Advertisement
สิ่งที่พวกเราควรตระหนักไว้เสมอว่า มั่งคั่งสุขภาพดีกว่าร่ำรวยเงิน ทั้งสุขภาพทางกายแล้วก็สุขภาพที่เกี่ยวข้องทางจิตความสำเร็จทางการเงินจะไม่มีสาระอะไรเลยถ้าเกิดเสียสุขภาพไป รวมทั้งบางโอกาสต้องนำเงินที่หามาได้จ่ายเป็นค่ารักษาจนกระทั่งหมดคนบางบุคคลเพียรพยายามเก็บเงินมาตลอดชีพ แต่ว่าปล่อยให้สุขภาพย่ำแย่ และก็พบว่าเงินทั้งหมดทั้งปวงที่หามาไม่สามารถซื้อสุขภาพไว้ได้จึงจำเป็นต้องเสียชีวิตไปอย่างปวดร้าวทรมาณแสนสาหัสโดยธรรมดาหากได้รับพรดีเลิศ 3 ข้อให้อธิษฐานได้ตามความฝันสิ่งที่มนุษย์เราชอบอธิษฐานกันก็คือขอให้มีร่างกายแข็งแรงจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตขอให้แต่งงานที่ดีรวมทั้งขอให้มีเงินมีทองแต่ว่าถ้าเกิดมีพรให้เลือกอธิษฐานได้เพียงแค่ข้อเดียวสิ่งที่จำต้องเลือกเป็นอันดับที่หนึ่งคือการมีสุขภาพที่ดี เพราะถ้าหากมีโรครุมเร้า การจะมีคู่ที่ดีหรือมั่งมีขนาดไหนก็ไม่มีสาระ ซ้ำยังเป็นภาระหน้าที่ให้คู่แต่งงานหรือครอบครัวจำเป็นต้องมารอรักษาอีกสุขภาพที่แข็งแรง เป็นการบรรลุผลที่ประเมินมูลค่ามิได้ แต่ว่าหาได้น้อยมากที่ผู้ใดจะหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง จวบจนกระทั่งจะเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้วก็ค่อยเริ่มรู้สึกแม้กระนั้นก็ชอบสายเหลือเกินการบรรลุผลในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านคู่ควง การเล่าเรียนการงาน การคลัง อื่นๆอีกมากมาย จะไร้ค่าอะไรเลยถ้าไม่มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสามารถทำลายความสำเร็จทุกอย่างที่เคยมีมาไดภายในช่วงระยะเวลาอันเร็วทันใจ
ความสบายของคนที่ยังอยู่ในโลกของโลกียะก็คือ ความสำราญที่ได้มาจากการเร้าประสาทสัมผัสนั่นเอง อีกทั้งรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส หรือนามธรรมทั้งหลายแหล่ที่เข้ามากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย หัวใจ ก่อเกิดสุขเวทนา ตัณหา อุปาทานด้วยเหตุนี้เมื่อทวารใดทวารหนึ่งเสียหาย ความสุขที่ได้รับจากทวารนั้นจะหมดไปในทันที จะมีประโยชน์อะไรถ้าเกิดมีเงินซื้อหน้าจอแอลซีดี (LCD) สามมิติราคาหลายแสนบาทแม้กระนั้นตามองไม่เห็นจะมีสาระอะไรกับการท่องเที่ยวต่างประเทศ ช่วงเวลาที่ตัวเองเดินไม่ได้ จะมีคุณประโยชน์อะไรกับการมีครอบครัวที่อบอุ่น หากตนเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
สุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นการบรรลุผลที่สำคัญที่สุดคนสุขภาพดีจะดูมีชีวิตชีวา เค้าหน้าแจ่มใส มีพลังกายพลังใจสูง ซึ่งจะมีผลทางอ้อมไปสู่ความสำเร็จด้านอื่น ๆ อีกด้วยมนุษย์เรามักไม่ค่อยรู้ว่า สิ่งที่ตัวเองครอบครองอยู่มีค่าแค่ไหนกระทั่งจะสูญเสียมันไป สุขภาพเป็นสิ่งที่ล้้ำค่าที่สุดในชีวิต แม้กระนั้นบางคนไม่เคยถนอมและก็ดูแลรักษาเลย จนถึงเมื่อป่วยไข้ขึ้นมาจึงค่อยตระหนัก แต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็ยากเกินที่จะแก้ไขหรือแม้ว่าจะเยียวยารักษาได้ ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไปจำนวนไม่ใช่น้อยบางทีอาจเป็นเงินเก็บชั่วชีวิตเลยก็ได้
