหัน (เป็นไข้ บวม ฉี่สีแดง อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกซ้อนเหล่านี้มักกำเนิดข้างหลังทอนซิลอักเสบ 1-4 อาทิตย์

สำหรับไข้รูมาติก มีโอกาสเกิดขึ้นโดยประมาณปริมาณร้อยละ 0.3-3 ของคนที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้การคุ้มครองป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถทำเป็นกล้วยๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (แม้ว่าอาการจะดีขึ้นกว่าเดิมหลังกินยาได้ 2-3 วันไปแล้วหลังจากนั้นก็ตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกันกับในหวัดทั่วไปแล้วก็ในโรคไข้หวัดใหญ่เป็น เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายแล้วก็เสลด (รวมถึงสารคัดเลือกหลั่งอื่นๆ) ของผู้ป่วย แล้วก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจากผู้ป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกและโพรงปากเช่น น้ำมูก น้ำลายผู้เจ็บป่วย และจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดเลือกหลั่งดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

  • มีต่อมต่อมทอนซิลโตฝ่ายเดียว ซึ่งอาจเป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยครั้งหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆยกตัวอย่างเช่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ หายใจลำบาก การตำหนิดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา อาทิเช่น  ในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนคนที่อาการของโรคร่วมกับเป็นไข้หวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังเช่นว่า ภูมิแพ้ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ เป็นต้น แล้วก็ในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • เชื้ออาจขยายไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ ฝีที่ต่อมทอนซิล
  • เชื้ออาจเข้ากระแสโลหิตแพร่ไปไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบประเภทฉับพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูเขาไม่ต้านทานตนเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งหลังจากติดเชื้อแบคทีเรียจำพวกนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาต่อต้านเยื่อของตน กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคแทรกร้ายแรง เป็นต้นว่า ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อแล้วก็หัวใจ ถ้าเกิดปลดปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจจะส่งผลให้เกิดโรคลิ้นหัวใจทุพพลภาพ หัวใจวายได้) รวมทั้ง หน่วยไตอักเสบทันควัน (จับไข้ บวม เยี่ยวสีแดง อาจจะก่อให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกซ้อนเหล่านี้มักกำเนิดหลังทอนซิลอักเสบ 1-4 สัปดาห์

