สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ณเดช2499
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มิถุนายน 04, 2018, 10:14:21 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ต้นหญ้าหนวดแมว
ชื่อสมุนไพร  หญ้าหนวดแมว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  พยับเมฆ (จ.กรุงเทพฯ) บางรักป่า (ประจวบคีรีขันธ์), อีตู่ดง (เพชรบุรี) หญ้าหนวดเสือ
ชื่อสามัญ Kidney tea plant, Cat’s whiskers, Java tea, Hoorah grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Orthosiphon grandiflorus Bold. ,Orthosiphon stamineus Benth.
วงศ์ Lamiaceae หรือ Lamiaceae
บ้านเกิด  ต้นหญ้าหนวดแมวจัดเป็นพืชป่าในเขตร้อนชื้นมีบ้านเกิดเมืองนอนแถวทวีปเอเชียใต้แถบอินเดีย , บังคลาเทศ , ศรีลังกาและทางตอนใต้ของจีนแล้วมีการกระจัดกระจายจำพวกไปสู่ในประเทศเขตร้อนที่ใกล้เคียง (ในเอเซียอาคเนย์) ยกตัวอย่างเช่น พม่า ไทย ลาว เขมร มาเลเซีย ฯลฯ ในประเทศไทย มีการนำหญ้าหนวดแมวมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคนิ่วแล้วก็ขับเยี่ยวมานานแล้ว ตราบจนกระทั่งในตอนนี้มีการวิจัยเกี่ยวกับต้นหญ้าหนวดแมวว่าสามารถเยียวยาโรคแล้วก็สภาวะต่างๆได้มากมายหลายโรคจึงทำให้ความชื่นชอบสำหรับเพื่อการใช้ต้นหญ้าหนวดแมวเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ลักษณะทั่วไป   หญ้าหนวดแมวมีลักษณะ ต้น เป็นไม้พุ่มล้มลุก ขนาดเล็ก เนื้ออ่อน สูง 30-60 ซม. มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นรวมทั้งกิ่งไม้ออกจะเป็นสี่เหลี่ยมเห็นได้ชัดเจน มีสีม่วงแดง และก็มีขนนิดหน่อย แตกกิ่งก้านสาขามาก โคนต้นอ่อนโค้ง ปลายตั้งตรง ตามยอดอ่อนมีขนกระจาย ใบเป็นโดดเดี่ยว ออกตรงข้าม สีเขียวเข้ม รูปไข่ หรือรูปสี่เหลี่ยมผ่านหลามตัด ตามเส้นใบมักมีขน กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 5-10 ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบของใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆยกเว้นขอบที่โคนใบจะเรียบ มีขนตามเส้นใบข้างบนรวมทั้งด้านล่าง เนื้อใบบาง ก้านใบยาว 2-4.5 ซม. มีขน ดอก มีสีขาว หรือขาวอมม่วงอ่อน ออกเป็นช่อกระจะตั้ง ที่ปลายยอด เป็นรูปฉัตร ยาว 7-29 ซม. มีดอกย่อยราวๆ 6 ดอก ขนาดดอก 1.5 ซม. ดอกจะบานจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ริ้วตกแต่งรูปไข่ ยาว 1-2 มิลลิเมตร ไม่มีก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง งอน้อย ยาว 2.5-4.5 มม. เมื่อได้ผลสำเร็จยาว 6.5-10 มม. ด้านนอกมีต่อมน้ำมันหรือเป็นปุ่มๆกลีบดอกโคนเชื่อมชิดกันเป็นหลอดตรงเล็ก ยาว 10-20 มม. ปลายแยกเป็นปากสองปาก ปากบนใหญ่กว่า ปากบนมีหยักตื้นๆ4 หยัก โค้งไปทางด้านหลัง ปากข้างล่างตรง โค้งเป็นรูปช้อน เกสรเพศผู้มี 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ คู่ด้านล่างยาวกว่าคู่บนบางส่วน ก้านเกสรยาว หมดจด ไม่ชิดกัน ยื่นยาวออกมานอกกลีบดอกเห็นได้ชัดเหมือนหนวดแมว อับเรณูเป็น 2 พู ด้านบนบรรจบกัน ก้านเกสรเพศเมียเรียวเล็ก ยาว 5-6 เซนติเมตร ปลายก้านเป็นรูปกระบอง ปลายสุดมี 2 พู ผลเป็นผลแห้งไม่แตก รูปขอบขนานกว้าง แบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็ก ยาวโดยประมาณ 1-2 มม. ผลจะรุ่งเรืองเป็น 4 ผลย่อยจากดอกหนึ่งดอก ตามผิวมีรอยย่น ออกดอกรวมทั้งติดผลราวก.ย.ถึงต.ค. ชอบขึ้นที่เปียกชื้น มีแดดรำไรในป่าขอบสายธาร หรือน้ำตก
การขยายพันธุ์ ต้นหญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกที่เติบโตก้าวหน้าในดินชื้น คล้ายกับกระเพราแล้วก็โหระพา จึงทนต่อภาวะแห้งได้น้อย ด้วยเหตุนั้น การปลูกต้นหญ้านวดแมวจึงควรเลือกสถานที่ปลูกที่ออกจะเปียกชื้นเสมอหรือมีระบบระเบียบให้น้ำอย่างทั่วถึง แต่ในช่วงฤดูฝนสามารถเติบโตได้ทุกพื้นที่
                อีกทั้งหญ้าหนวดแมวเป็นพืชชอบดินร่วน และมีสารอินทรีย์สูง ฉะนั้น ดินหรือแปลงปลูกควรเพิ่มเติมอินทรียวัตถุ เป็นต้นว่า ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก่อนลูกพรวนผสมให้เข้ากันรวมทั้งกำจัดวัชพืชออกให้หมด
ส่วนการปลูกหญ้าหนวดแมว ปลูกได้ด้วย 2 แนวทาง คือ

  • การปักชำกิ่ง ตัดกิ่งที่ยังไม่มีดอก ยาวราว 15-20 ซม. ต่อจากนั้น เด็ดกิ่งกิ่งก้านสาขา และใบออกด้านโคนกิ่งออก ในความยาวราว 5 เซ็นติเมตร พร้อมด้วยเด็ดยอดทิ้ง ก่อนเอามาปักชำ ซึ่งอาจปักชำในกระถางหรือปักชำลงแปลงปลูก
  • การโปรยเม็ด นำเม็ดหว่านลงแปลงที่เตรียมไว้ โดยหว่านให้เมล็ดมีระยะห่างกันโดยประมาณ 3-5 ซม. ก่อนให้น้ำ ให้ปุ๋ย และก็ดูแลกระทั่งต้นกล้าอายุประมาณ 20-30 วัน หรือสูงประมาณ 10-15 ซม. ก่อนแยกปลูกลงแปลงถัดไป

หญ้านวดแมว เป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง ถ้าเกิดขาดน้ำนาน ลำต้นจะเฉา แล้วก็ตายได้รวดเร็ว ด้วยเหตุนั้น กล้าต้นหญ้าหนวดแมวหรือต้นที่ปลูกเอาไว้ในแปลงแล้ว จะต้องมีการให้น้ำอย่างน้อย 2 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยว หญ้าหนวดแมว มีอายุเก็บเกี่ยวราว 120-140 วัน หลังปลูก อาจเก็บเกี่ยวด้วยการถอนอีกทั้งต้นหรือทยอยเด็ดเก็บกิ่งมาใช้ประโยชน์ก็ได้
ส่วนประกอบทางเคมี
หญ้าหนวดแมวมีองค์ประกอบทางด้านพฤกษเคมีที่เด่นคือ สารกลุ่ม phenolic compoundsตัวอย่างเช่น rosmarinic acid, 3’-hydroxy-5, 6,    7, 4’-tetramethoxyflavone, sinensetin รวมทั้งeupatorin รวมทั้ง pentacyclic triterpenoid ที่สำคัญคือ betulinic acid2 นอกเหนือจากนี้ยังเจอ glucoside orthosiphonin, myoinositol, essential oil, saponin, alkaloid, phytosterol, tannin พบสารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดน เป็นต้นว่า sinensetin, 3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxy flavones Potassium Salf ในใบ แล้วก็Hederagenin, Beta-Sitosterol, Ursolic acid ในต้นอีกด้วย
ซึ่งสารในต้นหญ้าหนวดแมวกลุ่มนี้มีรายงานฤทธิ์ทางสรีรวิทยาและเภสัชวิทยามากไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น การขับฉี่ ลดระดับกรดยูริค (hypouricemic activity) คุ้มครองป้องกัน ตับ ไต และก็กระเพาะ ลดระดับความดันเลือด ต้านสารอนุมูลอิสระหรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน ต้านทานการอักเสบ เบาหวาน และก็จุลชีพ ลดไขมัน (antihyper-lipidemic activity) ลดความอยากรับประทานอาหาร (anorexic  activity)  แล้วก็ปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immunomodulation)
 
 
 องค์ประกอบทางเคมีของสารพฤกษเคมีในต้นหญ้าหนวดแมว (a)    rosmarinic acid, (b)  3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxyflavone, (c) eupatorin, (d) sinensetin, (e) betulinic acid
                 
