Advertisement
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
กระเทียมกับผลดีต่อสุขภาพ[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงทำอาหาร กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างแตกต่างจากพืชทั่วๆไป เพราะอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในปริมาณมาก ยิ่งกว่านั้นกระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย เช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) และซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย
กระเทียมหลายคนบางทีอาจจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่สะดุดตาแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย รวมทั้งอาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดีขึ้น โดยที่หลายคนเชื่อว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวกับหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมทั้งใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมหล่นอีกด้วย
ทั้งนี้เครื่องพิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากมายน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ ประโยชน์ และความปลอดภัยของการกินกระเทียมที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยในการรักษาโรคพวกนี้
ความดันเลือดสูง อัลลิสินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายของกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงหน้าในเส้นเลือดและทำให้เส้นโลหิตขยายตัวรวมทั้งทำให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้ป่วยที่มีระดับความดันเลือดสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากยิ่งกว่าหรือพอๆกับ 140 ไม่ลลิตรปรอท รับประทานกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. ตรงเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยที่รับประทานยาหลอก ก็เลยอาจจะกล่าวว่าการรับประทานกระเทียมบ่มสกัดอาจมีความสามารถสำหรับในการรักษาผู้ป่วยความดันเลือดสูงได้ดีมากยิ่งกว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับการลดระดับความดันโลหิตได้ดีกว่าการใช้ยาหลอก แต่เนื่องมาจากผลการทดสอบอาจยังไม่แม่นยำพอเพียงที่จะสรุปประสิทธิภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือดในคนเจ็บความดันโลหิตสูง จึงยังจำเป็นที่จะต้องเล่าเรียนเพิ่มอีกเพื่อยืนยันประสิทธิภาพที่แจ้งชัดยิ่งขึ้น
มะเร็ง ความเชื่อมโยงของการบริโภคกระเทียมและก็การเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่แน่ชัดและยังคงเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งปวงศชายรวมทั้งเพศหญิงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารปริมาณกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดลองเป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกแล้วพบว่ากลุ่มที่รับประทานสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดน้อยลง 33 เปอร์เซ็นต์ และก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารลดน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี มีการวิจัยอีก 19 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าไว้วางใจได้ที่จะช่วยสนับสนุนความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมต่อความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหน้าอก โรคมะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ออกจะจำกัดที่สนับสนุนว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดของกิน มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงปาก หรือมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้บอกว่ากระเทียมเป็นผักชนิดหนึ่งที่อาจมีคุณลักษณะต้านมะเร็ง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆอาทิเช่น ลักษณะของสินค้าที่ทำจากกระเทียม หรือปริมาณความเข้มข้นที่นานาประการ อาจก่อให้พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของกระเทียมได้ยาก และก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจก่อให้ความสามารถของกระเทียมเสื่อมสลายไปได้เหมือนกัน
แก้หวัด ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งเชื้อไวรัส รวมทั้งมีการประยุกต์ใช้เพื่อป้องกันและก็บรรเทาอาการหวัดมาอย่างนาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน กินสารสกัดจากกระเทียมชนิดเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 65 ครั้ง อีกทั้งยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกลุ่มที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีจำนวนวันที่น้อยกว่า แต่ช่วงเวลาการฟื้นตัวจากอาการหวัดของทั้งยัง 2 กรุ๊ปมีความแตกต่างกันเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ถึงแม้ผลการทดสอบข้างต้นจะชี้ให้เห็นถึงสมรรถนะของกระเทียม แต่หลักฐานการทดลองทางสถานพยาบาลยังไม่พอรวมทั้งจะต้องเรียนรู้เสริมเติมเพื่อยืนยันสมรรถนะของกระเทียมให้แจ่มกระจ่างเพิ่มขึ้น
ลดน้ำหนักรวมทั้งมวลไขมัน ในคนป่วยภาวะไขมันพอกตับ ที่มิได้มีเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ แม้กระนั้นมักเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันเลือดสูง แล้วก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นอาจน้อยเกินไป หากไม่ดูแลประเด็นการทานอาหารควบคู่ไปด้วย การกินกระเทียมจึงอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่น่าดึงดูด เนื่องจากว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์รวมทั้งสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติปกป้องภาวการณ์อ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนไข้ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดศชายและก็เพศหญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งสิ้น 110 คน รับประทานกระเทียมผงประเภทแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งข้างในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ว่ากินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลการทดลองทำให้เห็นว่า น้ำหนักและมวลร่างกายต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก จึงอาจพูดได้ว่าการรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและก็ปกป้องหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แม้กระนั้นการเรียนรู้ในอนาคตยังต้องออกแบบการทดสอบให้และควรเพิ่มระยะเวลาสำหรับในการทดลองเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับความสามารถของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงมีความขัดแย้ง จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองและการเล่าเรียนโดยการทบทวนการค้นคว้าที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 29 ชิ้น ได้ทำให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้บางส่วน แต่ไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น หรือเปล่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจต่ำลงอะไร จึงยังต้องเล่าเรียนเพิ่มอีกเพื่อหาผลสรุปแล้วก็ยืนยันสมรรถนะของ
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับการกินกระเทียมการรับประทานกระเทียมออกจะไม่เป็นอันตรายหากรับประทานในจำนวนที่สมควร แม้กระนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปากเหม็น มีกลิ่นตัว รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปากหรือที่กระเพาะอาหาร แสบร้อนกึ่งกลางอก ท้องขึ้น คลื่นไส้ คลื่นไส้ หรือท้องเดิน อาการเหล่านี้บางทีอาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อกินกระเทียมสด อีกทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่รอบๆผิวหนังอาจจะเป็นผลให้เกิดอาการแสบร้อนและระคายได้
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังมีครรภ์หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร การกินกระเทียมในตอนการมีท้องออกจะไม่มีอันตรายถ้ารับประทานเป็นอาหารหรือในปริมาณที่สมควร แม้กระนั้นอาจไม่ปลอดภัยหากกินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทา
กระเทียมที่บริเวณผิวหนังในช่วงการมีครรภ์หรือให้นมลูก
เด็ก การรับประทานกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสมแล้วก็ในระยะสั้นๆอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนและก็ระคายเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจจะเป็นผลให้เกิดการระคายเคืองพื้นที่เดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การกินกระเทียมอาจส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์ด้วยเหตุว่าอาจจะส่งผลให้เลือดออกมากรวมทั้งมีผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด และก็คนที่มีภาวะเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติไม่ควรรับประทา
กระเทียม[/url] โดยเฉพาะกระเทียมสด เพราะอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค เป็นต้นว่า ไอโซไนอะสิด เนื่องจากว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายแล้วก็ส่งผลต่อสมรรถนะหลักการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรกิน
กระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคเอชไอวีหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/[/b][/size][/b]