บอระเพ็ด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บอระเพ็ด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ณเดช2499
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2018, 01:01:34 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

บอระเพ็ด
ชื่อสมุนไพร บอระเพ็ด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน จุ้งจาลิง , จุ่งจิง , เครือเขาฮอ (ภาคเหนือ) , เจตมูลหนาม (จังหวัดหนองคาย) , หางหนู (จังหวัดอุบลราชธานี) , เถาหัวด้วน , ตัวเจตมูลยาน (สระบุรี)
ชื่อสามัญ Heart leaved moonseed
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f. & Thomson
ชื่อพ้อง Tinospora tuberculata Miers, Tinospora rumphii Boerl.
สกุล Menispermaceae
บ้านเกิดเมืองนอน บอระเพ็ดเป็นพืชที่มีบ้านเกิดในป่าดงดิบแล้งและก็ป่าเบญจพรรณ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มักพบในประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เป็นต้น รวมถึงบางประเทศในทวีปเอเชียใต้ เป็นต้นว่า อินเดีย รวมทั้งศรีลังกา สำหรับในประเทศไทยนั้นบอระเพ็ดนับเป็นพืชที่เป็นที่รู้จักอย่างดีเยี่ยมมาเป็นเวลายาวนานแล้ว เนื่องจากว่าชาวไทยในสมัยก่อนได้นำบอระเพ็ดมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาลักษณะของการป่วยต่างๆดังเช่นว่า ใช้ลดไข้ บำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร อื่นๆอีกมากมาย ต่อให้ปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมใช้บอระเพ็ดเพื่อสรรพคุณทางยาพวกนี้อยู่ ซึ่งในประเทศไทยนั้นสามารถพบบอระเพ็ดได้ทุกภาคของประเทศและส่วนมากพบในป่าดิบแล้งแล้วก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป
ลักษณะทั่วไป 
บอระเพ็[/b] จัดเป็น  ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ไม่มีขน ยาวถึง 15 เมตร เถากลม ตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบ เป็นปุ่มเปลือกของเถาบางลอกออกได้ เป็นปุ่มกระจายทั่วไป เมื่อแก่มองเห็นปุ่มเงื่อนพวกนี้หนาแน่น แล้วก็กระจ่างแจ้งมาก เปลือกเถา คล้ายเยื่อกระดาษ มียางขาว ใส  เถามีรสขมจัด สีเทาปนเหลือง มีรากอากาศคล้ายด้ายยาว กลม ยาว สีน้ำตาลเข้ม ใบโดดเดี่ยว เรียงเวียนสลับ มักเป็นรูปหัวใจ รูปไข่กว้าง หรือรูปกลม กว้าง 6-12ซม. ยาว 7-14 เซนติเมตร โคนเรียวแหลมยาว ปลายจักเป็นรูปหัวใจลึก หรือตื้น เนื้อเหมือนแผ่นกระดาษบาง มักมีต่อม ใบข้างล่างบางทีเจอต่อมแบนตามโคนง่ามของเส้นใบ เส้นใบออกจากโคนใบรูปฝ่ามือมี 3-5 เส้น รวมทั้งมีเส้นกิ่งก้านสาขาใบอีก 1-3 คู่ ก้านใบยาว 5-15 ซม. บวมพอง รวมทั้งเป็นข้องอ ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งแก่ๆที่ไม่มีใบ มักมีดอกเมื่อใบหลุดร่วงหมด มี 2-3 ช่อ เล็กเรียว ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวอมเหลือง ดอกเพศผู้แล้วก็เพศภรรยาแยกกันอยู่ต่างดอก ช่อดอกเพศผู้ ยาว 5-9 เซนติเมตร ดอกมี 1-3 ดอก ติดเป็นกลุ่ม ดอกเพศผู้ มีก้านดอกย่อยเล็กเรียว ยาว 2-4 มม. กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน วงนอกมี 3 กลีบ รูปไข่ หนาที่โคน ยาว 1-1.5 มม. วงในมี 3 กลีบ รูปไข่กลับ มีก้านกลม หรือโคนแหลม ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอกมี 3 กลีบ กลีบวงนอกแค่นั้นที่เจริญขึ้น รูปใบหอกกลับแคบ แบน ไม่มีตุ่ม ยาว 2 