     Tannin ที่มา: Wikipedia                      Myo-inositol   ที่มา: Google
คุณประโยชน์  ต้นหญ้าหนวดแมวเป็นสมุนไพรที่คนประเทศไทยได้ประยุกต์ใช้รักษาโรคมานานแล้ว โดยมีสรรพคุณตามตำราไทย คือ ใบมีรสจืด ใช้เป็นยาชงแทนใบชา รับประทานขับฉี่ ขับนิ่ว แก้โรคไต รวมทั้งกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว แล้วก็ไขข้ออักเสบ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ ทุเลาอาการไอ แก้หนองใน ราก ขับเยี่ยว ขับนิ่ว ทั้งยังต้น แก้โรคไต ขับฉี่ รักษาโรคกระษัย รักษาโรคปวดตามสันหลัง รวมทั้งบั้นเอว รักษาโรคนิ่ว แก้โรคหนองใน รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบ ล้างสารพิษในไต
ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยระบุว่า หญ้าหนวดแมวมีคุณประโยชน์

  • ความดันเลือดสูง หญ้าหนวดแมวทำให้ความดันเลือดลดลง และยังสามารถลดภาวการณ์หลอดเลือดหดตัวได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ไม่เป็นอันตรายในคนเจ็บกลุ่มนี้มากขึ้น
  • การติดเชื้อระบบทางเดินเยี่ยว โรคนี้แพทย์มักแนะนำให้คนเจ็บดื่มน้ำมากมายๆโดยยิ่งไปกว่านั้นในระยะเริ่มแรกแม้กินน้ำมากมายๆก็จะสามารถช่วยทำให้หายได้โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ การกินน้ำมากๆราวกับเป็นการช่วยทำให้เชื้อโรคถูกขับออกไทยจากระบบทางเท้าปัสสาวะไปเรื่อยยิ่งขับออกเร็วมากเท่าไรอาการโรคก็จะหายเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้นแม้เชื้อสะสมอยู่ในระบบทางเท้าเยี่ยวก็จะทำการกระตุ้นการหลั่งสารกรุ๊ป cytokines โดยเฉพาะ interleukin 6  ที่ให้ผลทั้งยังเฉพาะที่ในระบบทางเท้าเยี่ยวรวมทั้งกระทบไปทั่วร่างกาย (systemic effect) เป็นก่อให้เกิดการปวด อักเสบ และก็มีไข้ได้ หญ้าหนวดแมวก็ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ ปวด ไข้ รวมถึงป้องกันมิให้เชื้อติดตามเยื่อระบบทางเท้าฉี่ เชื้อก็จะหลุดออกไปกับน้ำเยี่ยวได้เร็วขึ้น
  • เบาหวาน หญ้าหนวดแมวทำให้น้ำตาลในกระแสโลหิตลดน้อยลงเพราะเหตุว่ายับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase แล้วก็  α-amylase  แล้วก็ลดพิษจากการได้รับเดกซ์โทรสปริมาณสูง จึงสามารถประยุกต์ใช้ในคนไข้โรคเบาหวานได้อย่างปลอดภัยรวมทั้งตำราเรียนยาโบราณยังอาจใช้รักษาโรคเบาหวานได้ด้วย
  • นิ่ว ต้นหญ้าหนวดแมวเป็น hypourecimic agent คือขับกรดยูริกออกจากกระแสโลหิต ลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริกได้ ทั้งยังยังลดการบิดเจ็บในไตที่เกิดจากนิ่ว calcium oxalate ได้ด้วย
  • โรคมะเร็ง ต้นหญ้านวดแมวเป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็งหลายชนิดและลดการสร้างเส้นเลือดใหม่ไม่ให้แตกออกไปเลี้ยงก้อนเนื้อโรคมะเร็ง จึงให้ผลดีสำหรับการร่วมรักษาโรคมะเร็งได้
  • ท่อเยี่ยวตีบแคบ ต้นหญ้าหนวดแมวถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากในการช่วยขับปัสสาวะในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหาในเรื่องท่อฉี่ตีบแคบซึ่งเจอได้ย่อยในสุภาพสตรีสูงอายุ เนื่องจากทำให้กล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะคลายตัว
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้ ตามตำรายาไทยระบุได้ว่า

  • ใช้ขับเยี่ยว