ถึงแม้โรคภัยไข้เจ็บบางจำพวกจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมียีนแอบแฝงที่นำไปสู่โรคหลบซ่อนอยู่ (Initiator Gene) แม้กระนั้นยีนนี้จะไม่ทำงาน ถ้าหากไม่มีการกระตุ้นจากสภาพแวดล้อม (Promoter) ดังเช่น คนที่มียีนมะเร็งปอดแฝงอยู่ แต่ว่าถ้าหากดำรงชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะไม่สูบบุหรี่ อุตสาหะหลบหลีกควันที่มีพิษ ไอระเหยต่าง ๆ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยีนมะเร็งที่มีอยู่ก็จะฝ่อไปท้ายที่สุด ไม่สามารถแสดงผลได้ โรคจำนวนมากมิได้มีผลมาจากกรรมพันธุ์อีกทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งแวดล้อมก็เป็นต้นเหตุก่อโรคได้ด้วยเหมือนกัน ถ้าหากรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่ง ตัวอย่างเช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต ตับ หรือแม้แต่โรคประสาท เนื่องจากว่ามีประวัติคนในครอบครัวป่วยก็ต้องเฝ้าระวัง พากเพียรศึกษาเล่าเรียนหาข้อมูลการกระทำตน เพื่อเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้มีการเกิดโรค ถึงแม้มีโรคประจำตัวที่หลบหลีกไม่ได้ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นค่อยรู้เรื่องจริงแล้วธรรมชาติสร้างอวัยวะให้พวกเราไว้อย่างกล้าแกร่งมากมาย ชู อย่างเช่น “ฟัน” สามารถบดบดได้เป็นเวลา 70 ปีโดยที่จะเกิดการสึกเพียงเล็กน้อย ถ้านำเหล็กขนาดเท่ากับฟันมาสีกัน น่าเชื่อถือว่าไม่เกิน 2 ปีเหล็กนั้นจะกุดจนกระทั่งหมดไป แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้ก็มีผู้ที่ฟันผุ ฟันเสียกันเยอะมาก ไม่ใช่เพราะธรรมชาติวางแบบมาไม่ดี แต่เนื่องจากผู้ที่ใช้ไม่เอาใจใส่ดูแล เหมือนกันกับอวัยวะอื่น ๆ หัวใจ ไต ตับ ปอด หรือแม้กระทั้งเส้นเลือด นับว่าเป็นประติมากรรมขั้นที่สูงที่สุดของธรรมชาติที่สร้างมาให้ใช้งานได้อย่างน้อย 100 ปี แต่ด้วยการดำรงชีพอย่างประมาท ทำให้อายุขัยของอวัยวะสั้นลง
อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ทันทีทันใดทันทีทันใดเป็นอุบัติเหตุแม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงเท่าใดแต่เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะมีปัญหาด้านของสุขภาพโดยทันที รวมทั้งบางครั้งถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ เป็นเจ้าชายนิทรา เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต อื่นๆอีกมากมาย การดำเนินชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะจะช่วยคุ้มครองป้องกันได้ มานะหมั่นฝึกหัดรุ่งเรืองสติอยู่เสมอ ๆ อุบัติเหตุต่าง ๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแม้กระนั้นเกิดขึ้นจากกรรมเก่า มนุษย์เราสามารถเอาชนะกรรมได้ด้วยสติ ตามที่หลวงพ่อชาเคยกล่าวไว้ว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกฎแห่งกรรมยังมีวิปัสสนาการเข้าฌาน”ตามแนวความคิดของ อับราฮัม มาสโลว์ ปรมาจารย์ด้านจิตวิทยาบอกไว้ว่า มนุษย์จะมีความต้องการทางด้านร่างกายเป็นลำดับแรก ตัวอย่างเช่น อาหาร ยารักษาโรค การหายใจ การขับถ่ายการนอน ฯลฯ ตราบใดที่ความอยากได้ในระดับต่ำสุดนี้ยังมิได้รับการตอบสนอง จะไม่มีความฝันไปถึงความจำนงในระดับที่สูงขึ้น และก็แม้ว่าจะประสบผลสำเร็จในชีวิตแค่ไหน ถ้าเกิดความอยากได้เบื้องต้นนี้มิได้รับการตอบสนองก็จะหาความสุขมิได้ ดังเช่นว่า มาริลีน มอนโร, เอลวิส เพรสลีย์, ไมเคิล แจ็กสัน ฯลฯ ที่ล้วนเสียชีวิตด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด จะเห็นได้ว่า แม้แต่ความต้องการเบื้องต้นอย่างการนอนให้หลับยังทำไม่ได้ การมีเงินมีทองเป็นพันล้านแต่ว่ามีปัญหาสุขภาพไม่ว่ากายหรือดวงใจ ท้ายที่สุดเงินที่มีก็ซื้อความสุขมิได้
ความสำราญที่แท้จริงมาจากร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งคำว่า “สุขภาพ” แปลตรงตัวก็ได้ความหมายว่า ภาวะแห่งสุข เมื่ออายุมากขึ้นจะรู้ว่าสุขภาพที่ดีมีค่ามากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดทั้งปวง มีชีวิตที่ไม่ได้มีเงินมีทองอะไร แม้กระนั้นมีร่างกายแข็งแรงก็จะมีความสุข ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในปัจจุบัน ถ้าหากเทียบเคียงแล้ว สบายแล้วก็ดียิ่งกว่าฮ่องเต้ในอดีตกาลด้วย สมัยนั้นไม่มีสุขาแบบบ้านในขณะนี้ จำเป็นต้องใช้กระโถน ไม่มีระบบท่อ พัดลม เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ยารักษาโรคยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง มีแม้กระนั้นสมุนไพรซึ่งได้ผลการดูแลรักษาไม่แน่นอนซึ่งคนที่ลำบากที่สุดในโลกตอนนี้ก็ยังสามารถเข้าถึงยารักษาโรคที่มีคุณภาพได้มากกว่าใครๆก็อยากมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อายุยืนยาว และดูอ่อนกว่าวัย ก็เลยคัดเลือกเคล็ดลับในการชะลอวัย และก็เสริมความแข็งแรงด้วยวิธีต่างๆนานา ขณะที่คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจตั้งปัญหาว่า ที่พวกเรารับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมเข้าไปอย่างใหญ่โตนั้น โดยความเป็นจริงแล้วเราได้รับวิตามินมากเกินไป หรือวิตามินนั้นไปเสริมส่วนที่ขาดจริงหรือไม่ขอทําความรู้ความเข้าใจก่อนว่า ความนิยมสำหรับในการกินวิตามินเริ่มขึ้นในยุโรปรวมทั้งอเมริกา ด้วยเหตุว่าผู้คนมีการกระทำการกินของกินที่ไม่เหมาะสมกับสุขภาพ จนกระทั่งมีผู้เจ็บป่วยมากมายก่ายกอง จึงพอๆกับเปิดทางทางให้บริษัทอาหารเสริมทั้งหลายใช้ข้อบกพร่องนี้เป็นกลยุทธ์ตลาด โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไข้โดยตรง แล้วก็ท้ายที่สุดก็เลยขยายมาสู่กลุ่มชนปกติทั่วๆไป โดยอ้างถึงว่าจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมเท่านั้นเท่านี้เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง โดยไม่บอกว่าแหล่งที่มาของวิตามินเหล่านั้นมาจากการกินของกินอะไรบ้าง เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้คุณอาจจะเคยรับรู้ข่าวสะเทือนแวดวงอาหารเสริมในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างยิ่ง เมื่อนักกีฬาซีอดังเสียชีวิตไม่รู้จักต้นเหตุขณะซ้อม ซึ่งเขามีอายุเพียงแต่ 23 ปีเท่านั้น และก็พบอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของ Ephedro อยู่ในล็อกเกอร์ของเขา ก็เลยทําให้หน่วยงานของกินและยา ทบทวนการใช้อาหารเสริมดังที่กล่าวถึงแล้วด้วยเหตุดังกล่าว ถ้าหากคุณอยากทานอาหารเสริมก็อย่าได้เชื่อเพียงแค่คำโฆษณาชวนเชื่อถึงผลดีอันเยอะแยะ ควรควรระวังผลข้างเคียงด้วย เพราะว่าถ้ากินมากมายแล้วก็รับประทานติดต่อนานเกินความจำเป็น อาจทำให้เป็นอันตรายได้ ยกตัวอย่างการกินวิตามินบี 6 วันแล้ววันเล่าเกินวันละ 10 มก. บางทีอาจทําให้สูญเสียความรู้สึกที่มือและก็เท้าได้ หรือกินสารเบต้าแคโรที่มีขนาดสูง โดยรับประทานติดต่อกันนานๆก็อาจกระตุ้นโรคมะเร็งในผู้ดูดบุหรี่ได้เช่นเดียวกัน อย่างที่เราเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าแม้กินอาหารให้มากมาย จะพบว่าการขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก แล้วก็เกือบจะไม่มีความจําเป็นในการรับประทานอาหารเสริมเลย ขณะที่ฝูงชนที่ขาดสารอาหาร มักเกิดในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพราะไม่อาจจะเลือกทานอาหารได้ครบสมบูรณ์ หรือบางรายก็กินอาหารเดิมๆโดยเฉพาะอาหารจานด่วนทั้งหลายแหล่
มาถึงตรงนี้หลายคนบางทีอาจคิดสงสัยว่า แล้วพวกเราจะทราบได้ยังไงว่าร่างกายของพวกเราควรจะได้รับวิตามินใดบ้าง ง่ายสุดเลยก็ต้องพิเคราะห์จากของกินที่เราเลือกรับประทาน ควรจะกินให้นานัปการ และก็ผักสดและก็ผลไม้ (แนวทางง่ายๆรับประทานให้ครบ 5 สี) แต่ว่าถ้าเกิดไม่สามารถที่จะเลือกได้ ก็ให้เลือกกินวิตามินที่ไม่สะสมภายในร่างกาย เพราะเหตุว่าถ้าเกินความอยากจะสามารถขับทิ้งได้ ดังเช่น วิตามิน B แล้วก็ C แต่วิตามินที่กินแล้วสะสมได้ก็คือวิตามิน A, D, E, K ค่ะ
สำหรับกินวิตามินเป็นประจํา อย่าลืมทดลองสังเกตจำนวนที่ควรจะรับประทานต่อวันด้วย ดังเช่นว่า วิตามินซีในจำนวน 500-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นขนาดพอเหมาะที่ร่างกายควรจะได้รับในแต่ละวัน หรือแคลเซียม 2000 มิลลิกรัมต่อวัน เหมาะสําหรับสตรีวัยหมดประจําเดือน ด้วยเหตุว่าช่วยปกป้องกระดูกพรุนได้ หรือสาวขึ้นมาอีกนิดแล้วก็กําลังตั้งครรภ์ ชี้แนะว่าให้กิน 1,500 มิลลิกรัมกำลังดีจ้ะ ส่วนธาตุเหล็กนั้น โดยปกติในคนธรรมดาควรจะได้รับ วันละ 8-15 มิลลิกรัม ส่วนคนป่วยโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็ก ควรได้รับวันละ 50-100 มิลลิกรัมค่ะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
บทความสุขภาพน่ารู้ขอบคุณบทความจาก :
[url]https://thaihealth108.wixsite.com/mysite[/url]
Tags : วิธีทําให้ ร่างกายแข็งแกร่ง
