สมุนไพรเหงือปลาหมอ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างมากมาย

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรเหงือปลาหมอ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างมากมาย  (อ่าน 5 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2018, 06:08:19 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

เหงือกปลาหมอ
ชื่อสมุนไพร  เหงือกปลาหมอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน  แก้มหมอ (จังหวัดสตูล) , อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง) , แก้มหมอเล (กระบี่) , นางเกร็ง,จะเกร็ง อื่นๆอีกมากมาย
ชื่อวิทยาศาสตร์     Acanthus ebracteatus Vahl. (เหงือกปลาแพทย์ดอกสีขาว)
Acanthus ilicifolius L. var. ilicifolius (เหงือกปลาแพทย์ดอกสีม่วง)
ชื่อสามัญ  Sea Holly.
สกุล  ACANTHACEAE
บ้านเกิดเมืองนอน เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยพวกเราด้วยเหตุว่ามีประวัติสำหรับในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งและก็ชอบพบบ่อยในรอบๆป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เจริญวัยได้ดีในที่ร่มและมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นเดียวกัน เหงือกปลาแพทย์ พบอยู่ 2 จำพวกหมายถึงจำพวกดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบบ่อยในภาคกลางและภาคตะวันออก ประเภทดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ อีกทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นพันธุ์ไม่ขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป

  • ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงราวๆ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 1.5 เซนติเมตร
  • ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบและก็ปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแนวก้าง เนื้อเรือใบแข็งแล้วก็เหนียว ใบกว้างประมาณ 4-7 ซม. แล้วก็ยาวราว 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
  • ดอกเหงือกปลาหมอ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราวๆ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นกับจำพวกของต้นเหงือกปลาหมอคือ ดอกมีประเภทดอกสีม่วง หรือสีฟ้า และก็ชนิดดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกเป็นท่อปลายบานโต ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
  • ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ข้างในฝักมีเม็ด 4 เมล็ด

การขยายพันธุ์ เหงือกปลาหมอสามารถเพาะพันธุ์ได้ด้วยแนวทางเพาะเม็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ แต่แนวทางที่เป็นที่ชื่นชอบและได้ผลผลิตที่ดีเป็นการใช้กิ่งปักชำ นำกิ่งที่ไม่แก่และไม่อ่อนกระทั่งเกินความจำเป็น อายุ 1-2 ปี มาชำลงในดินโคลน รอรดน้ำให้เปียกแฉะ โดยประมาณ 2 เดือน จะผลิออกราก จึงกระทำย้ายปลูก ก่อนปลูกควรจะจัดเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูก 80x80 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยมูลสัตว์หรือปุ๋ยหมัก ให้ปุ๋ยคอกหว่านรอบโคนต้นปีละ 2 ครั้งๆละ 1 กิโลกรัม/ต้น ให้ปุ๋ยบ่อยขึ้นในกรณีที่เก็บเกี่ยวผลผลิตบ่อยมาก ทำให้ต้นชำรุดทรุดโทรม ใบเป็นสีเหลือง กำจัดวัชพืชดูแลรักษาแปลงให้สะอาด
                หลังปลูก 1 ปี จึงจะเก็บผลิตผล โดยตัดกิ่งให้แพทย์ทั้งต้น (โคน) ให้เหลือความยาวกึ่งหนึ่ง เพื่อแตกใหม่ในปีหน้า กิ่งที่ได้เอามาสับเป็นท่อนๆละ 6 นิ้ว นำไปผึ่งแดดกระทั่งแห้งดี หรืออบแห้ง กิ่งรวมทั้งใบสด  3 กก. จะตากแห้งได้ 1 กก. แล้วก็ผลิตผลจากต้นอายุ 1 ปี จำนวน 4 ต้น (กอ) จะมีน้ำหนักสด 1 กิโลกรัม
ส่วนประกอบทางเคมี ในใบพบสาร : alpha-amyrin, beta-amyrin, ursolic acid apigenin-7-O-beta-D-glucuronide, methyl apigenin-7-O-beta-glucuronate campesterol, 28-isofucosterol, beta-sitosterol ในรากเจอสาร : benzoxazoline-2-one, daucosterol, octacosan-1-ol, stigmasterol อีกทั้งต้นเจอสาร : acanthicifoline, lupeol, oleanolic acid, quercetin, isoquercetin, trigonelline , dimeric oxazolinone
คุณประโยชน์ ยาสมุนไพรพื้นเมือง ใช้  ใบ ต้มกับน้ำดื่ม แก้นิ่วในไต ทั้งต้น 10 ส่วน กับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ ต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง ใช้  ใบและต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน
               หนังสือเรียนยาไทย  ใช้  ใบ รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีด้านใน และด้านนอกทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยบำรุงรักษารากผม แก้ประป่าดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาตกขาว , ตกขาวของสตรี ใบสด แก้ไข้ ผื่นคันฝี แก้ฝีทราง หรือใช้ใบสดเอามาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัด พอกฝี และก็แผลอักเสบ ต้นแล้วก็เม็ด มีรสเผ็ดร้อน รักษาฝี แก้โรคน้ำเหลืองเสีย เมล็ด ใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาแก้ไอ ขับเลือด แก้ฝี ทั้งยังต้น มีรสเค็มกร่อย อีกทั้งต้นสด รักษาโรคผิวหนังพวกพุพอง น้ำเหลืองเสีย และก็ผื่นคันตามร่างกาย ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ พิษฝีภายใน ตัดรากฝีทั้งผอง แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มอาบ แก้พิษไข้หัว แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ตำพอก ปิดหัวฝี แผลเรื้อรัง คั้นเอาน้ำทาหัวบำรุงรากผม ใช้ยั้ง/ต่อต้านมะเร็ว ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาลักษณะของการปวดหัว ราก ใช้รากสด เอามาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้โรคงูสวัด บำรุงประสาท แก้หอบหืด ขับเสมหะ เหงือกปลาแพทย์  5 (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เม็ด) มีคุณประโยชน์ช่วยแก้พิษฝี แก้มะเร็ง ช่วยสำหรับเพื่อการเจริญอาหาร ช่วยให้เลือดลดธรรมดา เป็นยาอายุวัฒนะ
แบบอย่าง/ขนาดการใช้