  • ใช้กิ่งกับใบหญ้าหนวดแมว ขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนถึงเกินความจำเป็น ล้างสะอาด เอามาผึ่งในที่ร่มให้แห้ง นำมา 4 กรัม หรือ 4 จับมือ ชงกับน้ำเดือด 1 ขวดน้ำปลา (750 ซีซี.) แบบเดียวกันชงชา ดื่มต่างน้ำทั้งวัน กินนาน 1-6 เดือน
  • ใช้ต้นกับใบวันละ 1 กอบมือ (สด 90- 120 กรัม แห้ง 40- 50 กรัม ) ต้มกับน้ำกิน ทีละ 1 ถ้วยชา (75 ซีซี.) วันละ 3 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร
  • ใช้แก้นิ่ว/ขับนิ่ว ให้นำใบอ่อน (ไม่ใช่ดอก) ขอบต้นหญ้าหนวดแมว ราวๆ 2-3 ใบ (ควรเก็บช่วงที่ต้นหญ้าหนวดแมวกำลังมีดอก) มาหั่นเป็นท่อนราว 2-3 ซม. ผึ่งแดดให้แห้งแล้วนำมาชงกับน้ำร้อน (ประมาณ 2 กรัมต่อน้ำร้อน 1 แก้ว) ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ใช้ดื่ม วันละ 3-4 ครั้ง
  • แก้อาการคลื่นเหียน คลื่นไส้ หนังสือเรียนยาให้ใช้ใช้ทั้งใบ รวมทั้งกิ่งต้มน้ำรวมกับสารส้ม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร

การศึกษาทางพิษวิทยา การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของหญ้าหนวดแมวโดยมากจะมีด้านฤทธิ์การขับเยี่ยวแล้วก็ฤทธิ์ในการรักษานิ่ว ตัวอย่างเช่น

  • มีสารฤทธิ์ขับฉี่ ทดลองป้อนทิงเจอร์ของสารสกัดจากใบด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 รวมทั้งร้อยละ 70 ให้หนูแรทพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 มีฤทธิ์ขับเยี่ยวรวมทั้งขับโซเดียมได้ดีมากยิ่งกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 70 แม้กระนั้นขับโปแตสเซียมออกได้น้อยกว่า ยิ่งกว่านั้นสารสกัดด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 ยังมีฤทธิ์ขับกรดยูริคเจริญมากมาย และพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 50 มีจำนวนสารสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น sinesetine, eupatorine, caffeic acid แล้วก็ cichoric acid สูงขึ้นยิ่งกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 70 แม้กระนั้นมีสาร rosemarinic acid น้อยกว่า
  • ฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษานิ่ว มีการเรียนฤทธิ์สำหรับในการรักษานิ่วในทางเดินฉี่ส่วนบนของหญ้าหนวดแมวเปรียบเทียบกับการดูแลและรักษามาตรฐานด้วยไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ และโซเดียมไบคาร์บอเนต พบว่าคนป่วยที่ได้รับต้นหญ้าหนวดแมวมีการเคลื่อนตัวของนิ่วรอบๆกระดูกกระเบนเหน็บมากยิ่งกว่า รวมทั้งช่วยลดการใช้ยารับประทานแก้ปวดได้มากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แต่ว่าไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผู้ป่วยที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีความดันโลหิตต่ำลงเล็กน้อย ในตอนที่กรุ๊ปที่ได้ยามาตรฐานจะมีความดันโลหิตลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ คนไข้ที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีชีพจรในช่วงแรก (วันที่ 3 ของการทดลอง) เร็วขึ้น แต่ว่าไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับโปแตสเซียมในเลือด กรุ๊ปที่ได้ยามาตรฐานจะมีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะในวันที่ 30 ของการทดลองน้อยลง ความเคลื่อนไหวของความถ่วงจำเพาะของเยี่ยวทั้งสองกรุ๊ปไม่ต่างกัน