มม. ส่วนกลีบวงในลดรูป เกสรเพศผู้มี 6 อัน ยาว 2 มม. ช่อดอกเพศภรรยา ยาว 2-6 มิลลิเมตร ดอกโดยมากเกิดผู้เดียวๆตามง่ามใบ ดอกเพศเมีย กลีบเลี้ยงและกลีบดอกไม้คล้ายดอกเพศผู้ เกสรเพศผู้เลียนแบบมี 6 อัน เป็นรูปลิ่มแคบ ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร เกสรเพศเมียมี 3 อัน ทรงรี ยาว 2 มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นพูสั้นมาก ผลออกเป็นช่อ มีก้านช่อยาว 1.5-2 เซนติเมตร มีก้านผลเป็นรูปครึ่งปิรามิด ยาว 2-3 มม. ใต้ลงมาเป็นกลีบเลี้ยงที่ติดแน่น รูปไข่ ยาว 2 มม. โค้งกลับ ผลสด เมื่อสุกมีสีเหลืองหรือสีส้ม ทรงรี ยาว 2 ซม. ฝาผนังผลชั้นในสีขาว ทรงรี กว้าง 7-9 มม. ยาว 11-13 มิลลิเมตร ผิวร่นนิดหน่อย หรือเกือบจะเรียบ มีสันที่ข้างบนชัด มีช่องเปิดรูปรีเล็กที่ด้านบน ออกดอกสิ้นเดือนเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ติดผลราวเดือนเมษายนถึงพ.ค.
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์บอระเพ็ดสามารถทำเป็น 2 วิธี คือ การเพาะเม็ด และการปักชำกิ่ง การเพาะเม็ดนั้นต้องใช้เมล็ดจากผลที่สุกจัด ผลมีสีเหลืองเข้ม ยิ่งสำเร็จที่หล่นแล้วยิ่งดี แล้วหลังจากนั้น นำผลมาตากแดดให้แห้ง นาน 15-20 วัน และเก็บไว้ในร่มก่อนจนถึงต้นหน้าฝนก็เลยนำออกมาเพาะในถุงเพาะชำหรือใช้หยอดปลูกตามจุดที่อยาก การปลูกด้วยเม็ดนี้ จะได้เครือบอระเพ็ดที่ใหญ่ยาวมากกว่าการปักชำ  การปักชำเถา เป็นแนวทางหนึ่งที่สบายเร็ว ด้วยการตัดเถาบอระเพ็ดที่แก่จัด เถาแก่ตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ตัดเถายาว 20-30 เซนติเมตร ต่อไป ค่อยนำลงปักชำในถุงหรือกระถาง แนวทางนี้ จะได้ต้นที่งอกใหม่ภายใน 15-30 วัน แต่ลำต้นมักมีเครือไม่ยาวราวกับการเพาะเมล็ด แม้กระนั้นไม่ต่างอะไรกันมากสักเท่าไรนัก
ส่วนประกอบทางเคมี

  • สารขมชื่อ picroretin, columbin, picroretroside, tinosporide, tinosporidine
  • สารกลุ่มตรีเทอปีนป่ายอยส์ ตัวอย่างเช่น Borapetoside A, Borapetoside B, Borapetol A, Tinocrisposide, tinosporan
  • สารกลุ่มอัลคาลอยด์ ดังเช่น N-formylannonaine, N-acetylnornuciferine ฯลฯ
  • สารจำพวกอามีนที่พบ เป็นต้นว่า N-trans-feruloyl tyramine, N-cis-feruloyl tyramine
  • สารฟีนอสิคไกลโคไซด์ เป็นต้นว่า tinoluberide
  • สารอื่นๆยกตัวอย่างเช่น berberine, β-sitosterol

ที่มา : wikipedia
คุณประโยชน์/สรรพคุณ น้ำสกัดหรือน้ำต้มจากบอระเพ็ดสามารถใช้ฉีดพ่นกำจัด และคุ้มครองป้องกันหนอนแมลงศัตรูพืช อาทิเช่น หนอนใยผัก และก็เพลี้ยต่างๆได้เป็นอย่างดี ส่วนลำต้น และใบของบอระเพ็ดสามารถใช้ผสมในอาหารสัตว์หรือให้สัตว์กินโดยตรง เพื่อสัตว์มีสุขภาพดี และรักษาโรคในสัตว์ ทั้งยังโค ควาย หมู ไก่ และก็อื่น ซึ่งประชาชนนิยมให้ไก่ชนกินในระยะก่อนออกชน นอกเหนือจากนี้ลำตัน รวมทั้งใบยังสามารถนำมาบด และก็ใช้พอกศีรษะหรือสระผม สำหรับกำจัดเหาได้อีกด้วย ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของบอระเพ็ดนั้นมีดังนี้
แบบเรียนยาไทย