  • ยับยั้งโรคมะเร็งต้านมะเร็ง นำเหงือกปลาแพทย์อีกทั้ง 5 ส่วน (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เม็ด) มาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
  • รักษาประจำเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ นำทั้งต้นมาตำผสมกับน้ำมันงารวมทั้งน้ำผึ้งเอามากิน
  • แก้ผื่นคัน นำใบและต้นสดราว 3-4 กำมือเอามาสับต้นน้ำอาบเป็นประจำ 3-4 ครั้ง
  • แก้ไข้หนาวสั่น นำต้นมาตำผสมกับขิง
  • แก้ผิวแตกทั้งตัว นำอีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน และก็ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ
  • ขับเสมหะ บำรุงประสาท แก้ไอ แก้หืด รักษามุตกิดตกขาว นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
  • รักษาโรคผิวหนัง ขับน้ำเหลืองเสียแก้แผลผุพอง เป็นฝีเสมอๆนำต้น ใบรวมทั้งเมล็ดต้มกับน้ำอาบ
  • ปรับปรุงแก้ไขข้ออักเสบ แก้ปวดต่างๆนำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
  • ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นโลหิตไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอนไว้กิน
  • ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมเกร็งเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานวันแล้ววันเล่า
  • แก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบตลอดตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาแพทย์และก็เปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดกระทั่งงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะดีขึ้น
  • รากช่วยแก้และก็ทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน
  • แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ
  • ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นและก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน
  • ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายขโมย ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้