ในระหว่างที่เจอผลข้างเคียงในกรุ๊ปที่ใช้ต้นหญ้าหนวดแมวน้อยกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แต่ว่าไม่ได้ต่างอะไรอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ นอกนั้น มีรายงานผลการรักษานิ่วในไตในคนเจ็บที่ให้กินยาต้มที่เตรียมจากใบต้นหญ้าหนวดแมวแห้ง ความเข้มข้นร้อยละ 0.5 ขนาด 300 มิลลิลิตร ครั้งเดียว ติดต่อกันนาน 1-10 เดือน พบว่า 9 ราย มีการตอบสนองทางสถานพยาบาลที่ดี พบว่าฉี่ของคนเจ็บมีลักษณะท่าทางเป็นด่างเพิ่มขึ้น ซึ่งชี้นำว่าน่าจะช่วยลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริคได้

ยิ่งกว่านั้นยังมีการทำการศึกษาเรียนรู้ในต่างชาติของฤทธิ์สำหรับการบรรเทาและก็รักษาลักษณะโรคต่างๆดังต่อไปนี้

  • การขับฉี่ (diuresis) เดี๋ยวนี้พบว่าเนื้อเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ (uroepithelial tissue) ที่มีตัวรับขอบ ที่มีตัวรับของ adenosinereceptor  A1 A2A A2B และ A3    สาระสำคัญในต้นหญ้าหนวดแมวมีกลไกการทำงานที่สำคัญเป็น กระตุ้น adenosine receptor ชนิด A1    receptor แต่ก็ให้ฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องถึง adenosine receptor อีก 3 จำพวกด้วย ทำให้กล้ามเรียบของกระเพาะปัสสาวะหดตัวแต่ว่ากล้ามเรียบของท่อปัสสาวะ (urethra) คลายตัวซึ่งเอื้อต่อการขับปัสสาวะ ก็เลยน่าจะเป็นกลไกที่ประยุกต์ใช้อธิบายการขับปัสสาวะได้
  • นิ่วในไต (urolithiasis) เป็นโรคที่ยังถือได้ว่าเป็นปัญหาอยู่มากมายและก็ยังไม่รู้กลไกที่แจ่มกระจ่าง ยาแผนโบราณใช้หญ้าหนวดแมวสำหรับเพื่อการรักษานิ่ว Gao แล้วก็ภาควิชาชี้ให้เห็นศักยภาพของต้นหญ้าหนวดแมวสำหรับเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนิ่วที่เกิดจากผลึกของ calcium oxalateในเยื่อไตของตัวทดลอง โดยทำให้สาร biomarker กว่า 20 ชนิดที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อไตบาดเจ็บจากผลึกของ calcium oxalate สามารถกลับสู่สภาวะปกติได้เรื่องดำเนินงานของสารในหญ้าหนวดแมวคาดว่าน่าจะผ่านหลายกลไกในลักษณะ multiple metabolicpathways โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมแทบอลิซึมของพลังงานต่างๆกรดอะมิโน taurine hypotaurine purine และก็ citrate cycle ยิ่งกว่านั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าการขับฉี่บางทีอาจเป็นการช่วยละลายนิ่วและก็ขับออกมากับเยี่ยวง่ายดายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยขับกรดยูริคแล้วก็ป้องกัน  uric acid stone formation
  • การติดเชื้อของระบบทางเท้าเยี่ยว (urinary tract infection, UTI) เมื่อนำต้นหญ้าหนวดแมวมาใช้ในระบบฟุตบาทปัสสาวะ ผลประโยชน์ที่น่าดึงดูดเป็น นอกจากจะขับเยี่ยวที่ช่วยให้อาการของการต่อว่าดเชื้อแล้ว ยังสามารถลดการยึดติดของเชื้อจำพวก uropathognicEscherichia coli กับเซลล์กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อถูกขับออกไปจากระบบทางเดินเยี่ยวได้ง่ายรวมทั้งเร็วขึ้น นอกจากนั้นคุณลักษณะสำหรับเพื่อการต้านทานปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน ที่จะลดความเครียดจากภาวะออกซิเดชัน (oxidative stress) ก็เลยลดการเจ็บที่เกิดจากปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันสำคัญคือ lipid peroxidation ทำให้ลดการเกิดแผล (scar formation) ได้
