บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 4 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
praiprai9989
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 52


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 02, 2018, 09:59:14 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังการรบอยู่เหรอ ไม่ครับผม บุกในที่นี้มิได้ถึงข้าศึกบุก แม้กระนั้นหมายถึงหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่ต้องหนี ไม่ใช่ผู้ใดกันแน่ที่แหน่งใด แม้กระนั้นเป็นโรคฮอตฮิตในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำเป็นต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นคือ หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็มิได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมราวกับปัจจุบันนี้เพราะว่าจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชประจำถิ่นอยู่ดี  คนในท้องถิ่นก็นำบุกมาทำอาหาร เสมือนเผือก เหมือนมันทั่วไปเพียงพอเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   คุณประโยชน์ต่างๆของมัน เลยเปลี่ยนเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการดัดแปลงเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเกินไปที่จะนำทุกคนมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นผี  น่าสยองนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากลักษณะของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อสกุล    ARACEAE
ชื่อตามแคว้น  :  บุกระอุงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราเจบุก[/url]ถึงที่กะไว้ไหน[/size][/b]
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ป่าเขา แล้วก็บางโอกาสก็เจอตามพื้นที่ ทำนา อย่างเช่นที่ปทุมธานี รวมทั้งนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกประเภท แม้กระนั้นจะเจริญวัยได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังรวมทั้งดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บ่งบอกถึงส่วนประกอบคือใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่โดยประมาณ 25 เซนติเมตร (บางพันธ์บางทีอาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แม้กระนั้นบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษต่างกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางจำพวกมีก้านใย เป็นลวดลายบางประเภทมีหนามอ่อนๆ หรือบางโอกาสบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่หลากหลายมากมาย  แต่ที่เด่นๆดูง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกึ่งกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง ประเภทจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม ฉะนั้นลักษณะของใบบุก มีหลายรูปแบบสังกัดชนิดของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกคล้ายต้นหน้าวัว แต่ละชนิดมีขนาด สี รวมทั้งรูป ทรงแตกต่าง บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เช่นเดียวกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แต่บุกสามารถมีดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับในการแก่เต็มกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็ต่างกัน
 ผลบุ[/b](อย่างงมากกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกจำนวนมากจะมีลักษณะคล้ายๆกัน แต่ว่าเมล็ดภายในแตกต่าง พบว่าโดยมากมีเมล็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางชนิดก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม
[url=http://www.disthai.com/16488234/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81]
[/b]
บุกกับการนำมาทำอาหาร
เป็นพืชอาหารพื้นบ้านซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างเช่นทางภาคอีสาน มีการทำของหวานที่เรียกว่าขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะชาวเขา มักนำมา ปิ้งรับประทาน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งแล้วหลังจากนั้นก็ให้นำไปทำเป็นของหวาน
*บุกมีหลายอย่างหลายพันธุ์ อาจขมและก็เป็นพิษ ทุกชนิดมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งๆที่ก้านใบและหัว ซึ่งอาจทำให้คัน ก่อนนำมาปรุงอาหารต้องต้มเสียก่อน ไม่เช่นนั้นกินเข้าไปทำให้คันปากรวมทั้งลิ้นพอง
อาหารที่แปรรูปมาจากบุก
ปัจจุบันมีการนำบุกมาดัดแปลง ทั้งยังในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งคือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าใครกันแน่เคยไปกินเนื้อย่างคงเคยเจอบ้าง นอกเหนือจากเส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบฮิตๆสมัยเก่าเป็นเจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยครับ)
สรรพคุณของบุก
จากการศึกษาพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่ประกอบด้วยน้ำตาล 2 ประเภทหมายถึงดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) แล้วก็ (D-mannose) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายย่อยสลายได้ยาก ซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานรวมทั้งสารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินงานดี คนที่ต้องการลดน้ำหนักนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ยกตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะเหตุว่ากินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกจากนั้นเองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เนื่องจากความเหนี่ยว ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูโคลส โดยเหตุนี้ กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมาก ปัจจุบันจึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนไข้เป็นโรคโรคเบาหวาน และสำหรับคนป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละขอรับเป็นประโยชน์จากบุก ลองหามาทานกันครับ มีสาระขนาดนี้ สมัยปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว เสนอแนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นนะครับ รับประกันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุรไพรบุก



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