ในปัจจุบันเหงือกปลาแพทย์ มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลสมุนไพรเหงือกปลาหมอ ยาชงสมุนไพรและก็ยาเม็ด มีสรรพคุณใช้รักษาโรคผิวหนังอีกทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับการอบตัวเป็นการอบตัวด้วยละอองน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร และการอบเปียกแบบเข้ากระโจม โดยเหงือกปลาแพทย์มีสรรพคุณสำหรับรักษาโรคผิวหนัง
นอกนั้นเหงือกปลาหมอยังเป็นส่วนผสมในสินค้าเครื่องแต่งหน้าต่างๆเป็นต้นว่า ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมแล้วก็สบู่สมุนไพร เป็นต้น
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ  ทดลองน้ำสกัดจากใบแห้ง ความเข้มข้น 500 มคกรัม/มิลลิลิตร กับหนูขาว พบว่าสารสกัดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยไปยั้งการผลิต leukotriene B-4 แม้กระนั้นสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์เป็น serotonin antagonist  เมื่อเร็วๆนี้ มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากทั้งต้น ขนาด 500 มคกรัม/มล. มีฤทธิ์ยับยั้ง 5-lipoxygenase activity ด้วยกลไกสำหรับในการลดการผลิต leukotriene B-4 ถึง 64% แล้วก็สารสกัดด้วยน้ำ ขนาด 500 มคก./มิลลิลิตร ลดได้ 44% รวมทั้งมีการวิเคราะห์สารสำคัญของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ พบว่าสารนั้นเป็นพวก dimeric oxazolinone ที่มีสูตรโครงสร้างเป็น 5,5¢-bis-benzoxazoline-2,2¢-dione
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองสารสกัดเอทานอล (90%) จากต้นแห้ง (ไม่เคยทราบความเข้มข้น) กับ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ แต่ว่าการทดสอบเมล็ดเหงือกปลาแพทย์ พบว่ามีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อ S. aureus
ฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชั่น          มีการทดสอบสารสกัดอัลกอฮอล์จากใบของเหงือกปลาหมอดอกม่วง พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ต้านทานการเกิดอนุมูลอิสระหลายประเภท เช่น superoxide radical, hydroxyl radical, nitric oxide radical และก็ lipid peroxide ฯลฯ นอกจากนั้นสารสกัดจากส่วนผลด้วยเมทานอล เมื่อทดลองในหนูถีบจักร พบฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ โดยมีขนาดที่ยับยั้งได้ 50% (IC50)หมายถึง79.67 มคล./มล. และพบฤทธิ์ยับยั้งการเกิด lipid peroxide โดยขนาดที่ยับยั้งได้ 50% (IC50) คือ 38.4 มคล./มิลลิลิตร
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวกับการเพิ่มภูมิต้านทาน  มีการนำสารสกัดน้ำอย่างหยาบคายจากรากของเหงือกปลาหมอมาทำให้ครึ่งบริสุทธิ์ โดยวิธี gel filtration (Sephadex G-25) เพื่อเรียนฤทธิ์เสริมภูมิต้านทานที่มีต่อ mononuclear cell (PMBC) ของคนธรรมดา 20 ราย โดยประเมินผลการเล่าเรียนจาก H3-thymidine uptake พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ของเหงือกปลาหมอดอกม่วง ที่ความเข้มข้นต่ำ (10 มคกรัม/มล.) สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของ lymphocytes ได้สูงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05)
การเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและการทดสอบความเป็นพิษ
          เมื่อให้สารสกัดลำต้นแห้งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ขนาดความเข้มข้น 5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการก่อกลายจำพวก ใน Salmonella typhimurium TA98 และ TA100 แต่ว่าเมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำจากส่วนรากกับหนูเพศเมียขนาด 2.7 แล้วก็ 13.5 กรัม/กก. เป็นเวลา 12 เดือน เจอความเป็นพิษต่อตับในตัวทดลอง
หลักฐานความเป็นพิษ และก็ยังมีการศึกษาวิจัยเกี่ยววกับการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์อีกจำนวนมากบอกว่า เมื่อฉีดสารสกัดพืชอีกทั้งต้นด้วยเอทานอล (90%) เข้าทางท้องของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นปริมาณกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 1 กรัม/กก. ส่วนสารสกัดใบด้วยเมทานอลรวมทั้งน้ำ (1:1) ฉีดเข้าท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 ก./กก. และก็สารสกัดจากใบร่วมกับต้นด้วยเมทานอลและน้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ด้วยเหมือนกัน ค่า LD50 พอๆกับ 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัม สารสกัดจากต้นด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ค่า LD50 มีค่ามากยิ่งกว่า 1 กรัม/กก. เมื่อกรอกสารสกัดใบร่วมกับก้านใบ ลำต้น รากแห้ง ด้วยน้ำหรือน้ำร้อน หรือฉีดเข้าช่องท้องของหนูถีบจักร (ไม่กำหนดขนาด) ไม่นำไปสู่พิษ รวมทั้งเมื่อกรอกสารสกัดรากแห้งด้วยน้ำให้หนูถีบจักร ในขนาด 0.013 มิลลิกรัม/สัตว์ทดลอง ไม่พบพิษ  ทั้งมีการเล่าเรียนถึงพิษของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงแบบกะทันหันและแบบครึ่งหนึ่งเฉียบพลันในหนูจำพวกสวิส โดยใช้ส่วนสกัดจากใบรวมทั้งรากแยกกัน ในขนาดความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่มีพิษอย่างกระทันหัน แต่การใช้เหงือกปลาแพทย์ในขนาดสูงๆเป็นเวลานานอาจจะทำให้เป็นผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินเยี่ยวได้ รวมถึงมีการทดสอบนำสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอกับ mononuclear cell (PMBC) ของคนภายในหลอดทดสอบโดยใช้สารสกัดอย่างหยาบ พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ขนาด 100 มคกรัม/มิลลิลิตร เป็นพิษต่อ PBMC (P< 0.05) แม้กระนั้นเมื่อนำสารสกัดหยาบมาทำให้ครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์โดยวิธี gel filtration (Sephadex G-25) พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ที่ได้ไม่เป็นพิษต่อ PMBC ที่เลี้ยงเอาไว้ภายในหลอดทดลองถึงแม้จะใช้ในความเข้มข้น 1,000 มคกรัม/มิลลิลิตร
การต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ให้สารสกัดเอทานอล (90%) ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม กับหนูขาวที่ท้อง พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ต้านทานการฝังตัวของตัวอ่อน
ข้อเสนอแนะ/ข้อพึงระวัง หากแม้ในการค้นคว้าทางด้านพิษวิทยารวมทั้งการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาหมออีกทั้งจำพวกดอกสีม่วงรวมทั้งจำพวกดอกสีขาว จะมีผลการศึกษาเล่าเรียนชี้ว่า ไม่มีพิษแต่ว่าแต่ การใช้สมุนไพรเหงือกปลาหมอก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรประเภทอื่นนั้นก็คือ ไม่ควรใช้ในขนาดและปริมาณที่สูง แล้วก็ใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เพราะว่าอาจส่งผลให้กำเนิดความไม่ปกติหรือผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
เอกสารอ้างอิง