  • การต้านอักเสบ (anti-inflammation) สารสกัดจากใบหญ้าหนวดแมว  (chloroform extract) มีคุณสมบัติตามอักเสบได้ดี จึงมีการนำมาใช้ใน rheumatoid arthritis gout และโรคอันมีต้นเหตุมาจากการอักเสบต่างๆกลไกหนึ่งของสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวที่ลดการอักเสบคือยับยั้ง cytosolic phospholipaseA2a (cPLA2a) ทำให้การสลาย phospholipid น้อยลงสาร eupatorin และก็ sinensetin ยั้งการแสดงออกของยีน iNOS และ COX-2 ทำให้การสังเคราะห์ nitric oxide รวมทั้ง PGE2 ลดลงตามลำดับ เว้นเสียแต่สารกลุ่ม phenolic compounds เป็นeupatorin และsinensetin แล้วสารกรุ๊ป diterpines ในต้นหญ้าหนวดแมวก็สามารถยั้งการสังเคราะห์ nitric oxide ได้เช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านี้ยังลดการสังเคราะห์ tumornecrosis factor a อีกด้วย คาดคะเนว่ากลไกการต้านอักเสบผ่าน transcription factor ที่ชื่อ STAT1a
  • การลดไข้ (antipyretic activity)สารสกัดจากต้นหญ้าหนวดแมวมีคุณลักษณะลดการเกิดไข้ได้โดยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เป็น rosmarinic acid,sinensetin, eupatorin แล้วก็ tetramethoxy-flavone ข้อดีที่นอกเหนือจากการต่อต้านอักเสบและลดไข้แล้วยังช่วยลดอาหารปวดได้อีกด้วย31 ซึ่งอาการอักเสบ ไข้และก็ปวดจะพบมากสำหรับการติดเชื้อของระบบฟุตบาทปัสสาวะ
  • ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycaemia) การใช้หญ้าหนวดแมวในคนเจ็บโรคเบาหวานคงจะมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากว่าสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของตัวทดลองที่เป็นเบาหวานได้ โดยยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-glucosidase เพิ่มการแสดงออกของยีนอินซูลินและคุ้มครองป้องกันความเป็นพิษที่เกิดขึ้นจากการรับเดกซ์โทรสขนาดสูงๆ(high glucosetoxicity) โดยผ่านการเติมกลุ่มฟอสเฟตให้กับphosphatidylino-sitol 3-kinase (PI3K)

เมื่อกระทำการสกัดแยกสาร sinensetin ออกมาทดสอบฤทธิ์การขัดขวางเอนไซม์ a-glucosidase และก็a-amylase ก็พบว่าสมรรถนะของสารบริสุทธิ์sinensetin สำหรับเพื่อการยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-glucosidase สูงกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมว (ethanolic extract) ถึง 7 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 0.66 แล้วก็ 4.63 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ ตอนที่ประสิทธิภาพของsinensetin สำหรับเพื่อการยับยั้งเอนไซม์ a-amylase สูงกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมวถึง 32.5 เท่า ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 1.13 รวมทั้ง 36.7 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรเป็นลำดับ ก็เลยคาดการณ์ว่าสาร sinensetin อาจเป็นสารสำคัญชนิดหนึ่งสำหรับการออกฤทธิ์ของหญ้าหนวดแมวในการต้านทานโรคเบาหวานชนิดที่ไม่สังกัดอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes) ได้

  • ความดันโลหิตสูง (Hypertension) สารสกัดหญ้าหนวดแมว สามารถลดสภาวะเส้นโลหิตหดรัด (vasoconstriction) ด้วยการหยุดยั้งตัวรับ alpha 1 adrenergic และก็ angiotensin 1 จึงคงจะไม่เป็นอันตรายในคนไข้ความดันโลหิตสูง นอกเหนือจากการที่จะไม่มีอันตรายในคนไข้ความดันโลหิตสูงแล้วยังสามารถนำมาใช้ผลดีสำหรับการรักษาความดันโลหิตสูงได้ด้วย คาดว่าสารสำคัญที่ออกฤทธิ์มาจากกลุ่ม diterpenes รวมทั้ง methylripario-chromene A