ใช้  เถา ซึ่งมีรสขมจัดเย็น แก้ไข้ทุกประเภท แก้พิษไข้ทรพิษ เป็นยาขมเจริญอาหาร ต้มดื่มเพื่อเจริญอาหาร ช่วยสำหรับในการย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย แก้สะอึก แก้มาลาเรีย เป็นยาขับเหงื่อ ดับหิว แก้ร้อนในดีเลิศ แก้อหิวาต์ แก้ท้องร่วง ไข้ป่า ระงับความร้อน ทำให้เนื้อเย็น แก้โลหิตพิการ ใช้ภายนอกใช้ล้างตา ล้างแผลที่เกิดขึ้นมาจากโรคซิฟิลิส ใบ มีรสขมเมา เป็นยาพอกบาดแผล ทำให้เย็นและก็ทุเลาลักษณะของการปวด ดับพิษปวดแสบปวดร้อน พอกฝี แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้คัน แก้โรครำมะนาด ปวดฟัน ฆ่าแมลงที่ไพเราะ ฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้ไข้ แก้โรคผิวหนัง บำรุงน้ำดี  ราก มีรสขม เป็นยาช่วยทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ รากอากาศ รสขมเย็น แก้ไข้ขึ้นสูงมีอาการบ้าเพ้อ ดับพิษร้อน ทำลายพิษร้อน ถอนพิษไข้ เจริญอาหาร ผล รสขม แก้ไข้ แก้เสมหะเป็นพิษ ทุกส่วนของพืช ใช้แก้ไข้ เป็นยาบำรุง โรคดีซ่าน ยาเจริญอาหาร แก้มาลาเรียใช้เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ร้อนในอยากกินน้ำ
นอกเหนือจากนี้บอระเพ็ดยังจัดอยู่ใน “พิกัดตรีญาณรส” คือการจำกัดจำนวนตัวยาที่ทำให้รู้รสอาหาร 3 อย่าง มี ไส้หมาก รากสะเดา เถาบอระเพ็ด มีคุณประโยชน์ แก้ไข้ ดับพิษร้อน ขับปัสสาวะ ขับเสลด บำรุงไฟธาตุ บำรุงกำลัง “พิกัดยาแก้ไข้ 5 ประเภท” คือการจำกัดปริมาณตัวยาแก้ไข้ 5 อย่าง มี รากย่านาง รากคนทา รากต้นกระโรกใหญ่ ขี้เหล็กอีกทั้ง 5 และก็เถาบอระเพ็ด สรรพคุณแก้ไข้พิษร้อน
แบบเรียนอายุรเวทของประเทศอินเดีย ใช้ เถา เป็นยาแก้ไข้ เหมือนกับชิงช้าชาลี กล่าวไว้ว่า แก้ไข้ดีเท่ากับซิงโคนา แก้ธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ แก้อาการอักเสบ แก้อาการเกร็ง
แบบอย่าง/ขนาดการใช้
รักษาอาการไข้ ใช้เถาบอระเพ็ดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเหลือเกิน (เถาเพสลาก) ประมาณ  1- 1.5  ฟุต (2.5 คืบ) หรือเถา น้ำหนัก  30-40  กรัม  โดยตำ  เพิ่มเติมน้ำเล็กน้อย  คั้นเอาน้ำ  หรือต้มกับน้ำ  3  ส่วน  ต้มให้เหลือ  1  ส่วน  หรือบดเป็นผง  ทำให้เป็นลูกกลอนกินวันละ  2  ครั้ง  ก่อนอาหาร  ตอนเช้า  เย็น
           รักษาอาการไม่อยากอาหาร: ใช้เถาที่โตเต็มที่   ประมาณ  1- 1.5   ฟุต  (2.5 คืบ)  น้ำหนัก หรือเถา 30-40  กรัม  โดยตำ  เพิ่มเติมน้ำนิดหน่อย  คั้นเอาน้ำ  หรือต้มกับน้ำ  3  ส่วน  เคี่ยวให้เหลือ  1  ส่วน  หรือบดเป็นผุยผง  ทำให้เป็นลูกกลอนรับประทานวันละ  2  ครั้ง  ก่อนที่จะกินอาหาร  รุ่งเช้า  เย็น  ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้บอระเพ็ด / เมล็ดข่อย / หัวหญ้าแห้วหมู / เมล็ดพริกไทย / เปลือกต้นทิ้งถ่อน / เปลือกต้นตะโกนา ในรูปร่างเสมอกันนำมาบดเป็นผง ปั้นเป็นยาลูกกลอนเท่าปลายนิ้วก้อย รับประทานก่อนนอนทีละ 2-3 เม็ด หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะนำเถาบอระเพ็ดมาหั่นตากแห้งแล้วนำมาบดให้เป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้  ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการใช้เถาสดที่โตเต็มกำลังตากแห้งแล้วบดเป็นผุยผง เอามาชงน้ำร้อนดื่มทีละ 1 ช้อน รุ่งเช้าและเย็น แก้โรคกระเพาะอาหารด้วยการใช้บอระเพ็ด 5 ส่วน / มะขามเปียก 7 ส่วน / เกลือ 3 ส่วน / น้ำผึ้งพอเหมาะ เอามาคลุกเคล้าจะกว่าจะเข้ากันแล้วรับประทานก่อนกินอาหาร 3 เวลา นำทุกส่วนของบอระเพ็ด (เถา,ใบ,ราก) มาบดแล้วใช้ประคบฝี เพื่อลดน้ำหนอง,ลดลักษณะของการปวดบวม หรือ แผล(สำหรับห้ามเลือด)