  • เอมอร โสมนะพันธุ์ 2543. สมุนไพรและผักพื้นบ้านกับโรคเอดส์และโรคฉวยโอกาส ในโครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วยสมุนไพรและผักพื้นบ้าน, 19-21 เมษายน 2543 ณ. ห้องประชุมตะกั่วป่า โรงแรมเจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หน้า 1-26.
  • Hoult JRS, Houghton PJ, Laupattarakesem P.  Investigation of four Thai medicinal plants for inhibition of pro-inflammatory eicosanoid synthesis in activated leukocytes.  J Pharm Pharmacol Suppl 1997;49(4):218.
  • Ghosh, A. et al. 1985. Phytochemistry, 24(เจ๋ง : 1725-1727. http://www.disthai.com/[/b]
  • จงรัก วัจนคุปต์.  การตรวจหาสมุนไพรที่มีอำนาจทำลายเชื้อแบคทีเรีย.  Special Project Chulalongkorn Univ, 2495.
  • เหงือกปลาหมอ.ฐานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • Nair, A.G.R. and Pouchaname, V. 1987. J. Indian Chem Soc. 64(4) : 228-229.
  • Bhakuni DS, Dhawan BN, Garg HS, Goel AK, Mehrotra BN, Srimal RC, Srivastava MN.  Bioactivity of marine organisms:part VI-screening of some marine flora from Indian coasts.  Indian J Exp Biol 1992;30(6):512-7.
  • Laupattarakesem P, Houghton PJ, Hoult JRS.  An evaluation of the activity related to inflammation of four plants used in Thailand to treat arthritis.  J Ethnopharmacol 2003;85:207-15
  • Bunyapraphatsara N, Srisukh V, Jutiviboonsuk A, et al. Vegetables from the mangrove areas. Thai J Phytopharm 2002;9(1):1-12
  • Minocha, P.K. and Tiwari, K.P. 1981. Phytochemistry, 20: 135-137.
  • ชุลี มาเสถียร ผ่องพรรณ ศิริพงษ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล.  ฤทธิ์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันของสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอที่มีต่อ lymphocytes ของคนในหลอดทดลอง.  Bull Fac Med Tech Mahidol Univ 1991;15(2):104.
  • D’Souza L, Wahidulla S, Mishra PD.  Bisoxazolinone from the mangrove Acanthus ilicifolius.  Indian J Chem, Sect B: Org Chem Incl Med Chem 1997;36B(11):1079-81.
  • เหงือกปลาหมอดอกขาว.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Babu BH, Shylesh BS, Padikkala J.  Antioxidant and hepatoprotective effect of Acanthus ilicifolius.  Fitoterapia 2001;72(3):272-7.
  • เหงือกปลาหมอดอกม่วง.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานสมุนไพรคณะเภสัชมหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Srivatanakul P, Naka L.  Effect of Acanthus ilicifolius Linn. in treatment of leukemic mice.  Cancer J (Thailand) 1981;27(3):89-93.
  • ปิยวรรณ ญาณภิรัต สุนันทา จริยาเลิศศักดิ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล และคณะ.  การศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับพิษของสมุนไพรเหงือกปลาหมอในหนูขาว.  วารสารโรคมะเร็ง 530;13(1):158-64.
  • Piyaviriyakul S, Kupradinun P, Senapeng B, et al. Chronic toxicity of Acanthus ebracteatus Vahl. in rat.  Poster Session 6th National Cancer Conference, Bangkok, Dec. 3-4, 2001.
  • Nakanishi K, Sasaki SI, Kiang AK, et al.  Phytochemical survey of Malaysian plants. Preliminary chemical and pharmacological screening.  Chem Pharm Bull 1965;13(7):882-90. 
  •    Jongsuwat Y.  Antileukemic activity of Acanthus ilicifolius.  Master Thesis, Chulalongkorn University, 1981:151pp.
  • Rojanapo W, Tepsuwan A, Siripong P.  Mutagenicity and antimutagenicity of Thai medicinal plants.  Basic Life Sci 1990;52:447-52.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