  • พิษต่อเซลล์มะเร็ง (cytotoxicity)ต้นหญ้าหนวดแมวที่สกัดด้วยแนวทาง supercritical carbon-dioxide ให้ผลที่น่าดึงดูด ในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์ของมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยความเข้มข้นที่ยั้งการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ (inhibitory concemtration) ได้ 50 % คือค่า IC50 ต่ำเพียง 28 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร เมื่อเล่าเรียนลงไปในระดับเซลล์ก็พบว่าทำให้เซลล์ตายในลักษณะ apoptosis ที่สามารถเห็น nuclearcondensation และก็ความแปลกของเยื่อไมโตคอนเดรียได้อย่างชัดเจน เมื่อทำการสกัดสาร eupatorin มาทดลองความเป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็งหลายๆจำพวกก็ให้ค่า    IC50  ในระดับตำเป็นไมโครโมล่าร์ ด้วยการขัดขวางวงจรการแบ่งเซลล์ ระยะ G2/M phase ข้อดีที่เหนือยาเคมีบรรเทาในตอนนี้เป็น eupatorin ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ธรรมดา
  • การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (anti-oxidation) สารสกัดหญ้าหนวดแมวสามารถลดสารอนุมูลอิสระ เช่น การลดปฏิกิริยา lipid peroxidation ทำให้เยื่อเซลล์คงทนถาวรและแข็งแรง จึงลดการเกิดรอยแผลของระบบฟุตบาทปัสสาวะได้  นอกเหนือจากลดการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation แล้วยังสามารถลดการเกิด hydrogen peroxide ได้อีกด้วย ทำให้เซลล์รอดพ้นจากการถึงแก่กรรมแบบ apoptosis ด้วยการเพิ่มการแสดงออกของยีน  Bcl-2  กับลดการแสดงออกของยีน Bax42  Ho แล้วก็ภาควิชาทดสอบการใช้เคล็ดลับultrasound-assisted extraction (UAE) มาช่วยสำหรับการสกัดสารจากต้นหญ้าหนวดแมวทำได้สารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านทานปฏิกิริยาออกซิเดชัน โดยพบสารrosmarinic  acid,  kaempferol-rutinoside  แล้วก็sinesetine อยู่ในสารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

การศึกษาทางพิษวิทยา เมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำร้อนจากใบและลำต้นเข้าท้องหนูแรทเพศผู้และก็เพศเมีย หนูเม้าส์เพศผู้และก็เพศภรรยา เจอความเป็นพิษปานกลาง   เมื่อป้อนสารสกัดเดียวดันนี้ให้กับหนูแรททั้งสองเพศทุกวันต่อเนื่องกัน 30 วัน ไม่เจอความเคลื่อนไหวของน้ำหนักตัว ค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือด รวมทั้งพยาธิภาวะของอวัยวะสำคัญเมื่อดูด้วยตาเปล่า  แล้วก็เมื่อเล่าเรียนความเป็นพิษในระยะยาวนาน 6 เดือน โดยการป้อนหนูแรทด้วยยาชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งมีความแรงเทียบเท่ากับ 11.25, 112.5 รวมทั้ง 225 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนไข้โรคนิ่วในท่อไต ไม่เจอความแตกต่างของการเจริญเติบโต  การกินอาหาร ลักษณะข้างนอกหรือพฤติกรรมที่ไม่ดีเหมือนปกติ และค่าการตรวจทางชีวเคมีในเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม เว้นเสียแต่ปริมาณเกร็ดเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อใช้ยาในขนาด 18 กรัม/กิโล/วัน พบว่าระดับโซเดียมในเลือดในกลุ่มทดลองทุกกรุ๊ป โปแตสเซียมในหนูเพศเมีย