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดไข้    มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดไข้ของบอระเพ็ด โดยทดลองกับสัตว์ทดลองที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดไข้ด้วยสารต่างๆอย่างเช่น การทดสอบกรอกสารสกัดบอระเพ็ดด้วยอัลกอฮอล์และน้ำ (1:1) ให้กระต่ายที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดไข้ด้วยยีสต์ พบว่าสารสกัดไม่มีฤทธิ์ลดไข้ บุญเทียม แล้วก็คณะ ได้ทดสอบให้สารสกัดบอระเพ็ดด้วยน้ำกับหนูเพศผู้ที่ถูกรั้งนำให้เกิดไข้ด้วยวัคซีนไข้รากสาดน้อยในขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โดยการผสมกับน้ำกิน  พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ รวมทั้งต่อมาได้ทำทดสอบโดยให้สารสกัดบอระเพ็ดกับกระต่ายและก็หนูขาวเพศผู้ที่รั้งนำให้กำเนิดไข้ด้วย LPS (Lipopolysaccharide) ในขนาด 200 มิลลิกรัม/กก. แล้วก็ 600 มก./กก. เป็นลำดับ พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ได้ด้วยเหมือนกัน จากการศึกษาเชื่อว่ากลไกสำหรับเพื่อการยั้งการเกิดไข้ของสารสกัดบอระเพ็ดน่าจะมีสาเหตุมาจากการไปยั้งการผลิต interleukin-1 หรือ prostaglandins (PGs) ซึ่งกลไกนี้เป็นกลไกที่อยู่ในระบบ CNS นอกเหนือจากนั้นยังมีผู้พบว่าส่วนสกัดด้วยบิวทานอลมีฤทธิ์ลดไข้ ไม่มีการทดลองแยกสารออกฤทธิ์ลดไข้จากบอระเพ็ด แต่มีรายงานฤทธิ์ลดไข้ของสารที่เจอในบอระเพ็ดคือ berberine เมื่อป้อนให้หนูในขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม รวมทั้ง b-sitosterol ซึ่งออกฤทธิ์ในขนาด 160 มก./กิโลกรัม
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ        มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดการอักเสบของชาชงบอระเพ็ดโดยการกรอกให้แกะเพศผู้ (ตอน) ในขนาด 8 มิลลิลิตร/ตัว พบว่าชาชงบอระเพ็ดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบเท่ากับแอสไพริน 30 มก./น้ำหนักตัว 200 กรัม Higashino รวมทั้งคณะ ได้เรียนรู้ฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดเถาบอระเพ็ดด้วยเมทานอล (50%) กับหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบที่อุ้งเท้าด้วย carrageenin โดยให้กินสารสกัดในขนาด 10 มก./กก. พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ โดยส่วนสกัดด้วยบิวทานอผุดผ่องกฤทธิ์เจริญที่สุด ไม่ว่าจะให้โดยการกิน ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าช่องท้อง รวมทั้งพบว่าส่วนสกัดในขนาด 3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เมื่อให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีฤทธิ์เทียบเท่ากับ sulpyrine 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และก็ diphenhydramine 10 มก./กิโลกรัม
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A สารสำคัญที่พบในต้นบอระเพ็ด โดยการฉีด borapetosides A ให้แก่หนูเม้าส์ที่เป็นโรคเบาหวาน จำพวกที่ 1 และก็ชนิดที่ 2 รวมทั้งหนูเม้าส์ธรรมดา วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน พบว่า borapetosides A จะช่วยเพิ่มระดับของไกลวัวเจน รวมทั้งลดน้ำตาลในเลือดได้อีกทั้งหนูปกติ รวมทั้งหนูที่เป็นโรคเบาหวาน โดยฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของ borapetosides A เกี่ยวโยงกับการเพิ่มปริมาณอินซูลินในหนูปกติรวมทั้งหนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลินในหนูที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 