สำหรับไข้รูมาติก ได้โอกาสเกิดขึ้นราวๆปริมาณร้อยละ 0.3-3 ของคนที่ไม่ได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างแม่นยำ แต่ว่าทั้งนี้การปกป้องคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังที่กล่าวมาแล้วสามารถทำได้กล้วยๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นข้างหลังรับประทานยาได้ 2-3 วันไปและจากนั้นก็ตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เช่นเดียวกับในโรคไข้หวัดทั่วไปและในไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและเสลด (รวมถึงสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของคนไข้ และจะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจากผู้เจ็บป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกรวมทั้งโพรงปากได้แก่ น้ำมูก น้ำลายคนไข้ และก็จากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดเลือกหลั่งดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
ฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์ Andropraphis paniculata (Burm.f.) Wall. EX Nees ชื่อพ้อง Justicia paniculata Burm.f. ชื่อสกุล Acanthaceae คุณประโยชน์: ตำรายาไทย: มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนจะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน หยุดอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสมหะ ลดบวม แก้ติดเชื้อ รูปแบบแล้วก็ขนาดวิธีการใช้ยา:.ทุเลาลักษณะของการเจ็บคอ                   รับประทานทีละ 3-6 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารแล้วก็ก่อนนอน ทุเลาอาการหวัด รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน  องค์ประกอบทางเคมี: สารประเภทแลคโตน andrographolide,neoandrographolide,deoxyandrographolide, deoxy-didehydroandrographolide สารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดน ยกตัวอย่างเช่น aroxylin, wagonin, andrographidine A 
จากการเรียนรู้คุณภาพของสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรในคนป่วยระบบฟุตบาทหายใจส่วนบนไม่ร้ายแรง  223 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายขโมย 200 มก.ต่อวัน และก็อีกกรุ๊ปกินยาหลอกเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งจะประเมินผลด้วยการประมาณอาการจากตัวผู้ป่วยไข้เองในด้านต่างๆอาทิเช่น อาการไอ เสมหะ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ มีไข้ เจ็บคอ อาการเมื่อยล้าง่าย และก็ปัญหาในการนอน ผลพบว่า ทั้ง 2 กลุ่มมีอาการดีตั้งแต่เริ่มจนถึงจบการทดลอง แต่ว่ากรุ๊ปที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพได้ผลได้อย่างแจ่มแจ้งในช่วงวันที่ 3-5 มากกว่ากลุ่มที่กินยาหลอก แต่ ยังพบผลกระทบบางส่วนในทั้งยัง 2 กลุ่ม จากการทดลองก็เลยเชื่อว่าฟ้าทะลายมิจฉาชีพอาจช่วยรักษาหรือทุเลาอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจตอนต้น
โตงเตง ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Physalis angulata  L. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Physalis minima ชื่อสามัญ :   Hogweed, Ground Cherry ชื่อสกุล :   SOLANACEAE คุณประโยชน์โทงเทง : หนังสือเรียนยาไทย ผลรสเปรี้ยวเย็น แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้อักเสบในคอ แก้ร้อนในอยากดื่มน้ำ ตำพอกแก้ปวดบวม
ส่วนประโยชน์ที่สำคัญของโตงเตงที่ ใช้รักษาอาการทอนซิลอักเสบ โดยหมอท้องถิ่นนั้นจะใช้ทั้งต้นตำให้แหลกละลายกับเหล้า เอาสำลีชุบเอาน้ำยาใช้อมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านคอครั้งละนิด แก้ทอนซิลอักเสบ หรือที่เรียกว่าต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ฝีในคอ ใช้แก้อาการอักเสบในคอก้าวหน้า หรือแพ้แอลกอฮอล์ก็ใช้ละลายกับน้ำส้มสายชูแทน ใช้ด้านในแก้ร้อนในกระหายน้ำ ใช้ข้างนอกแก้ฟกบวมอักเสบทำให้เย็น แล้วก็อีกหนังสือเรียนยาหนึ่งระบุว่าแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ใช้ต้นนี้ใหม่ๆ(หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย รับประทานครั้งเดียวหมด เด็กก็กินลดลงตามส่วน จากการดูแลและรักษาคนเจ็บร้อยกว่าราย บางคนกิน 4-10 ครั้งก็หาย บางบุคคลรับประทานติดต่อกันถึง 2 เดือนก็เลยหาย
ปลาไหลเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ :  EURYCOMA LONGIFOLIA Jack. สกุล : SIMAROUBACEAE สรรพคุณทางยา : ราก ต้านทานโรคมะเร็ง รักษาโรคอัมพาต ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้ท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ วิธีการใช้ตามตำราไทย : ต้านโรคมะเร็ง ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้ท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ นำรากแห้งโดยประมาณ 8-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่มก่อนกินอาหารทุกตอนเช้าและก็เย็น (2 เวลา)
เอกสารอ้างอิง

  • พรพิมล พฤกษ์ประเสริฐ.(2550). การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน. ใน ประยงค์ เวชวนิชสนอง และวนพร อนันตเสรี. กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป (หน้า214-216).หน่วยผลิตตำราคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ทอนซิลอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่324.คอลัมน์สารานุภาพทันโรค.เมษายน.2549
  • ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฎสุนทร.คออักเสบและตอ่มทอนซิลอกัเสบปัญหาของหนูน้อย.ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
  • ทอนซิลอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/[/b]
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 410-413.
  • วิทยา บุญวรพัฒน์.”โทงเทง” หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.หน้า284.
  • ฟ้าทะลายโจร.ฐานข้อมูลเครื่องยา.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • โทงเทง สมุนไพรหยุดการอักเสบในลำคอ.ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร.สถาบันวิจัยสมุนไพร.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.


Tags : โรคต่อมทอนซิลอักเสบ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