รวมทั้งคอเลสเตอรอลในหนูเพศผู้ จะหรูหราต่ำยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม   นอกจากนั้น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากหญ้าหนวดแมว ติดต่อกันนาน 6 เดือน เทียบกรุ๊ปควบคุม พบว่า หนูทุกกลุ่มมีการเจริญวัยและทานอาหารได้ใกล้เคียงกัน ไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติในระบบโลหิตวิทยาแล้วก็ความไม่ดีเหมือนปกติของอวัยวะภายใน ส่วนการตรวจผลทางชีวเคมีพบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดทุกขนาดมีระดับโซเดียมต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม แต่ว่าระดับโปแตสเซียมมีแนวโน้มสูงมากขึ้น ในหนูเพศผู้ที่ได้รับสารสกัด 0.96 กรัม/โล/วัน จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยของตับรวมทั้งม้ามมากกว่ากลุ่มควบคุม อย่างไรก็แล้วแต่การตรวจทางจุลพยาธิภาวะไม่พบความแตกต่างจากปกติที่เซลล์ตับรวมทั้งอวัยวะอื่นๆยกเว้นการโป่งพองของกรวยไตในหนูขาวที่ได้รับสารสกัด 4.8 กรัม/โล/วัน ที่มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม  กล่าวโดยย่อสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวเป็นพิษน้อย  แต่จำต้องรอติดตามวัดระดับโซเดียมและโปแตสเซียมถ้าเกิดใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ
ข้อแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม

  • สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตหรือโรคหัวใจ ไม่ควรใช้สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมว เพราะเหตุว่าสมุนไพรประเภทนี้มีสารโพแทสเซียมสูงมากมาย ถ้าหากไตแตกต่างจากปกติก็จะไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกมาได้ ส่งผลให้เกิดโทษต่อร่างกายอย่างร้ายแรง และยังมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับฉี่ให้ออกมามากยิ่งกว่าปกติ และเกรงว่าขนาดของโพแทสเซียมที่สูงมากมายนั้น อาจจะไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วไม่ปกติ ก็เลยบางทีอาจส่งผลกระทบต่อโรคหัวใจได้
  • การใช้ใบชองหญ้าหนวดแมวไม่สมควรใช้การต้ม ให้ใช้การชง รวมทั้งควรที่จะใช้ใบอ่อน เพราะเหตุว่าใบแก่จะมีความเข้มข้นอาจส่งผลให้มีฤทธิ์กดหัวดวงใจ
  • การเลือกต้นประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพร ควรจะเลือกต้นที่มองแข็งแรง แข็งรวมทั้งครึ้ม ไม่อ่อนห้อยลงมา ลำต้นมองอ้วนเป็นเหลี่ยม ต้นมีสีม่วงแดงเข้ม และดูได้จากใบที่มีสีเขียวเข้มเป็นมันแล้วก็ใหญ่
  • การใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวเพื่อรักษานิ่วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีก็เมื่อใช้กับนิ่วก้อนเล็กๆแต่จะไม่เป็นผลกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่
  • สมุนไพรหญ้าหนวดแมว ไม่ควรใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เพราะว่าหญ้าหนวดแมวจะมีผลให้ยาแอสไพรินไปจับกล้ามเนื้อหัวใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ
  • ผลกระทบของหญ้าหนวดแมว ซึ่งบางทีอาจเกิดขึ้นได้กับคนธรรมดาที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยอาการที่บางทีอาจเจอได้คือ ใจสั่น หายใจลำบาก โดยเหตุนี้การใช้สมุนไพรประเภทนี้ครั้งแรก หากใช้กรรมวิธีชงดื่มให้ใช้แนวทางจิบๆ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