1 ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าสาร borapetosides A กระตุ้นการสังเคราะห์ไกลโคเจนในเซลล์เนื้อกล้าม รวมทั้งลดการแสดงออกของโปรตีน phosphoenolpyruvate carboxylase ที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นโรคเบาหวานได้ การค้นคว้านี้ชี้ให้เห็นว่าสาร borapetosides A จากต้นบอระเพ็ดสามารถออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้จำพวกที่เกี่ยวพันและไม่เกี่ยวข้องกับอินซูลิน โดยผ่านกลไกกระตุ้นการใช้กลูโคสของกล้ามเนื้อ ลดการสะสมน้ำตาลในเซลล์ และก็กระตุ้นการผลิตอินซูลิน
การทดสอบในสัตว์ทดสอบพบว่าบอระเพ็ดมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนการเล่าเรียนในคนไข้เบาหวานโดยให้ทานบอระเพ็ด วันละ 250 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าช่วยลดระดับน้ำตาลได้ แม้กระนั้นขณะที่กำลังทำการทดสอบคนเจ็บหลายรายมีลักษณะอาการตับอักเสบ และก็พบว่าการใช้บอระเพ็ดในขนาดสูงรวมทั้งติดต่อกันเป็นเวลานานจะเป็นพิษต่อตับรวมทั้งไต มีรายงานการวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่าเมื่อให้อาสาสมัครร่างกายแข็งแรง 12 ราย รับประทานบอระเพ็ดขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 8 อาทิตย์ พบว่าแนวโน้มทำให้ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในตับมากขึ้น แปลว่ามีลัษณะทิศทางจะมีผลให้เกิดพิษต่อตับ
การศึกษาทางพิษวิทยา  การทดสอบพิษรุนแรงของสารสกัดเถาด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล ตรวจไม่เจออาการเป็นพิษ  เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูถีบจักร ขนาด 4 กรัม/กก. เสมอกันผงยาแห้ง 28.95 กรัม/กิโลกรัม ไม่ทำให้เกิดอาการพิษ การศึกษาพิษเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูขาวจำพวกวิสตาร์ทั้ง 2 เพศ ในขนาด 0.02, 0.16 และ 1.28 ก./กิโลกรัม/วัน หรือเท่ากันผงแห้ง 0.145, 1.16 แล้วก็ 9.26 กรัม/กก. เป็นเวลา 6 เดือน พบว่าหนูขาวทั้งสองเพศที่ได้รับสารสกัดในขนาด 1.28 ก./กิโลกรัม ส่งผลทำให้น้ำหนักหนูน้อยกว่ากลุ่มควบคุมรวมทั้งเกิดอาการแตกต่างจากปกติของรูปแบบการทำงานของตับและไตได้          มีหมอผู้ทำการศึกษาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับฤทธิ์ลดเบาหวานของบอระเพ็ด พบว่าผู้ป่วยมีอาการตับอักเสบหลายราย
ข้อเสนอ/ข้อพึงระวัง

  • ส่วนที่นิยมนำเถาบอระเพ็ดมาใช้ทำเป็นยาจะเป็นส่วนของ “เถาเพสลาก” ด้วยเหตุว่ามีลักษณะไม่แก่หรืออ่อนเกินไปนัก และก็มีรสชาติขมจัด แม้กระนั้นหากเป็นเถาแก่จะแตกแห้ง รสเฝื่อน ไม่ขม หรือถ้าหากอ่อนเหลือเกินก็จะมีรสไม่ขมมาก
  • การเรียนรู้ในอาสาสมัครสุขภาพดี 12 ผู้ที่กินบอระเพ็ดในขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 8 สัปดาห์ พบแนวโน้มระดับเอนไซม์ในตับมากขึ้นแสดงว่าน่าจะก่อเกิดพิษต่อตับ
  • แม้นำบอระเพ็ดมาใช้และก็เจออาการแตกต่างจากปกติของการทำงานตับรวมทั้งไต ควรจะหยุดการใช้
  • ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับขาดตกบกพร่อง หรือผู้เจ็บป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับหรือโรคไต
  • สมุนไพรบอระเพ็ดสำหรับการรับประทานในส่วนของรากโดยตลอดเป็นเวลานานอาจมีผลต่อหัวจิตใจ เพราะเหตุว่าเป็นยารสขม สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือไม่ควรใช้ติดกันสม่ำเสมอเกิน 1 เดือน ถ้าหากว่าจะต้องใช้ในเดือนถัดไปก็ควรจะเว้นระยะเวลา 1-2 อาทิตย์เป็นอย่างต่ำเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับภาวะได้ก่อน ถ้าใช้ไปแล้วมีลักษณะมือเท้าเย็น แขนขาหมดเรี่ยวแรงก็ควรหยุดกิน
เอกสารอ้างอิง

  • [url=http://www.disthai.com/16913475/%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B9%87%E0%B8%94]บอระเพ็ด.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • บุญเทียม คงศักดิ์ตระกูล  ยุวดี วงษ์กระจ่าง และคณะ.  รายงานฉบับสมบูรณ์ขององค์การเภสัชกรรม, 2541:18pp.
  • Higashino H, Suzuki A, Tanaka Y, Pootakham K.  Inhibitory effects of Siamese Tinospora crispa extracts on the carrageenin-induced foot pad edema in rats (the 1st report).  Nippon Yakurigaku Zasshi 1992;100(4):339-44.
  • บอระเพ็ด.ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.disthai.com/[/color]
  • Kongsaktrakoon B, Temsiririrkkul R, Suvitayavat W, Nakornchai S, Wongkrajang Y.  The antipyretic effect of Tinospora crispa Mier ex Hook.f. & Thoms.  Mahidol Univ J Pharm Sci 1994;21(1):1-6.
  • บอระเพ็ด.ชาสมุนไพรบรรเทาอาการไข้.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.หน้า3-5
  • กัมปนาท รื่นรมย์.ประสิทธิภาพและการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากบอระเพ็ดในการเป็นสารกำจัดแมลงต่อหนอนใยผัก(Plutella xylostella L.)
  • Sabir M, Akhter MH, Bhide NK.  Further studies on pharmacology of berberine.  Indian J Physiol Pharmacol 1978;22:9.
  • บอระเพ็ด ประโยชน์/สรรพคุณบอระเพ็ด.พืชเกษตรดอทคอมเว็บเพื่อเกษตรไทยบุญส่ง คงคาทิพย์ และสมนึก วงศ์ทอง การแยกสารออกฤทธิ์ฆ่าหนอนเจาะเสมอฝ้ายจากต้นบอระเพ็ดและการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของสารกับการออกฤทธิ์
  • บอระเพ็ด.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A จากต้นบอระเพ็ด.ข่าวความเคลื่อนไหนสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Rivai Y.  Antiinflammatory effects of Tinospora crispa (L) Miers ex Hook.f & Thoms stem infusion on rat.  MS Thesis, Dept Pharm, Fac Math & Sci, Univ Andalas, Indonesia, 1987.
  • บอระเพ็ดกับเบาหวาน.กระทู้ถาม-ตอบ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Gupta M, Nath R, Srivastava N, Shanker K, Kishor K, Bhargava KB.  Anti-inflammatory and antipyretic activities of b-sitosterol.  Planta Med 1980;39:157-63.
  • Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P.  Study on toxicity of Thai medicinal plants.  Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
  • บอระเพ็ด.ฐานข้อมูลความปลอดภัยของสมุนไพรที่มีการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ.สำนังานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Chavalittumrong P, Attawish A, Chuthaputti A, Chuntapet P.  Toxicological study of crude extract of Tinospora crispa Miers ex Hook.f. & Thoms.  Thai J Pharm Sci 1997;21(4):199-210.


Tags : บอระเพ็ด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